Wednesday, October 08, 2025

MY FATHER’S SHADOW (2025, Akinola Davies, UK/Nigeria, 94min, A+30)

FILMS SEEN ON MONDAY 6 OCT

 

IN PREFERENTIAL ORDER

 

หนังที่ได้ดูทั้ง 3 เรื่องในวันจันทร์ เป็นหนังที่ “เล่าจากมุมมองของเด็ก” หมดเลย

 

1. MY FATHER’S SHADOW (2025, Akinola Davies, UK/Nigeria, 94min, A+30)

 

หนังเกี่ยวกับไนจีเรียในปี 1993 ในช่วงที่ประชาชนหลายคนในประเทศคาดหวังว่า ประเทศจะก้าวเดินไปข้างหน้าในระบอบประชาธิปไตย แต่ก็เผชิญกับอุปสรรคขัดขวางครั้งใหญ่จากกองทัพ

 

ดูแล้วรู้สึกอินมาก ๆ และพอเราไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ไนจีเรีย เราก็จะรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงตลอดเวลาว่า มันอาจจะเกิดเหตุการณ์โหดร้ายอย่างคาดไม่ถึงขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

 

พอดูหนังเรื่องนี้เสร็จ ก็เลยเช็คข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต และก็พบว่ามันเป็นหนังที่ผสม fiction กับเหตุการณ์จริงเข้าด้วยกัน เพราะเหตุการณ์ Bonny Camp massacre ในหนังเรื่องนี้น่าจะเป็น fiction แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีและการที่ฝ่ายรัฐบาลเผด็จการทหารเข้ามาขัดขวางการเลือกตั้งในปี 1993 เป็นเรื่องจริง

 

ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็เลยรู้สึกว่า ไนจีเรียกับไทยนี่มีความคล้ายคลึงกันมาก ๆ อย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แต่เป็นความคล้ายคลึงกันที่น่าเศร้ามาก ๆ ระหว่างสองประเทศนี้

 

2. THE MYSTERIOUS GAZE OF THE FLAMINGO (2025, Diego Céspedes, Chile, 104min, A+30)

 

งดงามที่สุด ดูแล้วนึกว่าเป็น “ภาคต่อ” ของ THE PLACE WITHOUT LIMITS (1978, Arturo Ripstein, Mexico, A+30)

 

3. ORPHAN (2025, László Nemes, Hungary, 132min, A+30)

 

3.1 คิดว่ามันเป็นหนัง allegory ที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่าง “สหภาพโซเวียตกับฮังการี” ผ่านทางความสัมพันธ์ระหว่าง “butcher กับเด็กชาย”

 

Butcher ในหนังเรื่องนี้เป็น “ผู้มีพระคุณ” ต่อเด็กชาย เขาเคยช่วยชีวิตแม่ของพระเอกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เขาก็เป็นผู้ชายที่กักขฬะ อารมณ์ร้อน มีความเหี้ยอยู่ในตัวมากพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่คนเลวแบบเลวสนิท

 

Butcher ในหนังเรื่องนี้ ก็เลยดูเหมือนว่าอาจจะเป็นสัญลักษณ์แทนสหภาพโซเวียต เพราะว่าโซเวียตถือว่าเป็น “ผู้มีพระคุณ” ต่อฮังการี ช่วยปลดปล่อยฮังการีจาก “นาซี” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่โซเวียตก็เข้ามาปกครองฮังการีแบบเผด็จการ และนำไปสู่การสังหารหมู่ชาวฮังการีราว 2500 คนในปี 1956

 

เราก็เลยรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้มันเล่าเรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร” แต่สิ่งนี้มันอาจจะเป็นสัญลักษณ์สะท้อน “สถานะของประเทศ” แบบหนังเรื่องอื่น ๆ อย่างเช่น CLOSELY WATCHED TRAINS (1966, Jiri Menzel, Czechoslovakia) และ DIVIDED WE FALL (2000, Jan Hrebejk, Czech)

 

3.2 หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังเรื่องที่ 3 ที่เราได้ดู ที่พูดถึงการที่โซเวียตสังหารหมู่ชาวฮังการีในปี 1956 ส่วนหนังอีก 2 เรื่องที่เราได้ดูที่พูดถึงประเด็นนี้ ก็คือ CHILDREN OF GLORY (2006, Krisztina Goda, Hungary) และ PUSKÁS HUNGARY (2009, Tamás Almási, Hungary, documentary)

 

3.3 รู้สึกว่าเนื้อเรื่องของ ORPHAN มันเมโลดราม่ามาก ๆ มันดัดแปลงเป็น “ละครน้ำเน่า” ได้สบายมาก ๆ แต่เราว่า “choice ทางการกำกับ” ของหนังเรื่องนี้มันดี มันช่วยยกระดับ “ละครน้ำเน่า” ให้ออกมาเป็นหนังที่ดูดี ดูแพงได้

 

++++

 

เนื่องจาก THE LEFT-HANDED WOMAN (1977, Peter Handke, West Germany, A+30) กำลังจะมาฉายที่โรงภาพยนตร์ Lido ที่สยามสแควร์ในวันที่ 15 ต.ค. มันก็เลยทำให้เรานึกถึง “ความหลัง” ของเราที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้

 

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนมันมาฉายที่สถาบันเกอเธ่ ซอยสาทร 1 เมื่อราว 25-30 ปีก่อน (ในรูปแบบฟิล์ม 16 มม.มั้ง ถ้าหากเราจำไม่ผิด) และมันก็ติดอันดับ one of my most favorite films of all time ของเราไปเลย เรารักตัวละครนางเอกของหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงที่สุด และตอนหลังเราก็ได้วิดีโอเทปหนังเรื่องนี้มาจากเพื่อนคนนึง

 

แล้วหลังจากนั้นเราก็พบว่า หนังเรื่องนี้เป็น “หนังที่ cinephiles ในต่างประเทศ” อยากดูอย่างรุนแรงสุดขีดมากเมื่อราว 20-30 ปีก่อน แต่พวกเขาหาดูไม่ได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าเมืองที่เขาอยู่ไม่มีสถาบันเกอเธ่ หรือสถาบันเกอเธ่ในเมืองที่เขาอยู่ไม่ได้ฉายหนังเรื่องนี้บ่อย ๆ เหมือนสถาบันเกอเธ่ในกรุงเทพ

 

เราก็เลยพบว่า ในปี 2003 มีเพื่อน cinephile ชื่อ Scott ในลอสแองเจลิส ที่บอกเราทางอีเมลว่า เขาอยากดูหนังเรื่องนี้อย่างมาก แต่เขาหาดูไม่ได้

 

และในปี 2009 ก็มีคุณ Yasheer จาก London มา comment ใน blog ของเราใน wordpress เพราะเขาอยากดู THE LEFT-HANDED WOMAN อย่างรุนแรงมาก แต่เขาก็หาดูไม่ได้เช่นกัน

 

ตอนนั้นเราก็เลยรู้สึกประหลาดใจมากพอสมควร ที่เราซึ่งเป็น cinephile ในกรุงเทพ เคยดูหนังเรื่องนี้เพราะทางสถาบันเกอเธ่ในกรุงเทพชอบนำมาฉายบ่อย ๆ แต่ cinephile ในลอสแองเจลิสและลอนดอนอยากดูหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง แต่กลับหาดูไม่ได้ ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าบางที cinephile ในกรุงเทพก็สามารถเข้าถึงหนังดี ๆ บางเรื่องได้มากกว่า cinephile ในลอสแองเจลิสและลอนดอน

 

แต่นั่นก็ถือเป็นอดีตในทศวรรษ 2000 นะ ตอนนี้ระบบ streaming อะไรต่างๆ คงทำให้คนทั่วโลกเข้าถึงหนังดี ๆ ได้เกือบเท่าเทียมกันหมดแล้วมั้ง

++++++++

 

ฉันรักเขา Zhu Yilong from DONGJI RESCUE (2025, Hu Guan, Fei Zhenxiang, China, 133min, A+30)

 

ฉันรักเขา Wu Lei from DONGJI RESCUE (2025, Hu Guan, Fei Zhenxiang, China, 133min, A+30)

++++

 

อยากให้ความร่วมมือกันระหว่างกองกิจการภาพยนตร์ไทย กับสถานทูตอิหร่านในครั้งนี้ นำไปสู่การจัดงาน retrospective ของผู้กำกับภาพยนตร์เหล่านี้ในกรุงเทพในช่วงต้นปี 2026 (ไม่ต้องจัดงานอะไรในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.ปี 2025 นะ เพราะเดี๋ยวชนกับเทศกาลหนังสั้นมาราธอน 55555)

 

1. Bahram Beyzaie

2. Masud Kimiai

3. Ebrahim Golestan

4. Parviz Sayyad

5. Mohammad Reza Aslani

+++++++

เนื่องจาก THE LEFT-HANDED WOMAN (1977, Peter Handke, West Germany, A+30) กำลังจะมาฉายที่โรงภาพยนตร์ Lido ที่สยามสแควร์ในวันที่ 15 ต.ค.  เราก็เลยถือโอกาสนี้แชร์บทวิจารณ์หนังเรื่องนี้ใน TIME OUT FILM GUIDE เป็นบทวิจารณ์สั้น ๆ ที่เขียนโดย Chris Auty และเราว่าเขาเขียนถึงหนังเรื่องนี้ได้อย่างงดงามสุด ๆ

 

A train shatters the stillness of a Paris suburb, leaves a puddle on the station platform quivering with some unsolicited, mysterious, moving energy. This Romantic metaphor is at the very centre of Handke's grave, laconic film, produced by Wim Wenders, which begins where The American Friend left off: in the ringing void of Roissy airport. Here, the Woman (Edith Clever, superb in the role) meets her husband (Ganz) and, for no apparent reason, rejects him in favour of a solitary voyage through her own private void. In her house, with her child, the film records a double flight of escape and exploration, her rediscovery of the world, her relocation of body, home and landscape. This emotional labour makes its own economy: silence, an edge of solemnity, an overwhelming painterly grace. Self-effacement is made the paradoxical means of self-discovery, and the film becomes a hymn to a woman's liberating private growth, a moving, deceptively fragile contemplation of a world almost beyond words.

 

 


No comments: