Saturday, August 04, 2007

ONE TRUE THING (2007, Vichart Somkaew, A+++++)

FILMS SEEN ON MONDAY 30 JULY 2007

1.ONE TRUE THING (2007, Vichart Somkaew, A+)
80 min
This documentary is certainly one of the best Thai gay films. One of the thing I like in this film is the uninterrupted conversation scenes.


2.OUR WAVES (2007, Tulpop Saencharoen, A+)
12 min
At first I thought the film shows us the ocean, but when the camera zooms out, it is revealed that what I see is just a river. Then the film shows us many short scenes of friends doing various activities together.

I just saw two films by Tulpop Saencharoen. The other one is "___" (2007, A+). But I already believe he is one of the most interesting Thai directors in 2007. His films defy explanation, or maybe they need no explanation.


3.LIVE IN BANGKOK (2007, Unnop Saguanchat, A+)
7 min
This is a documentary about likay, a kind of Thai traditional stage play.


4.CHILD OF SIN (2007, Seri Lachonabot, A+/A)
28 min
I like the cinematography of this gay film very much. The dancing scene in the middle of the film is quite impressive.


5.AJARN KUAD (2007, Nattha Homsap + Tan Pleotianyingtawee, A+/A)
22.23 min
This is a cult film by the duo cult film directors. I like the narrative structure and the black humor in films directed by these two very much.


6.WASTELAND (2007, Megan Cossey, A)
13 min
This is a documentary about garbage gleaners.


7.CHANGE (2007, Wiras Yangyuen, A)
6.54 min


8.SHADOW OF A MAN (2007, Attapol Pamakho, Sunida Orndeesawasdi, A)
12.58 min
This is a dramatic film with some morally-challenged situations involving a monk and narcotics.


9.THE PROLOUGE (2007, Wannisa Iamla-ong, A)
16 min
This is a romantic film about a very shy guy. I'm not sure if the title of this film is misspelled or not.


10.TO FATHER (2006, Tossapol Tiptinnakorn, A)
This is a story about a son with an Alzheimer father. I can't follow the film in some parts, and I don't quite understand the ending. But I think the film conveys very well the suffering of the son caused unintentionally by the father.


11.THE DAY BEFORE REVOLUTION (2007, Pas Pattanakamjorn, A)
21.35 min
Two male friends talk, quarrel, and play together. I like the relaxed tone in some scenes of the film, especially the scene on the rooftop of an apartment building.


12.DEEPLY IN YOU (2007, Pison Suwanpakdee, A)
4.3 min
An experimental film showing some abstract, beautiful, arresting images.


13.MY SPACE (2007, Nakorn Chidcharoen, A-)
35 min
This romantic film deals with some metaphysical problems. I like some ideas in this film and the fact that in some parts of this film the viewers will not be sure if the scene is real or just a dream.


14.2520 (2007, Wiras Yangyuen, A-)
1.22 min
Another experimental film from Wiras Yangyuen, who is one of the most interesting Thai filmmakers in 2007 in my personal point of view. I don't think my wavelength is the same as the wavelengths in his films. His films don't make me feel very strongly, but at least these films make me want to see them again and again.


15.HERO (2007, Tanatat Sakulkunatip, A-)
29 min
I think the film is too long, and I don't usually like films with lovely children or films which affirm family values. But I still think this film has some useful lessons for some viewers. The film itself has some lovely charms of its own.


16.MUN PEN CHENNAN ENG (IT'S JUST LIKE THAT) (2007, Nichapoom Chaianant, A-)
18.02 min
This is a documentary with three parts: funeral worker, old people, janitor. I like the janitor's part the most. It shows some idiocy of the bureaucracy system in university.


17.CIRCLE (2007, Sittisak Jiampajamarn, A-)
2.10 min
This is a beautiful computer animation.


18.WORTH? (2007, Hasaya Rimpanawes, A-)
3.08 min
This film shows how different people react differently to the same piece of paper.


19.THE TIME CHANGE (2007, Tawiswakorn Siangkaharat, A-)
10.53 min
This film is about the unity of Thai people with different religions. I may not like the message or the purpose of this film, but I quite like the early part of this film which uses some songs in a very haunting way.


20.SPIN (2007, Nareerat Boontham, A-)
15 min
I like some ideas in this film. The film is about girls killing each other in an apartment building in order to be the one who can use a washing machine.

Because this film deals with the violence caused by something so trivial, this film somehow reminds me of a real event. My friend who works at the airport told me that the airport hires cleaning ladies from two companies. And then one day the cleaning ladies from one company fought against the ones from the other company. The real cause of this war is just because they couldn't agree on how to use Vixol, or some cleaning products, to clean the toilets.


21.WAN HANG KWAMRAK (VALENTINE'S DAY) (2007, Chalermwut Jarunchol, B+)
This is a film which affirms family values.


22.STEP BY STEP (2007, Worapong Kanasa, B+)
15 min
This crime film tells the story in an interesting way.


23.301-302 (2007, Watcharee Wongtanuwat)
17 min
I don't know if this film really has sound or not, but it was shown as a silent film, maybe due to some technical problems. The film deals with a fatal love triangle between two girls and a boy.

3 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ
เป็น ผกก หนังเรื่อง SPIN ค่ะ
เคยฝาก merveillesxx ไปบอกขอบคุณแล้ว แต่ขอบอกด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ
สิ่งที่คุณรับรู้ ถ้าดิฉันบอกว่าตรงกับใจดิฉันอย่างที่สุด อาจดูเวอร์ไป แต่ดิฉันคิดอย่างนั้นจริงๆ การจะก้าวข้ามเส้น "ถูก" / "ผิด" ในหัวคนเรา มันบางมาก ถ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เราก็สามารถไปอยู่ฝั่งที่ใช้ความรุนแรงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

คำถามคือ อะไรที่ส่งเสริมให้เราเป็นอย่างนี้.. ทั้งๆเรื่องดูเหมือนจะเล็กน้อยแท้ๆ...
แต่ทำไม ถึงใช้วิธีการที่รุนแรง ในการจัดการปัญหา..

นี่คือ msg ที่อยากถามสังคม ค่ะ

celinejulie said...

ขอบคุณคุณนารีรัตน์มากค่ะที่แวะเวียนมาเยี่ยมบล็อกของดิฉัน

ข้างล่างนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของดิฉันที่มีต่อเรื่องทั่วๆไป อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังของคุณนารีรัตน์เท่าไหร่ แต่อยากจะระบายความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเรื่องต่างๆค่ะ

พูดถึงหนังเรื่อง SPIN ของคุณนารีรัตน์แล้ว ก็ทำให้นึกถึงข่าวอีกข่าวนึงเมื่อปีก่อนด้วยค่ะ นั่นก็คือข่าวที่มียามธนาคารคนหนึ่งยิงนิสิตหญิงที่ไม่ยอมเข้าคิวจนถึงแก่ความตาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อราวต้นปี 2006 และดิฉันเคยนำข่าวนี้มาแปะไว้ในบล็อกของดิฉันในช่วงต้นปี 2007 ตามลิงค์ข้างล่างนี้
http://celinejulie.blogspot.com/2007/01/ten-movie-worthy-events-in-2006.html

สาเหตุที่หนังเรื่อง SPIN ทำให้นึกถึงข่าวนี้ขึ้นมา เพราะมันเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาโดยใช้โทสะและความรุนแรงจนเกินกว่าเหตุเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ข่าวนี้ฝังใจดิฉันเหมือนกับหนังเรื่อง SPIN ก็คือว่าในสองกรณีนี้ (การฆ่าคนเพื่อแย่งเครื่องซักผ้า + การยิงคนไม่ยอมเข้าคิว) ฆาตกรไม่ใช่คนชั่วประเภทใจทมิฬหินชาติ ทำอะไรไม่เป็นนอกจากเรื่องชั่วๆ แต่ฆาตกรในสองกรณีนี้อาจจะเป็นคนที่มีส่วนดีในตัวเองเยอะก็ได้ เพียงแต่เขาไม่สามารถควบคุมโทสะของตัวเองได้ และสาเหตุที่เขาไม่อาจควบคุมโทสะของตัวเองได้ ”อาจจะ” เกิดจากความคับแค้นใจที่หมักหมมมานานแล้วหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ถ้าหากเป็นในกรณีอื่นๆ หรือในหนังเรื่องอื่นๆ ดิฉันมักจะไม่รู้สึกติดใจมากเท่านี้ เพราะดิฉันมักจะรู้สึกว่าฆาตกรในคดีนั้นหรือในหนังเรื่องนั้นมันช่างชั่วร้ายเสียจริงๆ และดิฉันก็คงไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับฆาตกรดังกล่าวแต่อย่างใด

แต่ในหนังเรื่อง SPIN และในคดียามยิงคนไม่ยอมเข้าคิวนั้น ดิฉันรู้สึกฝังใจกับมัน เพราะดิฉันคิดว่าดิฉันพอจะ “เข้าใจ” อารมณ์โกรธของนางเอกหนังเรื่อง SPIN และของยามคนนั้นได้บ้างพอสมควร ซึ่งนั่นมันทำให้สองกรณีนี้โดดเด่นขึ้นมาในใจดิฉัน เพราะมันมีไม่บ่อยครั้งนักหรอก ที่เราจะรู้สึกว่าเรา “เข้าใจ” แรงจูงใจของฆาตกร แต่ความเข้าใจนี่ไมได้หมายความว่าดิฉัน “เห็นด้วย” กับฆาตกรนะคะ ดิฉันไม่ได้เห็นด้วยกับฆาตกรเลยแม้แต่น้อยค่ะ เพียงแต่ว่าสองกรณีนี้มันมีความสำคัญสำหรับดิฉัน เพราะมันแสดงให้เห็นว่ามีคนบางกลุ่มที่อาจจะไม่ใช่ “คนที่ทำเลวในทุกๆวัน” พวกเขาอาจจะทำดีในทุกๆวันก็ได้ พวกเขาอาจจะทำดีมากกว่าเราในทุกๆวันก็ได้ด้วยซ้ำไป แต่ภายในเพียงชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็อาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้และทำในสิ่งที่เลวร้ายมากๆอย่างคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นการที่เรามองว่าตัวเองเป็นคนดีแล้ว และใช้ชีวิตอย่างชะล่าใจ ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองนั้น คงไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน การ “ประมาทความชั่วที่หลบซ่อนอยู่ในใจตัวเอง” อาจจะนำมาซึ่งเหตุการณ์เลวร้ายอย่างในสองกรณีนี้ก็ได้

เมื่อใดก็ตามที่เราถูกโทสะเข้าครอบงำ เมื่อนั้นเหตุผลก็ไม่มีความสำคัญอีกต่อไปค่ะ เราจะลืมเหตุผลไปเลย เราจะลืมไปเลยว่าต้นเหตุของการทะเลาะวิวาทมันสำคัญหรือไม่สำคัญเพียงใด เราจะลืมไปเลยว่าเราจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้างถ้าเราทำตามแรงผลักดันของโทสะนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราถูกโทสะเข้าครอบงำ เมื่อนั้นเราจะ “เห็นช้างเท่ามด” จริงๆค่ะ เราจะไม่เกรงกลัวอะไรอีกต่อไป แม้แต่ความตาย

ดิฉันคิดว่าคดียามยิงคนไม่ยอมเข้าคิว กับหนังเรื่อง SPIN มันให้คติเตือนใจที่ดีมากๆกับดิฉันค่ะ มันให้คติเตือนใจว่า “เมื่อใดก็ตามที่ดิฉันถูกโทสะเข้าครอบงำจิตใจ ดิฉันจะต้องรีบดับมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ดิฉันอาจจะทำในสิ่งที่ต้องเสียใจไปจนตลอดชีวิตก็ได้”

หวังว่าคงได้เห็นคุณนารีรัตน์ทำหนังออกมาอีกเรื่อยๆนะคะ

Anonymous said...

มาแอบดูสาวๆ เม้าท์กัน