FILMS SEEN ON FRIDAY 3 OCT 2025
In preferential order
1. THE LOVE THAT REMAINS (2025, Hlynur Pálmasan, Iceland,
109min, A+30)
น่าจะเป็นหนังเกี่ยวกับ “รักร้าง”
ที่เราดูแล้วรู้สึก “รื่นรมย์” มากที่สุดเท่าที่เคยดูมา 55555
คือให้อารมณ์ตรงข้ามกับหนังกลุ่ม “ผัวเมียละเหี่ยใจ” ของ Ingmar Bergman และกลุ่ม Post French New Wave อย่างสิ้นเชิง
ชอบที่หนังผสมความจริง, ความฝัน,
จินตนาการเข้าด้วยกัน จนเรางงไปหมด 555
ชอบที่ “เนื้อเรื่อง” มันดูบางมาก
แต่หนังหล่อเลี้ยงอารมณ์ของเราให้รู้สึกรื่นรมย์ตลอดเวลาได้ กราบตีนจริง ๆ
2.INTIMACIES (2012, Ryusuke Hamaguchi,
Japan, 255min, A+30)
ไม่แน่ใจว่าในอนาคตเราอาจจะชอบเรื่องนี้มากกว่า THE
LOVE THAT REMAINS ก็ได้นะ แต่วันนี้ขอให้ THE LOVE THAT
REMAINS ครองอันดับหนึ่งไปก่อน
เพราะมันเป็นหนังที่ประหลาดดีสำหรับเรา
ส่วน INTIMACIES นั้นเราก็ชอบสุด
ๆ แต่มันก็ไม่ได้ “ประหลาด” ไปกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ของ Hamaguchi ที่เราเคยดูมา
คือเราก็ชอบหนังเรื่องนี้ในระดับที่มากกว่าหรือเท่ากับหนังของ Hamaguchi อีกหลาย ๆ เรื่อง
3. THE SUN RISES ON US ALL (Cai Shangjun, China, 133min,
A+30)
ก็เป็นหนังที่ชอบมากน่ะแหละ แต่มันครองอันดับ 3
เพราะมันเป็น straightforward narrative มากที่สุดในบรรดาหนังที่เราดูมาในวันศุกร์นี้
555
++++++
DOUBLE BILL FILM WISH LIST
MIRRORS NO. 3 (2025, Christian Petzold, Germany, A+30)
+ L’AVVENTURA (1960, Michelangelo Antonioni, Italy, A+30)
พอเราได้ดู MIRRORS NO. 3
เมื่อวานนี้ เราก็เลยอยากฉายหนังสองเรื่องนี้ควบกัน
เพราะเราชอบสุดขีดที่หนังสองเรื่องนี้เลือกที่จะเป็น “หนังชีวิต” แทนที่จะเป็น
“หนัง thriller” และเราชอบสุดขีดที่หนังสองเรื่องนี้เลือกที่จะให้ความสำคัญลำดับแรกกับความเป็นมนุษย์ของตัวละคร
มากกว่าการเอาอกเอาใจผู้ชม
ในแง่หนึ่งเราก็รู้สึกว่า MIRRORS NO. 3 มัน “พลิก genre” ได้สาหัสกว่า SINNERS
(2025, Ryan Coogler, A+30) เพราะตอนที่เราดู MIRRORS NO. 3 นั้น ช่วงแรก ๆ เรานึกว่ามันจะเป็นหนัง psychological thriller ที่ต้องมี “ฉาก climax ที่ให้อารมณ์รุนแรง”
แบบหนังฮอลลีวู้ด แต่หนังกลับไม่ได้เป็นไปในทางนั้น
ซึ่งก็เลยเป็นสิ่งที่เราชอบสุดขีด ส่วน SINNERS นั้นมันเป็นการพลิก
genre ที่เราคาดเดาไว้ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว
สิ่งหนึ่งที่เราชอบสุดขีดใน MIRRORS NO.3
ก็คือการเล่นกับการ HINT
1. เรารู้สึกว่าหนังมัน HINT ไว้หลายครั้ง โดยที่หนังอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ คือ HINT ให้คนดูอย่างเราจินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่า
1.1 ครอบครัวในหนังต้องมีความลับดำมืดซ่อนอยู่
มีความโรคจิตรุนแรง Betty (Barbara Auer) อาจจะโรคจิตพอ ๆ
กับนางเอกของหนังเรื่อง MISERY (1990, Rob Reiner)
1.2 นางเอก (Paula Beer) อาจจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
1.3 หมู่บ้านในหนังอาจจะมีความลับดำมืดซ่อนอยู่
1.4 พ่อกับลูกชายเป็นอาชญากรใหญ่
หรืออาจจะรับใช้อาชญากรรายใหญ่
1.5 นางเอกกับลูกชาย Betty อาจจะตกหลุมรักกัน
2. ซึ่งหนังก็บอกกลาย ๆ ว่า “สิ่งที่มึงคิดนั้น
เป็นเพียงจินตนาการที่เว่อร์วังเกินไป” อย่างเช่น
2.1 นางเอกคิดว่าผัว Betty แอบกระซิบ “ความลับอะไรบางอย่าง” กับลูกชาย
อาจจะด้วยประสงค์ร้ายอะไรบางอย่าง แต่จริง ๆ แล้วผัว Betty แค่หวังดีกับนางเอก
ไม่อยากให้นางเอกต้องผ่านจุดเกิดเหตุ
2.2 นางเอกคิดว่าผัวกับลูกชายของ Betty เป็นแก๊งขโมยรถ หรืออะไรทำนองนี้ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาแค่แก้ GPS (หรือเปล่า)
2.3 ลูกชาย Betty ทำท่าทำทางเหมือนจะ
“บอกความลับสำคัญ” กับนางเอก
แต่หนังก็สร้างอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เขาสามารถบอกความลับสำคัญได้สักที
เหมือนเป็นการ “ล้อเลียน” หนัง thriller แต่จริง ๆ
แล้วมันไม่ใช่ความลับสำคัญอะไร
คนดูคาดเดาสิ่งที่เขาจะบอกได้อยู่แล้วตั้งแต่ต้นเรื่อง 55555
3. แล้วหนังมันก็พูดถึงเรื่อง การ HINT โดยตรงด้วย ครั้งแรกก็คือเรื่องของ TOM SAWYER ที่ตัวละครทอมจงใจ
hint ให้เพื่อน ๆ ของเขาเอง “เข้าใจผิด” ว่า
การทาสีรั้วบ้านเป็นความสุขสุดขีด
เป็นสิ่งที่ควรต้องจ่ายเงินเพื่อจะได้แลกกับความสุขนี้ แต่จริง ๆ แล้ว เพื่อน ๆ
ของ Tom ล้วนเข้าใจผิดกันไปเอง
4. Betty กับ Laura
ก็จงใจ hint ให้ผัวกับลูกชาย “ทำงาน” ให้
ด้วยการบอกว่าอะไรในบ้านเสียบ้าง อย่างเช่น ก๊อกน้ำกับเครื่องล้างจาน
เพราะทั้งสองรู้ว่า ถึงไม่ขอร้องโดยตรง แค่พูดว่า “อะไรเสีย”
ผัวกับลูกชายก็จะต้องมาซ่อมให้อยู่แล้ว
ในแง่หนึ่งเราก็เลยรู้สึกว่า ตัวเราเองคล้ายกับ
“เพื่อน ๆ ของ Tom Sawyer” และ “ผัวกับลูกชายของ Betty”
ในหนังเรื่องนี้ คือเหมือนหนังแค่ hint อะไรที่เล็กน้อยมาก
ๆ แต่เราก็จินตนาการถึงเหตุการณ์ตามข้อ 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 ไปเองแล้วเรียบร้อย
คนดูอย่างเรา “ทำงานแทนคนเขียนบท” ของหนังเรื่องนี้ไปแล้วเรียบร้อย
แค่เจออะไรบางอย่างมากระทุ้ง เราก็ทำงานไปแล้วโดยอัตโนมัติ
คนเขียนบทไม่ต้องคิดความลับดำมืดอะไรเลย เขาแค่กระทุ้งนิดนึง
เราก็ทำงานแทนคนเขียนบทไปแล้วแบบเพื่อน ๆ ของ Tom Sawyer ก่อนที่จะพบว่า
เอ๊ะ กูโดน Tom Sawyer (คนเขียนบท) หลอกหรือเปล่าวะ 55555
No comments:
Post a Comment