Monday, July 22, 2013

GAP (2012, Misak Chinphong, A+30)



ช่องว่าง (มีศักดิ์ จีนพงษ์, 13.19min, A+30)


 

สิ่งที่นึกถึงหลังจากดู “ช่องว่าง”

 

1.หนังเรื่องนี้เปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อ “คนที่ปกปิดความจริงเรื่องที่ว่าตัวเองเป็นเอดส์ไม่ให้คนรักรู้” คือก่อนที่เราจะได้ดูหนังเรื่องนี้ เรามักจะมองคนกลุ่มนี้ในทางลบโดยทันทีน่ะ เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แย่มากๆถ้าหากใครสักคนจะปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้คนรักรู้ แต่พอเราได้ดู “ช่องว่าง” เราก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคนกลุ่มนี้ เรามองคนกลุ่มนี้ด้วยความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และไม่ได้มองคนกลุ่มนี้ในทางลบโดยอัตโนมัติเหมือนแต่ก่อน เรายังคงhคิดว่าสิ่งที่ถูกต้องคือการบอกความจริงให้คนรักรู้ตั้งแต่แรก แต่ถ้าหากใครจะไม่ทำแบบนั้น เราก็มองเขาด้วยความเห็นใจมากยิ่งขึ้น

 

2.เราชอบหนังที่นำเสนอ dilemma ที่ตัดสินใจได้ยาก และ “ช่องว่าง” ก็เป็นหนึ่งในหนังกลุ่มนี้ dilemma ของตัวละครตอนท้ายเรื่องเป็นสิ่งที่ตัดสินใจได้ยากจริงๆ ถ้าหากเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราก็คงตัดสินใจได้ในทันทีว่าเราคงบอกแฟนเราไปเลย แต่หนังเรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเพราะเหตุใดพระเอกถึงตัดสินใจไม่ได้ง่ายๆในเรื่องนี้

 

3.หนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงถึง “ราตรีสวัสดิ์” (2012, โสรยา นาคะสุวรรณ, A+30) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เป็นชายผู้ใช้แรงงานเหมือนกัน และก็ทำออกมาได้ดีมากๆทั้งสองเรื่อง แต่ใน “ราตรีสวัสดิ์” เรื่องจะเล่าจากมุมมองของฝ่ายหญิง ในขณะที่ “ช่องว่าง” เล่าจากมุมมองของฝ่ายชาย

 

4.ชอบการเล่าฉาก love scene ให้ย่าจินตนาการตามมากๆ ชอบที่หนังนำเสนอภาพสตรีวัยชราในแบบที่ไม่ได้ถูกแยกขาดจากเรื่องเพศ

 

5.ชอบฉาก love scene ในเรื่องมากๆด้วยเช่นกัน มันดูน่ารักและ educational ดี (สอนเรื่องการใช้ถุงยาง)

 

6.ชอบความเป็นหนังซ้อนหนังในหนังเรื่องนี้ เราว่าบทบาทของ “หนังสมมุติ” ที่ตัวละครดูกันในหนังเรื่องนี้มันน่าสนใจมากๆ เพราะ “หนังสมมุติ” ในหนังเรื่องนี้มันเหมือนจะตั้งคำถามกับเราว่า จริงๆแล้วหนังเรื่อง “ช่องว่าง” มันสามารถทำหน้าที่แบบหนังสมมุติในหนังเรื่องนี้ได้ไหม ถ้าหากมีผู้ป่วยคนใดจะสารภาพกับคนรัก เขาสามารถส่งลิงค์หนังเรื่อง “ช่องว่าง” ในยูทูบไปให้คนรักดูเพื่อหยั่งท่าทีก่อนได้ไหม

 

7.หนังเหมือนเป็นภาคต่อของ “คนที่เข้าใจ” (2012, Misak Chinphong, A+10)


 

ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด พระเอกของ “ช่องว่าง” เป็นเอดส์ตั้งแต่เกิด ดังนั้นตัวละครเด็กใน “คนที่เข้าใจ” ก็อาจจะเติบโตมามีชีวิตใกล้เคียงกับพระเอกเรื่อง “ช่องว่าง” ได้เช่นกัน



No comments: