Monday, September 29, 2025

ABOUT NARRATION (1975, Ingemo Engström, Harun Farocki, West Germany, 58min, A+30)

 

IMAGES OF THE WORLD AND THE INSCRIPTION OF WAR (1988, Harun Farocki, A+30) จะฉายที่ HOUSE SAMYAN ในวันอังคารที่ 30 ก.ย. เวลา 16.50 น.นะ ในชื่อว่า HARUN FAROCKI’S PROGRAM 8

 

เราเคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้ในปี 2014 หนังเรื่องนี้ถือเป็น ONE OF MY MOST FAVORITE DOCUMENTARIES OF ALL TIME จ้ะ และหนังเรื่องนี้ติดอันดับ 2 ในลิสท์หนังที่เราชื่นชอบที่สุดที่ได้ดูในปี 2014 ด้วย

 

เมื่อวานได้ดูหนังของ Harun Farocki ไป 10 เรื่อง ซึ่งรวมถึง 2 เรื่องที่เราเคยดูมาแล้ว รู้สึกปลื้มปิติยินดีเป็นล้นพ้นมาก NOTHING VENTURED นี่พอได้ดูรอบสองแล้วชอบเพิ่มขึ้นกว่ารอบแรกมาก ๆ

https://web.facebook.com/photo?fbid=10204811078380139&set=a.10204785029768940

 

++++

TRIPLE BILL FILM WISH LIST

 

1. WHAT DOES THAT NATURE SAY TO YOU (2025, Hong Sang-soo, South Korea, A+30)

 

2. KAGEMUSHA (1980, Akira Kurosawa, Japan, A+30)

 

3. BREAKING NEWS IN YUBA COUNTY (2021, Tate Taylor, A+30)

 

พอดูหนังฮองที่พารากอนในวันนี้ เราก็รู้สึกว่า จุดนึงที่เราชอบในหนังฮองเรื่องนี้ ตรงกับจุดที่เราชอบใน KAGEMUSHA และ BREAKING NEWS IN YUBA COUNTY เราก็เลยอยากฉายหนัง 3 เรื่องนี้ควบกัน

 

มีใครเดาได้ไหม ว่าสิ่งที่หนัง 3 เรื่องนี้มีตรงกัน แล้วเป็นสิ่งที่เราชอบสุด ๆ คืออะไร (ใบ้ว่า เป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก ๆ และจริง ๆ แล้ว ก็มีหนังอีกหลายเรื่องที่มีสิ่งเดียวกันนี้ 55555)

 

เฉลยอยู่ใน COMMENT

 

เฉลย

 

เพราะว่าในหนังทั้ง 3 เรื่องนี้ "ตัวละครสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเนื้อเรื่องของหนัง" ไม่ได้ปรากฏตัวให้คนดูเห็นเลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง (หรืออาจจะปรากฏแค่นิดเดียว)

 

ในหนังฮองนั้น เรารู้สึกว่า หนึ่งในตัวละครที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือ Attorney Ha เขาไม่ปรากฏตัวให้คนดูเห็นเลยในหนังเรื่องนี้ แต่เขาส่งผลกระทบต่อตัวละครอื่น ๆ ในหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก ๆ

 

เราก็เลยแอบสงสัยว่า การที่ Hong Sang-soo ตั้งใจให้ Attorney Ha ไม่ปรากฏตัวเลยในหนังเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าเขาตั้งใจให้ตัวละครตัวนี้มีความเป็น abstract มีความเป็น symbol เพื่อสะท้อนปัญหาสังคมการเมืองอะไรบางอย่างในเกาหลีใต้หรือเปล่า 55555

 

ส่วนใน KAGEMUSHA นั้น เรามองว่า “ตัวละครสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องทั้งหมดใน KAGEMUSHA เกิดขึ้น” ก็คือ “ทหารหนุ่มนักเป่าขลุ่ย” คือถ้าหากไม่มีนักเป่าขลุ่ยคนนี้ ตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในหนังเรื่องนี้ก็จะไม่ถูกฆ่าตาย แล้วเนื้อเรื่องทั้งหมดใน KAGEMUSHA ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น 55555

 

ซึ่งตอนที่เราดู KAGEMUSHA นั้น เรารู้สึกอยากเห็นหน้า “ทหารหนุ่มนักเป่าขลุ่ย” มาก ๆ แต่หนังเรื่องนี้ก็ไม่ยอมให้เราได้เห็นหน้าตัวละครสำคัญคนนี้เลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

 

ส่วนใน BREAKING NEWS IN YUBA COUNTY นั้น ตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในหนังก็คือ เด็กผู้หญิงชื่อ Emma Rose ซึ่งเป็นตัวละครที่เหมือนมีบทบาทสำคัญในทางอ้อมตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แต่คนดูก็แทบจะไม่ได้เห็นตัวละครตัวนี้เลย หรืออย่างมากก็อาจจะได้เห็นแว้บ ๆ จากข่าวในจอโทรทัศน์ในหนังเรื่องนี้

 

เราก็เลยประทับใจหนัง 3 เรื่องนี้มาก ๆ ในแง่ที่หนัง 3 เรื่องนี้นำเสนอ “ตัวละครสำคัญที่ไม่ปรากฏตัวให้คนดูเห็นเลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แต่เป็นตัวละครที่ค้างคาใจคนดูอย่างเราอย่างรุนแรงมาก ๆ”

 

ถ้าเพื่อน ๆ มี “ตัวละคร” แบบนี้ในหนังเรื่องอื่น ๆ จะแนะนำ ก็แนะนำมาได้นะคะ

+++++

 

ABOUT NARRATION (1975, Ingemo Engström, Harun Farocki, West Germany, 58min, A+30)

 

1.เราเพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้ที่โรงหนัง HOUSE SAMYAN ในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.ย. พอดูจบก็รู้เลยว่า นี่แหละ หนังที่มีสิทธิลุ้นอันดับหนึ่งประจำปี 2025 ของเรา เป็นหนังที่ส่งผลกระทบต่อตัวเราเป็นการส่วนตัวอย่างรุนแรงมาก

 

2. จริง ๆ เราอยากจะจดบันทึกความรู้สึกอย่างยาว ๆ แต่เราไม่มีเวลา เพราะพรุ่งนี้เราต้องดูหนังตั้งแต่ 11.00 น.จนถึงตีหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราขอจดบันทึกความรู้สึกของตนเองสั้น ๆ ก็พอ

 

จุดหนึ่งที่เราชอบสุดขีดในหนังเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ก็คือว่า เราเองก็มีปัญหากับ narrative ที่นำไปสู่ completeness and closure เพราะเรามองว่า จริง ๆ แล้ว เมื่อใครแก้ปัญหาอย่างหนึ่งได้เสร็จ เขาก็ไม่ได้ live happily ever after (นอกจากว่าเขาจะตายไปเลย) มันไม่ได้นำไปสู่ completeness and closure อย่างแท้จริง แต่มันอาจจะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตามมา อย่างที่ Farocki แสดงให้เห็นในภาพนี้

 

คือจากสิ่งที่ Farocki พูดในหนังเรื่องนี้ เราก็เอามาคิดต่อในทางอ้อมได้ว่า

 

2.1 ปัญหาแรกคือโรงงานอุตสาหกรรมที่หนังพูดถึง ก่อให้เกิด “ความร้อนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์”

 

2.2 โรงงานก็เลยออกแบบ “ระบบที่สามารถนำความร้อนกลับมาใช้ประโยชน์ได้” แต่ถึงแม้เกิดระบบพลังงานหมุนเวียนนี้ ปัญหาก็ไม่จบ เพราะระบบนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อ โรงงานใช้ full capacity

 

2.3 เจ้าของโรงงานก็เลยไปสนับสนุน “นาซี” นาซีก็สร้างระบอบการปกครองที่เอื้อต่อโรงงานอุตสาหกรรม แต่ปัญหาก็ไม่จบ

 

2.4 ปัญหาที่เกิดจากนาซี ก็คือสงครามโลกครั้งที่สอง และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว

 

2.5 ถึงแม้นาซีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ปัญหาก็ไม่จบ เพราะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในยุโรป เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ชาวยิวอพยพออกไป และคนเหล่านี้ก็ไปเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์เพื่อจะได้ก่อตั้งประเทศอิสราเอล

 

2.6 และนั่นนำไปสู่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1940 มาจนถึงปัจจุบัน

 

เหมือน narrative ในเรื่องเล่าหลาย ๆ อัน นำไปสู่ completeness and closure แต่ Farocki ทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่เขาพยายามจะถ่ายทอด มันไม่ได้นำไปสู่ completeness and closure และสิ่งนี้มันสอดคล้องกับมุมมองของเราที่มีต่อชีวิต, ต่อมนุษย์ และต่อโลก

 

3. ABOUT NARRATION ส่งผลกระทบต่อมุมมองของเราที่มีต่อชีวิตประจำวัน โดยที่หนังไม่ได้ตั้งใจด้วย อย่างเช่น

 

3.1 ปกติแล้ว เวลาที่เราเขียนอะไรลง facebook เราก็อาจจะเขียน ๆ ๆ ๆ ไป โดยไม่ได้คิดอะไรมาก อย่างเช่น เราอาจจะเขียนว่า “ฉันอยากเป็นเมียครูใหญ่ เพราะเขาน่าจะใหญ่”

 

3.2 แต่พอเราดู ABOUT NARRATION เราก็เลยมองสิ่งต่าง ๆ ที่เราทำด้วยมุมมองที่เราไม่เคยมองมาก่อน อย่างเช่น

 

3.2.1 เราเขียนประโยค “ฉันอยากเป็นเมียครูใหญ่ เพราะเขาน่าจะใหญ่” ด้วยจุดประสงค์อะไร อะไรคือ goal ของการเขียนประโยคนี้ goal คือแค่อยากเขียน, อยากระบายความต้องการทางเพศ หรืออะไร เราเขียนถึงหนังแต่ละเรื่องลง Facebook ด้วยจุดประสงค์อะไร

 

3.2.2 พอเราเขียนประโยค “ฉันอยากเป็นเมียครูใหญ่ เพราะเขาน่าจะใหญ่” แล้ว ประโยคนี้ก็ “ทั้งเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา และเป็นสิ่งที่แยกออกจากตัวเรา” ด้วยในเวลาเดียวกัน มันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเขียน แต่มันก็แยกออกจากตัวเรา เพราะมันไม่ได้ติดอยู่กับตัวเรา มันเป็นสิ่งที่คนอื่น ๆ เห็น และทุกสิ่งที่เราเขียนอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้อ่านแต่ละคนแตกต่างกันไป โดยที่เราไม่อาจควบคุมมันได้อีกต่อไป สิ่งที่เราเขียนแล้วคนอื่น ๆ ได้อ่าน มันอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้อ่านในแบบที่เราไม่ต้องการก็ได้

 

3.2.3 พอเราเขียนประโยค “ฉันอยากเป็นเมียครูใหญ่ เพราะเขาน่าจะใหญ่” แล้ว ประโยคนี้ก็แปรสภาพเป็น “ส่วนหนึ่งของอดีตของเรา” ในทันที

 

และเช่นกัน สิ่งที่เราเขียนเกี่ยวกับหนังเรื่อง ABOUT NARRATION ก็เป็นทั้งส่วนหนึ่งของตัวเรา และเป็นสิ่งที่แยกออกจากตัวเรา ในเวลาเดียวกัน และสิ่งที่เราเขียนนี้มันก็ได้กลายเป็น “อดีตส่วนหนึ่ง” ของเราไปแล้ว

 

3. จุดอื่น ๆ ที่เราชื่นชอบอย่างสุด ๆ ใน ABOUT NARRATION ก็มีเช่น

 

3.1 การวิเคราะห์เทพนิยาย CINDERELLA ที่ทำให้เราได้เห็นพื้นฐานของเรื่องเล่าประเภท “พระเอกร่ำรวย นางเอกสาวสวย” ค่านิยมเรื่อง “เงินตรา” และ “ความงาม” ที่ยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมในยุคปัจจุบัน

 

3.2 ชอบเรื่องเล่าเรื่องหญิงสาวปราบ monster มาก ๆ โดยที่เราเองก็ไม่เข้าใจเรื่องเล่านี้ 55555

 

สรุปว่า ABOUT NARRATION เตรียมลุ้นอันดับหนึ่งประจำปีได้เลยค่ะ

 

 

 

 

 

 

Sunday, September 28, 2025

BKKIFF 2025 DAY 1

 

เห็น Chase Infiniti ใน ONE BATTLE AFTER ANOTHER (2025, Paul Thomas Anderson, A+30) แล้วนึกถึง Jennifer Beals โดยไม่ได้ตั้งใจ เรารู้สึกว่าดาราหญิงสองคนนี้มีเสน่ห์บางอย่างใกล้เคียงกัน เป็นสาวสวยแบบ tough เป็น “สาวสวยแบบสู้ชีวิต แล้วชีวิตสู้กลับ” อะไรทำนองนี้

+++

 

รายงานผลประกอบการประจำวัน SATURDAY 27 SEP 2025

 

1. TWINLESS (2025, James Sweeney, queer film, 100min, A+30)

ดูรอบ 11.30 น.ที่ HOUSE

 

ขณะที่เราดูหนังเรื่องนี้ เราต้องบอกตัวเองหลายครั้งหลายหนว่า “This is just a movie.” This is just a movie.” This is just a movie.” เพราะเราดูแล้วอินมาก ๆ 55555

 

หนึ่งในฉากที่อินที่สุดคือฉากที่ Dennis (James Sweeney) พูดกับแก๊งอันธพาลหนุ่มว่า เขายินดีที่จะอมควยอันธพาลเหล่านี้ ถ้าหากมันจะช่วย de-escalate the situation ได้

 

2.  HARUN FAROCKI’S PROGRAM 1

 

ดูรอบ 13.30 ที่ HOUSE

78MIN

 

3. SPYING STARS (2025, Vimukthi Jayasundara, Sri Lanka, 99min, A+25)

ดูรอบ 16.15 ที่ CENTRAL WORLD

 

3.1 เหมือนเราเฉย ๆ กับประเด็นเรื่องเทคโนโลยี, ธรรมชาติ, สิ่งแวดล้อม อะไรพวกนี้ แต่ชอบบรรยากาศในหนังมาก ๆ และชอบ “สไตล์” ของหนัง

 

3.2 พอดูหนังเรื่องนี้ไปได้ระยะหนึ่ง ก็จะรู้สึกว่ามันทำให้นึกถึง Andrei Tarkovsky มาก ๆ เพราะมันเป็น ไซไฟ + spiritual และพอเรากำลังสงสัยอยู่ว่า Vimukthi ได้รับแรงบันดาลใจจาก Tarkovsky หรือเปล่า หนังก็เหมือนใส่ฉากที่ tribute ให้ Tarkovsky เข้ามาในทันที ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด 55555

 

3.3 เป็นหนังเรื่องที่ 4 ของ Vimukthi ที่เราได้ดู ต่อจาก

 

3.3.1 THE FORSAKEN LAND (2005) ที่เคยมาฉายใน World Film Festival of Bangkok

 

3.3.2 BETWEEN TWO WORLDS (2009) ที่เคยมาฉายที่ BACC

 

3.3.3 LIGHT IN THE YELLOW BREATHING SPACE (2012, 40min) ที่เคยมาฉายที่ BACC ในเทศกาลหนังสั้น

 

เราชอบ THE FORSAKEN LAND มากที่สุดในบรรดา 4 เรื่องที่เราได้ดู และเราก็อยากดูหนังของ Vimukthi หลายเรื่องซ้ำอีกเป็นรอบที่สองนะ เหมือนหนังของเขามันเป็นหนังที่เราไม่ได้อินสุด ๆ ในขณะที่ดู แต่เป็นหนังที่เราอยากดูซ้ำ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร

 

4. HARUN FAROCKI’S PROGRAM 3

ดูรอบ 19.10 ที่ HOUSE

80MIN

 

ได้ดู HARUN FAROCKI PROGRAM 1+3 แล้วน้ำตาไหล ดีใจสุด ๆ ที่ได้ดูหนังของเขาอีก รู้สึกว่าเราได้อะไรจากหนังของเขาเยอะมาก ๆ

 

ในแง่หนึ่ง เราก็รู้สึกว่า "HARUN FAROCKI คือ พ่อบังเกิดเกล้าของ VIRIYAPORN BOONPRASERT" เพราะฉะนั้น HARUN FAROCKI ก็เลยถือว่าเป็น "ปู่ของผู้กำกับหนังไทยหลายคน" ที่ได้รับอิทธิพลจาก VIRIYAPORN BOONPRASERT 55555

 

หนังที่ได้ดูใน HARUN FAROCKI’S PROGRAM 1+3

 

1. TWO PATHS (1966, A+25)

 

หนังกระตุ้นให้เราคิดถึง "การโฆษณาชวนเชื่อทางศาสนา" ผ่านทางภาพวาด หรืออาจจะรวมไปถึง จิตรกรรมฝาผนัง

 

2. EVERYONE IS A BERLINER KINDL (1966, A+30)

 

หนังทำให้เราครุ่นคิดถึง "การจัดวางโปสเตอร์ในสถานประกอบการต่าง ๆ"

 

3. THEIR NEWSPAPERS (1968, A+30)

 

หนังทำให้เรานึกถึง การใช้ "ข่าว" เป็น "อาวุธสงคราม" ซึ่งในหนังเรื่องนี้คือสงครามเวียดนาม แต่ประเด็นต่าง ๆ ในหนัง ก็ทำให้นึกถึง สงครามกาซา กับสงครามไทย-กัมพูชา ที่ "ข้อมูล ข่าวสาร ความจริง ความลวง" ยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่ในยุคปัจจุบัน

 

ตัวละครในหนังเรื่องนี้ของ Farocki ทำให้นึกถึง LA CHINOISE (Jean-Luc Godard) และ ONE BATTLE AFTER ANOTHER ด้วย

 

4. THE SILVER AND THE CROSS (2010, A+30)

 

สุดฤทธิ์ อันนี้เป็นหนังที่เราชอบที่สุดใน PROGRAM 1 ดูแล้วแทบร้องไห้ หนังแค่กวาดสายตาไปตามจุดต่าง ๆ ในภาพวาดภาพหนึ่งจาก 18TH CENTURY แล้วให้ Cynthia Beatt บรรยายสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับแต่ละจุดในภาพวาดนั้น แต่แค่นี้มันก็หนักหนาสาหัสมาก ๆ แล้ว

 

เนื้อหาส่วนหนึ่งของมันพูดถึงการที่สเปนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ + enslave ชนพื้นเมืองในเปรู

 

เราเพิ่งรู้ว่า สเปนเคยนำ "ชื่อนักบุญในศาสนาคริสต์" มาตั้งเป็นชื่ออ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ในพื้นที่ที่มีการกดขี่เข่นฆ่าชนพื้นเมืองด้วย

 

5. NEW PRODUCT (2012, A+30)

ดูแล้วนึกถึงหลายประเด็นมาก ๆ ซึ่งรวมถึง

 

5.1 การที่ WORK DESK ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็น WORK SPACE โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งมันทำให้ความเป็น individuality ในตัวพนักงานแต่ละคนลดน้อยลงไปด้วย

 

เหมือนเราก็อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านนั้น ยุคที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจาก work desk มาเป็น work space แต่เราไม่เคยสังเกตถึงสิ่งนี้อย่างจริงจังมาก่อน

 

5.2 architectural models ของแต่ละบริษัท อาจจะสะท้อนอะไรต่าง ๆ ได้มากกว่าที่เราคิด

 

5.3 corporate culture

 

5.4 ความไร้สาระของ corporate culture

 

5.5 การทำงาน/การประชุมของ managers

 

เราว่าหนังเรื่องนี้กับ NOTHING VENTURED เป็น FAROCKI ในโหมด documentarian แบบ Frederick Wiseman ไม่ใช่โหมด essayist แบบหนังเรื่องอื่น ๆ ของเขา เพราะหนังสองเรื่องนี้สะท้อน "กลไกในระบบทุนนิยม" โดยที่ Farocki ไม่ได้แสดงความเห็นโดยตรงออกมาในหนัง เหมือนเขาจับสังเกตกลไกในระบบทุนนิยมเป็นหลัก มากกว่าที่จะประณาม, ด่าทอ หรือเสียดสีโดยตรง

 

ซึ่งเราก็ชอบหนังของเขาในโหมด essayist มากกว่าโหมด observant documentarian นะ แต่เราก็ชอบ NEW PRODUCT และ NOTHING VENTURED มาก ๆ อยู่ดี เพราะเราว่าเขานำเสนอ “ทุนนิยม” ในแง่มุมที่แตกต่างไปจาก “หนังด่าทุนนิยม” โดยทั่วไป

 

ดู NEW PRODUCT แล้วนึกถึงประสบการณ์ชีวิตของตนเองโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย เพราะในช่วงที่เราทำงานบริษัทเอกชนนั้น เราก็ต้อง self-evaluate ตัวเองทุก ๆ ครึ่งปีตาม core values ที่บริษัทเอกชนกำหนดมา ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ “ให้กูทำทำไม” 55555

 

6. WHITE CHRISTMAS (1968, 3min, A+30)

 

เป็นหนังของ Farocki ที่เรารู้สึกว่า “VERY VIRIYAPORN BOONPRASERT” มาก ๆ หรือเป็นหนังของ Farocki ที่ “มีความเป็นวิริญาพร บุญประเสริฐ” สูงมาก ๆ 55555 นึกว่าเป็น “ต้นตระกูล” ของหนังเรื่อง THE CURSE OF THE SPIRITS คำสาปแช่งของเหล่าผีพราย (2013, Viriyaporn Boonprasert, 5min)

 

7. INEXTINGUISHABLE FIRE (1969, second viewing, A+30)

 

8. INSTRUCTIONS ON HOW TO PULL OFF POLICE HELMETS  (1969, A+25)

 

เสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่มี subtitle

 

9. THE WORDS OF THE CHAIRMAN (1969, A+25)

 

ชอบที่หนังมันเชื่อมั่นใน “การแพร่กระจายอุดมการณ์”

 

10. NOTHING VENTURED (2004, second viewing, 50min, A+30)

 

เราได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สอง และก็ชอบมากขึ้นกว่าตอนดูรอบแรก 55555

 

หนังเรื่องนี้เป็น “แรงบันดาลใจ” สำคัญที่ทำให้ Christian Petzold สร้างหนังเรื่อง YELLA (2007, A+30) นะ ฉากเจรจาต่อรองทางธุรกิจใน YELLA นี่เห็นชัดเลยว่า มีต้นแบบมาจาก NOTHING VENTURED

 

สิ่งที่เราชอบในหนังเรื่องนี้ ก็รวมถึง

 

10.1 ชอบที่หนังมันนำเสนอ “เจ้าของบริษัท” หรือ “เจ้าของโรงงาน” ในแง่มุมที่แตกต่างจาก “หนังด่าทุนนิยม” โดยทั่ว ๆ ไปน่ะ เพราะหนังเรื่องนี้มันเป็นหนังสารคดี มันก็เลยไม่สามารถเจาะลึกเข้าไปยังความคิดของ “เจ้าของบริษัท” ได้ และไม่สามารถนำเสนอด้านลบในชีวิตของเขาได้ แต่มันก็นำเสนออะไรหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจสำหรับเรา

 

10.2 คือปกติแล้วในหนังด่าทุนนิยม “เจ้าของบริษัท” หรือ “เจ้าของโรงงาน” มักจะเป็นตัวร้ายน่ะ เป็นพวกที่เอารัดเอาเปรียบคนงาน+กรรมกร+คนจน แต่ในหนังเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ว่า “เจ้าของบริษัท” นี่ต้องรับมือกับอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งรวมถึง

 

10.2.1 การควบคุมต้นทุน ซึ่งนั่นทำให้เขาพูดในหนังเรื่องนี้ว่า เขาจะจ้างคนงาน “เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น” จะไม่มีแรงงานสำรองเลยแม้แต่คนเดียวในบริษัทของเขา อะไรทำนองนี้ ซึ่งในแง่หนึ่งมันก็สะท้อน “ความเลือดเย็นของโลกทุนนิยม” มาก ๆ

 

10.2.2 การหาลูกค้า + รักษาลูกค้า

 

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่โหดอยู่เหมือนกัน เพราะเขาพูดในหนังเรื่องนี้ว่า มีบางประโยคที่เขาพูดออกไป แล้วเขาเสียลูกค้าไปเลยถึงสองราย

 

10.2.3 products ของบริษัทของเขา และการจดสิทธิบัตรสินค้าของเขา

 

10.2.4 บริษัทอื่น ๆ ที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่า จ้องจะเข้ามา buyout บริษัทของเขาหรือเปล่า

 

10.2.5 การดึงดูดเงินลงทุนจาก venture capitalists ซึ่งเป็นประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้

 

คือเราว่าจริงๆ แล้วเนื้อหาทั้งหมดใน NOTHING VENTURED ก็เหมือนกับ “แม่ค้ากับลูกค้า ที่ต่อรองราคาสินค้ากันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง” น่ะ เพียงแต่ว่าในกรณีนี้ เป็นเรื่องของ “เจ้าของบริษัท” กับ venture capitalists ที่เจรจาต่อรองกันอย่างยาวนาน เหมือนกับว่า venture capitalists เสนอเงินลงทุน 750,000 ยูโร แลกกับหุ้น 34% (หรือมากกว่า 1 ใน 3) แต่ทางฝ่ายเจ้าของบริษัทเสนอว่าจะเอาเงินเพียง 500,000 ยูโร แลกกับหุ้น 20% แต่เปิด “ทางเลือก” สำหรับให้ venture capitalists เข้ามาลงทุนเพิ่มได้อีก 250,000 ยูโรในอนาคต ถ้าหากเกิดเหตุการณ์จำเป็น ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ

 

ซึ่งการเจรจาต่อรองระหว่าง “นายทุน” กับ “นายทุน” ด้วยกันนี้ มันก็หืดขึ้นคอพอสมควรนะ ในสายตาคนนอกอย่างเรา เหมือนมันไม่ง่ายเลยสำหรับฝ่ายเจ้าของบริษัท ที่จะได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ เพราะฝ่าย venture capitalists นี่ก็ดู “เขี้ยวลากดิน” มาก ๆ ฝ่ายนี้ไม่มีวันยอม “เสียเปรียบ” ใด ๆ อย่างแน่นอน

 

แต่เราก็ชอบนะที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอ venture capitalists ในฐานะของ “ผู้ร้าย” อย่างชัดเจน แบบในหนังฮอลลีวู้ดอย่าง WALL STREET (1987, Oliver Stone), THE WOLF OF WALL STREET (2013, Martin Scorsese), etc. อะไรทำนองนี้ เหมือนหน้าที่พวกนี้เป็นหน้าที่ของหนัง fiction มากกว่า ส่วนหนังเรื่องนี้เป็นหนังสารคดีที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานของกลไกบางอันในระบบทุนนิยม และไม่ได้ “ตัดสิน” อะไรแทนผู้ชม

 

คือดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว เราก็รู้สึกว่า “โลกทุนนิยม” มันโหดจริง ๆ นะ เพราะในขณะที่หนังเรื่องอื่น ๆ มักจะแสดงให้เห็นว่า “คนงาน+กรรมกร” ได้รับความทุกข์ยากอย่างไรในสังคมทุนนิยม หนังเรื่องนี้ก็ทำให้เรารู้สึกว่า แม้แต่เจ้าของบริษัทเอง ก็ต้อง “หาทางเอาตัวรอด” ได้อย่างไม่ง่ายเลยเหมือนกันในโลกทุนนิยมนี้ (ถึงแม้ Farocki อาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เรารู้สึกแบบนั้นก็ตาม 55555)

Saturday, September 27, 2025

MY SCHEDULE FOR THE FIRST FIVE DAYS OF BKKIFF 2025

 

ภาพยนตร์เรื่อง IN COMPARISON (2009, Harun Farocki, documentary, A+30) จะกลับมาฉายในไทยอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่  28 SEP รอบ 16.05 น.ที่โรงหนัง HOUSE SAMYAN โดยเป็นส่วนหนึ่งของ HARUN FAROCKI’S PROGRAM 4 โดยก่อนหน้านี้หนังเรื่องนี้เคยเข้ามาฉายในไทยในงาน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ในปี 2009 ที่โรงหนัง Paragon

 

เราก็เลยถือโอกาสนี้ แชร์บทวิจารณ์ของฟิล์มซิคสำหรับหนังเรื่อง IN COMPARISON อีกครั้งจ้ะ

 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด มีภาพยนตร์ไทยบางเรื่องที่อาจจะได้รับอิทธิพลจาก Harun Farocki ด้วยนะ ซึ่งหนังเรื่องนั้นก็คือ THE JOURNEY OF FUNERAL CASTLE ผาสาทกระดาษสี (2015, Sudapa Kaoropthai, documentary, A+30) หรือถึงแม้หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้รับอิทธิพลจาก Farocki โดยตรง แต่เราก็คิดว่าหนังเรื่องนี้เหมาะจะฉายควบกับหนังเรื่อง IN COMPARISON ของ Farocki มาก ๆ เพราะว่าหนังเรื่อง “ผาสาทกระดาษสี” เป็นหนังสารคดีที่นำเสนอสิ่งต่าง ๆ โดยไม่มีหรือแทบไม่มีบทบรรยาย แต่หนังเรื่องนี้กระตุ้นความคิดผู้ชมผ่านทาง montage หรือการร้อยเรียงฉากต่าง ๆ เข้าด้วยกันในหนังได้อย่างน่าทึ่งสุดขีด

 

“ผาสาทกระดาษสี” ติดอันดับ 39 ในลิสท์หนังที่เราชื่นชอบที่สุดที่ได้ดูในปี 2015

 ++++++++

ตารางชีวิตฮิสทีเรีย ดูหนังในเทศกาลภาพยนตร์จนเป็นบ้า

 

วันนี้ (26 ก.ย.) ออกไปดูหนัง 3 เรื่อง ซึ่งได้แก่

 

1. THE SAME BLOODLINE (1969, P. Pimol, 103min, A+30)

สายเลือดเดียวกัน (ป. พิมล)

 

ถ้าหาก Lav Diaz เป็น “ขวาจัดคลั่งชาติ” เขาก็อาจจะทำหนังออกมาแบบหนังไทยเรื่องนี้ 55555

 

2. CHUMPAE (1976, Jaral Promrungsee, 145min, A+30)

ชุมแพ (จรัล พรหมรังสี)

 

ดูจบแล้วยกให้เป็น ONE OF MY MOST FAVORITE THAI FILMS OF ALL TIME ไปเลย

 

3. ONE BATTLE AFTER ANOTHER (2025, Paul Thomas Anderson, 161min, A+30)

 

นึกว่าเป็น “version บันเทิง” ของ THE STATE I AM IN (2000, Christian Petzold, Germany, A+30) 55555

 

ตอนนี้ก็เลยเพิ่งมีเวลาว่างมาจัดตารางชีวิตฮิสทีเรียค่ะ

 

เนื่องจากเราอายุ 52 ปีแล้ว สังขารร่วงโรยมากแล้ว ก็เลยกะว่าช่วง 5 วันแรกของเทศกาล เราดูแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ

 

SATURDAY 27 SEP

 

11.30 HOUSE

TWINLESS (2025, James Sweeney, 100min)

 

13.30 HOUSE

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 1

78MIN

New Product (2012), Everybody a Berliner Kindl (1966), The Silver and the Cross (2010), Their Newspapers (1968), Two Paths (1966)

 

16.15 CENTRAL WORLD

SPYING STARS (2025, Vimukthi Jayasundara, Sri Lanka, 99min)

 

19.10

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 3

80MIN

Inextinguishable Fire (1969), Instructions on how to Pull off Police Helmets (1969), Nothing Ventured (2004), The Words of the Chairman (1969), White Christmas (1968)

 

SUNDAY 28 SEP

 

10.00

ดู VIDEO INSTALLATIONS ในนิทรรศการ ON-AIR, OFF-AIR
AT JIM THOMPSON

12.30 PARAGON

WHAT DOES THAT NATURE SAY TO YOU (2025, Hong Sang-soo, South Korea, 108min)

 

16.05 HOUSE

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 4

100MIN

In Comparison (2009), Make Up (1973), Remember Tomorrow is the First Day of the Rest of Your Life (1972)

 

18.10 HOUSE

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 5

88MIN

About Narration (1975), An Image by Sarah Schumann (1978)

 

19.55 HOUSE

DIAMONS IN THE SAND (2024, Janus Victoria, Malaysia, 102min)

 

MONDAY 29 SEP

 

11.00 PARAGON

PASSION (2008, Ryusuke Hamaguchi, Japan, 115min)

 

14.00 PARAGON

I LOVE THEE FOR GOOD (2009, Ryusuke Hamaguchi, Japan, 58min)

 

16.00 PARAGON

IMAGO (2025, Déni Oumar Pitsaev, Georgia, documentary, 109min)

 

18.00-20.30

กลับอพาร์ทเมนท์ที่ราชเทวีเพื่อไปนอนออมแรง นอนกอดลูกหมีน้อยกลอยใจ

 

21.00 HOUSE

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 6

114MIN

Before Your Eyes – Vietnam

 

23.05 HOUSE

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 7

105MIN

A Day in the Life of a Consumer (1993), Bedtime Stories: Bridges, Railways, Ships, Cats (1977), Single. A Record is Being Produced (1980)

 

TUESDAY 30 SEP

 

11.00 PARAGON

LIKE NOTHING HAPPENED (2003, Ryusuke Hamaguchi, Japan, 98min)

 

13.30 PARAGON

THE DEPTHS (2010, Ryusuke Hamaguchi, Japan, 121min)

 

16.00 CENTRAL WORLD

LAGUNA (2025, Sharunas Bartas, Lithuania, 102min)

 

18.20 HOUSE

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 9

82MIN

Serious Games I: Watson is Down (2010), Serious Games II: Three Dead (2010), Serious Games IV: A Sun Without Shadow (2010), War at a Distance (2003)

 

20.00 HOUSE

SKIN OF YOUTH (2025, Ash Mayfair, Vietnam, 122min)

 

WEDNESDAY 1 OCT

 

12.30 PARAGON

HEAVEN IS STILL FARAWAY (2016, Ryusuke Hamaguchi, Japan, 38min)

มันฉายควบกับ TOUCHING THE SKIN OF EERINESS (2016, Ryusuke Hamaguchi, Japan, A+30) ที่เราเคยดูแล้ว เราก็เลยกะว่า เราอาจจะออกจากโรงหลังจากทางโรงฉายเรื่องแรกจบ

 

13.30-16.00

เดินทางไปดู HARUN FAROCKI: PARALLEL I-IV (video installations)
AT GOETHE

 

16.20 HOUSE

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 10

85MIN

Counter Music (2004), Interface (1995), On Construction of Griffith' Films (2006), The Expression of Hands (1997)

 

18.10 HOUSE

JAWS (1975, Steven Spielberg, 124min)

 

ส่วนตารางชีวิตฮิสทีเรียของวันที่ 2-15 OCT เดี๋ยวเราค่อยจัดทีหลังค่ะ รอให้ BKKIFF ประกาศตารางฉายออกมาให้ครบ ๆ ก่อน

Thursday, September 25, 2025

RIP HENRY JAGLOM

 

ตอนนี้มีการจัดงานฉายงาน PARALLEL I-IV (2014, Harun Farocki, 43min) ที่สถาบันเกอเธ่ ซอยสาทร 1 เรารู้สึกไม่แน่ใจว่าเคยดูงานนี้ไปแล้วยัง ก็เลยลองเช็คข้อมูลดู แล้วก็เลยพบว่า เราเคยดู PARALLEL II กับ PARALLEL III ไปแล้วในเดือนเม.ย. 2021 เพราะหนังสองเรื่องนี้เคยมาฉายออนไลน์ทางเว็บไซต์ E-FLUX ซึ่งเราก็ชอบหนังสองเรื่องนี้ในระดับ A+30

 

สรุปว่า เรายังไม่ได้ดู PARALLEL I กับ PARALEL IV เพราะฉะนั้นเราจะต้องรีบไปดูโดยเร็วที่สถาบันเกอเธ่ เพราะว่ามันน่าจะจัดฉายถึงแค่วันที่ 3 ต.ค. ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด

 

แล้วตอนนี้ e-flux ก็มีจัดฉายหนังเรื่อง A FIRST QUARTER (1973, Lawrence Weiner, 85min) ด้วย โดยน่าจะจัดฉายถึงแค่วันที่ 30 ก.ย. ฉันจะดูทันไหม กรี๊ด #ดูหนังในเทศกาลภาพยนตร์จนเป็นบ้า

 

+++++

 

เนื่องจากจะมีการจัดงาน RETROSPECTIVE ของ HARUN FAROCKI ซึ่งถือเป็น “ปรมาจารย์แห่ง ESSAY FILMS” ที่ HOUSE SAMYAN เราก็เลยถือโอกาส copy paste สิ่งที่เราเคยโพสท์ไว้ในปี 2012 อีกครั้ง 55555

 

Hartmut Bitomsky ซึ่งถือเป็นปรมาจารย์ด้านภาพยนตร์อีกคนหนึ่งของเยอรมนี เคยพูดถึง Harun Farocki ว่า

 

"I think Farocki is coming from Eisenstein, and I'm coming from Rossellini. Farocki is very fond of montage,I'm more interested in life, as it is object as they are."

 

ซึ่งเราว่าสิ่งที่เขาพูดน่าสนใจดี เราเข้าใจเอาเองว่า เขามองว่า Farocki สืบทอดสายธารการทำหนังมาจาก Sergei Eisenstein ซึ่งให้ความสำคัญกับ “การตัดต่อ” เพราะว่าการตัดต่อฉากต่าง ๆ เข้าด้วยกัน “ก่อให้เกิดความหมายใหม่” ขึ้นมาได้ และเราเองก็มองว่า ทั้ง Farocki และ Eisenstein ต่างก็เป็นปรมาจารย์ที่ครุ่นคิดพิจารณาเกี่ยวกับ “ความหมายของ image”, potential power of images” และ “potential power” ของการตัดต่อ images ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

 

ส่วน Bitomsky มองว่า ตัวเขาเองสืบทอดสายธารการทำหนังมาจาก Roberto Rosselini ที่ให้ความสำคัญกับ LIFE

 

นอกจาก Hartmut Bitomsky แล้ว Jean-Luc Godard เองก็เคยพูดถึง วิธีการทำหนังที่แตกต่างกันระหว่าง Eisenstein กับ Rossellini ด้วย

 

This is what Jean-Luc Godard wrote about the film INDIA (1959, Roberto Rossellini, 90 min):

 

"INDIA runs counter to all normal cinema: the image merely complements the idea which provokes it. INDIA is a film of absolute logic, more Socratic than Socrates. Each image is beautiful, not because it is beautiful in itself, like a shot from QUE VIVA MEXICO!, but because it has the splendour of the true, and Rossellini starts from truth. He has already gone on from the point which others may perhaps reach in twenty years time. INDIA embraces the cinema of the whole world, as the theories of Riemann and Planck embraced geometry and classical physics. In a future issue, I shall show why INDIA is the creation of the world.".

 

เราเข้าใจว่า Godard มองว่า แต่ละ image ในหนังเรื่อง QUE VIVA MEXICO! (1932, Sergei Eisenstein, Grigoriy Aleksandrov, A+30)  ถือเป็นภาพที่ “สวยงามในตัวมันเอง” ซึ่งแตกต่างจากหนังของ Rossellini ที่แต่ละ image ถือเป็นภาพที่สวยงาม เพราะว่าภาพเหล่านั้น มี splendour of the true

 

ส่วนตัวเรานั้นก็ชอบภาพยนตร์ทั้งสองสายธาร ทั้งสายธารของ Eisenstein + Farocki และสายธารของ Roberto Rossellini (เราว่าหนังของ Jean Renoir, Mikio Naruse ก็น่าจะอยู่ในสายธารนี้ด้วยหรือเปล่า)

 

นึกถึงสมัยแรก ๆ ที่เราตามดูหนังเยอรมันเมื่อราว 30 ปีก่อน ยุคนั้นเราจะชอบจำชื่อปรมาจารย์ด้านภาพยนตร์ 4 คนนี้สลับกัน 55555

 

1. Harun Farocki

ปรมาจารย์แห่ง ESSAY FILMS

 

2. Heinz Emigholz (THE BASIS OF MAKE-UP)

ปรมาจารย์แห่ง ARCHITECTURE FILMS

 

3. Helmut Herbst (BLACK-WHITE-RED)

 

4. Hartmut Bitomsky

เรายังไม่เคยดูหนังของคนนี้เลย

 

รูปประกอบมาจาก

 

1. IMAGES OF THE WORLD AND THE INSCRIPTION OF WAR (1989, Harun Farocki, West Germany, A+30)

หนังเรื่องนี้จะมาฉายที่ HOUSE ในวันอังคารที่ 30 ก.ย. รอบ 16.50 น.นะ

 

2. BATTLESHIP POTEMKIN (1925, Sergei Eisenstein, Soviet Union, A+30)

 

3. INDIA (1959, Roberto Rossellini, 90 min)

 

4. DUST (2007, Hartmut Bitomsky)

 

สิ่งที่เราโพสท์นี้เป็นการ copy เนื้อหาบางส่วนมาจากโพสท์เก่าของเราในปี 2012 ซึ่งโพสท์เก่าของเราในปี 2012 มีคนกดไลค์แค่ 2 คน คือคุณ Kwan Jiyui กับใครอีกคนหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า คนคนนั้นที่เคยกดไลค์โพสท์ของเราในปี 2012 ได้ block เราไปแล้ว หรือไม่ก็เลิกเล่น Facebook ไปแล้ว เราก็เลยแอบสงสัยว่า คนที่เคยกดไลค์โพสท์เก่าของเราเกี่ยวกับ Farocki ในปี 2012 อีกคนหนึ่งคือใครกันนะ และเขา block เราไปเพราะอะไร 55555

++++

 

เวียนว่ายตายเกิด เราให้ A- จ้ะ เรารู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันมีปัญหา แต่เราชอบ “การถ่ายภาพ” และดีใจที่ได้เห็น “เอก โอรี” กับ “นวลปรางค์ ตรีชิต” ในหนังเรื่องนี้

+++

อานิสงส์จากการดูหนังในเทศกาล WHAT THE DOC + HONG KONG FILM FESTIVAL ส่งผลให้เรามีแต้มสะสมของ HOUSE SAMYAN ถึง 35 แต้มในช่วงต้นเดือนก.ย. เราก็เลยแลกตั๋วหนังฟรีได้ 3 ใบ

 

เราก็เลยใช้แลกตั๋วดูหนังเรื่อง EDEN (2024, Ron Howard, A+30) ไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ผลปรากฏว่า มีเราเป็นคนดูคนเดียวในโรง

 

เราเพิ่งเวลามาโพสท์ถึงเรื่องนี้ หลังจาก #ดูหนังในเทศกาลภาพยนตร์จนเป็นบ้า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

 

+++++

 

RIP HENRY JAGLOM (1938-2025)

 

เราเคยดูหนังของเขาแค่ 2 เรื่อง แต่ก็ชอบหนังทั้งสองเรื่องนี้อย่างสุดขีดคลั่งมาก ๆ ซึ่งก็คือเรื่อง

 

1. SOMEONE TO LOVE (1987)

นำแสดงโดย Orson Welles หนังเรื่องนี้เคยมาฉายที่ห้องสมุดมหาลัยธรรมศาสตร์ โดยการจัดฉายของ Filmvirus หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ความเห็นของผู้คนต่าง ๆ เกี่ยวกับ “ความรัก”

 

คือเราดูหนังเรื่องนี้แล้วแยกไม่ออกว่า ส่วนไหนเป็นเรื่องจริง ส่วนไหนเป็นเรื่องแต่ง ส่วนไหนเป็น “ตัวละครพูดตามบทภาพยนตร์” และส่วนไหนเป็น “ความเห็นของคนพูดจริง ๆ”

 

เราก็เลยชอบจุดนี้มาก ๆ ชอบที่หนังเรื่องนี้มันอาจจะเป็น “fiction ที่เนียนมาก ๆ จนเรารู้สึกว่ามันเป็นสารคดี” หรือมันอาจจะเป็น “fiction + documentary ที่ผสมเข้าด้วยกันจนคนดูแยกแยะไม่ออกอีกต่อไป”

 

2. DEJA VU (1997)

 

เราดูหนังเรื่องนี้จากวิดีโอเทปที่ซื้อมาจากร้านลูกแมวในมาบุญครอง และหนังเรื่องนี้ก็ติดอันดับ ONE OF MY MOST FAVORITE FILMS OF ALL TIME ไปเลย มันเป็น “หนังโรแมนติก” ที่เราดูแล้วร้องห่มร้องไห้หนักมาก (หนังไม่เศร้านะ เราแค่อินและซาบซึ้งกับหนังอย่างรุนแรงที่สุดในชีวิต)

 

คือทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า เราไม่อินกับ “หนังโรแมนติก” และ “หนังโรแมนติกคอมเมดี้” โดยส่วนใหญ่ แต่ DEJA VU (1997) นี่ถือเป็นข้อยกเว้นจริง ๆ มันเป็น “หนังโรแมนติก” ที่เรารู้สึกอินแบบไม่ทราบชีวิตอะไรอีกต่อไป

 

จริง ๆ แล้ว DEJA VU (1997, Henry Jaglom) กับ THE CLASSIC (2003, Kwak Jae-young, South Korea) นี่มีส่วนคล้ายคลึงกันนะ เพราะมันเป็น “หนังโรแมนติกสุดขีด” ที่พูดถึง “รุ่นแม่กับรุ่นลูก” เหมือนกันเลย มีส่วนคล้ายกันมาก ๆ ในบางจุด แต่เราดู THE CLASSIC แล้วเราไม่รู้สึกอินเลยแม้แต่กระผีกเดียว ในขณะที่เราอินกับ DEJA VU (1997) อย่างรุนแรงที่สุดในชีวิต

 

ก็เลยคิดว่ามันน่าสนใจดีเหมือนกัน ที่หนังสองเรื่องนี้มีจุดคล้ายกันมาก ๆ แต่ DEJA VU กลายเป็น ONE OF MY MOST FAVORITE FILMS OF ALL TIME ส่วน THE CLASSIC นี่เราชอบแค่ในระดับ C+

 

ฉากของ Vanessa Redgrave ใน DEJA VU นี่ ตราตรึงในความทรงจำของเรามาก ๆ

 

อยากให้มีคนจัดงาน RETROSPECTIVE ของ Henry Jaglom มาก ๆ เพราะว่าเขาเคยกำกับหนังมาแล้ว 23 เรื่อง แต่เราเคยดูหนังของเขาไปแค่ 2 เรื่องเท่านั้นเอง

++++++++

 

ในขณะที่เรากำลังรอตาราง BANGKOK INTERNATIONAL FILM FESTIVAL 2025 เราก็ขอจัดทำลิสท์ VIDEO INSTALLATIONS ในกรุงเทพที่เราตั้งใจจะไปดูในช่วงนี้ด้วยดีกว่า เราจะได้จัดตารางชีวิตสับหลีกได้ทัน

 

1.HARUN FAROCKI: PARALLEL I-IV

AT GOETHE

UNTIL 3 OCT

1200-2000HRS

 

2.ON-AIR, OFF-AIR

AT JIM THOMPSON

UNTIL 5 OCT

 

3.LOCAL MYTHS

AT BACC

UNTIL 10 OCT

 

4.ดาราภิวัฒน์

AT BACC

UNTIL 19 OCT

 

5.GHOST 2568

15 OCT-16 NOV

 

6.SILP PEERASRI 24

AT SILPAKORN

UNTIL 22 NOV

MONDAY-SAT 0900-1800

 

7.ACCLIMATE UNDONE

AT STORAGE

28 SEP-23 NOV

THURSDAY-SUNDAY 1300-1800

 

8.UNTIL WE MEET AGAIN

AT BACC

UNTIL 26 NOV

 

ส่วนเทศกาลภาพยนตร์ที่กำลังจะจัดต่อจาก BKKIFF ก็มี

 

1.กางจอ

11-12 OCT, 18-19 OCT

 

2.DEX FILM FEST

16-26 OCT

 

3.TAIWAN DOCUMENTARY FILM FESTIVAL

12-19 NOV

 

4.WOMEN’S FILM FESTIVAL

25 NOV-10 DEC

 

ตอนนี้เรากำลังรอตาราง IRISH FILM FESTIVAL อยู่ด้วย 55555

 

LOCAL MYTHS

https://web.facebook.com/baccpage/posts/pfbid02Wevxm4aZYLHA2sMEEsRVptNa1FunxcQjThAHFjwyGF6qyuCUe7Y3AnGE6V5ZwXpyl

 

ดาราภิวัฒน์

https://web.facebook.com/onceinourlife/posts/pfbid0jgSvULjbSC5VkRGmYtnUbWMzCG2DbcXcMFVMLg28sFGW1cV4EMRF8b5uQwyywVvJl

 

UNTIL WE MEET AGAIN

https://web.facebook.com/baccpage/posts/pfbid0aUJRB6Ktn1uw74xEghNzXa2sStuafczvLXuzE88VYMWzUtSnHNFiEubtfavn6W3vl

 

22 FILMS AT MAJOR RATCHAYOTHIN

 

เพิ่งสังเกตว่า MAJOR RATCHAYOTHIN วันพฤหัสที่ 25 ก.ย. มีหนังฉาย 22 เรื่อง รุนแรงมาก ๆ แต่ก็เป็น “ปริมาณ” หนังที่เยอะนะ ส่วนเรื่อง “คุณภาพ” ของหนังที่เปิดฉายอยู่ในตอนนี้ หรือ “ความหลากหลาย” ของหนังที่เปิดฉายอยู่ในตอนนี้ คงเป็นเรื่องของผู้ชมแต่ละคนที่จะต้อง evaluate กันเอาเอง 55555

 

ในบรรดาหนัง 22 เรื่องนี้ มี

 

1. AFTERBURN (2025, J.J. Perry, D- )

 

2. ATTACK 13 (2025, Taweewat Wantha, A+30)

 

3. BTS 2017 THE WINGS TOUR THE FINAL REMASTERED

 

4. CAUGHT STEALING (2025, Darren Aronofsky, A+30)

 

5. CHAINSAW MAN – THE MOVIE: REZE ARC (2025, Tatsuya Yoshihara, Japan, animation, 100min)

 

6. CHA EUN WOO MEMORIES IN CINEMA

 

7. THE CONJURING: LAST RITES (2025, Michael Chaves, A+30)

 

8. DEATH WHISPERER 2 (2024, Taweewat Wantha, A+30)

 

9. FOOD TRUCK: STOLEN LOVE...AND MOO DENG (2025, Chaleumpol Tikumpornteerawong, Watcharapong Pattama, C+ )

 

10. HARRY POTTER AND THE HALF-BLOOD PRINCE (2009, David Yates)

งงว่า หนังเรื่องนี้มาฉายทำไม

 

11. JAWS (1975, Steven Spielberg, 124min)

 

12. MALICE (2025, Lai Mukuan, Yao Wenyi, China, A+30)

 

13. MY DAUGHTER IS A ZOMBIE (2025, Pil Gam-sung, South Korea, A+)

 

14. MY LOVE STORY WITH YAMADA-KUN AT LV999 (2025, Yuka Yasukawa, Japan, A+15)

 

15. THE LONG WALK (2025, Francis Lawrence, A+30)

 

16. ONE BATTLE AFTER ANOTHER (2025, Paul Thomas Anderson, 161min)

 

17. OSIRIS (2025, William Kaufman, 108min)

 

18. PRINCESS MONONOKE (1997, Hayao Miyazaki, Japan, animation, A+30)

 

19. THE SHADOW’S EDGE (2025, Larry Yang, Hong Kong/China, A+30)

 

20. THE STRANGERS: CHAPTER 2 (2025, Renny Harlin, 96min)

 

21. THA RAE: THE EXORCIST (2025, Taweewat Wantha, A+30)

 

22. THE TOXIC AVENGER (2023, Macon Blair, A+30)

 

MALICE + INEXTINGUISHABLE FIRE

 

น่าดูสุดขีด ก่อนหน้านี้เราเคยดูหนังของ Polen Ly สองเรื่อง ซึ่งก็คือ FURTHER AND FURTHER AWAY (2022, A+30) กับ UNTIL THE ORCHID BLOOMS (2024, A+30) และเราชอบหนังทั้งสองเรื่องนี้มาก ๆ

 

+++

 

เนื่องจากกำลังจะมีการจัด RETROSPECTIVE ของ HARUN FAROCKI ซึ่งถือเป็น “ปรมาจารย์แห่ง ESSAY FILMS” ที่ HOUSE SAMYAN เราก็เลยถือโอกาสนี้ copy สิ่งที่เราเคยเขียนไว้ใน blog ของ Filmsick ในปี 2007 มาแปะไว้ในที่นี้ด้วย

 

--ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่เขียนถึง VIDEOGRAMS OF A REVOLUTION (1992, Harun Farocki) เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ มีหลายอย่างที่ดิฉันไม่ได้นึกถึงมาก่อน อย่างเช่นเรื่องพลังบริสุทธิ์ของภาพเคลื่อนไหว

ดูหนังเรื่องนี้แล้วดิฉันร้องไห้ตรงฉากสุดท้ายที่ขึ้นมาช่วง ENDING CREDIT ค่ะ เป็นฉากที่ผู้ชายคนนึงพูดถึงยุคของเชาเชสกูที่มีการสอนให้ประชาชนเหยียดเชื้อชาติ อารมณ์ของผู้ชายคนนั้นในฉากนี้เป็นอารมณ์ที่หนักมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่ HARUN FAROCKI เลือกฉากนี้มาใส่ไว้ในเครดิตท้ายเรื่อง มันเป็นฉากที่อารมณ์มันล้นทะลักจริงๆ

มีฉากที่สำคัญอีกฉากนึงตอนต้นเรื่องที่ดิฉันไม่ได้สังเกต แต่นักวิจารณ์ใน TIME OUT FILM GUIDE สังเกตเห็น และบอกว่าเป็นฉากที่สำคัญมาก ในฉากนั้นเป็นฉากที่ผู้ประกาศข่าวคนนึงมาประกาศข่าวที่ว่านายพลคนนึงที่คิดเป็นกบฏต่อเชาเชสกูได้ฆ่าตัวตายแล้ว เสร็จแล้วผู้ประกาศข่าวก็ทำเป็นกระแอมไอ

ฉากนี้เป็นฉากสำคัญมาก เพราะการกระแอมไอดังกล่าวเหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าข่าวที่อ่านน่ะเป็นข่าวตอแหล ผู้ชมข่าวทางทีวีคงเดาได้ใช่มั้ยล่ะว่านายพลคนนี้ไม่ได้ฆ่าตัวตายหรอก แต่น่าจะถูกพรรคพวกของเชาเชสกูฆ่าตายแน่ๆ แต่รัฐบาลก็ทำเป็นออกข่าวตอแหลมาว่าศัตรูได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว

การกระแอมไอนี้สำคัญมากๆ เพราะถ้าเป็นในยุคที่เชาเชสกูยังเรืองอำนาจ ผู้ประกาศข่าวต้องไม่กล้าทำเช่นนี้แน่ๆ แต่ผู้ประกาศข่าวคนนี้กล้าทำ เพราะเขาคงเริ่มมีความหวังว่ายุคของเชาเชสกูอาจใกล้จะล่มสลายแล้ว และเขาอาจรู้สึกทนเชาเชสกูไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

วินาทีแห่งการกระแอมไอนั้นจึงอาจจะถือเป็นวินาทีประวัติศาสตร์วินาทีนึงของโรมาเนีย เพราะนั่นเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นว่า สื่อของรัฐบาลเริ่มมีใจออกห่างจากรัฐบาลแล้ว สื่อของรัฐบาลเริ่มคิดที่จะแปรพักตร์จากรัฐบาลแล้ว อย่างไรก็ดี HARUN FAROCKI ไม่ได้ขับเน้นฉากนี้ให้โดดเด่นแต่อย่างใด เขานำเสนอฉากนี้อย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าผู้ชมสังเกตดีๆ ก็จะรู้ว่าฉากนี้สำคัญมากๆ


--พอได้อ่านที่ FILMSICK เขียน ก็เลยลองเข้าไปดู INEXTINGUSHIABLE FIRE (1969, Harun Farocki) ใน UBU ชอบหนังเรื่องนี้มากๆเหมือนกัน

ฉากตอนต้นของหนังเรื่องนี้เป็นฉากที่คลาสสิคมากๆ ฉากตอนต้นของหนังเรื่องนี้เป็นฉากที่ HARUN FAROCKI พยายามจะถ่ายทอดให้ผู้ชมฟังถึงความเลวร้ายของระเบิดนาปาล์มที่ทหารสหรัฐทิ้งใส่เวียดนาม แต่เขาก็พูดในทำนองที่ว่า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะสามารถสื่อให้ผู้ชมรับรู้ถึงอานุภาพอันโหดร้ายของระเบิดนาปาล์มได้

"When we show you pictures of napalm victims, you'll shut your eyes. You'll close your eyes to the pictures. Then you'll close them to the memory. And then you'll close your eyes to the facts."

แล้วหลังจากนั้น FAROCKI ก็ทำให้ฉากนี้เป็นฉากคลาสสิค ด้วยการที่เขาเอาบุหรี่มาจี้ที่แขนตัวเอง (กรี๊ดดดดดดดดดดดดด) แล้วก็มีคำบรรยายขึ้นมาว่า บุหรี่มีความร้อน 400 องศาเซลเซียส แต่ระเบิดนาปาล์มมีความร้อนถึง 3,000 องศาเซลเซียส ดูฉากนี้แล้วแทบร้องไห้

หนังเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่าประชาชนคนเดินถนนธรรมดาหลายๆคนมีส่วนต้อง “รับผิดชอบ” ต่อความเลวร้ายนี้อย่างไรบ้าง เพราะประชาชนหลายๆคนทำงานให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัทค้าอาวุธ โดย “ไม่สนใจ” หรอกว่าตัวเองทำงานให้บริษัทอะไร

 

++++

VIDEOGRAMS OF A REVOLUTION จะมาฉายใน HARUN FAROCKI’S PROGRAM 2 ในวันเสาร์ที่ 27 SEP รอบ 17.15 น.นะ

 

INEXTINGUISHABLE FIRE จะมาฉายใน HARUN FAROCKI’S PROGRAM 3 ในวันเสาร์ที่ 27 SEP รอบ 19.10 น.นะ

 

หนังทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็ถือเป็น ONE OF MY MOST FAVORITE DOCUMENTARIES OF ALL TIME

 

DOUBLE BILL FILM WISH LIST

 

MALICE (2025, Lai Mukuan, Yao Wenyi, China, A+30)

+ THE INEXTINGUISHABLE FIRE (1969, Harun Farocki, West Germany, documentary, A+30)

 

เราเพิ่งได้ดู MALICE ที่พารากอนเมื่อวานนี้ และหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เรานึกถึง THE INEXTINGUISHABLE FIRE ที่กำลังจะมาฉายที่โรงหนัง HOUSE SAMYAN ในวันเสาร์ที่ 27 ก.ย.มาก ๆ เพราะว่าหนังทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็พูดถึงการที่ “ประชาชนคนธรรมดา กลายเป็นฟันเฟืองของความชั่วร้าย” โดยที่ประชาชนแต่ละคนไม่ได้ตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน

 

THE INEXTINGUISHABLE FIRE แสดงให้เห็นว่าประชาชนคนเดินถนนธรรมดาหลาย ๆ คนมีส่วนต้อง “รับผิดชอบ” ต่อการที่กองทัพสหรัฐเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์จำนวนมากในสงครามเวียดนาม เพราะประชาชนหลาย ๆ คนทำงานให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัทค้าอาวุธ โดย “ไม่สนใจ” หรอกว่าตัวเองทำงานให้บริษัทอะไร โดยเฉพาะกรณีที่ “อาวุธ” แต่ละอย่างสร้างขึ้นจาก “ส่วนประกอบ” มากมาย ประชาชนบางคนอาจจะทำงานในบริษัทผลิต “แท่งอะลูมิเนียม” ธรรมดา ๆ แต่เขาหารู้ไม่ว่าแท่งอะลูมิเนียมธรรมดา ๆ นั้น อาจจะถูกนำไปใช้ประกอบเป็นอาวุธเพื่อฆ่าประชาชนจำนวนมากในสงครามเวียดนาม

 

ส่วน MALICE นั้นสะท้อนภาพของ “โลกสื่อสังคม” ในยุคปัจจุบัน ที่ประชาชนหลาย ๆ คนกดไลค์ กดเลิฟ กดแชร์ “ข้อมูลผิด ๆ” หรือ “กระแสความเห็นผิด ๆ” ทางอินเทอร์เน็ต โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตัวเองกระทำ จริง ๆ แล้วมันก็ถือเป็น “ฟันเฟืองเล็ก ๆ” อันหนึ่งของความชั่วร้ายขนาดใหญ่โตมาก

 

INEXTINGUISHABLE FIRE จะมาฉายใน HARUN FAROCKI’S PROGRAM 3 ในวันเสาร์ที่ 27 SEP รอบ 19.10 น.นะ ที่ HOUSE SAMYAN

Tuesday, September 23, 2025

HOW I LIVED MY LIFE DURING WILDTYPE 2025

 

บันทึกสภาพการดำรงชีวิตในช่วงดูหนังในงาน Wildtype 2025

 

เราได้ไปที่ Buffalo Bridge Gallery ในวันที่ 20-21 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เราได้ไปเยือนสถานที่นี้

 

1. ตอนแรกตกใจกับสภาพห้องน้ำมาก เพราะว่าห้องน้ำมีแค่ชั้น 4 แล้วห้องน้ำเล็กมาก

 

ตอนหลังเราเลยใช้วิธีไปเข้าห้องน้ำที่ตึก THE HUB ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม Buffalo Bridge Gallery แทน ตึกนี้มีห้องน้ำชั้นล่าง ในห้องน้ำชายมีห้องส้วมแบบปิดประตู 3 ห้อง เข้าได้สะดวกสบายตลอดทั้งวัน

 

2. ใกล้ ๆ ตึก Buffalo Bridge Gallery มีร้านเบเกอรี่ CAPTAIN SQUID เราก็เลยซื้อเบเกอรี่จากร้านนี้มากินรองท้องในระหว่างรอบหนัง

 

3. ใกล้ ๆ ตึก Buffalo Bridge Gallery มีร้านกาแฟ BLVCK ซึ่งกาแฟราคาถูกดี Caramel Macchiato แก้วละ 60 บาท เราก็เลยดื่มทีละ 2 แก้ว

 

4. คืนวันเสาร์ได้ไปกินอาหารที่ร้าน โง้วกุยกี่ ซึ่งปิดตีสาม อาหารอร่อยดี

 

5. คืนวันอาทิตย์ได้ไปกินอาหารที่ร้าน เหลา เหลา ซึ่งปิดตีสาม และอาหารก็อร่อยดีเช่นกัน

 

6. วันเสาร์เราเดินทางไป Buffalo Bridge Gallery ในสภาพตาลีตาเหลือกมาก เพราะว่า “ไฟดับในซอย” ที่เราอาศัยอยู่ เราก็เลยต้มบะหมี่กินไม่ได้ และอาบน้ำไม่ได้ จนกว่าไฟฟ้าจะมาก่อน แล้วกว่าไฟฟ้าจะมา และกว่าเราจะอาบน้ำและกินอาหารเสร็จ เวลาก็แทบไม่เหลือแล้ว เราก็เลยเดินทางไปถึงสถานที่จัดงานในเวลาแบบกระชั้นชิดมาก

 

7. ตอนแรกเรากะว่า วันอาทิตย์เราจะไปกินข้าวเช้าและดื่มกาแฟ Starbucks ที่ VILLA ARI แล้วค่อยเดินทางไป Buffalo Bridge Gallery

 

ปรากฏว่าพอถึงเวลาจริง ๆ คืนวันเสาร์เราเข้านอนตอนตีสาม เราก็เลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่เวลา 10.30 น.ของเช้าวันอาทิตย์ แล้วก็ตื่นมาตามเสียงนาฬิกาปลุก ปรากฏว่าง่วงมาก เราก็เลยตัดสินใจนอนต่อ ตื่นมาอีกที 11.18 น. เราก็เลยเดินทางมาดูหนังไม่ทัน 2 เรื่องแรก (แต่เรื่องแรกที่ฉายในวันอาทิตย์ ซึ่งก็คือเรื่อง MISFIT HARMONY เราเคยดูไปแล้วในงานหนังสั้นมาราธอน ซึ่งเราชอบมากในระดับ A+30)

 

++++

เทรลเลอร์ของ "อาถรรพณ์สมองผี" (1983, Lo Lieh, Hong Kong/Thailand) ที่จะมาฉายในเทศกาลภาพยนตร์ BKKIFF น่าดูที่สุด นำแสดงโดย หวีสองอัน (นางพญาหอยขาว, กระบี่ไร้เทียมทาน, เดชคัมภีร์เทวดา ภาคสอง) และมีสินจัย หงษ์ไทยร่วมแสดงด้วย 

 

Monday, September 22, 2025

FAROCKI SCHEDULE

 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

 

Harun Farocki เป็นอาจารย์ของ Christian Petzold และ Farocki มีส่วนร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง THE STATE I AM IN (2000, Christian Petzold, A+30), GHOSTS (2005, Christian Petzold, A+30), BARBARA (2012, Christian Petzold, A+30) และ PHOENIX (2014, Christian Petzold, A+30)  ด้วย

 

ตารางชีวิตฮิสทีเรีย ดูหนังในเทศกาลภาพยนตร์จนเป็นบ้า

SATURDAY 27 SEP

13.30

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 1

78MIN

 New Product (2012), Everybody a Berliner Kindl (1966), The Silver and the Cross (2010), Their Newspapers (1968), Two Paths (1966)

 

SAT 27 SEP

19.10

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 3

80MIN

Inextinguishable Fire (1969), Instructions on how to Pull off Police Helmets (1969), Nothing Ventured (2004), The Words of the Chairman (1969), White Christmas (1968)

 

SUNDAY 28 SEP

14.00

100MIN

เทศกาลหนังสั้นธีม “สุขภาพจิตเยาวชน” ระดับประเทศไทย Inspiring Asia Micro Film Festival 2025 – Inspiring Thailand

 

SUNDAY 28 SEP

16.05

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 4

100MIN

In Comparison (2009), Make Up (1973), Remember Tomorrow is the First Day of the Rest of Your Life (1972)

 

SUNDAY 28 SEP

18.10

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 5

88MIN

About Narration (1975), An Image by Sarah Schumann (1978)

 

SUNDAY 28 SEP

19.55

DIAMONS IN THE SAND (2024, Janus Victoria, Malaysia, 102min)

 

MONDAY 29 SEP

21.00

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 6

114MIN

Before Your Eyes – Vietnam

 

MONDAY 29 SEP

2305

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 7

105MIN

A Day in the Life of a Consumer (1993), Bedtime Stories: Bridges, Railways, Ships, Cats (1977), Single. A Record is Being Produced (1980)

 

TUES 30 SEP

18.20

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 9

82MIN

Serious Games I: Watson is Down (2010), Serious Games II: Three Dead (2010), Serious Games IV: A Sun Without Shadow (2010), War at a Distance (2003)

 

TUESDAY 30 SEP

20.00

SKIN OF YOUTH (2025, Ash Mayfair, Vietnam, 122min)

 

WED 1 OCT

16.20

HARUN FAROCKI’S PROGRAM 10

85MIN

Counter Music (2004), Interface (1995), On Construction of Griffith' Films (2006), The Expression of Hands (1997)

 

ส่วน HARUN FAROCKI’S PROGRAM 2 (Videograms of a Revolution (1992) ) กับ PROGRAM 8 ( Images of the World and the Inscription of War) เราตัดทิ้งไปได้ เพราะเราเคยดูแล้ว และหนังทั้งสองเรื่องถือเป็น ONES OF MY MOST FAVORITE DOCUMENTARIES OF ALL TIME

Saturday, September 20, 2025

HARUN FAROCKI RETROSPECTIVE IN BANGKOK

เนื่องจากจะมีการจัดงาน HARUN FAROCKI RETROSPECTIVE ในกรุงเทพในช่วงปลายเดือนก.ย.ถึงต้นเดือนต.ค. เราก็เลยถือโอกาสนี้ copy สิ่งต่าง ๆ ที่เราเคยเขียนไว้เกี่ยวกับ Harun Farocki ใน blog ของเราในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา มาทยอยแปะในนี้อีกครั้ง วันละนิดวันละหน่อย 55555 ถือว่าเป็นการ recycle ข้อมูลเก่า ๆ ใน blog ของเราให้เป็นประโยชน์ โดยที่เราจะมีการเขียนความเห็นต่าง ๆ ของเราในปัจจุบันผสมกันเข้าไปด้วย

 

Harun Farocki นี่ถือเป็น “Jean-Luc Godard ของเยอรมนี และเขาเป็นอาจารย์ของ Christian Petzold ด้วย เราชอบหนังของ Farocki อย่างรุนแรงมาก และยกให้เขาเป็น ONE OF MY MOST FAVORITE FILMMAKERS OF ALL TIME

 

ปัจจุบันนี้เราได้ดูหนังของ Farocki ไปเพียงแค่ 12 เรื่องเองมั้ง ถ้าหากเราจำไม่ผิด ยังมีหนังของเขาอีกมากมายหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้ดู ก็ได้แต่หวังว่างาน retrospective ครั้งนี้จะช่วยให้เราได้ดูหนังต่าง ๆ ของเขาเพิ่มอีกมากมายหลายเรื่อง เพราะเว็บไซต์ของ Goethe บอกว่ามีหนังของ Farocki 29 เรื่องมาฉายในงานนี้

 

หนึ่งในหนังของ Farocki ที่เราอยากดูอย่างรุนแรงที่สุด ก็คือหนังเรื่อง BEFORE YOUR EYES – VIETNAM (1981, 114min) เพราะหนังเรื่องนี้มาถ่ายทำที่จังหวัดขอนแก่นในประเทศไทย และนำแสดงโดยดาราชายคนโปรดของเรา Hanns Zischler (KINGS OF THE ROAD, THE LEFT-HANDED WOMAN, MEETINGS WITH ANNA)

 

เราชอบคำให้สัมภาษณ์ของ Farocki เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก ๆ

 

K.D.D. (ผู้สัมภาษณ์): Can we return to "Before Your Eyes - Vietnam" for a moment? Why make a film on Vietnam in 1981, many years after people stopped talking about the war?

Harun Farocki: One reason was that I wanted to take a stand against all this retro stuff that was going on in the United States. Let's take Coppola, for example, in "Apocalypse Now". Yes, it's a great film, I thought. No problem. But there is a problem. Let me make a comparison. Imagine we only made films about the psychological problems of the people who ran the concentration camps, and never about the victims. That's what America does. There are two hundred movies about how difficult it was to come back from Vietnam, being unemployed or traumatized, etc. That's a bit strange. First, you kill 1.5 million people and then your only concern is: has your wife left you? Will you still love her? and so on. That's all a bit strange. One could say it would be better for Americans to talk about Americans, not about Vietnam. So that was a starting point. The other thing is that I hated the behavior of some circles here that for a while were very sympathetic to the Viet Cong but later, when it turned out that they were not heroes, were not without blemish, but had also set up concentration camps and so on, latched on to other issues, Nicaragua or fashionable problems within Europe. I hate this tendency.


Friday, September 19, 2025

WILDTYPE 2025 SCREENING SCHEDULE (BANGKOK)

 

WILDTYPE 2025 SCREENING SCHEDULE (BANGKOK)

T : THAI SUB / E : ENG SUB /N : NO DIALOGUE/- : NO SUB)

*in english

SAT 20.09.2025 : 12.00 : ROUGH1 (124.38 mins)

A Nut Sunyata(2025, นฐมน สุขอินทร์) 28.34 mins (E)

ราลีเซสสองสองสอง(20265,ธนธิดา คำจวนจันทร์)2.22mins (T)

Yingyellow - พันธนาการ (Official Music Video)(2025,สุริเยชินท์ สุริยะโชติกุล)5.07 mins(N)

The Girl with the Plan(2023,ฐานทัพ เดชกำแหง)4.58 mins (T/E)

สริน (2024, ชญวัจน์ ฤทธิธมนวัจน์) 15 mins (E)

คนกราบโลมา (Dolphin (In a Nutshell)) (2025, นภัสนันท์ บัวสมบุญ) 21 mins (-)

สก๊อยสอยผี(2024,Saranpat Kongsuk +Natchaya Duangkaeo+ Chayada Chottaweepol+ Naritsara Mothong) 9.41mins (E)

Bloodland (2024,ภากร กาวิละ )16.02 mins (-)

รัก(ฉัน)ได้ไหม (2024, ธีรภัทร กาดกอง) 22.18 mins (-)

 

SAT 20 . 09 . 2025 : 14.30 : FICTION 1(118.15 mins)

06263 (2025, จิดาภา จิรยั่งยืนยง + ธีรภาส ว่องไพศาลกิจ)9.20 mins (E)

Abandoned House (2024,กิตติธัช ซาไซย)30 mins(E)

คืนข้ามวัน(2024,เชวง ไชยวรรณ)11.59 mins (E)

The Loudest Sound (2025,ญาดา พงษ์ศิริรัชกุล )7.56 mins (E)

ขอให้เรารักกันโดยสวัสดิภาพ (2024,ฐาปณี หลูสุวรรณ) 29.00 mins (E)

อื่น ๆ นับจากนี้(2024,ธนดล สดศรี) 29.57 mins (-)

 

SAT 20.09.2025 : 17.00 : EXPER 1(112.49 mins)

The Un Not anatomy of sins( 2025,พันกรัต งามแดน)13.26mins(-)

look closely enough(2025,วรัตต์ บุรีภักดี) 25.34 mins (E)

ORBITOR (2024,สิรศิลป์ ปังประเสริฐกุล) 28 mins (T/E)

THE PROTAGONIST IN BRESSON'S FILM (2023, นฤพงศ์ บุญเกิด)30.23 mins (T/E)

Making Shadow Speak *(2025,วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร ) 15 mins (T)

 

SAT 20.09.2025 : 19.30 : NOT HURT ,BUT ANGRY (112.55mins)

Midnight Bloom (2025,วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์ 17 mins)(E)

พราก (Tear Apart)(2024,ธีระวัฒน์ มุลวิไล) 17.27 mins Au Rievoir Siam (2024,โดเมนิโก สิงห์ เปโดรลิ) 29.00 mins (E)

The Spirit Level(2024,ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์)21mins(-)

หรรษาอาลัย(2025,บุรภัทร จันทร์ประทัด)28.08 mins (E)

—------------------------------

SUN 21.09.2025 12.00 :DOC (107.51 mins)

Misfit Harmony(2024,ณัฐนันท์ เทียมเมฆ) 19.04 mins(E)

คาดว่าพรุ่งนี้จะดีขึ้น (Tomorrow Will Be Better)(2025,ชนกสุดา เลิศวนานนท์) 22.13 2 mins(-)

เล่นน้ำเขื่อนกับเพื่อนของฉัน (2014, สุทัศน์ พานิช)22mins (E)

เพอ เลอ คี (Per Le Kee)(2024,ณัทพล กิจวราศรัย) mins 10.19(N)

Road to Nong Hin Village (2023,ลักษณาพร ทาระพันธ์)19.35 mins (E)

HERE COMES THE RAIN AGAIN(2025,บุรภัทร จันทร์ประทัด) 9.53 mins(T/E)

marginal contact (2025,กฤติพงศ์ ฐิติธนากุล)4.47 👎

 

SUN 21.09.2025 14.30 FIC2 : LUST, CAUTION (125.04mins)

TRIGGER WARNING : โปรแกรมนี้ไม่มี TRIGGER WARNING โปรดพิจารณาก่อนรับชม!

After the Rain(2025,ธีรติ มินทร์ปภาภัทร)17:35 mins (-)

ในลมหายใจเดียวกัน (In the Same Breath)(2024,ณัชชา สรรพวิชุ) 23.36 mins (E)

Piéta (2023, นรเศรษฐ์ แก้วธนเศรษฐ์)26.53 mins(-)

ความกลัวของโลมา (Dolphin's Fear)(2024,วิธวินท์ สุวรรณอัตถ์)29.30 mins(-)

3rd Rape(2024,ดรัลพร ลิขิตคีรีรัตน์)8.15mins (-)

 

21.09.2025 17.00L:EXPER 2 (109.04 mins)

David, The Mosquito in My Room (ยุงในห้อง)(2025,ฐานิกา เจนเจษฎา )7.35 mins * (-)

พัก63 (Park63)(2025,ดนยา จุฬพุฒิพงษ์) 2.23 mins(N)

บทขัดสมาธิกับดวงอาทิตย์(2025,เจษฎา จันทร์แย้ม) 8:30 mins(-)

วาด(2024,ณัฏฐณิชา กุลไกรจักร)25.00 mins (E)

How to Physical Examination?(2024,โมกข์ เชื้อภักดี) 16.57 mins (E)

Unidentified Chaos(2025,ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล)3.27 mins 👎

Coming Thro the Rye (2024,อสมาภรณ์ พิริยะโภคานนท์)7.27 mins(E)

Homesite (2022, Thanut Rujitanont+David Habchy+ Renato Duque8.00 mins *(-)

ที่อื่น (Liquid Concrete)(2024,ธนธรณ์ พันธ์ศรีเพ็ชร)31.32 mins (E)

 

SUN 21.09.2025 : 19.30 : THE PARTY AND THE GUEST (123.44)

วนเวียน (The Returning)(2025,สุพงศ์ จิตต์เมือง)30 mins (E)

Penraimakmize แล้วแต่จะคิดชีวิตคนละแบบ(2024, พลอยไพลิน อินเพ็ง)23.35 mins(-)

การยุทธ์ไม่มีวันสิ้นเสร็จ (2024,บัวริเยท เอี่ยมกมล ) 13.48 mins (T/E)

อะ โมโนล็อค(s) อะเบ้า อะ กรีนเนอร์ กราส A Monologue(s) about a Greener Grass(2024,ณภัทร ขุนล่ำ)(-)

เลือน: บทประพันธ์ดั้งเดิม (2024, บุรินทร์ เจ้าปลาบู่ทอง )34 mins (-)

A fire 9 kilometers away(2025, บัวริเยท เอี่ยมกมล) 12.12mins(E)

—---------------------------------

SAT 20.09.2025 : 12.00

ROUGH1

A Nut Sunyata(2025, นฐมน สุขอินทร์) 28.34 mins

หญิงสาวที่หมดศรัทธาในการมีชีวิต เธอต้องการที่จะจบชีวิตตัวเอง เเต่หุ่นยนต์หนุ่มที่ถูกจ้างมาให้ดูเเลเธอ กลับพยายามบอกว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นช่างน่าอัศจรรย์มากขนาดไหน เขาพยายามหาสาเหตุว่าทำไมหญิงสาวนั้นถึงอยากฆ่าตัวตาย

ราลีเซสสองสองสอง(20265,ธนธิดา คำจวนจันทร์)2.22mins

อินได้ตัดเส้นประสาทบริเวณสมองกลีบหน้าของตัวเองเพื่อได้สัมผัสโลกแห่งนามธรรม

Yingyellow - พันธนาการ (Official Music Video)(2025,สุริเยชินท์ สุริยะโชติกุล)5.07 mins

เด็กสาวผู้มีพลังเหนือมนุษย์ตกหลุมรักกับเพื่อนร่วมชั้น ก่อนที่พลังของเธอจะอันตรายมากเกินกว่าที่เธอจะควบคุมได้ จนนำไปสู่การพลัดพรากและการทดลองจากองค์กรปริศนา

The Girl with the Plan(2023,ฐานทัพ เดชกำแหง)4.58 mins

หญิงสาวคนหนึ่งพบเจอกับมนุษย์ทดลองในบ้านของเธอ เกิดเป็นบทสนทนาถึงที่ไปที่มาของความชอกช้ำของหล่อน

สริน (2024, ชญวัจน์ ฤทธิธมนวัจน์) 15 mins

กลุ่มนักเรียน 3 คนรวมตัวในห้องที่เป็นวิญญาณการเปลี่ยนแปลง พวกเขาไม่แสดง เขาเป็น เป็นสิ่งที่แม้แต่จิตยังไม่กล้าเรียก ใจยังไม่มีชื่อ ภาษาของตัวเองที่เกิดมาจากความกลัวสู่การเปลี่ยนแปลง

คนกราบโลมา (Dolphin (In a Nutshell)) (2025, นภัสนันท์ บัวสมบุญ) 21 mins

สามสาวร่วมตัวกันหลังตู้คอนเทนเนอร์ ตั้งลัทธิ? พูดคุย ถกเถียง สาบแช่งแฟนเก่า(ไอฟีม) และกราบโลมา เพื่อตามหาเหตุผลให้โลกสุดแสนไร้เหตุผลใบนี้

สก๊อยสอยผี(2024,Saranpat Kongsuk +Natchaya Duangkaeo+ Chayada Chottaweepol+ Naritsara Mothong) 9.41mins

สก๊อยกับผู้เล่นเข้าป่าเพื่อไปสอยผีที่ตามรังควานสก๊อยมาตลอดด้วยกัน แต่ผู้เล่นไม่รู้ว่าผีคือใคร และสาวมารยาทงามเกี่ยวอะไรกับการสอยผีในครั้งนี้

Bloodland (2024,ภากร กาวิละ )16.02 mins

มีคนมาขอซื้อที่ดินของเขา แต่เขาไม่ยอมขายจนมีปากเสียงกับภรรยา เขาจึงลงมือฆ่า และฆ่าไปเรื่อย ๆ เพื่อปกปิดหลักฐาน

รัก(ฉัน)ได้ไหม (2024, ธีรภัทร กาดกอง) 22.18 mins

เฟย์ สาวมัธยมปลายบังเอิญพบกับองศา ทำให้เธอได้รู้จักกับความรัก ทวาาความรักของเธอก็ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด

SAT 20 . 09 . 2025 : 14.30

FICTION 1

Abandoned House (2024,กิตติธัช ซาไซย)30 mins

หลังจากหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างกานต์ ผาก็ถูกบังคับให้กลับมาเผชิญหน้ากับบ้านที่เขาไม่อยากหวนคืน

คืนข้ามวัน(2024,เชวง ไชยวรรณ)11.59 mins

เดือน สาวไทใหญ่ที่หนีสงครามเขามาอยู่ในประเทศไทย เธอหารายได้ด้วยการทำงานรับจ้างรายวัน เพื่อหวังว่าวันหนึ่งจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว

The Loudest Sound (2025,ญาดา พงษ์ศิริรัชกุล )7.56 mins

การล้างเผ่าพันธุ์และการลบเลือนตัวตนของชนพื้นเมืองไม่ใช่เรื่องในอดีต แต่คือความจริงที่ยังคงดำเนินอยู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้จินตนาการถึงภาพใหม่ว่า การต่อต้านของชนพื้นเมืองจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรได้บ้าง เมื่อมันหยั่งรากจากชุมชน, ความรัก และแม้กระทั่งอาหาร

Ethnic cleansing and erasure of indigenous people is not in the past, it is an on-going reality. This film reimagine what indigenous resistance can look like when rooted in community, love, and perhaps even food.

ขอให้เรารักกันโดยสวัสดิภาพ (2024,ฐาปณี หลูสุวรรณ) 29.00 mins

คู่รักนักทำหนังเล่นบทบาทสมมุติของการเดตครั้งแรก ในการเดินทางผ่านอุโมงค์ไปชมคอนเสิร์ตที่ไม่เคยจัดในกรุงเทพฯ ด้วยกัน แต่การปรากฏตัวของชายลึกลับกลางทางทำให้ความรักและเส้นทางสู่จุดหมายของพวกเขาต้องสะดุด

อื่น ๆ นับจากนี้(2024,ธนดล สดศรี) 29.57 mins

เด็กสาวพึ่งกลับจากรักษาตัว เธอได้การบ้านให้หารูปคนในครอบครัวและรูปเพื่อนสนิท แต่เหมือนเธอกลับหารูปตามโจทย์ไม่ได้

SAT 20.09.2025 : 17.00

EXPER 1

The Un Not anatomy of sins( 2025,พันกรัต งามแดน)13.26mins

เป็นการทดลองตั้งคำถามเกี่ยวกับ ความฝัน ความแค้น บาดแผล และบาปกรรม

look closely enough(2025,วรัตต์ บุรีภักดี) 25.34 mins

Inspired by HisoPing and Rangsit Has Fallen Incident

หลังจากการตายของสรวงสวรรค์ (Heaven และอื่น ๆ) ชายใจสลาย รวมถึงภูติผีที่เร่ร่อนได้นอนแผ่ร้องแอ๊ร่วมกันตรงหน้าของอนุสาวรีย์ (รูปปั้น) อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ และอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ณ บริเวณอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี ในช่วงเวลาที่เดียวกับที่นักศึกษาคนอื่น ๆ กำลังจะมาถึงที่แห่งนี้ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป"

After the fall of Heaven (and others), a heartbroken man, along with wandering spirits, is lying down and going ‘Wee~!’ together in front of the statues of Professor Pridi Banomyong and Professor Puey Ungphakorn at the Puey Ungphakorn Centenary Hall and Park. At the same time, other students arrive at this place, each with their own purpose.

ORBITOR (2024,สิรศิลป์ ปังประเสริฐกุล) 28 mins

ORBITOR ถักทอเรื่องเล่าเชิงกวีที่พูดถึงภารกิจ Lunar Orbiter ในปี 1966 บรรยายแทรกสลับกับบทสัมภาษณ์คุณตาคุณยายของศิลปินย้อนรำลึกถึงเศษเสี้ยวความทรงจำของเหตุการณ์ในปีเดียวกัน การทับซ้อนกันของเรื่องเล่าปะทะกับเสียงคลื่นวิทยุ รบกวน แทรกแซง และขัดแย้ง หากแต่เผยให้เห็นภาพอันเลือนลางของประเทศไทยในยุคสงครามเย็นปรากฏขึ้นคาบเกี่ยวระหว่างความทรงจำส่วนบุคคลและประวัติศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์

THE PROTAGONIST IN BRESSON'S FILM (2023, นฤพงศ์ บุญเกิด)30.23 mins

ชายหนุ่มผู้หมกมุ่นฝันร้ายที่พร่าเลือนระหว่างความเป็นจริง ความจิตตก ความไร้แก่นสาร และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมา จากเศษชิ้นส่วนของความทรงจำที่กระจัดกระจายออกไป ชายหนุ่มไม่สามารถทนต่อพื้นที่จำเพาะที่เขาอยู่ เขาจึงตัดสินใจ เดินทางเพื่อหนีให้หายไปไกลจากที่นี่

Making Shadow Speak (2025,วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร ) 15 mins

Making Shadows Speak คือวิดีโอเรียงความที่เล่าเรื่องอย่างไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งสำรวจชีวิตหลังความตายของยุคจักรวรรดิ การเป็นประจักษ์พยานข้ามสายพันธุ์ และความทรงจำอันหลอนลวง ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องสลับไปมาระหว่างกรุงปารีสและกรุงเทพฯ พาผู้ชมล่องลอยไปตามพระราชวัง ซากปรักหักพัง และแม่น้ำ ที่ซึ่งเสียงสะท้อนของยุคอาณานิคมยังคงก้องกังวาน ของที่ระลึกจากการล่าสัตว์และสัตว์สตัฟฟ์ในพิพิธภัณฑ์ยุคอาณานิคมปรากฏขึ้นหลอกหลอนบนจอภาพ ในขณะที่นกแก้วตัวหนึ่งยังคงดำรงอยู่เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่เหลือรอด และเฝ้ามองอย่างเงียบงันถึงสิ่งที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้กล่าวถึง

SAT 20.09.2025 : 19.30

NOT HURT ,BUT ANGRY (112.55mins)

Midnight Bloom (2025,วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์ 17 mins)

บทสนทนาข้ามกาลเวลาระหว่างพ่อผู้ล่วงลับกับลูกชายผู้ยังมีชีวิต ผ่านความทรงจำ ความฝัน และเสียงของอดีตที่ยังดังก้องในปัจจุบัน

พราก (Tear Apart)(2024,ธีระวัฒน์ มุลวิไล) 17.27 mins

ความทรงจำของครอบครัวและการตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมและวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ต่อการครบรอบ 20 ปี การบังคับสูญหายของ "สมชาย นีละไพจิตร"

Au Rievoir Siam (2024,โดเมนิโก สิงห์ เปโดรลิ) 29.00 mins

สารคดีติดตามจรัล ดิษฐาภิชัยผู้ลี้ภัยการเมืองชาวไทยในกรุงปารีส ในการเดินทางเชิงเปรียบเปรยกลับบ้านเกิดของเขา สารคดีได้ปลดเปลื้องอาณาเขตทางการเมืองออก ผ่านคลังเอกสารของหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส ท่ามกลางความเปราะบางของท่วงมนุษย์ที่เผยตัวออกมา ท่ามกลางปัจจุบันอันเฉยเมยที่มีเพียงมือกีตาร์ ซากปรักหักพัง และสายน้ำที่ไม่เคยหยุดไหล ใบหน้าที่ถูกลืมเลือนและถูกทิ้งไว้ใต้ผืนน้ำปรากฏขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เราตั้งคำถามว่าพวกเขาได้เห็นอะไร ได้เป็นพยานต่อเหตุการณ์ใดบ้าง ระหว่างช่วงการกำหนดพรมแดนของประเทศไทย

The Spirit Level(2024,ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์)21mins

The Spirit Level สำรวจความรุนแรงและบาดแผลทางการเมืองที่ฝังแน่นอยู่ในภูมิทัศน์ทางจิตวิญญาณและสังคมของประเทศไทย โดยตั้งคำถามต่อประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม การบังคับบุคคลให้สูญหายและพิธีกรรมในการเชื่อมต่อจิตวิญญาณโดยผ่านการเดินทางเลียบแม่น้ำโขง—สถานที่ที่ทั้งมีพลังในตำนานและโศกนาฏกรรมที่ยังคงถูกกดทับ—ภาพยนตร์สะท้อนความรุนแรงของรัฐต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง ไม่ได้เพียงแต่คร่าชีวิต แต่ยังทิ้งเงาและบาดแผลทางจิตใจที่ไหลเวียนอยู่ในแม่น้ำโขง ในพิธีกรรม และในความทรงจำร่วมของผู้คน

หรรษาอาลัย(2025,บุรภัทร จันทร์ประทัด)28.08 mins

เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้วที่ศพของชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือ 'สหายภูชนะ' ถูกพบในแม่น้ำโขงเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2561 หลังจากลี้ภัยการเมืองไปประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการรัฐประหาร 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

แม้ปัจจุบันยังไม่ปรากฏความคืบหน้าของคดี ไม่มีเบาะแสใด ๆ ให้ไปต่อ แต่คนที่ต้องอยู่ต่อไปคือครอบครัวของชัชชาญที่ยังคงจัดงานรำลึกถึงเขา เชิญชวนเพื่อนสนิทมิตรสหายเท่าที่มีอยู่ไปพบปะสังสรรค์ที่บ้านเกิดของชัชชาญในจังหวัดมุกดาหารทุกปลายเดือนธันวาคม เพื่อเติมเต็มและให้กำลังใจกันและกัน ให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตต่อไปกับเรื่องนี้ได้ แม้ความหวังในการตามหาความยุติธรรมให้ผู้ถูกบังคับสูญหายและผู้ลี้ภัยทางการเมืองจะยังคงริบหรี่ก็ตาม

—------------------------------

SUN 21.09.2025 12.00

DOC

Misfit Harmony(2024,ณัฐนันท์ เทียมเมฆ) 19.04 mins

ท่วงทำนองของกีต้าร์อันประดักประเดิดที่ถูกเรียงร้อยเข้ากับร้านขายของมือสองและความทรงจำของนักกายภาพบำบัดคนหนึ่ง

คาดว่าพรุ่งนี้จะดีขึ้น (Tomorrow Will Be Better)(2025,ชนกสุดา เลิศวนานนท์) 22.13 2 mins

ดี บุ๊ค ออม แชมป์ แก๊งนิสิตมศวที่รวมตัวกันโดยมีอาจารย์ภูดิส เป็นหัวหอก เพื่อจะขอทุนหวังเอาทุนมาทำหนังสั้นเป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับเด็กเอกปรัชญาในคณะมนุษย์ ทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่จู่ ๆ อาจารย์ภูดิสก็ป่วยและเสียชีวิตกระทันหัน

เล่นน้ำเขื่อนกับเพื่อนของฉัน (2014, สุทัศน์ พานิช)22mins

เด็กกลุ่มหนี่งในชนบทลงเล่นน้ำในบ่ายอันแสนธรรมดา

เพอ เลอ คี (Per Le Kee)(2024,ณัทพล กิจวราศรัย) mins 10.19

สารคดีว่าด้วยวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงกลุ่มหนึ่ง พวกเขาไม่เพียงแค่อยู่กับป่า แต่เป็นส่วนหนึ่งของป่า โดยสะท้อนผ่าน ระบบความเชื่อ วัฒนธรรม และจารีตที่ยึดโยงกับผืนป่าและธรรมชาติ

Road to Nong Hin Village (2023,ลักษณาพร ทาระพันธ์)19.35 mins

‘Road to Nong Hin village’ เล่าถึงเรื่องราวการเดินทางของชาวบ้านหนองหิน จังหวัดยโสธร ทั้งหมด 3 รุ่น ผ่านประวัติการย้ายที่ตั้งหมู่บ้านเพื่อหนีโรคร้ายของบรรพบุรุษ ชีวิตของนักเรียนมัธยมปลายที่ต้องนั่งรถประจำทางเข้าไปเรียนในตัวเมือง และผู้เฒ่าวัยเกษียณที่กลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่หมู่บ้าน

หนังเรื่องนี้จะสำรวจห้วงความคิดของผู้ที่ยังคงอยู่ในหมู่บ้าน การเดินทางจากความแร้นแค้นในชนบทที่ดำเนินต่อเนื่อง คล้ายไม่มีที่สิ้นสุดจากรุ่นสู่รุ่น ผู้คนทะเยอทะยานดำเนินออกไปข้างหน้า แต่ทุกย่างก้าวของการเดินทางคล้ายจะพาพวกเขาค่อยๆ วนกลับมายังที่เดิม หนองหินเสมือนจุดเริ่มต้นและปลายทางของพวกเขา

HERE COMES THE RAIN AGAIN(2025,บุรภัทร จันทร์ประทัด) 9.53 mins

ในวันเสาร์อันแสนธรรมดา เหล่าสมาชิกนางโชว์พร้อมแสดง

marginal contact (2025,กฤติพงศ์ ฐิติธนากุล)4.47

ฉันมีโอกาสได้กลับบ้านในช่วงเทศกาลเชงเม้ง หนึ่งวันหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพ จึงถือโอกาสนี้บันทึกภาพยายที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่เธอเริ่มที่จะลืมชื่อฉันแล้ว

SUN 21.09.2025 14.30

FIC2 : LUST, CAUTION

TRIGGER WARNING : โปรแกรมนี้ไม่มี TRIGGER WARNING โปรดพิจารณาก่อนรับชม!

After the Rain(2025,ธีรติ มินทร์ปภาภัทร)17:35 mins

ก้องติดฝนอยู่ที่คณะ เขาจึงเข้าไปหลบฝนในห้องกิจกรรม และได้พบกับ “บีม” เพื่อนร่วมรุ่นที่เขาแอบชอบ

ในลมหายใจเดียวกัน (In the Same Breath)(2024,ณัชชา สรรพวิชุ) 23.36 mins

การปรากฏตัวของเจ ลูกชายของวิทยากรประจำค่ายธรรมะในโรงเรียนหญิงล้วน ทำให้บรรยากาศของเหล่านักเรียนหญิงเปลี่ยนไป ขณะเดียวกัน ความลับของ เฟลอ หนึ่งในนักเรียนหญิงก็กำลังเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผย

Piéta (2023, นรเศรษฐ์ แก้วธนเศรษฐ์)26.53 mins

เกย์หนุ่มผู้ได้พบกับแม่ของแฟนซึ่งคุยได้ทุกเรื่องอย่างสนิทใจ

ความกลัวของโลมา (Dolphin's Fear)(2024,วิธวินท์ สุวรรณอัตถ์)29.30 mins

ออมสิน ทนายฝึกหัดที่ถูกกดดันจากครอบครัวและชื่นชอบความรุนแรงวันหนึ่งเขาได้ถูกปีศาจหลอน

3rd Rape(2024,ดรัลพร ลิขิตคีรีรัตน์)8.15mins

การสอบสวนเหยื่อในคดีข่มขืน ที่สร้างความรู้สึกถูกข่มขืนซ้ำจากกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย

21.09.2025 17.00

EXPER 2

David, The Mosquito in My Room (ยุงในห้อง)(2025,ฐานิกา เจนเจษฎา )7.35 mins

ทะเลาะกับยุงในห้อง

พัก63 (Park63)(2025,ดนยา จุฬพุฒิพงษ์) 2.23 mins

สวนและการพักผ่อน เสียงประกาศข้อห้ามจากเจ้าหน้าที่ บทนำสู่เพลงชาติไทยที่ไม่ถูกเล่น

Leisure in a park Announcement of restrictions on park usage Prelude to the national anthem that was never played

บทขัดสมาธิกับดวงอาทิตย์(2025,เจษฎา จันทร์แย้ม) 8:30 mins

เมื่อลองนั่งสมาธิดูสักพักหนึ่ง และให้จดจ่อสมาธิถึงขณะเวลาที่ออกมาจาก ‘บ้าน‘ในตอนเช้า

วาด(2024,ณัฏฐณิชา กุลไกรจักร)25.00 mins

นรุตม์ และลูกสาว ที่เดินทางกลับมาบ้านของพ่อที่เพิ่งเสียชีวิต ความรู้สึกของบาดแผลและความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้หวนคืนกลับมาหาเขาอีกครั้ง

How to Physical Examination?(2024,โมกข์ เชื้อภักดี) 16.57 mins

สื่อการสอนการตรวจร่างกายทางการแพทย์ที่ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของร่างกายมนุษย์

Unidentified Chaos(2025,ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล)3.27 mins

หนังทดลองถ่ายด้วยฟิล์ม 16 มิลลิเมตรที่คนทำอยากลองถ่าย "สี" หลายชั้นผ่านแผ่นใส เพื่อดูว่าจะได้ผลเป็นอย่างไร

Coming Thro the Rye (2024,อสมาภรณ์ พิริยะโภคานนท์)7.27 mins

หลังจากคุณตาจากไป หญิงสาวรู้สึกประหนึ่งว่าคุณตากลับมาหาในรูปลักษณ์ของเหล่าฝูงนก

Homesite (2022, Thanut Rujitanont+David Habchy+ Renato Duque8.00 mins

การสร้าง 'บ้าน' ร่วมกันในฐานะผู้บรรยายสามคน เป็นแรงผลักดันให้เราได้สำรวจกันและกันอย่างใกล้ชิด ภายในพื้นที่และเวลาที่ถูกสมมติขึ้น ความสนใจของเราอยู่ที่การสำรวจการกระทำของการ 'ก่อร่างสร้างขึ้น' เช่นเดียวกับการ 'เข้าอยู่อาศัย' ในพื้นที่แห่งหนึ่ง 'Homesite' (พื้นที่บ้าน) คืออาณาเขตที่ซึ่งการพบปะทั้งหมดนี้ได้ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

Building a collective house as three narrators, has been a drive to explore intimately each other in a suggested space and time. Our interest relies in investigating the act of building/constructing as well as inhabiting a local. “Homesite” is the territory where all these encounters manifest.

ที่อื่น (Liquid Concrete)(2024,ธนธรณ์ พันธ์ศรีเพ็ชร)31.32 mins

นักเขียนหนุ่มผู้ติดอยู่ในกล่องคอนกรีตแห่งความทรงจำและจินตนาการที่ชื่อว่าสระว่ายน้ำ กล่องนี้ทำให้เขาเชื่อมต่อไม่ติดกับปัจจุบัน ระหว่างนั้นเองสภาพแวดล้อมและผู้คนก็ได้รุกรานพื้นที่ส่วนตัวของเขา

SUN 21.09.2025 : 19.30

THE PARTY AND THE GUEST

วนเวียน (The Returning)(2025,สุพงษ์ จิตต์เมือง)30 mins

ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2563-2567 ผู้คนกลับสนใจแวะเวียนมาร่วมงานรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ โดยมีความพยายามของกลุ่มคนหลากหลาย ทั้งอดีตนักศึกษาที่เคยร่วมในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ นิสิตนักศึกษาในปัจจุบัน นักดนตรีอิสระ กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2563 ฯลฯ ต่างพร้อมใจมาช่วยกันจัดงานรำลึกนี้ให้เกิดขึ้นตามกำลังที่มี แม้ทุกปีจะต้องเผชิญกับอุปสรรคในการจัดงาน

Penraimakmize แล้วแต่จะคิดชีวิตคนละแบบ(2024, พลอยไพลิน อินเพ็ง)23.35 mins

สาวบลิงค์ที่มีเพื่อนสนิท (มั้ง) เอาแต่ก่นด่าศิลปินที่คุณชอบ

การยุทธ์ไม่มีวันสิ้นเสร็จ (2024,บัวริเยท เอี่ยมกมล ) 13.48 mins

งานภาพยนตร์ทดลองที่กลับไปสำรวจประวัติศาสตร์ที่อิหลักอิเหลื่อของเขตแดน โบราณสถาน ชาติ และการเมือง จากข้อขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ใต้เงาแผนที่อาณานิคม รัฐชาติสมัยใหม่ และการเมืองไทย ยุทธการเหนือเขาพระวิหารปี 2554 เป็นเหตุการณ์ข้อพิพาทครั้งสำคัญระหว่างไทย-กัมพูชาที่บานปลายนำไปสู่การปะทะของกองกำลังทหารทั้งสองฝ่าย ซึ่งเกิดจากการแบ่งแผนที่สมัยอาณานิคม การสร้างชาติ สงครามเย็น และถูกโหมด้วยการปลุกกระแสชาตินิยมต่อต้านระบอบทักษิณ สู่ทศวรรษของความขัดแย้งและความรุนแรงทางการเมือง การสลายการชุมนุมปี 2553 การก่อรัฐประหารในปี 2557 ไปจนถึงการล้อเรื่องกุน ขแมร์และการที่เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วในปี 2566 ภายใต้เสียงปืน ข้อขัดแย้ง และการล้อกันด่ากันในโซเชียล คือประวัติศาสตร์ยาวนานของการล่าอาณานิคม การกำหนดแผนที่สร้างชาติ และเกมการเมืองของชนชั้นนำ ไล่เรียงอดีตถึงปัจจุบันอาจพบถึงความไร้แก่นสารอันอำมหิตของประวัติศาสตร์ข้อพิพาทและเส้นขีดเขียนบนผืนกระดาษ

อะ โมโนล็อค(s) อะเบ้า อะ กรีนเนอร์ กราส A Monologue(s) about a Greener Grass(2024,ณภัทร ขุนล่ำ )

วิดีโอบทความที่รวบรวมคอนเทนต์คลิปแนวตั้งและคลิปข่าวจากโซเซียลมีเดียจากสองฝั่งความคิดที่อาจดูต่างกันสุดขั้วในตอนแรก แต่เมื่อฟังดีๆ แล้วก็พบว่า ทั้งคู่ต่างก็ต้องการและโหยหาถึงบ้านใหม่ที่จะทำให้พวกเขาสบายใจกว่าบ้านเก่า…

เลือน: บทประพันธ์ดั้งเดิม (2024, บุรินทร์ เจ้าปลาบู่ทอง )34 mins

หลังจากที่บุรินทร์ นักศึกษาธรรมศาสตร์ได้หลีกหนีเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ด้วยการกระโจนลงแม่น้ำเจ้าพระยา เขาได้กลับกลายเป็นปลาบู่สีทอง และเวียนว่ายเข้าสู่ความทรงจำของตัวเขาเอง

A fire 9 kilometers away(2025, บัวริเยท เอี่ยมกมล) 12.12mins

บทกวีของพ่อถูกร้อยเรียงตัดสลับกับภาพข่าวและเสียงจักรกล เล่าประวัติศาสตร์ความรุนแรงทางการเมืองที่ส่งผลต่อเนื่องมาเกือบ 2 ทศวรรษ