Saturday, May 20, 2006

DIVINE INTERVENTION

24 oct 2003

ความรู้สึกที่มีต่อหนังที่ดูในวันนี้

หนังที่ชอบน้อยที่สุดในวันนี้คือ Spring Subway (2002, Zhang Yibai) ค่ะ เพราะไม่ค่อยชอบหนังโรแมนติกในแนวนี้สักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนั้นๆจะทำออกมาได้ดีมากๆก็ตาม

อันดับ 3 ของวันนี้คือ Standing in the Shadows of Motown (2002, Paul Justman) ค่ะ เป็นหนังสารคดีที่มีชีวิตชีวามากเลย เพลงก็เพราะมาก ชอบเพลง What's Going On ที่ Chaka Khan ร้องในเรื่องนี้มาก แต่น่าเสียดายที่ฟังภาษาอังกฤษไม่ออก ก็เลยดูแทบไม่รู้เรื่องเลย คนดูในโรงหัวเราะกันตลอด แต่ตัวเองฟังไม่ออกก็เลยไม่เข้าใจมุขตลกในเรื่องนี้ ถ้าได้ดูแบบมีซับไตเติลก็คงจะดีมากค่ะ

อันดับ 2 ของวันนี้คือ The Wind Bird (2002, Inoka Sathyangani Keerthinanda) (A-) จากศรีลังกา รู้สึกชอบช่วงแรกๆของเรื่องนี้มาก ตอนแรกๆจะรู้สึกสงสารนางเอก แต่พอดูไปเรื่อยๆจะรู้สึกทั้งรำคาญและทั้งเห็นใจเธอ ชอบรูปร่างหน้าตาของนางเอกเรื่องนี้มาก ดูเหมือนคนธรรมดาดี ถ่ายภาพก็สวยถูกใจมาก แต่ดูแล้วรู้สึกเหนื่อยล้ายังไงไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับต้องการให้ผู้ชมรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตเหมือนกับนางเอกหนังเรื่องนี้หรือเปล่า

หนังเรื่องนี้คล้ายกับเป็นด้านกลับของ It's Easier for a Camel เพราะหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงชีวิตผู้หญิงที่ยากจนและจินตนาการแบบเหนือจริงของเธอ ในขณะที่ It's Easier for a Camel แสดงให้เห็นถึงจินตนาการแบบเหนือจริงของหญิงสาวที่ร่ำรวย ที่รู้สึกรำคาญนางเอกหน่อยๆก็เพราะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่เธอติดยึดกับพระเอกมากเกินไป และก็ไม่เห็นด้วยกับการที่เธอไม่คิดจะทำงาน แต่ก็เข้าใจว่าคนหลายคนก็คงเป็นอย่างนี้จริงๆ หนังเรื่องนี้คงสะท้อนปัญหาที่คนหลายคนประสบในชีวิตจริง แต่ดูแล้วก็อดนึกเปรียบเทียบกับนางเอกหนังเรื่อง The Left-Handed Woman (กำกับโดย Peter Handke) ไม่ได้ นางเอกหนังเรื่องนั้นอยู่ดีๆก็หย่าขาดกับสามีโดยไม่มีสาเหตุใดๆทั้งสิ้น และก็เริ่มเรียนรู้ที่จะจัดวางชีวิตตัวเองใหม่อย่างมีความสุข ฉากที่นางเอกหนังเรื่อง The Left-Handed Woman กระโดดเริงร่าไปตามท้องถนนเป็นฉากที่ติดตาตรึงใจมาก รู้สึกเห็นใจนางเอก The Wind Bird มากก็จริง แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าถ้าเธอทำอย่างนางเอก The Left-Handed Woman ได้ ชีวิตเธอก็คงจะมีความสุขไปนานแล้ว

อีกจุดนึงที่ไม่ชอบใน The Wind Bird คือดนตรีประกอบ แต่ก็นับได้ว่า The Wind Bird เป็นหนังที่ถูกใจเกินความคาดหมายอย่างมาก เพราะไม่ได้คาดหมายอะไรกับหนังศรีลังกามาก่อน ไม่นึกมาก่อนว่าศรีลังกาจะมีการสร้างหนังที่ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบงงๆอย่างนี้

ส่วนหนังที่ชอบที่สุดในวันนี้คือ Divine Intervention (A+) ค่ะ ตอนที่นั่งดูอยู่จะรู้สึกว่าบางฉากดูโง่ๆ บางฉากดูฮาๆ แต่ดูไปดูมากลับพบว่ามันตรึงความสนใจอย่างมาก และก็จบได้ถูกใจด้วย แต่เหตุผลที่ทำให้รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆก็คือเหตุผลที่โง่ที่สุดในชีวิตค่ะ นั่นก็คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำให้ร้องไห้อย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 1 ปี (นับตั้งแต่ดูหนังเรื่อง Bunny ของ Mia Trachinger ในปีที่แล้วเป็นต้นมา) ดู Divine Intervention แล้วไม่รู้สึกว่าเข้าใจหนังเรื่องนี้ ไม่เข้าใจแต่ละฉากในเรื่องนี้ ไม่เข้าใจว่า Elia Suleiman ต้องการจะสื่อความหมายอะไร แต่ดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก มันเจ็บปวดมากอย่างที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ขอสารภาพว่าดูหนังเรื่องนี้เสร็จแล้วก็เข้าไปขังตัวเองในห้องน้ำเพื่อร้องไห้เป็นเวลาสิบกว่านาทีค่ะ เสร็จแล้วก็เข้าไปดู Spring Subway แล้วก็ออกมาร้องไห้ให้กับ Divine Intervention ต่อ หลังจากนั้นก็เข้าไปดู Standing in the Shadows of Motown ดูเสร็จก็ออกมาร้องไห้ให้กับ Divine Intervention ต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นๆเคยมีประสบการณ์ร้องไห้ให้กับหนังอย่างรุนแรงถึงขั้นนี้บ้างหรือเปล่า แต่สำหรับตัวเองแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ความรู้สึกที่สาหัสสากรรจ์ที่สุดครั้งนึงจากหนังเลยค่ะ

No comments: