AFTER THE STORM (2016, Hirokazu
Koreeda, Japan, A+30)
1.ในที่สุดก็เจอหนังโคเรเอด ะที่เราอินกับมันได้จริงๆสั กที 555 เพราะเราเคยดูหนังของโคเรเอ ดะมา 7
เรื่อง (รวมเรื่องนี้ด้วย) และก็ชอบหนังของเขามากพอสมค วร
แต่ไม่มีเรื่องไหนติดอันดับ ประจำปีเลย
เพราะมันไม่อินเป็นการส่วนต ัวน่ะ
คือเหมือนเขาทำหนังดี เรายอมรับในฝีมือของเขาว่าเ ขาเก่งมาก
แต่ถ้าถามว่าหนังของเขาส่วน ใหญ่มันโดนใจเรามั้ย เราก็ตอบว่าไม่
แต่เราก็อาจจะชอบ AFTER THE STORM น้อยกว่า AFTER LIFE (1998) นะ เพราะเราชอบ AFTER LIFE ที่ “ไอเดีย” น่ะ เพราะฉะนั้น AFTER LIFE ก็เลยอาจจะยังคงเป็นหนังของ Koreeda ที่เราชอบมากที่สุด
ส่วน AFTER THE STORM ครองอันดับสอง ในขณะที่ OUR
LITTLE SISTER (2015), LIKE FATHER, LIKE SON (2013), I WISH (2011), และ NOBODY KNOWS (2004) นั้นชอบมากๆในระดับใกล้เคีย งกัน
และ AIR DOLL (2009) เป็นหนังที่เราชอบน้อยสุดใน 7 เรื่องนี้
2.ชอบฉากที่ Kiki Kirin คุยกับ Hiroshi Abe ในช่วงท้ายเรื่องมากๆ ตอนที่พายุไต้ฝุ่นเข้าแล้ว และทั้งสองนั่งคุยกันไปเรื่ อยๆเรื่องชีวิต
เราดูฉากนี้แล้วแทบร้องไห้ รู้สึกว่ามันเรียบง่ายแต่ซา บซึ้งมากๆ
ความเรียบง่ายในที่นี้หมายถ ึงเรียบง่ายในความธรรมดาของ เหตุการณ์นะ
มันเป็นแค่เหตุการณ์แม่วัยช รากับลูกชายวัยกลางคนนั่งคุ ยกันไปเรื่อยๆ
มันดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ ที่ไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นเ ลย
แต่ภายใต้ความธรรมดาของเหตุ การณ์นี้ มันเหมือนคั้นเอาสัจธรรมบาง อย่างของชีวิตหรือแก่นแท้บา งอย่างของชีวิตออกมาได้
คือรู้สึกว่า ฉากแบบนี้นี่มันต้องอาศัยคน เขียนบท+ผู้กำกับที่ตกผลึกเ รื่องชีวิตมากพอสมควรน่ะ
ถึงจะทำอะไรแบบนี้ออกมาได้
3.ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม ตัวเองถึงอินกับหนังเรื่องน ี้อย่างรุนแรงกว่าหนังเรื่อ งอื่นๆของ
Koreeda แต่เราเดาว่าคงเป็นเพราะประ สบการณ์ส่วนตัวในชีวิตเราเอ ง
ที่มันมีบางอย่างพ้องกับเหต ุการณ์ในหนัง มันก็เลยทำให้เราอินกับหนัง อย่างรุนแรง
อีกอย่างที่น่าจะเป็นสาเหตุ สำคัญก็คือว่า
เรามักจะอินกับหนังที่พูดถึ ง “ตัวละครที่จมปลัก
ไม่สามารถทำให้ชีวิตของตัวเ องพัฒนาขึ้นได้” ด้วยแหละ
ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับที่ท ำให้เราชอบหนังอย่าง WE ARE YOUR FRIENDS
(2015, Max Joseph) และ SPA NIGHT (2016, Andrew Ahn) อย่างรุนแรง เพราะชีวิตเราก็เป็นแบบนั้น เหมือนกัน
และพอมาดู AFTER THE STORM นี่ก็เลยเหมือนเจอสองเด้ง เพราะทั้งพระเอกและแม่พระเอ กก็มีปัญหาเรื่อง
“ชีวิตจมปลัก” เหมือนกันเลย
เราก็เลยอินกับทั้งคู่ โดยตัวพระเอกนั้น เราอินกับเขามากๆในแง่ที่เข าเป็นตัวละครชายวัยกลางคนที ่มีปัญหาการเงินอย่างรุนแรง ส่วนตัวแม่พระเอกนั้น เราอินมากๆตอนที่เธอพูดในทำ นองที่ว่า
ตอนที่เธอย้ายเข้าแฟลตแคบๆแ ห่งนี้ เธอไม่นึกเลยว่าเธอจะต้องใช ้ชีวิตอยู่ที่นี่นานถึง
40 ปี และเธอคงจะต้องอยู่ที่นี่ไป จนตาย
แทนที่จะได้ขยับขยายไปอยู่อ พาร์ทเมนท์หรือคอนโดกว้างๆก ่อนตาย
คือเราอินกับจุดนี้ในหนังมา กน่ะ
เพราะตอนที่เราย้ายเข้าอพาร ์ทเมนท์รูหนูที่เราอยู่นี่ใ นปี 1995 ตอนนั้นเราก็เคยนึกฝันว่าเร าคงอยู่อพาร์ทเมนท์นี้แค่ไม ่กี่ปี
แล้วหลังจากนั้นชีวิตก็คงจะ ดีขึ้น ได้ย้ายไปอยู่ในที่ที่ดีกว่ านี้
แต่นี่อะไรกันคะ กูอยู่ห้องรูหนูนี่มา 21 ปีแล้ว
ไม่ได้ย้ายไปไหนสักที และไม่มีวี่แววว่าจะได้ย้าย ไปไหนอีกนานเลยด้วย
สรุปว่าชีวิตที่ “แทบไมมีวันได้เงยหน้าอ้าปา ก” แบบในหนังเรื่องนี้นี่แหละ ที่ทำให้เราอิน
4.ชอบที่หนังมันดราม่าน้อยก ว่าที่คิดน่ะ
(จุดนี้คล้ายกับที่เราชอบ SULLY) คือตอนแรกนึกว่าหนังมันจะดร าม่าหนักกว่านี้
หรือมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเ กิดขึ้น แต่พอเหตุการณ์ในหนังมันรุน แรงน้อยกว่าที่คาด
มันดูเป็นชีวิตเรียบง่ายธรร มดามากกว่าที่คาด ตัวละครแค่ได้กลับมารวมตัวก ันในวันมรสุมเข้า
และได้ทบทวนชีวิตตัวเองในระ ดับนึง เราก็เลยชอบมันมากๆ
5.จริงๆเราหลับไปบางช่วงในช ่วงต้นเรื่องด้วย
(เพราะร่างกายไม่พร้อม) ก็เลยไม่แน่ใจว่าพลาดข้อมูล สำคัญอะไรไปบ้างหรือเปล่า
แต่ตอนดูจะสงสัยว่าทำไมลูกน ้องของพระเอกถึงอุทิศตัวช่ว ยเหลือพระเอกอย่างรุนแรงขนา ดนั้น
เหมือนกับเขาบอกว่าเขาติดบุ ญคุณพระเอกในเรื่องอะไรสักอ ย่าง
จริงๆแล้วตอนดูจะแอบจิ้นวาย พระเอกกับลูกน้องมากๆ
อยากให้ลูกน้องแอบหลงรักพระ เอกอยู่ อะไรทำนองนี้
6.Hiroshi Abe น่ารักสุดๆเลยในเรื่องนี้ จริงๆแล้วเราชอบเขามาตั้งแต ่ปี 1989 แล้ว
จำได้ว่ายุคนั้นจะรู้จักเขา จากนิตยสาร “ทีวีรีวิว”
และพอเห็นเขาในนิตยสาร เราก็ตกหลุมรักดาราคนนี้ทัน ที
เราเอารูปเขาไปใส่ในกล่องดิ นสอ และเวลาเรียนหนังสือตอนม. 5 เราก็นั่งจ้องแต่รูป Hiroshi Abe ในกล่องดินสอตลอดเวลา
จนบางครั้งอาจารย์ที่สอนอยู ่หน้าห้อง ก็เดินมาดูว่าเราจ้องอะไรใน กล่องดินสอ
ปรากฏว่ากูนั่งจ้องรูป Hiroshi Abe อยู่ค่ะ
แต่ก็ไม่เห็นมีอาจารย์คนไหน ว่าอะไร คงเป็นเพราะว่าการนั่งจ้องร ูปผู้ชายมันไม่เป็นการรบกวน การเรียนการสอนในห้องเรียนแ ต่อย่างใด
555
เราเคยเห็น Hiroshi Abe ในหนังเรื่องอื่นๆมาบ้างนะ แต่รู้สึกว่าตัวเขาในหนังเร ื่องอื่นๆมันไม่ดึงดูดเรามา กเท่าเรื่องนี้น่ะ
เราว่าในหนังเรื่องนี้ตัวละ ครที่เขาเล่นมันดูเป็นมนุษย ์จริงๆ และมัน radiate
warmth ออกมาจากตัวเขาได้จริงๆ เราก็เลยรู้สึกว่าหนังเรื่อ งนี้ดึงเสน่ห์ของ
Hiroshi Abe ออกมาได้ในแบบที่เข้าทางเรา มากๆ
7.น่าสนใจดีที่ตอนนี้เราได้ ดูแต่หนังเกี่ยวกับพระเอกที ่เป็น
loser ทั้งนั้นเลย ซึ่งได้แก่
7.1 AFTER THE STORM
7.2 FANDAY (2016, Banjong Pisanthanakun, A+25)
7.3 VISKAN MIRACLES (2015, John O. Olsson, Sweden, A+15)
https://www.facebook.com/ photo.php?fbid=102109890494 25554&set=a.10210889274331 239.1073741947.1333811571& type=3&theater
7.4 THE REPAIRMAN (2013, Paolo Mitton, Italy, A+15)
7.5 IN THE SHADOW OF WOMEN (2015, Philippe Garrel, France, A+30)
เหมือนแต่ละเรื่องจะมีข้อดี ข้อด้อยแตกต่างกันไป
ตัดสินไม่ได้ว่าเรื่องไหนนำ เสนอชีวิต loser ได้ดีที่สุด
จริงๆแล้ว VISKAN MIRACLES อาจจะดูเป็นหนังที่แย่ที่สุ ดในกลุ่มนี้
แต่มันมีข้อดีอย่างนึงก็คือ ว่า พระเอก VISKAN MIRACLES หน้าตาแย่ที่สุด
หน้าตาดูเป็นคนธรรมดามากที่ สุด (ถึงแม้เขาจะไม่มีปัญหาเรื่ องการหาผู้หญิงมาชอบเขา)
ในขณะที่ losers ในหนังอีก 4 เรื่องนี่
เป็นหนุ่มหล่อทั้งนั้นเลย
ส่วน FANDAY นั้น เป็น loser ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาการเงิ นน้อยที่สุดใน 5
เรื่องนี้ คือพระเอก FANDAY ไม่ใช่คนรวยนะ
แต่หนังไม่ได้นำปัญหาทางการ เงินของเขามาใช้เป็นประเด็น หลักแบบใน AFTER
THE STORM, VISKAN MIRACLES และ THE REPAIRMAN
แต่ถ้าให้เราเลือกว่าจะเอาต ัวละครพระเอกจากเรื่องไหนมา เป็นสามี
เราก็อาจจะเลือก FANDAY นะ 555 เพราะพระเอก
AFTER THE STORM ที่ติดการพนันนี่ เราคงไม่เลือก
นอกจากว่าเขาจะเลิกเล่นการพ นันก่อน, ส่วนพระเอก VISKAN
MIRACLES นี่ก็ไม่หล่อ นิสัยก็ไม่ค่อยดี, พระเอก
THE REPAIRMAN นี่ก็นิสัยพิสดารเกินไป เป็นที่พึ่งพาของชีวิตไม่ได ้
ส่วนพระเอก IN THE SHADOW OF WOMEN นี่ก็มีความคิดแบบ “ชายเป็นใหญ่” มากเกินไป เราก็รับไม่ได้อีก
แต่นี่แหละข้อดีของหนัง 4 เรื่องในกลุ่มนี้ มันช่วยปลอบใจสาวโสดอย่างเร า
ว่าอยู่เป็นโสดแบบนี้แหละดี แล้ว ดีกว่าจะมีสามีแบบพระเอกในห นัง 4
เรื่องนี้ พระเอก losers แบบในหนัง 4 เรื่องนี้นี่แหละที่มันคือม นุษย์ปุถุชนจริงๆ
1.ในที่สุดก็เจอหนังโคเรเอด
แต่เราก็อาจจะชอบ AFTER THE STORM น้อยกว่า AFTER LIFE (1998) นะ เพราะเราชอบ AFTER LIFE ที่ “ไอเดีย” น่ะ เพราะฉะนั้น AFTER LIFE ก็เลยอาจจะยังคงเป็นหนังของ
2.ชอบฉากที่ Kiki Kirin คุยกับ Hiroshi Abe ในช่วงท้ายเรื่องมากๆ ตอนที่พายุไต้ฝุ่นเข้าแล้ว และทั้งสองนั่งคุยกันไปเรื่
คือรู้สึกว่า ฉากแบบนี้นี่มันต้องอาศัยคน
3.ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม
อีกอย่างที่น่าจะเป็นสาเหตุ
และพอมาดู AFTER THE STORM นี่ก็เลยเหมือนเจอสองเด้ง เพราะทั้งพระเอกและแม่พระเอ
คือเราอินกับจุดนี้ในหนังมา
4.ชอบที่หนังมันดราม่าน้อยก
5.จริงๆเราหลับไปบางช่วงในช
จริงๆแล้วตอนดูจะแอบจิ้นวาย
6.Hiroshi Abe น่ารักสุดๆเลยในเรื่องนี้ จริงๆแล้วเราชอบเขามาตั้งแต
เราเคยเห็น Hiroshi Abe ในหนังเรื่องอื่นๆมาบ้างนะ แต่รู้สึกว่าตัวเขาในหนังเร
7.น่าสนใจดีที่ตอนนี้เราได้
7.1 AFTER THE STORM
7.2 FANDAY (2016, Banjong Pisanthanakun, A+25)
7.3 VISKAN MIRACLES (2015, John O. Olsson, Sweden, A+15)
https://www.facebook.com/
7.4 THE REPAIRMAN (2013, Paolo Mitton, Italy, A+15)
7.5 IN THE SHADOW OF WOMEN (2015, Philippe Garrel, France, A+30)
เหมือนแต่ละเรื่องจะมีข้อดี
ส่วน FANDAY นั้น เป็น loser ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาการเงิ
แต่ถ้าให้เราเลือกว่าจะเอาต
แต่นี่แหละข้อดีของหนัง 4 เรื่องในกลุ่มนี้ มันช่วยปลอบใจสาวโสดอย่างเร
No comments:
Post a Comment