Saturday, January 02, 2021

SUCCESSIVE SLIDINGS OF PLEASURE (1974, Alain Robbe-Grillet, France, A+30)

 

SUCCESSIVE SLIDINGS OF PLEASURE (1974, Alain Robbe-Grillet, France, A+30)

 

1.ขอเปิดปีด้วยหนังของ Robbe-Grillet เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตัวเอง ดูแล้วก็รู้สึกโหยหาหนังเซอร์เรียลหรือหนังที่ “ไม่แคร์ความสมจริง” ในยุคนั้นมากๆ เหมือนหนังในยุคนั้นมันดูเป็นอิสระจาก “การเล่าเรื่องอย่างเคร่งครัด” มากกว่าหนังในยุคนี้ยังไงไม่รู้ ทั้งหนังของ Alain Robbe-Grillet, Jacques Rivette, Werner Schroeter, Ulrike Ottinger, Hans-Jürgen Syberberg, Marguerite Duras, Luis Buñuel, Andrea Tonacci, Carmelo Bene, Jane Arden, Czech New Wave, etc.

 

เหมือนเราชอบความเป็นอิสระจากเนื้อเรื่องน่ะ และหนังของ Robbe-Grillet ก็ตอบสนองส่วนนี้กับเราได้อย่างเต็มที่ เพราะถึงแม้หนังของเขาจะเล่าเรื่อง แต่มันไม่แคร์เนื้อเรื่องแบบหนังทั่วไป หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องปริศนาฆาตกรรม ใครฆ่าหญิงสาวชื่อนอร่า แต่ความสนุกสุดขีดของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากการลุ้นระทึกว่าใครคือฆาตกร แต่เกิดจากความเพลิดเพลินในการดู shots ต่างๆ ที่ไม่รู้อีกต่อไปว่าหหมายความว่าอะไร, ดูการตัดต่อที่ไม่มีความต่อเนื่องใดๆทั้งสิ้น (มีฉากที่ไม่เล่าเรื่องแทรกเข้ามาตลอดเวลา), ดู production design, ดู props ต่างๆ หรือสรุปง่ายๆก็คือว่า เรา enjoy สุดๆกับ “ความประสาทแดก” หรือ “ความเสียสติ” ของหนังทำนองนี้ 55555

 

2. ชอบฉากการปรากฏตัวของ Jean-Louis Trintignant ตอนต้นเรื่องอย่างสุดๆ เพราะเขาเล่นเป็นตำรวจที่มาสอบสวนคดีฆาตกรรม เขาเปิดประตูเข้ามาในห้อง หมุนตัวไปมา สำรวจสิ่งต่างๆ ในห้อง แล้วหนังก็มีการตัดต่อแปลกๆ เหมือนเขาเดินเข้าไปอีกห้องนึง แต่แล้วเหมือนอยู่ดีๆเขาก็หมุนตัวไปมา กลับเข้ามาในห้องเดิม ทำสิ่งต่างๆซ้ำเดิมอีกรอบ หมุนตัวไปมา แล้วถึงค่อยเห็นศพอยู่กลางห้อง

 

คือมันเหี้ยมาก มึงคิดมุกแบบนี้ออกมาได้ยังไง 55555 คือถ้าหากเป็นในหนังปกติ ตำรวจเปิดประตูเข้ามา ก็ต้องเห็นศพกลางห้องเลย แต่ในหนังเรื่องนี้ เหมือนตำรวจต้องหมุนตัวไปมารอบๆห้องนั้น 3 รอบแล้วถึงค่อยเห็นศพ อะไรทำนองนี้ เรายกให้ฉากนี้เป็นฉากคลาสสิกไปเลย  ชอบความที่ว่ากูจะทำหนังปริศนาฆาตกรรมแบบนี้นี่แหละ ไม่ต้องแคร์ความสมจริงอะไรอีกแล้ว แต่กูจะเล่นสนุกกับการตัดต่อและไอเดียเหี้ยๆต่างๆอย่างเต็มที่

 

ดูแล้วนึกถึงฉาก “ตัวละครเดินจากชั้น 1 ขึ้นชั้น 2 แต่อยู่ดีๆก็โผล่มาชั้น 1 ใหม่” ในตอนต้นของหนังเรื่อง THE EXTERMINATING ANGEL (1962, Luis Buñuel) ด้วย เหมือนหนังเซอร์เรียลที่ดีส่วนใหญ่มักจะบอกคนดูตอนต้นเรื่องแบบนี้นี่แหละ ว่าโลกในหนังของกูไม่ได้ตั้งอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอีกต่อไป 55555

 

3.แต่สิ่งต่างๆที่เราชอบในหนังเรื่องนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็คือสิ่งเดียวกับที่เราชอบใน EDEN AND AFTER (1970, Alain Robbe-Grillet) นะ อย่างเช่น

 

3.1 การตัดต่อที่รุนแรงมากๆในบางฉาก

 

3.2 ฉากพิสดารต่างๆ

 

3.3 การแยกไม่ออกอีกต่อไปว่า อะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง, อะไรคือเรื่องโกหกของตัวละคร และอะไรคือจินตนาการของตัวละคร

 

3.4 การใส่ฉากที่ “ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร” แทรกเข้ามาตลอดเวลา อย่างในหนังเรื่องนี้ก็จะเป็นฉากขวดแตก, เตียงตั้งอยู่กลางทะเล, ไข่ขาวไข่แดง, etc.

 

3.5 การสร้างฉากที่ทำให้นึกถึงภาพวาดของศิลปินต่างๆ

 

4.เราก็เลยชอบ EDEN AND AFTER มากกว่าหนังเรื่องนี้ เพราะเรารู้สึกว่า EDEN AND AFTER รุนแรงบ้าคลั่งสุดขีดกว่านี้มาก แต่ก็เข้าใจได้ว่า SUCCESSIVE SLIDINGS OF PLEASURE มันเป็นหนังทุนต่ำมาก เน้นความ minimalist อย่างสุดขีด ประหยัดงบสุดขีด มันก็เลยไม่บ้าคลั่งเท่า EDEN AND AFTER

 

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้มี แต่ EDEN AND AFTER ไม่มี ก็คือหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากเปลือยของผู้หญิง แต่เนื่องจากเราไม่ได้เพลิดเพลินอะไรกับการดูหญิงสาวสวยเปลือยกาย เพราะฉะนั้น “จุดเด่น” ของหนังเรื่องนี้ก็เลยไม่มีความหมายอะไรสำหรับเรา 55555

 

5.เหมือนพอหนังมันเต็มไปด้วยฉากแฟนตาซีรุนแรงหลายๆฉากต่อๆกันไปเรื่อยๆ เราก็เลยจะปะติดปะต่อเนื้อเรื่องไม่ได้มากนัก พอเราดูจบแล้ว เราก็เลยมานั่งดู extra ใน DVD ที่เป็น “การให้สัมภาษณ์ของผู้กำกับ” เราก็เลยถึงค่อยเข้าใจได้ว่า เนื้อเรื่องคร่าวๆมันเป็นว่า “นางเอกตกเป็นผู้ต้องหาว่าฆาตกรรมเพื่อนร่วมห้องชื่อนอร่า นางเอกก็เลยแก้ผ้า แล้วแต่งเรื่องหลอกคนต่างๆไปเรื่อยๆ ทั้งแต่งเรื่องหลอกตำรวจ, หลอกผู้พิพากษา, หลอกพระ, หลอกแม่ชี, หลอกทนายความ โดยที่เรื่องที่เธอแต่งขึ้นมาแต่ละเรื่องมันเป็นการตอบสนองแฟนตาซีทางเพศของแต่ละคน ทุกๆคนเลยถูกเธอปั่นหัวด้วยแฟนตาซีทางเพศอย่างรุนแรง” อะไรทำนองนี้

 

ชอบมากๆที่แทนที่ Robbe-Grillet จะทำหนังออกมาแบบ THE USUAL SUSPECTS (1995, Bryan Singer) ที่เล่าเรื่องแบบเป็น “รูปธรรม” อย่างเต็มที่ Robbe-Grillet กลับเน้นไปที่ “ความฟุ้งฝันรัญจวน” ของแฟนตาซีทางเพศ และล่องลอยพุ่งทะยานไปในแฟนตาซีนั้น จนคนดูแยกไม่ออกอีกต่อไปว่าฉากไหนคืออะไรยังไง

 

6.ตอนนี้เราได้ดูหนังที่ Robbe-Grillet กำกับไปแค่ 5 เรื่อง เรียงตามลำดับความชอบได้ดังนี้

 

6.1 EDEN AND AFTER

6.2 TRANS-EUROPE-EXPRESS (1966)

6.3 SUCCESSIVE SLIDINGS OF PLEASURE

6.4 LA BELLE CAPTIVE (1983) ถ้าจำไม่ผิด มุกที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ คือการที่ตำรวจเจอเงื่อนงำคดีฆาตกรรมเป็น “รองเท้าสตรีข้างนึง” ตำรวจก็เลยพยายามพลิกแผ่นดินตามหา “รองเท้าอีกข้าง” เผื่อจะได้คลี่คลายปริศนาได้ แล้วตำรวจก็เจอรองเท้าอีกข้าง แต่หลังจากนั้นตำรวจก็เจอ “รองเท้าข้างที่สาม” !?!?!?! สรุปว่าอีรองเท้า 3 ข้างนี้ไม่ช่วยคลี่คลายปริศนาฆาตกรรมอะไรแต่อย่างใด และไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันมา 3 ข้างได้ยังไง 55555

6.5 GRADIVA (2006) ถึงเราจะชอบน้อยสุดในบรรดาหนังของ Robbe-Grillet แต่ก็ถือว่าชอบหนังมากๆอยู่ดี รู้สึกว่าโครงสร้างการเล่าเรื่องของมันซับซ้อนสุดๆ จนเราไม่รู้อีกต่อไปว่า ตัวละครตัวไหนเป็นคนเล่าเรื่อง และตัวละครตัวไหนอยู่ในเรื่องที่ถูกเล่า เหมือนมันซ้อนเหลื่อมกันไปมาอย่างรุนแรงหนักมาก

 

เราเคยดู N TOOK THE DICE (1971, Alain Robbe-Grillet) ด้วย ที่เป็นการเอา EDEN AND AFTER มาตัดต่อใหม่ เรียงสลับฉากต่างๆใหม่หมด แต่เราดู N TOOK THE DICE แบบไม่มีซับอังกฤษ เราก็เลยไม่เข้าใจ แล้วก็เลยไม่นับว่าได้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆแล้ว

No comments: