--ขอบคุณคุณมน.มากค่ะ เคยชอบอ่านนิยายของม.มธุการีมากๆเหมือนกันตอนอยู่โรงเรียนมัธยม แต่หลังจากเข้ามหาลัยก็แทบไม่ได้อ่านนิยายอีกเลย ไม่ได้เข้าร้านเช่านิยายมานานเกือบ 20 ปีแล้ว
นำรูปเมฆมาแปะด้วยค่ะ เพื่อให้เข้ากับ “เมฆหลงฟ้า” รูปเหล่านี้มาจากภาพยนตร์เรื่อง CLOUDS: LETTERS TO MY SON (2001, MARION HANSEL)
http://www.cineman.ch/movie/img/2537/still1.jpg
http://www.cineman.ch/movie/img/2537/still2.jpg
http://www.cineman.ch/movie/img/2537/still3.jpg
ส่วนรูปนี้มาจากภาพยนตร์เรื่อง TEN SKIES (2004, JAMES BENNING) ที่ประกอบด้วยการถ่ายภาพเมฆใน 10 สถานที่ สถานที่ละ 10 นาที หนังเรื่องนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานภาพยนตร์ระดับ masterpiece
http://cinema.cornell.edu/cnypg/tours/Ten%20Skies.jpg
http://www.sfgate.com/blogs/images/sfgate/culture/2005/08/23/tenskies/eyenature_10skies.jpg
JAMES BENNING เป็นพ่อของ SADIE BENNING โดยตัว SADIE BENNING เองนั้นถือเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เลสเบียนที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่งในโลก เธอเกิดปี 1973 เหมือนดิฉันด้วยค่ะ
http://www.imdb.com/name/nm0072162/
http://xq28.net/s/viewtopic.php?t=10893
--พูดถึงเพลงประกอบหนังในยุคปลายทศวรรษ 1980 อีกเพลงนึงที่ชอบมากก็คือ LILY WAS HERE ของ DAVID A. STEWART FEATURING CANDY DULFER ค่ะ เพลงนี้ใช้ประกอบหนังเรื่อง LILY WAS HERE (1989, BEN VERBONG) ของเนเธอร์แลนด์ ที่นำแสดงโดย MARIA VAN THIJN กับสุดหล่อ THOM HOFFMAN (เกิดปี 1957) ถ้าจำไม่ผิด เพลงนี้จะเน้นเสียงแซกโซโฟนของ CANDY DULFER
http://images.amazon.com/images/P/6302413796.01._SCLZZZZZZZ_.gif
http://www.dnafiles.net/dna/more_slv/davex05.jpg
http://www.dnafiles.net/dna/more_slv/dave04.jpg
THOM HOFFMAN เคยเล่นหนังเกย์เนเธอร์แลนด์เรื่อง THE FOURTH MAN (1983, PAUL VERHOEVEN, A+) ด้วย รูปข้างล่างนี้เป็นรูปของ THOM ขณะถูก JEROEN KRABBE โอบจากทางด้านหลังในหนังเรื่องนี้
http://a69.g.akamai.net/n/69/10688/v1/img5.allocine.fr/acmedia/medias/nmedia/18/35/55/79/18406328.jpg
ฟังตัวอย่างเพลง LILY WAS HERE จากอัลบัม THE BEST OF CANDY DULFER (1998) ได้ที่นี่
http://www.amazon.com/gp/product/B00000AG8Y/ref=pd_bxgy_text_b/002-9552357-4583267?%5Fencoding=UTF8
อย่าจำหนังเรื่อง LILY WAS HERE สลับกับ ALICE DOESN’T LIVE HERE ANYMORE (1974, MARTIN SCORSESE, A) ที่นำแสดงโดย ELLEN BURSTYN, KRIS KRISTOFFERSON, DIANE LADD, JODIE FOSTER และ HARVEY KEITEL
http://images.amazon.com/images/P/B000286RO8.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
--นอกจากการแสดงของ ROBERT DE NIRO กับ JEREMY IRONS ในหนังเรื่องTHE MISSION จะยอดเยี่ยมมากๆ แล้ว ดิฉันยังชอบนักแสดงอีกหลายๆคนในหนังเรื่องนี้ด้วยค่ะ ซึ่งรวมถึง
1.RAY MCANALLY
http://www.imdb.com/name/nm0564044/
เขารับบทเป็นผู้ทรงอำนาจในโบสถ์ที่กษัตริย์โปรตุเกสส่งมาที่อเมริกาใต้เพื่อพิจารณาว่าควรปล่อยให้พระนิกายเยซูอิตกับชาวอินเดียนพื้นเมืองกลุ่มนี้มีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ การแสดงของเขาในช่วงท้ายเรื่องยอดเยี่ยมมากๆ
RAY MCANALLY (1926-1989) เป็นชาวไอริช เขาได้ร่วมงานกับ ROBERT DE NIRO อีกครั้งใน WE’RE NO ANGELS (1989, NEIL JORDAN, A-) ซึ่งเป็นหนังตลกที่เขียนบทโดย DAVID MAMET นอกจากนี้ เขายังเคยเล่นหนังที่มีเนื้อหากึ่งโฮโมเซ็กชวลอย่าง BILLY BUDD (1962, PETER USTINOV) และร่วมแสดงละครโทรทัศน์ชุด THE AVENGERS (1962-1969)
http://www.imdb.com/title/tt0055796/
http://images.amazon.com/images/P/B00006ADG8.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
http://images.amazon.com/images/P/B00007J6DM.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
2.LIAM NEESON
เขารับบทเป็นพระรูปหนึ่งในกลุ่ม บทของเขาในเรื่องนี้มีไม่มากนัก
3.AIDAN QUINN (เกิดปี 1959)
เขารับบทเป็นน้องชายของ ROBERT DE NIRO รู้สึกว่าเขายังดูใสปิ๊งมากๆในเรื่องนี้ หลังจากนั้นเขาก็กลับมาอเมริกาใต้อีกครั้งเพื่อแสดงหนังเรื่อง AT PLAY IN THE FIELDS OF THE LORD (1991, HECTOR BABENCO)
อันนี้เป็นรูปของ AIDAN QUINN จากภาพยนตร์เรื่อง EMPIRE FALLS (2005, FRED SCHEPISI)
http://www.hbo.com/films/empirefalls/img/castandcrew/506x316_aiden2.jpg
4.CHERIE LUNGHI (เกิดปี 1952)
คนนี้เป็นดาราหญิงคนโปรดของดิฉัน เธอเป็นภรรยาของ ROLAND JOFFE ซึ่งเป็นผู้กำกับ THE MISSION โดยในหนังเรื่องนี้เธอรับบทเป็นผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชาย (ROBERT DE NIRO) กับน้องชาย (AIDAN QUINN) ผิดใจกัน
http://www.leninimports.com/cherie_lunghi_gallery_6.jpg
บทบาทการแสดงที่สุดยอดมากๆของ CHERIE LUNGHI อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง PRAYING MANTIS (1982, JACK GOLD, A+++++) โดยในเรื่องนี้เธอรับบทเป็นเมียน้อยที่ต้องชิงไหวชิงพริบห้ำหั่นกันอย่างสุดขีดกับเมียหลวง (CARMEN DU SAUTOY)
--นอกจาก THE MISSION และ AT PLAY IN THE FIELDS OF THE LORD แล้ว หนังเกี่ยวกับหมอสอนศาสนาในอเมริกาใต้ยังรวมถึง END OF THE SPEAR (2006, JIM HANON) สิ่งที่น่าสนใจมากๆในหนังเกี่ยวกับศาสนาเรื่องนี้ก็คือการที่ CHAD ALLEN (เกิดปี 1974) ดารานำของหนังเรื่องนี้เปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์ และนั่นก็สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับกลุ่มเคร่งศาสนาในสหรัฐ โดยบางคนออกมาเรียกร้องให้ช่วยกันคว่ำบาตรหนังเรื่องนี้ เพราะการที่เกย์รับบทเป็นมิชชันนารีมีค่าเท่ากับ “การให้มาดอนน่ามารับบทเป็น VIRGIN MARY”
http://www.imdb.com/name/nm0020354/news
Opposition to the film was led by the Rev. Jason Janz, who encouraged a boycott by fundamentalist Christians, saying that having a gay man play the role of a Christian missionary was "like Madonna playing the Virgin Mary."
CHAD ALLEN เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก โดยเล่นละครเรื่อง ST.ELSEWHERE ตั้งแต่อายุ 9 ปี และเขาก็รับบทนำใน THIRD MAN OUT (2005, RON OLIVER) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักสืบเกย์
http://www.heretv.com/AOriginalsDetailPage.php?programKey=191
http://www.advocate.com/uploadedImages/advocate/editorial/issue_covers/945x300.jpg
เว็บไซท์ของ CHAD ALLEN
http://www.chadallenonline.com/
http://www.teenidols4you.com/pictures.html?g=Actors&pe=chada
http://www.chadallenonline.com/gallery/images/me%20n%20warren,%20ride%20one.jpg
http://www.chadallenonline.com/gallery/images/chadwant.jpg
http://www.chadallenonline.com/gallery/images/allen-ladder.jpg
--ทั้ง JEREMY IRONS และ ROBERT DE NIRO เคยมีหน้าตาดีมาก่อน โดยผลงานของ JEREMY IRONS ที่น่าสนใจสมัยหนุ่มๆก็มีเช่นมินิซีรีส์เรื่อง BRIDESHEAD REVISITED
หนังเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ยากจนที่เข้าไปเกี่ยวพันกับคนรวยในวงสังคมอังกฤษเรื่องอื่นๆก็มีเช่น
--ขอบคุณคุณ THUNSKA มากค่ะสำหรับบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจเหล่านี้
ถ้าหากมีคนถามดิฉันถึงหนังไทยที่ชอบ ก็อาจจะรวมถึงหนัง 10 เรื่องนี้ค่ะ
1.BIRTH OF THE SEANEMA (2004, SASITHORN ARIYAVICHA, A+)
2.WINDOW (1999, APICHATPONG WEERASETHAKUL, A+)
3.เมืองในหมอก (1978, เพิ่มพล เชยอรุณ, A+)
4.AFTERNOON TIME (2005, TOSSAPOL BOONSINSUKH, A+)
ได้ข่าวว่าคุณทศพล บุญสินสุขทำหนังเรื่องใหม่ชื่อ ROOM FIELD (2006) ออกมาแล้วด้วย อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.onopen.com/2006/02/529
5.MY FIRST BOYFRIEND (2004, ISSARA MANEEWAT, A+)
6.ประสาท (1975, เปี๊ยก โปสเตอร์, A+)
7.VOODOO GIRLS (2002, THUNSKA PANSITTIVORAKUL, A+)
8.IRON PUSSY EPISODE 2: BANZAI CHAIYO (1999, MICHAEL SHAOWANASAI, A+)
9.ROUGH NIGHT (2001, สามารถ อิ่มขำ, A+)
10.AMAZING THAILAND (1998, PANUTTA YOOSUKSAWAT + SORAYA NAKASUWAN, A+)
หนังสารคดีเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันไปเที่ยวถ.ข้าวสารอยู่ระยะนึง
อ่านบทความเรื่องหนังสารคดีไทยของคุณชลิดา เอื้อบำรุงจิตได้ที่
http://www.yidff.jp/docbox/21/box21-2-e.html
นอกจากนี้ ยังมีหนังอีก 2 เรื่องที่ชอบสุดๆ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็นหนังไทยได้หรือเปล่า เพราะเรื่องนึงเป็นผลงานของผู้กำกับชาวไทยแต่ถ่ายในต่างประเทศ ส่วนอีกเรื่องเป็นของผู้กำกับชาวต่างประเทศแต่ถ่ายในประเทศไทย โดยหนังสองเรื่องนี้ก็คือ EMPTILESS LANDSCAPE (2003, NAT SATAYAMAS, A+) ที่ถ่ายทำในนิวยอร์ค กับ THE BOY FROM MARS (2003, PHILIPPE PARRENO, A+) ที่ถ่ายทำในเชียงใหม่ แต่สัญชาติของหนังสองเรื่องนี้คงไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับดิฉันแต่อย่างใด สิ่งสำคัญก็คือว่าชอบหนังสองเรื่องนี้อย่างสุดๆก็พอแล้ว
http://www.airdeparis.com/parreno/mars/mars.htm
ตอบคุณแฟรงเกนสไตน์
เห็นคุณแฟรงเกนสไตน์โพสท์เพลง GABRIEL’S OBOE จากหนังเรื่อง THE MISSION ที่ไพเราะสุดๆเอาไว้ ดิฉันเลยไปตอบในกระทู้ของคุณแฟรงเกนสไตน์เกี่ยวกับหนังเกย์ของ JEREMY IRONS, ดาราคนโปรดใน THE MISSION และเพลงประกอบหนังที่ชอบมากในทศวรรษ 1980 ค่ะ อ่านได้ที่นี่
http://xq28.net/s/viewtopic.php?t=10893
ขอบคุณคุณแฟรงเกนสไตน์มากค่ะที่บันทึกเรื่องราวในงานมีตติ้งเอาไว้
เห็นคุณแฟรงเกนสไตน์เคยตั้งคำถามเอาไว้ในหน้า 100 ว่า “ความรักระหว่างคนสองคนมันหมดไปได้ด้วยหรือ” ก็เลยนึกถึงหนังเกี่ยวกับการแยกทางกันของสามีภรรยาค่ะ บางทีการดูหนังกลุ่มนี้อาจช่วยตอบคำถามได้
1.LA SEPARATION (1994, CHRISTIAN VINCENT, B+)
ดีวีดีหนังเรื่องนี้มีขายแล้วในกรุงเทพ หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับสามีภรรยาชื่อปิแอร์กับอานน์ (DANIEL AUTEUIL + ISABELLE HUPPERT) ที่อยู่กันมานานหลายปีและมีลูกชายวัย 2 ขวบด้วยกัน ทั้งสองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีฐานะดี, มีอพาร์ทเมนท์สวย และมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ แต่ในคืนหนึ่งขณะที่ทั้งสองดูหนังอยู่ด้วยกัน ปิแอร์ก็ยื่นมือไปจับมือของอานน์ แต่อานน์กลับรู้สึกรำคาญและปฏิเสธที่จะจับมือเขา และหลังจากนั้นความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของทั้งสองก็ค่อยๆล่มสลายลง โดยหนังจะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ค่อยๆรบกวนจิตใจของปิแอร์ และความเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง
http://a69.g.akamai.net/n/69/10688/v1/img5.allocine.fr/acmedia/medias/nmedia/18/36/05/26/18465581.jpg
KARIN VIARD จาก HELL (2005) ร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย
2.UNE PARTIR DE PLAISIR หรือ PLEASURE PARTY หรือ LOVE MATCH (1974, CLAUDE CHABROL, A+)
http://images.amazon.com/images/P/B00008K79H.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข แต่เขากลับพยายามเปลี่ยนแปลงภรรยาให้เป็นแบบที่เขาต้องการ และเขาก็สนับสนุนให้เธอไม่ทำตัวอยู่ใต้อำนาจของเขาอีกด้วย แต่พอเธอทำตามที่เขาสนับสนุน เขาก็ยังไม่คงไม่พอใจในตัวเธอ เขาตกลงกับเธอว่าทั้งสองต่างก็ควรจะคบชู้ และควรจะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างระหว่างกัน แต่พอเธอคบชู้ตามคำสั่งของเขา เขากลับรู้สึกหึงหวง
นักวิจารณ์บอกว่าจุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการที่พระเอกรู้ตัวว่าตัวเองได้พบสิ่งที่เขาปรารถนาแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่มีความสุขกับชีวิตอยู่ดี นอกจากนี้ บทสามีภรรยาในหนังเรื่องนี้ยังแสดงโดย PAUL GEGAUFF กับ DANIELE GEGAUFF ซึ่งเคยเป็นสามีภรรยากันแต่หย่าร้างกันก่อนจะมาแสดงหนังเรื่องนี้
PAUL GEGAUFF (1922-1983) เสียชีวิตในชีวิตจริงด้วยการถูกภรรยาคนที่สองแทงตาย
http://www.imdb.com/name/nm0350729/
3.ALWAYS (1985, HENRY JAGLOM)
HENRY JAGLOM ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นศิษย์เอกของ ORSON WELLES โดยหนังเรื่องนี้เป็นอัตชีวประวัติของ JAGLOM เอง และมีเนื้อหาเกี่ยวกับความล้มเหลวในชีวิตคู่ของเขา และความพยายามที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่อีกครั้ง โดยสิ่งที่น่าสนใจมากๆก็คือว่า JAGLOM และภรรยาเก่าของเขา (PATRICE TOWNSEND) แสดงเป็นตัวเองในเรื่องนี้ และเขาก็ใช้กล้องเป็นเครื่องมือในการสารภาพความในใจของตัวเอง
หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลังจากสามีภรรยาคู่นี้แยกทางกันไปสองปี และกลับมาเจอกันอีกครั้งเพื่อจะหย่ากันและปรับความเข้าใจกัน ทั้งสองพบว่าทั้งสองต่างก็รักกัน แต่ไม่สามารถมีความสุขอยู่ด้วยกันได้ ในขณะที่เพื่อนๆของทั้งสองก็เดินทางมาหาทั้งสองเพื่อร่วมงานฉลองวันชาติสหรัฐ โดยเพื่อนๆเหล่านี้ก็เป็นเพื่อนๆของ JAGLOM ในชีวิตจริงด้วย
JAGLOM เคยทำหนังที่ก้ำกึ่งระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือ SOMEONE TO LOVE (1987, A+) ที่ให้คนหลายๆคนมาชุมนุมกันและแสดงความคิดเห็นว่า เราควรจะหาสามีภรรยาใหม่หรือควรจะอยู่เป็นโสดต่อไป โดยมี ORSON WELLES มาร่วมแสดงด้วย
ทางด้าน ORSON WELLES เองนั้นก็เคยกำกับ F FOR FAKE (1975, A) ซึ่งมีเนื้อหาก้ำกึ่งระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งเหมือนกัน
DVD ของ ALWAYS มีวางขายแล้ว โดยนักวิจารณ์บอกว่า “หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่วู้ดดี้ อัลเลนคงจะสร้างไปแล้วถ้าหากเขามีความกล้าพอ”
หนังของ JAGLOM และ WOODY ALLEN ต่างก็ให้ความสำคัญกับบทสนทนาเหมือนๆกัน และพูดถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์เหมือนๆกัน แต่ดูเหมือนหนังของ JAGLOM จะดูสมจริงกว่าและโรแมนติกกว่า ส่วนหนังของ WOODY ALLEN จะดู “เสียดสี” หรือ “เยาะหยัน” ตัวละครมากกว่า
http://www.amazon.com/gp/product/B00007M5HK/ref=ase_imdb-adbox/002-4853603-6908001?s=dvd&v=glance&n=130&tagActionCode=imdb-adbox
http://images.amazon.com/images/P/B00007M5HK.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
Monday, May 01, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment