Sunday, July 12, 2015

OUR LAST DAY (Rujipas Boonprakong, A+30)

OUR LAST DAY (รุจิภาส บุญประคอง, 21min, A+30) เป็นหนังที่เราชอบที่สุดของวันนี้ และดูแล้วร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงมากๆ โดนใจเราสุดๆ คือเราว่าหนังเรื่องนี้กำกับออกมาได้ตรงใจเรามากๆ และเนื้อเรื่องก็โดนมากๆด้วย คือเราว่าหนังเข้าทางเราตั้งแต่ฉากแรกแล้วที่เป็น extreme long shot ถ่ายพระเอกกับนางเอกจากระยะไกลเป็นเวลานานระยะหนึ่ง และเหมือนหนังจะให้ความสำคัญกับ “บรรยากาศ” ในฉากนั้นในระดับนึง คือตั้งแต่ฉากแรกเราก็รู้แล้วว่าหนังเรื่องนี้มีแววถูกโฉลกกับเราอย่างรุนแรง

ประเด็นที่โดนใจเราในหนังเรื่องนี้ ก็คือการที่พระเอกยังคงคิดถึงเพื่อนเก่าในสมัยมัธยมอยู่ แม้ว่าเวลาจะผ่านมา 40 ปีแล้ว คือถึงเวลาจะผ่านไปนาน 40 ปีแล้ว “ภาพความทรงจำแห่งความสุขสมัยมัธยม” ก็ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่ คือจุดนี้มันตรงกับเราจริงๆ เพราะเราจบมัธยมมาตั้งแต่ปี 1990 และตอนนี้ผ่านมานาน 25 ปีแล้ว แต่ “ความทรงจำแห่งความสุขสมัยมัธยม” ก็ยังคงตามหลอกหลอนฝังลึกอยู่ในใจเราอยู่เลย เพราะฉะนั้นพอถึงฉากท้ายๆของหนังเรื่องนี้ เราก็เลยร้องไห้อย่างรุนแรงมากๆ

OUR LAST DAY ทำให้เรานึกถึงหนังสองเรื่องที่เราชอบสุดๆในชีวิตด้วย ซึ่งก็คือ INNOCENCE (2000, Paul Cox) กับ DÉJÀ VU (1997, Henry Jaglom) สาเหตุที่เรานึกถึง INNOCENCE เป็นเพราะว่า INNOCENCE พูดถึงชายชราคนนึงที่ได้พบกับคนรักเก่าเมื่อ 50 ปีก่อน และเรื่องของการพลัดพรากจากกันเป็นเวลาอันยาวนานแบบนี้มันเป็นอะไรที่รุนแรงมากๆ และมันสะเทือนใจเราในแบบที่คล้ายๆกับ OUR LAST DAY ส่วน DÉJÀ VU นั้นมันมีส่วนที่สะเทือนใจเราคล้ายๆกับ OUR LAST DAY ในแง่ที่ว่า ในหนังสองเรื่องนี้มันจะมีตัวละครคนชราที่สั่งสอนพระเอกหรือนางเอกว่าอย่าทำผิดแบบเดียวกับตัวเขา คือใน DÉJÀ VU  (ถ้าหากเราจำไม่ผิดนะ) มันจะมีแก๊งคนชราที่เป็นเพื่อนของตัวละครที่แสดงโดย Vanessa Redgrave แล้วตัวละครคนนึงในแก๊งนี้จะเล่าว่า เมื่อ 50 ปีก่อน เธอเคยไปเที่ยวลอนดอน ได้พบกับชายหนุ่มคนนึงโดยบังเอิญ ทั้งสองคนเที่ยวด้วยกันตลอดทั้งวัน เธอตกหลุมรักเขา แต่หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่เคยได้เจอเขาอีก และตอนนี้ผ่านมา 50 ปีแล้ว “แต่ไม่เคยมีวันใดเลยที่เธอไม่ได้นึกถึงผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่เธอเคยเจอเพียงแค่วันเดียวเมื่อ 50 ปีก่อน” และพอนางเอกได้ฟังเรื่องนี้จากตัวละครตัวนั้น มันก็เหมือนกับเป็นการได้รับบทเรียนในทางอ้อมว่า ถ้าหากเราเจอผู้ชายที่ใช่ ก็ให้ปึ้บผู้ชายคนนั้นทันที ไม่งั้นก็อาจจะเป็นแบบตัวละครตัวนี้ ที่เวลาผ่านมานาน 50 ปีแล้ว ก็ยังลืมอดีตที่กัดกร่อนจิตใจไม่ได้เสียที ส่วนใน OUR LAST DAY ก็จะมีอะไรคล้ายๆกัน คือมันจะมีป้าคนนึงที่สอนพระเอกในทำนองที่ว่า “พอผัวของป้าตายไปแล้ว ป้าก็เสียใจที่ตอนที่ผัวยังมีชีวิตอยู่ ป้าไม่ได้ทำดีกับเขาให้มากกว่านี้” ซึ่งพอพระเอกได้ฟังเช่นนี้ พระเอกก็เลยตัดสินใจไปขอโทษนางเอก แล้วหลังจากนั้นพอเวลาผ่านไป 40 ปี พระเอกก็สอนหลานชายในทำนองที่ว่า อย่าโกรธแม่มากนักเลย เราควรทำดีกันไว้ตอนที่ทั้งสองฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ อะไรทำนองนี้


สรุปว่า OUR LAST DAY ติดอันดับประจำปีดิฉันแน่นอนค่ะ

No comments: