Sunday, April 28, 2024

LOVE YOU TO DEBT

 

LOVE YOU TO DEBT เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ...รักแลกเงิน (2024, Waasuthep Ketpetch, A+30)

 

SPOILERS ALERT for LOVE YOU TO DEBT, FALLEN LEAVES, TURKISH DELIGHT

--

--

--

--

--

1.ดาราคนไหนแสดงเป็นแม็กซ์ค่ะ หล่อ ชอบ 55555

 

2.ความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้จะคล้าย ๆ กับ GO AWAY MR. TUMOR ไสหัวไปนายส่วนเกิน (2021, Somkiat Vituranich) ที่เป็นหนังรีเมคเหมือนกัน คือเราจะรู้สึกราวกับว่าหนังสองเรื่องนี้มันเป็นการต่อสู้กันระหว่าง “ผู้กำกับ กับ พล็อตเรื่องเดิม” 555555 คือเราชอบการกำกับของหนังสองเรื่องนี้ แต่พล็อตเรื่องเดิมของหนัง 2 เรื่องนี้เป็นอะไรที่ไม่เข้าทางเราเลย เพราะฉะนั้นความรู้สึกของเราที่มีต่อหนัง 2 เรื่องนี้ก็เลยเป็นการปะทะกันระหว่าง “เราชอบการกำกับ” กับ “เราเกลียดพล็อตเรื่องเดิม” หรือถ้าเปรียบเป็นอาหาร มันก็เหมือนกับว่า เราต้องกินอาหารที่เราเกลียด สมมุติว่า เป็น “ยำปลาตีน” แต่ตัวพ่อครัวทำอาหารออกมาโอเค เอร็ดอร่อยเข้าปากเรา เราก็เลยกินยำปลาตีนนี้ได้อย่างเอร็ดอร่อยประมาณนึง ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วเราจะเกลียดยำปลาตีนมาก ๆ ก็ตาม

 

3.ชอบช่วงกลางของหนังอย่างรุนแรงเหมือนกับเพื่อน ๆ บางคน คือส่วนที่เราอินที่สุดจะเริ่มจากฉากที่นางเอกเป็นฝ่ายที่ตัดสินใจเอากับพระเอก คือจุดนี้กูอินทันทีค่ะ 5555 และก็อินมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในฉากที่นางเอกบอกว่า “ไม่อยากทำอะไรเกินตัว” ไม่อยากกู้หนี้มากเกินไป ซึ่งก็เป็นจุดที่ตรงกับชีวิตของเราเหมือนกัน แต่พอพระเอกเริ่มกลับมาโง่อีกครั้งตามขนบของหนังทั่ว ๆ ไป เราก็กลับมาไม่อินตามเดิม

 

4.ช่วงท้ายของหนังนี่เราหัวเราะจนหยุดไม่ได้อยู่ในใจ คือขำน้ำหูน้ำตาไหล กับ “ขอบตาดำของพระเอก” นึกว่าเป็น parody โดยไม่ได้ตั้งใจของหนังกลุ่ม tearjerkers อะไรทำนองนี้ รู้สึกว่าเนื้อหาช่วงท้ายของหนังนี่มันฝืนมาก ๆ  คือถ้าหากนี่เป็นหนัง original ไม่ใช่หนังรีเมค เราก็อาจจะชอบหนังเรื่องนี้ในระดับแค่ A+ จนถึง A+15 นะ แต่พอมันเป็นหนังรีเมคที่คงต้องทำภายใต้โจทย์อะไรบางอย่าง หรือคงต้องทำภายใต้โจทย์ของนายทุน เราก็เลยไม่ได้รู้สึกหัวเสียกับช่วงท้ายของหนังมากนัก

 

5.สิ่งที่ทำให้รู้สึกโอเคมาก ๆ คือการกำกับ โดยเฉพาะช่วงท้ายนี่เราจะรู้สึกได้ชัดเลยว่า วิธีการกำกับ, วิธีการคิดซีน, วิธีการถ่ายทอดอารมณ์, วิธีการเล่นกับจังหวะอารมณ์, etc. มันช่วยพยุงอารมณ์ของเราไม่ให้เกลียดหนังได้ดีมาก ๆ คือเราเกลียดพล็อตเรื่องช่วงท้ายมาก ๆ แต่เราชอบวิธีการกำกับ+คิดซีน ในฉากพระเอกตาย รู้สึกว่าอารมณ์ในฉากนั้นทำออกมาได้โอเคมาก ๆ ๆ ๆ และวิธีการกำกับ+คิดซีน ในฉากนางเอกทำใจฮึดสู้ขณะเปิดร้านอาหารตอนท้าย ที่กล้องจับหน้านางเอกเป็นเวลานานระยะนึง อะไรแบบนี้ ก็โอเคมากๆ สำหรับเรา คือเหมือนการกำกับมันโอเค, การคุมจังหวะอารมณ์อะไรในฉากพวกนี้มันโอเคมาก ๆ ในขณะที่พล็อตเรื่องมันไม่โอเคมาก ๆ เราก็เลยรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการต่อสู้กันระหว่างผู้กำกับกับพล็อตเรื่อง ซึ่งถ้าหากผู้กำกับไม่แม่นเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์, การคุมจังหวะอารมณ์อะไรแบบนี้ เราก็อาจจะเกลียดหนังได้ง่าย ๆ ไปเลย

 

6.อีกจุดในหนังที่ชอบประมาณนึง ก็คือการใช้ประโยชน์จากตัวประกอบของหนัง “กลุ่มลูกหนี้ของพระเอก” คือเราชอบที่หนังสร้างตัวประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็ไม่ลืมพวกเขา ใช้ประโยชน์จากพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องน่ะ คือกลุ่มลูกหนี้นี่ตอนแรกคือโผล่มาเป็นลูกหนี้ที่ยอมจ่ายหนี้ให้พระเอก แล้วก็โผล่มารอบสองตอนที่พระเอกไปช่วยพวกเขาหาเงินมาใช้หนี้ แล้วก็โผล่มารอบสามตอนที่พวกเขาไปช่วยพระเอกในบ่อนพนัน แล้วก็โผล่มารอบสี่ตอนที่พวกเขาไปช่วยพระเอกเปิดร้านอาหาร เราก็เลยชอบที่หนังเหมือนสร้างตัวประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นมาแล้วก็ไม่ลืมพวกเขา

 

7.นางเอกเล่นดีมากจริง ๆ

 

8.ชอบการนำเสนอพัทยาในแบบที่ดูสมจริงกว่าหนังไทยบางเรื่องด้วย 5555 อย่างเช่น PATTAYA HEAT (2024, Shupeng Yang) และ GAME CHANGER (2021, Tiwa Moeithaisong)

 

9.หนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึง FALLEN LEAVES (2023, Aki Kaurismaki, Finland) อย่างรุนแรงด้วย ในแง่ที่ว่า

 

9.1 จุดที่เราชอบอย่างรุนแรงในหนังสองเรื่องนี้เหมือนกัน นั่นก็คือการนำเสนอตัวละครนางเอกที่ยากจน มีปัญหาทางการเงิน ต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบากในโลกทุนนิยมอันโหดร้าย

 

9.2 พล็อตในส่วนของพระเอกก็ทำให้เรานึกถึง FALLEN LEAVES เหมือนกัน คือพระเอกก็จน และมีความนิสัยไม่ดีอะไรบางอย่าง แต่พอเขารักนางเอก เขาก็พยายามจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แต่เขาก็โชคร้ายในช่วงท้าย ๆ เรื่อง ทำให้ต้องพลัดพรากจากนางเอกเป็นเวลานานเหมือนกัน

 

9.3 จริงๆ  เราว่า FALLEN LEAVES ก็เล่นงานตัวละครพระเอกหนักมือเกินไปเหมือนกับ LOVE YOU TO DEBT นะ อะไรคือการที่พระเอกของ FALLEN LEAVES โดนรถชนได้อย่างโง่ๆ  อะไรขนาดนั้น 5555 แต่พอการกำกับมัน minimal สุดขีด มันก็เลยช่วย balance กับพล็อตเรื่องที่โอเวอร์เกินไปได้บ้าง

 

9.4 แต่ตอนจบของหนังสองเรื่องนี้นี่ FALLEN LEAVES ชนะขาดลอยไปเลย คือตอนจบของ LOVE YOU TO DEBT นี่เรารู้สึกว่ามันคือความพยายามจะทำซึ้งเกินไป (ตามโจทย์ดั้งเดิมของหนัง ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด) เราก็เลยไม่ซึ้ง แต่ตอนจบของ FALLEN LEAVES นี่ พอนางเอกบอกว่าหมาของเธอชื่อ “แชปลิน” เราก็ร้องไห้เลย เพราะมันทำให้นึกถึงหนังของ Charlie Chaplin หลาย ๆ เรื่องที่พูดถึง “คนจน” เหมือน ๆ กัน และมันก็เลยเหมือนกับว่า FALLEN LEAVES มันไม่ได้พูดถึงความทุกข์ยากและความรักของคนจนเพียงคู่เดียว แต่ราวกับว่ามันบันทึกความทุกข์ยากและความรักของคนจนตลอดทั้งช่วง 100 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ยุคของหนัง Charlie Chaplin เอาไว้ด้วย เราก็เลยร้องห่มร้องไห้และซึ้งกับตอนจบของ FALLEN LEAVES มาก ๆ

 

9.5 แต่จริง ๆ แล้วตอนจบของ LOVE YOU TO DEBT ทำให้เรานึกถึง DRIFTING CLOUDS (1996, Aki Kaurismaki, Finland) โดยไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าต้องทำหนัง found footage ที่ตัดต่อตอนจบของหนังสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน

 

10.ดู LOVE YOU TO DEBT แล้วทำให้นึกถึงปัญหาที่เรามีกับ TURKISH DELIGHT (1973, Paul Verhoeven, Netherlands) ด้วย คือเราไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับการสร้างหนังเรื่อง TURKISH DELIGHT นะ แต่ตอนที่เราดูหนังเรื่อง TURKISH DELIGHT นี่ เราแอบตั้งข้อสันนิษฐานว่า Paul Verhoeven อาจจะไม่ได้เป็นคนคิดพล็อตเรื่องเอง แต่เขาอาจจะโดน “นายทุน” ผู้ให้ตังค์สร้างหนัง สั่งมาว่า “มึงต้องทำหนังแนว LOVE STORY (1970, Arthur Hiller) นะ มึงต้องทำหนังที่นางเอกป่วยใกล้ตาย tearjerking ผู้ชมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” อะไรแบบนี้ 55556

 

เพราะฉะนั้น TURKISH DELIGHT ก็เลยเหมือนเป็นการต่อสู้กันระหว่าง “ผู้กำกับเก่ง ๆ กับพล็อตเรื่องที่เราไม่ชอบ” เหมือน ๆ กับ LOVE YOU TO DEBT และมันก็คล้ายกันในแง่ที่ว่า เรารู้สึกราวกับว่านายทุนของหนังสองเรื่องนี้ตั้งโจทย์ว่า “ตัวละครพระเอกนางเอกต้องถูกสร้างขึ้นเพื่อเรียกน้ำตาผู้ชม หรือเพื่อ effect อะไรบางอย่างต่อผู้ชม” แต่ตัวผู้กำกับทั้งใน TURKISH DELIGHT และ LOVE YOU TO DEBT พยายามมอบ “ความเป็นมนุษย์” หรือความเป็นธรรมชาติอะไรบางอย่างเข้าไปในตัวละครพระเอกนางเอกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภายใต้โจทย์ของนายทุนนี้ มันก็เลยช่วยหนังสองเรื่องนี้เอาไว้ได้มาก ๆ

No comments: