Thursday, October 09, 2025

STORIES WITHIN STORIES IN RYUSUKE HAMAGUCHI'S FILMS

 

FILMS SEEN ON TUESDAY 7 OCT 2025

 

เรียงตามลำดับการดู

 

1. DONGJI RESCUE (2025, Hu Guan, Fei Zhenxiang, China, 133min, A+30)

 

ถือเป็นหนังที่เป็น “ขั้วตรงข้าม” ของ BEFORE YOUR EYES – VIETNAM (1981, Harun Farocki, West Germany, A+30) เพราะว่าในขณะที่ BEFORE YOUR EYES – VIETNAM “ต่อต้านการเร้าอารมณ์อย่างรุนแรง”  DONGJI RESCUE กลับทำทุกอย่างเพื่อ “เร้าอารมณ์ผู้ชมอย่างรุนแรง” ทั้งอารมณ์สนุกตื่นเต้นลุ้นระทึก, สะใจที่คนเลวถูกฆ่า, ซาบซึ้งจนร้องห่มร้องไห้, etc.

 

พอดูแล้วก็เลยรู้ตัวเองว่า เราชอบหนังทั้งสองแบบ ทั้งแบบ BEFORE YOUR EYES – VIETNAM และแบบ DONGJI RESCUE ถึงแม้ว่าหนังทั้งสองแบบนี้จะตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง 55555 คือรู้ทั้งรู้ว่า DONGJI RESCUE มันจงใจทำอะไรกับผู้ชมบ้าง แต่เราก็ยินยอมให้หนังเรื่องนี้ทำกับเราแต่โดยดี

 

2. THE LIMINAL SPACE (2025, Surasit Mankhong, video installation, 9min, A+30)

 

ดูที่ชั้น 7 BACC

 

3. PLACING THE PLACE (2025, Prach Pimarnman, Rozee Haree, video installation, A+30)

 

ดูที่ชั้น 7 BACC

 

4. ANONYMOUS LETTER... (2025, Melayu Living, mixed-media installation with video, A+30)

 

ดูที่ชั้น 7 BACC

 

เรายืนดูวิดีโอนี้แค่ราว 5 นาทีนะ ดูแล้วอยากกินอาหารภาคใต้มาก ๆ แต่ไม่รู้ว่าตัววิดีโอจริง ๆ มีความยาวกี่นาที

 

5. ARCO (2025, Ugo Bienvenu, France, animation, 82min, A+30)

 

ชอบสีสันในหนังเรื่องนี้มาก ๆ และชอบสุด ๆ ที่หนังเรื่องนี้ “ไม่ได้โอ๋เด็ก” แบบหนังแอนิเมชั่นฝรั่งเศสบางเรื่องที่ชอบนำเสนอตัวละคร “เด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง” แล้วหนังก็ “ให้รางวัล” เด็กที่เอาแต่ใจตัวเองแบบนั้น โชคดีที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ไปในทิศทางนั้น

 

6. YOUNG MOTHERS (2025, Jean-Pierre Dardenne, Luc Dardenne, France/Belgium, 105min, A+30)

 

นึกว่า TRUE MOTHERS (2020, Naomi Kawase, Japan, A+30) ผสมกับละครทีวี MELROSE PLACE (1992-1999) เพราะหนังเรื่องนี้นำเสนอตัวละครหญิงแรง ๆ หลายตัวมารวมกัน

 

ชอบสุด ๆ ที่หนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่า อุปสรรคไม่ได้เกิดจาก “ระบบสวัสดิการสังคม” แต่เกิดจากตัวละครแต่ละตัวเอง อย่างเช่น

 

6.1 เด็กสาวที่ขาดความรักความอบอุ่นจากแม่

 

6.2 เด็กสาวที่มีแม่ติดเหล้า ชอบใช้ความรุนแรงกับลูกสาว

 

6.3 เด็กสาวที่หวังจะพึ่งพาผัว แต่ผัวพยายามหลบหน้า

 

6.4 เด็กสาวที่ติดยาเสพติด

 

ฉากที่แม่จะตบลูกสาว แต่ลูกสาว “ต้านการตบ” ไว้ได้ทัน นี่ถือเป็น ONE OF MY MOST FAVORITE SCENES I SAW THIS YEAR เลย

 

++++

 

อยากให้มีคนทำ diagrams ของ “เรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า” ในหนังของ Ryusuke Hamaguchi หรือเขียนบทความเกี่ยวกับประเด็นนี้ เพราะว่าพอเราดูหนังของเขาหลาย ๆ เรื่อง เราก็พบว่า หนึ่งในสิ่งที่เราชอบมากในหนังของเขา ก็คือการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยการให้ตัวละครเล่า หรือพูด แต่ไม่แสดงภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องเล่านั้นให้ผู้ชมเห็นโดยตรง ผู้ชมต้องฟังจากปากของตัวละคร (หรืออ่าน subtitle text) แล้วจินตนาการภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามเรื่องเล่านั้นในหัวของตัวเอง

 

หนังของ Ryusuke Hamaguchi ที่เราได้ดู

 

1. LIKE NOTHING HAPPENED (2003, A+30)

 

ตัวละครที่แสดงโดย Ryusuke Hamaguchi เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาสมัยเป็นเด็กนักเรียน ที่เขาเหมือนเคยมีส่วนร่วม bully เด็กผู้ชายคนนึง และเรื่องเล่านั้นส่งผลกระทบกระเทือนทางจิตใจต่อนางเอกมาก ๆ

 

2. PASSION (2008, 115min, A+30)

 

อันนี้ไม่ได้เป็นฉาก “เล่าเรื่อง” แต่เป็นฉากที่ตัวละครที่เป็นครูพูดคุยกันอย่างยืดยาวกับนักเรียนในห้องเรียน เกี่ยวกับนักเรียนชายคนนึงที่ฆ่าตัวตายไปเพราะถูก bully คนดูไม่ได้เห็นภาพผู้ตายหรือ flashback ของสิ่งที่เกิดขึ้นเลย แต่คนดูต้องจินตนาการภาพในหัวเอาเอง

 

3. I LOVE THEE FOR GOOD (2009, 58min, A+30)

 

อันนี้เหมือนไม่ได้มีฉากเล่าเรื่องยาว ๆ แต่อย่างใด ถ้าหากเราจำไม่ผิด

 

แต่เราสงสัยว่า หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจาก TESS OF THE D’URBERVILLES (1891, ประพันธ์โดย Thomas Hardy, A+30) หรือเปล่า 55555 เพราะตัวละครเทสส์ในนิยายก็ต้องการเขียนจดหมายสารภาพเรื่อง “ความไม่บริสุทธิ์” ของตนเองให้สามีได้อ่านในคืนแต่งงานเหมือน ๆ กัน (ถ้าหากเราจำไม่ผิดนะ)

 

4. THE DEPTHS (2010, 121min, A+30)

 

อันนี้เหมือนไม่ได้มีฉากเล่าเรื่องยาว ๆ แต่อย่างใด ถ้าหากเราจำไม่ผิด

 

แต่เราสงสัยว่า หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากนิยาย DEATH IN VENICE (1912, ประพันธ์โดย Thomas Mann) หรือเปล่า 55555

 

5. INTIMACIES (2012, 255min, A+30)

 

ในหนังเรื่องนี้มี

 

5.1 นักแสดงละครเวทีชายคนหนึ่ง เล่าถึงประวัติชีวิตของตัวเองตอนเด็ก ที่พี่ชายของเขาเคยช่วยชีวิตเขาจากการจมน้ำ

 

5.2 เรื่องเล่าเกี่ยวกับ “ชนเผ่าบันจี้จัมป์”

 

5.3 เนื้อหาของ “ละครเวที” ที่ซ้อนอยู่ในหนังเรื่องนี้

 

5.4 เรื่องเล่าเกี่ยวกับ “รายการวิทยุที่รับแฟกซ์จดหมายรัก” (ถ้าหากเราจำไม่ผิด) ที่อยู่ในละครเวที เพราะฉะนั้นเรื่องเล่านี้ก็เลยเป็น “เรื่องเล่าที่ซ้อนอยู่ในละครเวทีที่ซ้อนอยู่ในภาพยนตร์”

 

5.6 ตัวละครกะเทยในละครเวที ก็เล่าถึงประวัติชีวิตของตัวเอง

 

6. TOUCHING THE SKIN OF EERINESS (2013, 53min, A+30)

 

เหมือนไม่มีเรื่องเล่ายาว ๆ ในหนังเรื่องนี้นะ ถ้าหากเราจำไม่ผิด แต่มีเรื่องเล่านิดนึงเกี่ยวกับ “ปลาประหลาด”

 

7. STORYTELLERS (2013, documentary, 120min, A+30)

 

เหมือนเป็นหนังที่สะท้อนประเด็นนี้โดยเฉพาะ หนังเต็มไปด้วย “เรื่องเล่าที่ถ่ายทอดด้วยปาก” เพื่อให้ผู้ชมจินตนาการภาพในหัวเอาเอง

 

ถ้าจำไม่ผิด เรากลัวเรื่องเล่าเกี่ยวกับ “เงา” ที่กระโดดออกจากบ้าน แล้วกระโดดข้ามภูเขา ในหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก เหมือนเราเชื่อว่านี่คือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง เป็น supernatural phenomenon ที่ไม่มีคำอธิบายใด ๆ อีกต่อไป

 

8. HAPPY HOUR (2015, 317min, A+30)

 

มีฉากที่ “นักเขียนสาว” อ่านเรื่องแต่งของเธอให้ผู้ชมในฮอลล์ฟัง เป็นเรื่องแต่งเกี่ยวกับเพื่อนที่แอบหลงรักเพื่อนระหว่างไปทัศนศึกษามั้ง ถ้าหากเราจำไม่ผิด

 

9. HEAVEN IS STILL FAR AWAY (2016, 38min, A+30)

 

มีฉากที่ตัวละครเล่าเรื่อง “การวิ่งซนในวัยเด็ก จนชนของล้มพังพินาศ” และ “การเดินไปโรงเรียนในวัยเด็ก พร้อมกับจับมือน้องสาวไปด้วย” ซึ่งก็เหมือนกับในทุก ๆ เรื่องของ Hamaguchi ที่ผู้ชมจะไม่เห็นภาพ flashback แต่ต้องจินตนาการภาพในหัวด้วยตัวเอง

 

10. WHEEL OF FORTUNE AND FANTASY (2021, 121min, A+30)

 

มีฉากที่ผู้หญิงอ่านเรื่องราวอีโรติกให้อาจารย์ชายฟัง

 

11. DRIVE MY CAR (2021, 179min, A+30)

 

ตัวละครเมียพระเอก เล่าเรื่องของหญิงสาวที่เคยเกิดเป็น lamprey ในชาติก่อน และในชาติต่อมาก็เลยกลายเป็น “คนที่ชอบแอบย่องเข้าบ้านคนอื่น” ถ้าหากเราจำไม่ผิด

 

12. EVIL DOES NOT EXIST (2023, 106min, A+30)

 

เราว่า “การกระตุ้นภาพในหัวของผู้ชม” ในหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ ของ Hamaguchi เพราะว่าในหนังเรื่องอื่น ๆ นั้น ตัวละครมักจะ “เล่าเรื่องราวประวัติชีวิตของตนเองในอดีต” หรือ “เล่าเรื่องแต่ง” ต่าง ๆ แต่ในหนังเรื่องนี้ ฉากที่คล้าย ๆ จะกระตุ้นภาพในหัวของเรามากที่สุด คือฉากที่ตัวละครชาวบ้านถกเถียงกันอย่างยาวนานกับตัวแทนบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นการกระตุ้น “ภาพของความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต” ให้เกิดขึ้นในหัวของเรา ซึ่งเป็นความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าหากบริษัทแห่งนั้นมาก่อสร้างอาคารสถานที่ท่องเที่ยว แล้วไม่มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียที่ดีพอ ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อแหล่งน้ำของหมู่บ้านแห่งนี้

 

เราว่าการที่ Ryusuke Hamaguchi มักจะใช้วิธีการแบบนี้ในหนังของเขา มันทำให้เกิด gaps บางอย่างที่เราชอบสุดขีดในหนังของเขา ซึ่งได้แก่

 

A. GAP ระหว่าง “เรื่องเล่าจากปากของตัวละคร”, “ภาพของตัวละครขณะเล่าเรื่องที่ปรากฏอยู่บนจอภาพยนตร์” และ “ภาพของเรื่องเล่าในหัวของผู้ชม”

 

B. GAP ระหว่าง “ความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องเล่านั้น ๆ” กับ “เนื้อหาหลักของภาพยนตร์” เพราะว่าเรื่องเล่าเหล่านี้ หลาย ๆ เรื่องมันไม่ได้บอกโดยตรงว่า มันเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักอย่างไร อย่างเช่นเรื่องของ lamprey girl กับเรื่องราวของพระเอกกับคนขับรถใน DRIVE MY CAR

 

ถ้าหากใครจำ “เรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า” อะไรได้อีกในหนังของ Ryusuke Hamaguchi ก็มาช่วยให้ข้อมูลกันได้นะคะ

 

ภาพจาก THE DEPTHS

++++

 

NEST (2022, Hlynur Pálmason, Denmark/Iceland, 22min, A+30)

 

หนังเรื่องนี้เหมือนเป็น prequel ของ THE LOVE THAT REMAINS (2025, Hlynur Pálmason, Iceland,  A+30)

 

ชอบมาก ๆ ที่ตัวละครหลักของหนังเรื่องนี้เหมือนจะประกอบด้วย

 

1. เสา

2. บ้านบนเสา

3. ท้องฟ้าและก้อนเมฆ

4. แสงแดด

5. สภาพอากาศในแต่ละวัน

6. ฤดูกาล

7. landscape ระยะใกล้

8. landscape ระยะไกล

9-11. เด็ก 3 คน

 

คือชอบที่หนังเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวละครมนุษย์เป็นหลักเหมือนหนังทั่ว ๆ ไป แต่เหมือนให้อะไรต่าง ๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิต กลายเป็นตัวละครหลักของหนังด้วย

 

หนังเรื่องนี้เปิดให้ดูฟรีออนไลน์ที่ le cinema club จนถึงราวเที่ยงวันศุกร์ที่ 10 ต.ค.นะ

 

+++

ดีใจที่จะได้ดู THE BANSHEES OF INISHERIN (2022, Martin McDonagh, Ireland, 114min)

 

 

 

 

No comments: