Monday, July 20, 2015

FLOWER – STAMP (MUSIC VIDEO) (2014, Sippakorn Autrakul, A)

FLOWER – STAMP (MUSIC VIDEO) (2014, Sippakorn Autrakul, A)

UNDERSTAND (2015, Sippakorn Autrakul, B+)

FLOWER ชอบพอสมควร ดูเพลินดี สิ่งที่ชอบใน MV นี้ก็คือ

1.การตัดต่อตอนช่วงที่เป็นเสียงกิ้งๆๆ แล้วมีการตัดภาพเร็วๆตามจังหวะเพลง เราว่าช่วงนั้นดู work สุดใน MV นี้

2. ชอบการใช้สีเหลื่อมซ้อนกันในช่วงครึ่งแรกของ mv ด้วย เป็นอะไรที่เก๋และออกมาดูดี

3. ชอบที่นางเอกทุบตีป้ายสีเหลือง เราว่ามันฮามาก และเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน และเป็นหนึ่งในไอเดียที่น่าจดจำที่สุดของ mv นี้ คือการทุบตีป้ายนี่ไม่ทำให้ mv ออกมาสวยหรือ “ดูดี” แบบ mv ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์จริงๆนะ แต่มันเป็นอะไรที่ฮา และเหมาะกับการฉายในเทศกาลหนังมาราธอนน่ะ คือความฮาๆเฮี้ยนๆเพี้ยนๆแบบนี้นี่แหละที่จะทำให้ mv นี้มีเอกลักษณ์และมีอะไรน่าจดจำ แต่ถ้าอยากทำ mv แบบมืออาชีพเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์จริงๆ ที่เน้นความสวย ดูดี มีระดับ ไอเดียนี้ก็อาจจะไม่เหมาะจ้ะ

4.ชอบที่นางเอกไม่ยิ้มเลยตั้งแต่ต้นจนจบ 555

แต่เราว่าการถ่ายในหลายๆฉากเหมือนยังไม่สามารถจัดเฟรมภาพหรือเลือกมุมกล้องที่ดีที่สุดออกมาได้นะ คือเราว่าอันที่ลงตัวที่สุดคือฉากที่นางเอกนั่งตรงกลางแบบในรูปนี้นี่แหละ เราว่าการจัดภาพในฉากนี้ work สุดแล้ว แต่ในฉากอื่นๆเรารู้สึกเหมือนกับว่าถ้าหากมีการเปลี่ยนระยะใกล้ไกล หรือเปลี่ยนมุมกล้อง หรืออะไรทำนองนี้ แล้วภาพอาจจะออกมาสวยกว่านี้หรือนางเอกอาจจะออกมาดูดีกว่านี้น่ะ แต่อันนี้ไม่ใช่ข้อเสียสำคัญนะ เพราะผู้ทำ mv นี้ยังเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยม ต้องลองถ่ายไปเรื่อยๆแหละ แล้วก็จะชำนาญ และถ่ายได้สวยขึ้นเรื่อยๆเอง

ส่วน UNDERSTAND นั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เข้าใจว่าเป็นหนังส่งโครงการที่ต้องทำภายใต้ข้อจำกัดมากมาย ทั้งเรื่องความยาวของหนัง และการที่หนังต้องสั่งสอนคนดูเพื่อตอบโจทย์ของโครงการ เราก็เลยไม่ได้รู้สึกแย่กับมันมากนักเมื่อพิจารณาถึงข้อจำกัดดังกล่าว

เราว่า UNDERSTAND ช่วงต้นๆดี โดยเฉพาะ moment ที่ใช้กล้องแทนสายตาของพ่อตอนดึงแขนลูก แต่พอเข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง ที่เป็นฉากในบ้าน ทุกอย่างก็ล่มสลาย 555 เพราะพ่อเล่นโอเวอร์แอคติ้งมาก และอารมณ์ของฉากก็ล้นเกิน เมโลดราม่ามากๆ (เหมือนหนังหลายๆเรื่องในเทศกาลมาราธอน) เนื้อเรื่องก็รวบรัดเกินไป ยังดีที่ text ตอนจบเหมือนกับรู้ข้อเสียของตัวเอง เพราะผู้ชมหลายๆคนก็คงรู้สึกจริงๆว่า ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องฆ่าตัวตายด้วย (ถ้าเป็นเรา เราคงหนีออกจากบ้าน) แต่เราว่าหนังควรจบแค่ประโยคที่ว่า “ในประเทศไทยมีการฆ่าตัวตาย 4,000 คนต่อปี” ก็พอแล้ว ไม่ต้องใส่ประโยคที่เป็นการสั่งสอนคนดูตรงๆเข้ามาอีกหลังจากนั้น

สรุปว่า UNDERSTAND เป็นหนังที่เราว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันก็มีอะไรฮาๆโดยที่หนังไม่ได้ตั้งใจ และเราเข้าใจว่าเป็นหนังตอบโจทย์โครงการ ไม่ใช่หนังที่เกิดจาก “ทัศนคติหรือรสนิยม” ที่แท้จริงของตัวผู้กำกับ เราก็เลยไม่ได้รู้สึกแย่กับมันมากนักจ้ะ



No comments: