XUAN ZANG (2016, Huo Jianqi,
China/India, A+30)
เสวียนจ้าง บุรุษพุทธานุภาพ
1.ถึงจะชอบหนังเรื่องนี้ในร ะดับ A+30 หรือชอบสุดๆ แต่ก็ขอขึ้นต้นไว้ก่อนว่าเป ็นหนังที่เราเสียดายมากๆเรื ่องนึงของปี
คือช่วงครึ่งแรกของหนังเรื่ องนี้นี่หนังทำท่าว่าจะติด
top ten ประจำปีหรืออันดับหนึ่งหนัง ต่างประเทศที่เราชอบที่สุดใ นปีนี่ได้เลยด้วยซ้ำ
แต่เรามีปัญหาบางอย่างกับช่ วงหลังๆของหนัง
หนังเรื่องนี้ก็เลยหมดสิทธิ ลุ้นอันดับหนึ่งประจำปีหนังต่างประเทศของ เราอย่างแน่นอน
แต่ก็ยังคงถือเป็นหนังที่ชอ บสุดๆอยู่ดี
2.ช่วงแรกๆของหนังนี่เราชอบ สุดๆ คือโดยสไตล์แล้วมันทำให้นึก ถึงหนังสองเรื่องที่เรารักม ากๆ
ซึ่งก็คือ LANCELOT OF THE LAKE (1974, Robert Bresson) กับ THE
GOSPEL ACCORDING TO ST. MATTHEW (1964, Pier Paolo Pasolini)
สาเหตุที่ทำให้นึกถึง LANCELOT OF THE LAKE ก็คือว่า XUAN ZANG มันเป็นการนำเสนอภาพพระถังซ ัมจั๋งในแบบที่เราไม่เคยเห็ นมาก่อนน่ะ
คือก่อนหน้านี้เราเคยดูไซอิ ๋วมาแล้วประมาณ 10 เวอร์ชั่นได้มั้ง
ซึ่งมันเป็นการเล่าเรื่องพร ะถังซัมจั๋งในแบบนิทานอภินิ หารสูง มีปีศาจ
มีการต่อสู้ มีฉากแอคชั่นอะไรต่างๆมากมา ย แต่พระถังซัมจั๋งใน XUAN
ZANG กลับได้รับการนำเสนอในฐานะม นุษย์จริงๆ ไม่ใช่นิทาน
ไม่มีอภินิหาร มีแต่เลือดเนื้อจิตวิญญาณขอ งมนุษย์จริงๆ
และมีการลดทอนความดราม่าและ ความแอคชั่นลงอย่างรุนแรงมา กเมื่อเทียบกับหนัง/ ละครทีวีไซอิ๋วเวอร์ชั่นอื่น ๆ
มันก็เลยทำให้นึกถึง LANCELOT OF THE LAKE ที่เป็นการเอาตำนานกษัตริย์ อาร์เธอร์มาเล่าในแบบ minimal
ที่สุด คือเวลาพูดถึงตำนานกษัตริย์ อาร์เธอร์กับอัศวินโต๊ะกลม
เราก็มักจะนึกถึงฉากแอคชั่น , การรบพุ่งของอัศวินผู้กล้า, เวทมนต์ แต่ LANCELOT OF THE LAKE กลับเป็นอะไรที่ minimal
มากๆ และฉากที่ติดตาที่สุดในหนัง เรื่องนี้ไม่ใช่ฉากแอคชั่นผ จญภัยอะไรเลย
แต่เป็นฉากที่ผู้ชมการแข่งข ันประลองอะไรสักอย่าง หันคอไปทางซ้ายและทางขวาเพื ่อชมการแสดง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้นึกถึง THE GOSPEL ACCORDING TO ST. MATTHEW ก็เป็นเพราะว่า ทั้ง XUAN ZANG และ THE GOSPEL ACCORDING TO ST. MATTHEW เป็นหนังที่พูดถึงศาสนาและส ามารถสร้างความประทับใจทางจ ิตวิญญาณกับเราได้อย่างรุนแ รงน่ะ
ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่เคยได้ร ับ “ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ”
แบบนี้กับหนังไซอิ๋วเวอร์ชั ่นอื่นๆ หรือจากหนังพุทธๆทั่วๆไปแบบ หนังเกี่ยวกับองคุลีมาล
หรือหนังอย่าง “ขรัวโต” (2015, Somkiat Ruenprapas) จะมีแต่ก็หนังอย่าง WANDERING ธุดงควัตร (2016,
Boonsong Nakphoo) เท่านั้นที่สามารถสร้างประส บการณ์ทางจิตวิญญาณได้ในแบบ ที่สอดคล้องกับประเด็นทางศา สนาของหนัง
แต่หนังที่ทำได้อย่าง “ธุดงควัตร” ก็หาได้ยากมากๆในแวดวงหนังเ กี่ยวกับพุทธศาสนา
3.มีฉากที่ทำให้เราร้องไห้ 2 ฉากในช่วงแรก ฉากนึงก็คือฉากที่พระถังซัม จั๋งคุยกับทหารที่คุมหอที่ห นึ่ง
แล้วทหารคนนั้นกล่าวว่า เขามีชีวิตอยู่เพียงเพื่อรอ ที่จะ “หลับฝัน” ในตอนกลางคืนเท่านั้น
คือเขาใช้ชีวิตในช่วงกลางวั นไปเรื่อยๆ เพียงเพื่อจะได้รอเวลากลางค ืน
และเขาจะได้นอนหลับฝันในช่ว งนั้น ช่วงเวลากลางวันสำหรับเขาไม ่มีคุณค่าแต่อย่างใด
มันเป็นช่วงเวลาแห่งความทุก ข์ทรมาน เขามีชีวิตอยู่ต่อไปเพียงเพ ื่อรอเวลาที่จะได้นอนหลับใน ตอนกลางคืนเท่านั้นเอง
จุดนี้ทำให้เราร้องไห้อย่าง รุนแรง
เพราะมรสุมชีวิตที่เราเจอใน ปีนี้ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น จริงๆ
มันมีบางเดือนในปีนี้ที่เรา รู้สึกเหมือน “ตกนรกทั้งเป็น”
ทุกๆชั่วโมงที่ตื่นนอนอยู่ และรอเพียงเวลาที่จะได้นอนก อดตุ๊กตาหมีในตอนกลางคืนเท่ านั้น
มันเหมือนกับว่า ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำ ไม ชีวิตคือนรก
ชีวิตคือความทุกข์ที่ไม่มีว ันสิ้นสุด กูเกิดมาทำไม กูจะอยู่ต่อไปทำไม
กูอยู่ต่อไปเพียงเพื่อรอเวล าที่จะได้นอนกอดตุ๊กตาหมีใน ตอนกลางคืนเท่านั้น
ส่วนช่วงเวลาอื่นๆของวันเป็ นเหมือนการทนอยู่ในนรกไปเรื ่อยๆ
คือพอเจอฉากที่ตัวละครคุยกั นแบบนี้ในหนังนี่มันทำให้เร าร้องไห้เลยนะ
ตอนดูฉากนี้นี่นึกว่าหนังเร ื่องนี้มีสิทธิลุ้นอันดับหน ึ่งหนังต่างประเทศประจำปีนี ้ของเราเลยด้วยซ้ำ
โดยสามารถแข่งกับ DIARY OF A COUNTRY PRIEST (1951, Robert Bresson) และ EIKA KATAPPA (1969, Werner Schroeter) ได้เลย
ในแง่หนังต่างประเทศที่สะเท ือนใจเรามากที่สุดที่ได้ดูใ นปีนี้
4.ส่วนอีกฉากที่ทำให้เราร้อ งไห้ใน
XUAN ZANG คือฉากทะเลทราย คือเราอินกับบางจุดในฉากนี้ มากๆน่ะ
และมันทำให้นึกถึงหนังอย่าง ALL IS LOST (2013, J. C. Chandor) และ THE
SHALLOWS (2016, Jaume Collet-Serra) ที่ทำให้เราอินอย่างรุนแรงเ หมือนๆกัน
เพราะในหนังทั้ง 3 เรื่องนี้ ตัวละครมันต้องกระเสือกกระส น
ดิ้นรนอยู่ตามลำพัง และแทบไม่มีความหวังเลยว่าจ ะมีชีวิตรอดต่อไปได้
ความหวังของตัวละครในสามเรื ่องนี้มันริบหรี่มากๆ และเราอินกับอะไรแบบนี้มาก
5.อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งหลังของ XUAN ZANG ทำให้เราไม่อินมากเท่ากับช่ วงครึ่งแรก
เพราะตัวพระถังซัมจั๋งมันไม ่ต้อง “ทุกข์ทรมาน” อีกแล้วน่ะ ชีวิตตัวละครสบายขึ้นแล้ว เราก็เลยไม่ค่อยอิน
เพราะชีวิตเรายังคงทุกข์ทรม านอย่างมากอยู่
6.จริงๆแล้วช่วงครึ่งหลังขอ งหนังมันเหมือนจะสามารถพัฒน าให้กลายเป็นหนังที่เข้าทาง เราอย่างสุดๆได้นะ
เพราะมันมีบางช่วงที่นึกว่า เป็น essay film ที่พูดถึงความแตกต่างระหว่า งพุทธมหายานกับพุทธหินยาน
ซึ่งถ้าหากมันทำเป็น essay film ที่ debate เรื่องนิกายในศาสนาพุทธอย่า งจริงจังไปเลย หนังเรื่องนี้ก็มีสิทธิติดอ ันดับหนึ่งประจำปีเราอย่างแ น่นอน
เพราะมันจะกลายเป็นหนังที่ก ้าวไปไกลสุดๆเรื่องหนึ่งเท่ าที่เราเคยดูมาในชีวิต
แต่น่าเสียดายมากๆที่หนังกล ับไม่กล้าแตะประเด็นนี้อย่า งจริงจัง
เราเดาว่าผู้สร้างหนังเรื่อ งนี้เข้าข้างพุทธมหายานน่ะ เราเลยได้ฟังแต่ argument
ที่เหมือนจะแสดงให้เห็นว่า พุทธมหายานดีกว่าพุทธหินยาน และหนังก็ดูเหมือนไม่กล้านำ เสนอ arguments ต่างๆมากนัก
บางทีผู้สร้างหนังอาจจะกลัว ก็ได้ว่า ถ้าหากนำเสนอเรื่องนี้อย่าง ตรงไปตรงมา
มันอาจจะเป็นการสร้างความแต กแยกทางศาสนาก็ได้ หรือถ้าหากนำเสนอประเด็นนี้ อย่างจริงจัง
หนังเรื่องนี้ก็จะไม่เข้าข่ าย “หนังที่สร้างความบันเทิง”
และจำนวนคนดูหนังเรื่องนี้ก ็อาจจะลดน้อยลงไปอีก
7.แล้วพอช่วงท้ายๆของหนัง หนังก็ยิ่งถอยห่างจากแนวหนั งที่เราชอบมากยิ่งขึ้น
เพราะมันกลายเป็นเหมือนหนัง เชิดชูคุณงามความดีของพระถั งซัมจั๋งแบบเน้นถ่ายสวยๆย้ว ยๆไป
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่า ใดๆสำหรับเรา
8.สรุปว่า เราเสียดาย XUAN ZANG มากๆ คือถ้าหากมันทำตัวเป็น essay film ที่ debate ความแตกต่างระหว่างพุทธมหาย านกับพุทธหินยานไปเลย
หนังเรื่องนี้ก็จะมีสิทธิชิ งอันดับหนึ่งประจำปีของเราอ ย่างแน่นอน
หรือถ้าหากมันเน้นนำเสนอควา มทุกข์ทรมานทางกายและใจของพ ระถังซัมจั๋งอย่างรุนแรงตลอ ดทั้งเรื่องไปเลย
และทำได้ในระดับที่ทัดเทียม กับหนังของ Robert Bresson และ
Pier Paolo Pasolini หนังเรื่องนี้ก็มีสิทธิติดอ ันดับหนึ่งประจำปีของเราได้ เช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่มันทำไม่ได ้แบบนั้น
เสวียนจ้าง บุรุษพุทธานุภาพ
1.ถึงจะชอบหนังเรื่องนี้ในร
2.ช่วงแรกๆของหนังนี่เราชอบ
สาเหตุที่ทำให้นึกถึง LANCELOT OF THE LAKE ก็คือว่า XUAN ZANG มันเป็นการนำเสนอภาพพระถังซ
มันก็เลยทำให้นึกถึง LANCELOT OF THE LAKE ที่เป็นการเอาตำนานกษัตริย์
ส่วนสาเหตุที่ทำให้นึกถึง THE GOSPEL ACCORDING TO ST. MATTHEW ก็เป็นเพราะว่า ทั้ง XUAN ZANG และ THE GOSPEL ACCORDING TO ST. MATTHEW เป็นหนังที่พูดถึงศาสนาและส
3.มีฉากที่ทำให้เราร้องไห้ 2 ฉากในช่วงแรก ฉากนึงก็คือฉากที่พระถังซัม
จุดนี้ทำให้เราร้องไห้อย่าง
คือพอเจอฉากที่ตัวละครคุยกั
4.ส่วนอีกฉากที่ทำให้เราร้อ
5.อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งหลังของ XUAN ZANG ทำให้เราไม่อินมากเท่ากับช่
6.จริงๆแล้วช่วงครึ่งหลังขอ
แต่น่าเสียดายมากๆที่หนังกล
7.แล้วพอช่วงท้ายๆของหนัง หนังก็ยิ่งถอยห่างจากแนวหนั
8.สรุปว่า เราเสียดาย XUAN ZANG มากๆ คือถ้าหากมันทำตัวเป็น essay film ที่ debate ความแตกต่างระหว่างพุทธมหาย
No comments:
Post a Comment