Films seen in the 14th week of the year
2024
1-7 April 2024
In roughly preferential order
1.WEEKEND (2011, Andrew Haigh, UK, queer film, A+30)
2.LEAN ON PETE (2017, Andrew Haigh, UK, A+30)
3.HOW TO MAKE MILLIONS BEFORE GRANDMA DIES หลานม่า
(2024, Pat Boonnititpat, A+30)
4.(500) DAYS OF SUMMER (2009, Marc Webb, A+30)
5.LOVE LIES BLEEDING (2024, Rose Glass, lesbian, A+30)
6.EXHUMA (2024, Jong Jae-hyun, South Korea, A+30)
7.THE FIRST OMEN (2024, Arkasha Stevenson, A+30)
8.UPON THE MAGIC ROADS (2021, Oleg Pogodin, Russia, A+30)
จริง ๆ แล้วหนังไม่ได้ดีอะไรมาก แต่เราชอบเป็นการส่วนตัวอย่างรุนแรง
เพราะดูแล้วนึกถึงหนังเทพนิยายที่เราเคยดูตอนเด็ก ๆ พวก JASON AND THE
ARGONAUTS (1963, Don Chaffey), ROCK’N ROLL WOLF (1976, Elisabeta Bostan,
Romania) อะไรพวกนี้ เหมือนหนังของรัสเซียเรื่องนี้มันมีความบริสุทธิ์แบบหนังเทพนิยายยุคเก่าน่ะ
ซึ่งจะแตกต่างจากหนังเทพนิยายนับตั้งแต่ SHREK (2001, Andrew Adamson,
Vicky Jenson, animation) เป็นต้นมา คือเรารู้สึกว่าหนังเทพนิยายนับตั้งแต่
SHREK เป็นต้นมามันเหมือนมีความ postmodern หรือความอะไรบางอย่างที่มันแสดงถึงความเป็นโลกยุคปัจจุบัน
ความรู้เท่าทันเทพนิยายอะไรทำนองนี้ ซึ่งมันจะแตกต่างจากหนังเทพนิยายยุคเมื่อ 50
ปีก่อนที่มันจะไม่มีความ postmodern แบบนี้
ไม่รู้เหมือนกันว่าเราใช้ศัพท์ถูกหรือเปล่านะ 55555
เราก็เลยชอบ UPON THE MAGIC ROADS มาก ๆ เพราะมันให้รสชาติที่เหมือนหนังเทพนิยายยุคเมื่อ 50 ปีก่อนมาก ๆ
ซึ่งมันกลายเป็นของที่หายากไปแล้วในยุคปัจจุบัน
9.CREW (2024, Rajesh A Krishnan, India,
A+30)
10.MOTHERS’ INSTINCT สันดานแม่
(2024, Benoît Delhomme, A+30)
11.GODZILLA X KONG: THE NEW EMPIRE
(2024, Adam Wingard, A+30)
เป็นการดูหนังภาค 5 โดยที่เราไม่ได้ดูภาค 2, 3,
4 มาก่อน เพราะเราเคยดูแต่ GODZILLA (2014, Gareth Edwards) แต่เราไม่ได้ดู
KONG: SKULL ISLAND (2017, Jordan Vogt-Roberts), GODZILLA: KING OF THE
MONSTERS (2019, Michael Dougherty) และ GODZILLA VS. KONG
(2021, Adam Wingard)
12.IMMACULATE (2024, Michael Mohan,
Italy/USA, A+30)
13.RYUICHI SAKAMOTO: OPUS (2023, Neo
Sora, Japan, documentary, A+25)
14.KUNG FU PANDA 4 (2024, Mike
Mitchell, animation, A+)
15.RAIDERS OF THE LOST LIBRARY (2022, Gleb
Orlov, Russia, A+)
สรุปว่าใน 14
สัปดาห์แรกของปี 2024 เราดูหนังไปแล้ว 237
+ 15 = 252 เรื่อง
CIVIL WAR (2024, Alex Garland, A+30)
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
1.ชอบที่หนังเรื่องนี้เหมือนเข้าใจความหวาดกลัวบางอย่างในใจเรา
เพราะเราเป็นคนที่กล้วสงครามกลางเมืองมาก ๆ กลัวตั้งแต่ 6 ต.ค. 2519, สงครามกัมพูชา,
สงครามบอสเนีย, สงครามรวันดา, กลัวการเหยียดผิว Neo Nazi, etc. กลัวว่าเราจะเจอเหตุการณ์อะไรแบบในประเทศเหล่านั้น กลัวว่าคนที่เรารู้จักจะจับเราไปทรมานแล้วก็ฆ่าเราตาย เพราะฉะนั้นเราก็เลยชอบมากที่หนังเรื่องนี้เหมือนเอาความกลัวในใจเรามาขยายออกมาเป็นด่านผจญภัยต่างๆ ให้เราได้ผจญภัยไปอย่างสนุกสนานตื่นเต้น
และตั้งคำถามกับตัวเราเองตลอดเวลาว่าเราจะทำอย่างไรเมื่อเจอด่านเหล่านั้น คือเหมือนเรากลัวสงครามกลางเมืองมากกว่าเรากลัวซอมบี้และกลัวมนุษย์ต่างดาวน่ะ
เรากลัวว่าคนที่เรารู้จักจะกลายเป็นกลุ่มฆาตกรที่จับเราไปฆ่าในอนาคต หนังเรื่องนี้ก็เลยทำให้เราอินอย่างสุดขีด
เพราะมันตรงกับความกลัวในใจเรา และเหมือนให้เราได้ทดลองซ้อมรับมือกับความกลัวเหล่านี้
ก่อนที่เราจะเจอสถานการณ์จริงในอนาคต
2.และเราก็ชอบสุด ๆ
ที่หนังเรื่องนี้มอบทั้งความเครียด, ความหวาดกลัว, ความสงสัยในตัวเราเอง (ว่าเราจะทำอย่างไรในแต่ละสถานการณ์)
และก็ “ความตลก” ที่แทรกมาในหนังตลอดเวลาด้วย ชอบมุกที่ “ดอลลาร์แคนาดา” กลายเป็นอะไรที่ทรงคุณค่ากว่า
“ดอลลาร์สหรัฐ” มาก ๆ นึกภาพว่ามีหนังไทยเกี่ยวกับโลกอนาคตที่พ่อค้าไม่ยอมรับ “เงิน
300 บาท” เพราะว่ามันไร้ค่ามาก แต่พอบอกว่าเป็น “เงิน 300 กีบ” แล้วพ่อค้าก็ตาลุกวาวในทันที
555
3.ชอบฉากที่แซมมี่บอกให้ลีค่อย ๆ หันไปมองหลังคาตึกโดยไม่กระโตกกระตากมาก
ๆ เราเห็นด้วยกับเพื่อนคนนึงมาก ๆ ที่บอกว่าฉากนี้มันเปลี่ยนอารมณ์จาก “โล่งใจ”
เป็น “สะพรึง” ได้โดยใช้วิธีการแบบ “น้อยแต่มาก” จริง ๆ
4.แต่โดยส่วนตัวแล้วเราชอบช่วงแรก ๆ
ของหนังจนถึงฉากของ Jesse Plemons นะ แต่หลังจากฉากนั้นความชอบของเราจะ
drop ลงนิดนึง เพราะเราไม่ใช่คนที่ชอบฉากแอคชั่นยิงระเบิดตูมตามอะไรอยู่แล้ว
เราชอบการ deal กับ “มนุษย์แต่ละคนที่ไม่อาจไว้ใจได้”
ในฉากก่อน ๆ หน้านั้นมากกว่า
5.แต่ก็ชอบความตลกร้ายของฉากจบนะ
คือเหตุการณ์ในฉากจบมันทำให้นึกถึงการสังหารผู้นำโรมาเนีย, อิรัก, ลิเบีย, etc.
อย่างที่ตัวละครพูดใบ้ไว้แล้วก่อนหน้านั้นน่ะ เพราะฉะนั้นพอสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผู้นำ
fascist ในประเทศที่เคยเป็นศัตรูคู่อริของสหรัฐ
มาเกิดขึ้นกับผู้นำสหรัฐเอง มันก็เลยฮามาก ๆ สำหรับเรา แต่เป็นการฮาแบบตลกร้าย
Films seen in the 15th week of the year
2024
8-14 April 2024
In roughly preferential order
FILMS SEEN FOR THE FIRST TIME
In roughly preferential order
1.THE CHALLAT OF TUNIS (2014, Kaouther
Ben Hania, Tunisia, 90min, A+30)
2.CIVIL WAR
(2024, Alex Garland, A+30)
3.MORRISON (2023, Phuttiphong
Aroonpheng, A+30)
4.MAY THE LAND BEAR WITNESS ธรณีนี่นี้เป็นพยาน (2024, Vacharanont Sinvaravatn, video
installation, 10+23 mins, A+30)
5.MEKHONG MON AMOUR ลำนำ,
แม่โขงที่รัก (2023, Chitpon Paengwiengjan, 13min, A+30)
ชอบอย่างสุดขีดมาก ๆ
ชอบที่หนังนำเสนอเรื่องราวของฐานทัพอเมริกันในประเทศไทย, เมียเช่า และปัญหาคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น
โดยผ่านทางเสียง voiceover ที่เหมือนเล่าเรื่องจริงของครอบครัวตัวเองได้อย่างน่าสนใจ
ก่อนที่หนังจะเฉลยในภายหลังว่า....
6.THE COLOR PURPLE (2023, Blitz Bazawule,
musical film, lesbian, A+30)
เรายังไม่เคยดูเวอร์ชั่นของ Steven
Spielberg นะ
7.APRIL COME SHE WILL (2024, Tomokazu Yamada,
Japan, A+30)
ชอบความซับซ้อนทางใจของตัวละครนำทั้ง 3 คนมาก ๆ
เหมือนตัวละครนำทั้ง 3 ต่างก็มีปมบางอย่างอยู่ในใจ
นึกว่าต้องฉายควบกับ 45 YEARS (2015,
Andrew Haigh) และ THE PAIR OF CANARIES (2023, Huynh Cong-Nho, Vietnam, short film,
A+30) เพราะหนังทั้ง 3 เรื่องนี้ต่างก็พูดถึงผู้ชายที่เคยมีคนรักเก่า
แล้วหลังจากนั้นก็มีคนรักใหม่ แต่เหมือนเงาความทรงจำอะไรบางอย่างจากคนรักเก่าจะยังคงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรักใหม่เหมือน
ๆ กันในหนังทั้ง 3 เรื่องนี้
8.สิง (2022, Thanapat Ngamngernwon,
17min, A+30)
เหมือนเป็น mockumentary ที่สัมภาษณ์หนุ่มหล่อ
3 คน ซึ่งตัวภาพ ตัวเหตุการณ์อาจจะดูธรรมดา แต่พอการให้สัมภาษณ์มันดูงง ๆ ว่าจะคุยเรื่องผี,
เรื่องอดีต หรือเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องอะไร มันก็เลยเกิด sense ของความแปลกประหลาดพิสดารที่อธิบายไม่ถูกขึ้นมา
เราก็เลยชอบหนังอย่างสุดขีดมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เข้าใจอะไรมันเลย 55555
แต่ก็อยากให้หนังเรื่องนี้ทำ subtitle นะ เพราะเสียงบางช่วงฟังไม่ค่อยได้ยินจริง ๆ
9.COME TOGETHER มาด้วยกัน
(2023, Jakkrapan Sriwichai, video installation, 20min, A+30)
10.I CRY SEVERAL TIMES (2023, ณัชชา สรรพวิชุ Natcha Sanpawichu, 4min, A+30)
ชอบไอเดียของหนังเรื่องนี้มาก ๆ ที่ตัดเอาภาพผู้หญิงร้องไห้จากสื่อต่าง
ๆ เข้ามาประชันกัน โดยเฉพาะคลิปของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และเราเข้าใจว่ามีการนำคลิปจากภาพยนตร์และ music videos เข้ามาใช้ในหนังเรื่องนี้ด้วย
ซึ่งจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบทางอารมณ์อย่างรุนแรงต่อเราเท่าใดนัก
แต่ยังไงเราก็ชอบหนัง found footage อยู่แล้ว
และก็ชอบไอเดียของหนังเรื่องนี้มาก ๆ อยู่ดี
11.NEUTRO, (2024, Saharat Ungkitphaiboon,
8min, A+30)
มันคือส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง SHANGRI-LA
(2023, Saharat Ungkitphaiboon, 63min) หรือเปล่านะ 55555
12.BILLY (2019, Zachary Epcar, short
film, A+30)
13.COMING THRO THE RYE (2023, Asamaporn
Piriyapokanon, 7min, A+30)
จำได้แต่ว่ามีการพูดถึงวิญญาณของตา
กับการถ่ายภาพนก และตัวหนังดูเพลินในระดับนึง
ก่อนหน้านี้เราเคยดูหนังอีก 2 เรื่องของผู้กำกับคนนี้
ซึ่งก็คือ THE ROTTEN LAND (2019, documentary) และ RIGHT
BEFORE YOUR EYES (2021, 43min) ซึ่งเราชอบในระดับ A+30 ทั้ง 3 เรื่อง โดยชอบ THE ROTTEN LAND มากที่สุด
และชอบ COMING THRO THE RYE น้อยที่สุด
14.ชีวคดีวิจักษ์ (2021, Jatupol Kiawsaeng,
4min, A+30)
เป็นหนังอีกเรื่องที่ตัวภาพดูเหมือนไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดพิสดาร
แต่พอเอามาเรียงร้อยเข้าด้วยกันแล้วก็เกิดความแปลกประหลาดอะไรบางอย่างขึ้นมาที่บรรยายไม่ถูก
ก็เลยชอบมาก ๆ ถึงแม้ดูแล้วงงมาก ๆ 555
15.GHOST WORLD (2023, Krittapas
Lersvananont, short film, 7min, A+25)
ไอเดียของหนังเก๋มาก ๆ ที่เป็นการบรรยายถึงโลกของวิญญาณในแบบที่คิดขึ้นมาเอง
เหมือนหนังเรื่องนี้มันอยู่กึ่งกลางระหว่างหนังหลอนๆ แบบหนังของคุณ Achitaphon
Piansukprasert กับหนังผีแนวตลก ซึ่งเราจะค่อนข้างชอบอะไรแนวหลอน ๆ
มากกว่า เพราะฉะนั้น wavelength ของหนังเรื่องนี้ก็เลยอาจจะยังไม่ตรงกับเราซะทีเดียว
16.RAIN ON THE GREY SKY (2023, Intouch
Suntichaikul, 9min, A+25)
จำได้แต่ว่าเป็นเรื่องราวของหุ่นลองเสื้อที่เหมือนมีชีวิตขึ้นมา
เหมือนเป็นหนังที่ดูเพลินดี แต่เรายังไม่ได้รู้สึกอะไรรุนแรงกับมัน
17.INTERMISSION พัก 5
นาที (2024, Ratthanin Junyaprasert, 6min, A+25)
ดีใจสุดขีดที่มีคนทำหนังไทยอีกคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก
Viriyaporn Boonprasert เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังการเมืองแนวทดลอง
ที่มีขึ้น text ว่า “ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือพะโล้”
เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นการ tribute ให้ Viriyaporn
Boonprasert ได้อย่างงดงามมาก ๆ ถึงแม้ว่าตัวหนังทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง
“คาราโอเกะเพลงแผ่เมตตา” KARAOKE: THINK KINDLY (2009, Scene 22 หรือ Chulayarnnon Siriphol) มากกว่าหนังของ Viriyaporn ก็ตาม
คือเราชอบ form ของ INTERMISSION
นะ ชอบความนำเสนอประเด็นทางการเมืองโดยผ่านทางรูปแบบของวิดีโอคาราโอเกะ
แต่เราว่าประเด็นของหนังมันดูเหมือนยังไม่ทรงพลังหรือชัดเจนมากเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้คุณ Ratthanin เคยเป็นตากล้องให้หนังเรื่อง
24 ABOUT HER (2022,Kroekkan Poonsawat, A+25) ด้วย
18.NAM OU RIVER (2024, Penpitchaya
Promwong, documentary, 4min, A+15)
เราดูแล้วรู้สึกว่ามันเหมือน video diary
ที่บันทึกการเดินทางท่องเที่ยวของตัวเอง ก็เลยแอบงง ๆ
ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังทดลองหรือเปล่านะ 55555 หรือไม่เช่นนั้นเราก็อาจจะพลาดไม่ทันสังเกตเห็นประเด็นอะไรบางอย่างในหนังเรื่องนี้เอง
19.BADE MIYAN CHOTE MIYAN (BIG MASTER
LITTLE MASTER) (2024, Ali Abbas Zafar, A-)
FILMS SEEN FOR THE SECOND TIME OR MORE
หนังที่เราได้ดูในสัปดาห์ดังกล่าว แต่เป็นการดูเป็นรอบที่สองหรือมากกว่านั้น
(ลำดับความชอบไม่ได้ต่อมาจากข้างบนนะ)
20.LA DOUBLE VIE DE MANIEJAN (2013,
Ratchapoom Boonbunchachoke, A+30)
หนังเรื่องนี้ติดอันดับ 9 ของเราประจำปี 2013
แต่พอมาดูอีกครั้งในปีนี้ก็พบว่าประเด็นในหนังยังคงทรงพลังอยู่เหมือนเดิม
https://celinejulie.blogspot.com/2013/07/la-double-vie-de-maniejan-2013.html
21.FFF วิป (2017,
Nonthachan Prakobsup, short film, A+30)
หนังเรื่องนี้ติดอันดับ 2 ของเราประจำปี 2017
22.NOSTALGIA (2022, Weerapat
Sakolvaree, short film, A+30)
23.อีสาวซากดิบ (2007, Thitimon
Mongkolsawat, short film, A+30)
24. SIAMESE FUTURISM (2021, Montika
Kham-on, short film, second viewing, A+30)
เคยดูรอบแรกตอนเป็นงาน video
installation
25.NAREE ON A WHITE HORSE (2022,
Pakapol Wannao, short film, second viewing, A+30)
เคยดูครั้งแรกในเทศกาลมาราธอนปีที่แล้ว
อยากให้มีคนเอาไปพัฒนาเป็นวิดีโอเกมมาก ๆ 555
26.DIRECTED BY (2022, Papat Aurdilokkul,
short film, second viewing, A+30)
สรุปว่าใน 15
สัปดาห์แรกของปี 2024 เราดูหนังไปแล้ว 252 + 26 = 278 เรื่อง
No comments:
Post a Comment