เคยดู My Best Fiend กับ Woyzeck ค่ะ จำได้ว่า My Best Fiend ชอบฉากผีเสื้อมาก ส่วน Woyzeck ชอบฉากช่วงท้ายๆของเรื่องมาก
ส่วนหนังที่ดูในวันนี้ ตอนนี้รู้สึกชอบ Days and Nights in the Forest (1969, Satyajit Ray) มากที่สุด
รองลงมาก็เป็น Russian Ark
Days and Nights in the Forest (A+) ชอบฉากเล่นเกมมาก กับชอบฉากของคุณแม่ม่ายช่วงท้ายเรื่อง
อันดับ 3 ตามความชอบของวันนี้คือ My Town (2002, Marek Lechki) (B) จากโปแลนด์ ชอบเรื่องนี้พอสมควร ฉากที่ชอบที่สุดฉากนึงคือฉากที่พระเอกกับเพื่อนผู้ชายนั่งมองฝนตกด้วยกันในโรงรถ
ดู My Town แล้วนึกถึงหนังยุโรปบางเรื่องที่พูดถึงหนุ่มสาวในเมืองเล็กๆที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว ชีวิตที่ดูค่อนข้างว่างเปล่า ผู้คนหลายคนตกงาน
หนังในกลุ่มนี้ที่ชอบมากๆก็รวมถึงเรื่อง (ขอเอามาแนะนำในที่นี้เผื่อคนที่ชอบ My Town จะได้ไปหามาดู)
1.Egg (1987, Danniel Danniel) (A+) จากเนเธอร์แลนด์ ดูที่สมาคมฝรั่งเศส เรื่องนี้พูดถึงชีวิตในเมืองเล็กๆ เงียบๆ แต่ชีวิตดูไม่แร้นแค้นเท่าเรื่องอื่นๆ หนังโรแมนติกดี
2.Life of Jesus (1997, Bruno Dumont) (A+) เรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตชนบทฝรั่งเศสออกมาได้เย็นชาดี
3.Wild Bees (Bohdan Slama) (A+) หนังจากสาธารณรัฐเช็คที่เพิ่งมาฉายที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ช่วง 15 นาทีแรกของเรื่องนี้รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก เหมือนกับผู้กำกับพาเราเข้าสู่ชีวิตของตัวละครในหมู่บ้านเลยโดยไม่มีการเกริ่นนำ แต่พอปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วก็รู้สึกอินกับเรื่องมากๆ ฉากที่ชอบมากคือฉากที่คุณยาย (หรือคุณย่า) ของพระเอกทำใจยักษ์ใจมารใส่นางเอกบนรถ กับทำใจยักษ์ใจมารใส่ครอบครัวนางเอกที่สุสาน เป็นสองฉากที่ให้ความรู้สึกโหดร้ายมาก
4.Out of Time (Neben der Zeit) (1995, Andreas Kleinert) (A+) หนังเรื่องนี้มีวิดีโอให้ยืมที่สถาบันเกอเธ่ ซ.สาทร 1 เกี่ยวกับชีวิตในเยอรมันฝั่งตะวันออกหลังสิ้นสุดยุคคอมมิวนิสต์ใหม่ๆ เป็นหนังเหงาๆที่กินใจเรื่องนึง หนังเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกซึ่งเป็นพนักงานสถานีรถไฟร้างๆ กับพระเอกซึ่งเป็นทหารรัสเซียที่มาประจำการที่เยอรมันตะวันออกแต่ไม่อยากเดินทางกลับประเทศรัสเซีย
จุดนึงที่น่าสนใจของหนังคือความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายนางเอกกับพระเอกที่ออกมาในเชิงโฮโมอีโรติกหน่อยๆ กับความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายนางเอกกับแม่ที่ส่อเค้า incest taboo
อันดับ 4 ของวันนี้คือ Prop & Berta (2001, Per Fly) (C) ที่รู้สึกเฉยๆ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของหนังแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะตัวเองคงไม่ใช่คนดูกลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้
จริงๆหนังเรื่อง The Bench (2000) ของ Per Fly เคยมาฉายที่ศาลาเฉลิมกรุงเมื่อต้นปี 2002 ซึ่งดูแล้วก็รู้สึกชอบพอสมควร เพราะ The Bench เป็นหนังที่ใช้คนแสดงและตัวละครมีฉากบีบคั้นอารมณ์อย่างรุนแรง แต่ Prop & Berta แตกต่างจาก The Bench มากเลย และคนดูกลุ่มเป้าหมายก็คงไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน
Prop & Berta เป็นหนังอะนิเมชันน่ารักสดใส เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ส่วนอารมณ์จากหนังเรื่อง The Bench นั้น ดิฉันขอยืมคำ 3 คำจากผู้ชมใน imdb.com มาใช้บรรยายหนังเรื่องนี้ค่ะ นั่นก็คือคำว่า "painful, misery, and hopelessness" เพราะฉะนั้นคนที่เคยดู The Bench แล้วคาดหวังว่าจะได้อารมณ์อย่างเดียวกันจาก Prop & Berta ก็คงต้องผิดหวังไปตามระเบียบ
อันดับ 5 ของวันนี้ และหวังว่าจะเป็นอันดับต่ำสุดของเทศกาล โดยไม่มีเรื่องใดมาชิงตำแหน่งโหล่สุดไปได้ ก็คือ The Return from India (2002, Menahem Golan) (D)
อย่างไรก็ดี นี่เป็นหนังที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดมากที่สุดเรื่องนึง เพราะในขณะที่ไม่รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้เลย แต่ก็อยากดูวิดีโอ/ดีวีดีหนังเรื่องนี้ทุกสัปดาห์ เพราะ Aki Avni พระเอกหนังเรื่องนี้หล่อมาก ถ้าใครพบว่ามีวิดีโอ/วีซีดี/ดีวีดีหนังเรื่องนี้ขายที่ไหน ช่วยบอกด้วย จะได้รีบไปซื้อมาเก็บไว้
ถ้าเพียงแต่ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ ตัดทุกอย่างที่เกี่ยวกับอินเดียออกไปจากเรื่องให้หมด และโฟกัสทุกอย่างไปที่รูปร่างหน้าตาของพระเอกแทน บางทีหนังเรื่องนี้อาจได้ A+ จากดิฉันแทนที่จะเป็น D ไปแล้วก็ได้
ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นต้องใส่เทวรูปใดๆทั้งสิ้นเข้ามาในหนัง ในเมื่อพระเอกของเรื่องนี้ดูเหมือนเทพบุตรอยู่แล้ว (คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้คงเห็นว่าการใส่เทวรูปเข้ามาในเรื่องเป็นจุดที่ทำให้เสียอารมณ์มากพอสมควร) บรรยากาศหลังหนังเรื่องนี้จบเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากค่ะ
รู้สึกว่าคนอินเดียคนนึงจะโกรธหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก
Saturday, May 20, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment