Sunday, October 08, 2023

RIP TERENCE DAVIES (1945-2023)

 

RIP TERENCE DAVIES (1945-2023)

 

เราเคยดูหนังของเขาแค่ 2 เรื่อง ซึ่งก็คือ THE LONG DAY CLOSES (1992, 85min) กับ THE NEON BIBLE (1995) และก็ชอบสุด ๆ ทั้งสองเรื่อง โดย THE NEON BIBLE นั้นเราดูในรูปแบบของวิดีโอลิขสิทธิ์ในไทย ส่วน THE LONG DAY CLOSES นั้น เราเคยดูเพราะพี่เจ้ย Apichatpong Weerasethakul เคยเอามาฉายเมื่อราว 20 กว่าปีก่อน (จำได้ว่าคุณกัลปพฤกษ์และคุณมโนธรรมก็ไปดูหนังในงานนั้นด้วย)

 

THE LONG DAY CLOSES นั้นถือได้ว่าเป็น one of my most favorite films of all time เลย เพราะตัวหนังนั้นมันสร้างความรู้สึกงดงามอย่างสุดขีดมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และก็เป็นหนังที่เราหวนนึกถึงตลอดช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาด้วย เพราะมันกลายเป็น benchmark ของเราเวลาดูหนังไทย โดยเฉพาะหนังสั้นไทย คือเวลาเราดูหนังสั้นไทยหลาย ๆ เรื่องที่พูดถึง “ครอบครัวของตัวผู้กำกับเอง” หรือ “ความทรงจำของตัวผู้กำกับเองที่มีต่ออดีตในวัยเด็ก” เราก็อดไม่ได้ที่จะนำมันไปเปรียบเทียบกับ THE LONG DAY CLOSES เพราะ THE LONG DAY CLOSES นั้นมันเหมือนกับเป็นหนังอัตชีวประวัติของผู้กำกับเองน่ะ เหมือนผู้กำกับทำหนังเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองและความทรงจำในวัยเด็กของตัวเอง แต่แทนที่จะทำมันออกมาเป็นสารคดี หรือทำมันออกมาเป็นหนัง narrative ที่มีเส้นเรื่องชัดเจน ผู้กำกับกลับถ่ายทอดมันออกมาเป็นห้วง ๆ และเรียงร้อยมันเข้าด้วยกันในแบบบทกวี และสร้างความรู้สึกที่เจิดจรัสพิลาสพิไลอย่างสุดขีดที่สุดออกมาจากหนังได้

 

เพราะฉะนั้น THE LONG DAY CLOSES ก็เลยเหมือนครองตำแหน่ง หนึ่งในหนังแนว autobiography ที่เราชอบที่สุดตลอดกาลน่ะ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วผู้กำกับต่างชาติคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำหนังแนว autobiography ออกมามากนัก แต่ผู้กำกับหนังสั้นไทยถนัดทำหนังแนว autobiography ออกมาเยอะมาก ๆ และก็ทำออกมาดีมาก ๆ หลาย ๆ เรื่องด้วย อย่างล่าสุดก็ดูได้จากงานฉายหนังสั้นชุด WILDTYPE: PRISM OF MEMORIES ที่เพิ่งฉายไปเมื่อวันเสาร์ที่ 30 ก.ย.

 

เพราะฉะนั้นพอเราได้ดูหนังสั้นไทยแนว autobiography ปีละอย่างน้อย 10 เรื่องนี่ หนังเหล่านี้ก็เลยเหมือนทำให้เราระลึกถึง THE LONG DAY CLOSES ไปด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะ THE LONG DAY CLOSES มันกลายเป็น benchmark ของเราสำหรับหนังกลุ่มนี้ไปแล้ว

 

ถ้าหากเราต้องฉายหนังไทยเรื่องไหนควบกับ THE LONG DAY CLOSES เราก็อาจจะฉาย

 

1.กิ่งอ่อนที่บ้านเก่า LITTLE PLANT AT THE OLD HOUSE (2007, Sasikan Suvanasuthi)

 

2.SCAR (2010, Authawut Boonyuang)

 

3.PASSING THROUGH THE NIGHT (2011, Wattanapume Laisuwanchai)

 

4.HOME USER เจ้าแม่กวนอิม, เราจะไม่ทานเนื้อ (2015, Wanrudee Pungkuamchob)

 

5.HEAVEN NO. 1504 AND SEDIMENTATION OF THE RENEWAL (2018, Sippakorn Aotrakul)

 

6.US, BEING AND TIME คะนึงถึงทุกครา (2022, Thanapat Ngamngernwan)

No comments: