Monday, October 06, 2025

MIRRORS NO. 3 VS. L'AVVENTURA

 

FILMS SEEN ON FRIDAY 3 OCT 2025

 

In preferential order

 

1. THE LOVE THAT REMAINS (2025, Hlynur Pálmasan, Iceland, 109min, A+30)

 

น่าจะเป็นหนังเกี่ยวกับ “รักร้าง” ที่เราดูแล้วรู้สึก “รื่นรมย์” มากที่สุดเท่าที่เคยดูมา 55555 คือให้อารมณ์ตรงข้ามกับหนังกลุ่ม “ผัวเมียละเหี่ยใจ” ของ Ingmar Bergman และกลุ่ม Post French New Wave อย่างสิ้นเชิง

 

ชอบที่หนังผสมความจริง, ความฝัน, จินตนาการเข้าด้วยกัน จนเรางงไปหมด 555

 

ชอบที่ “เนื้อเรื่อง” มันดูบางมาก แต่หนังหล่อเลี้ยงอารมณ์ของเราให้รู้สึกรื่นรมย์ตลอดเวลาได้ กราบตีนจริง ๆ

 

2.INTIMACIES (2012, Ryusuke Hamaguchi, Japan, 255min, A+30)

 

 

ไม่แน่ใจว่าในอนาคตเราอาจจะชอบเรื่องนี้มากกว่า THE LOVE THAT REMAINS ก็ได้นะ แต่วันนี้ขอให้ THE LOVE THAT REMAINS ครองอันดับหนึ่งไปก่อน เพราะมันเป็นหนังที่ประหลาดดีสำหรับเรา

 

ส่วน INTIMACIES นั้นเราก็ชอบสุด ๆ แต่มันก็ไม่ได้ “ประหลาด” ไปกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ของ Hamaguchi ที่เราเคยดูมา คือเราก็ชอบหนังเรื่องนี้ในระดับที่มากกว่าหรือเท่ากับหนังของ Hamaguchi อีกหลาย ๆ เรื่อง

 

3. THE SUN RISES ON US ALL (Cai Shangjun, China, 133min, A+30)

 

ก็เป็นหนังที่ชอบมากน่ะแหละ แต่มันครองอันดับ 3 เพราะมันเป็น straightforward narrative มากที่สุดในบรรดาหนังที่เราดูมาในวันศุกร์นี้ 555

++++++

DOUBLE BILL FILM WISH LIST

 

MIRRORS NO. 3 (2025, Christian Petzold, Germany, A+30)

+ L’AVVENTURA (1960, Michelangelo Antonioni, Italy, A+30)

 

พอเราได้ดู MIRRORS NO. 3 เมื่อวานนี้ เราก็เลยอยากฉายหนังสองเรื่องนี้ควบกัน เพราะเราชอบสุดขีดที่หนังสองเรื่องนี้เลือกที่จะเป็น “หนังชีวิต” แทนที่จะเป็น “หนัง thriller” และเราชอบสุดขีดที่หนังสองเรื่องนี้เลือกที่จะให้ความสำคัญลำดับแรกกับความเป็นมนุษย์ของตัวละคร มากกว่าการเอาอกเอาใจผู้ชม

 

ในแง่หนึ่งเราก็รู้สึกว่า MIRRORS NO. 3 มัน “พลิก genre” ได้สาหัสกว่า SINNERS (2025, Ryan Coogler, A+30) เพราะตอนที่เราดู MIRRORS NO. 3 นั้น ช่วงแรก ๆ เรานึกว่ามันจะเป็นหนัง psychological thriller ที่ต้องมี “ฉาก climax ที่ให้อารมณ์รุนแรง” แบบหนังฮอลลีวู้ด แต่หนังกลับไม่ได้เป็นไปในทางนั้น ซึ่งก็เลยเป็นสิ่งที่เราชอบสุดขีด ส่วน SINNERS นั้นมันเป็นการพลิก genre ที่เราคาดเดาไว้ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว

 

สิ่งหนึ่งที่เราชอบสุดขีดใน MIRRORS NO.3 ก็คือการเล่นกับการ HINT

 

1. เรารู้สึกว่าหนังมัน HINT ไว้หลายครั้ง โดยที่หนังอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ คือ HINT ให้คนดูอย่างเราจินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่า

 

1.1 ครอบครัวในหนังต้องมีความลับดำมืดซ่อนอยู่ มีความโรคจิตรุนแรง Betty (Barbara Auer) อาจจะโรคจิตพอ ๆ กับนางเอกของหนังเรื่อง MISERY (1990, Rob Reiner)

1.2 นางเอก (Paula Beer) อาจจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่

1.3 หมู่บ้านในหนังอาจจะมีความลับดำมืดซ่อนอยู่

1.4 พ่อกับลูกชายเป็นอาชญากรใหญ่ หรืออาจจะรับใช้อาชญากรรายใหญ่

1.5 นางเอกกับลูกชาย Betty อาจจะตกหลุมรักกัน

 

2. ซึ่งหนังก็บอกกลาย ๆ ว่า “สิ่งที่มึงคิดนั้น เป็นเพียงจินตนาการที่เว่อร์วังเกินไป” อย่างเช่น

 

2.1 นางเอกคิดว่าผัว Betty แอบกระซิบ “ความลับอะไรบางอย่าง” กับลูกชาย อาจจะด้วยประสงค์ร้ายอะไรบางอย่าง แต่จริง ๆ แล้วผัว Betty แค่หวังดีกับนางเอก ไม่อยากให้นางเอกต้องผ่านจุดเกิดเหตุ

 

2.2 นางเอกคิดว่าผัวกับลูกชายของ Betty เป็นแก๊งขโมยรถ หรืออะไรทำนองนี้ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาแค่แก้ GPS (หรือเปล่า)

 

2.3 ลูกชาย Betty ทำท่าทำทางเหมือนจะ “บอกความลับสำคัญ” กับนางเอก แต่หนังก็สร้างอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เขาสามารถบอกความลับสำคัญได้สักที เหมือนเป็นการ “ล้อเลียน” หนัง thriller แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ความลับสำคัญอะไร คนดูคาดเดาสิ่งที่เขาจะบอกได้อยู่แล้วตั้งแต่ต้นเรื่อง 55555

 

3. แล้วหนังมันก็พูดถึงเรื่อง การ HINT โดยตรงด้วย ครั้งแรกก็คือเรื่องของ TOM SAWYER ที่ตัวละครทอมจงใจ hint ให้เพื่อน ๆ ของเขาเอง “เข้าใจผิด” ว่า การทาสีรั้วบ้านเป็นความสุขสุดขีด เป็นสิ่งที่ควรต้องจ่ายเงินเพื่อจะได้แลกกับความสุขนี้ แต่จริง ๆ แล้ว เพื่อน ๆ ของ Tom ล้วนเข้าใจผิดกันไปเอง

 

4. Betty กับ Laura ก็จงใจ hint ให้ผัวกับลูกชาย “ทำงาน” ให้ ด้วยการบอกว่าอะไรในบ้านเสียบ้าง อย่างเช่น ก๊อกน้ำกับเครื่องล้างจาน เพราะทั้งสองรู้ว่า ถึงไม่ขอร้องโดยตรง แค่พูดว่า “อะไรเสีย” ผัวกับลูกชายก็จะต้องมาซ่อมให้อยู่แล้ว

 

ในแง่หนึ่งเราก็เลยรู้สึกว่า ตัวเราเองคล้ายกับ “เพื่อน ๆ ของ Tom Sawyer” และ “ผัวกับลูกชายของ Betty” ในหนังเรื่องนี้ คือเหมือนหนังแค่ hint อะไรที่เล็กน้อยมาก ๆ แต่เราก็จินตนาการถึงเหตุการณ์ตามข้อ 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 ไปเองแล้วเรียบร้อย คนดูอย่างเรา “ทำงานแทนคนเขียนบท” ของหนังเรื่องนี้ไปแล้วเรียบร้อย แค่เจออะไรบางอย่างมากระทุ้ง เราก็ทำงานไปแล้วโดยอัตโนมัติ คนเขียนบทไม่ต้องคิดความลับดำมืดอะไรเลย เขาแค่กระทุ้งนิดนึง เราก็ทำงานแทนคนเขียนบทไปแล้วแบบเพื่อน ๆ ของ Tom Sawyer ก่อนที่จะพบว่า เอ๊ะ กูโดน Tom Sawyer (คนเขียนบท) หลอกหรือเปล่าวะ 55555

 

 

No comments: