DRUG WAR (2012, Johnnie To, A+30)
ฉากไคลแมกซ์ของหนังเรื่องนี้นี่ถือว่าเข้าขั้นคลาสสิคสำหรับเราเลยทีเดียว
THE MIDNIGHT AFTER (2014, Fruit Chan, A+30)
ชอบการเปลี่ยน mood and tone แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมในหนังเรื่องนี้มากๆ
คือตอนแรกหนังออกมาเป็นโทนตื่นเต้นไซไฟที่ค่อนข้างซีเรียส จนเรานึกว่าเราอยู่ในหนัง
thriller ระทึกขวัญเต็มตัวแบบหนังที่สร้างจากนิยายของ Dean
Koontz แต่อยู่ดีๆหนังก็ใส่ฉากบ้าบอคอแตก เสียสติเข้ามากลางเรื่อง
แล้วหนังก็มีทั้งฉากที่เป็น social drama วิพากษ์สังคม และมีฉากที่เป็น
drama ซึ้งๆด้วย
คือเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ “รั่ว” หรือเสียสติมากพอๆกับหนังไซไฟอย่าง
DARK STAR (1974, John Carpenter,
A+30) แต่เราว่ามันไปไกลกว่า DARK STAR ในแง่ที่ว่า
DARK STAR มัน establish tone ตั้งแต่ต้นเรื่องเลยมั้งว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟบ้าบอคอแตกนะจ๊ะ
แต่ THE MIDNIGHT AFTER มันทำตัวเป็นหนังซีเรียสตอนต้นเรื่อง
ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นบ้าบอคอแตกตอนกลางเรื่อง
อยากให้มีคนทำหนังล้อเลียน THE MIDNIGHT AFTER
โดยเอาตัวละครที่ “สูญหาย” หรือเดินทางเข้าไปในมิติพิศวงในหนังเรื่องต่างๆมาเจอกัน
คือเราอยากให้ตัวละครใน INTERSTELLAR พอเข้าไปในมิติที่ 5
แล้วได้เจอกับตัวละครใน AS ABOVE, SO BELOW (2014, John Erick Dowdle), ตัวละครใน THE MIDNIGHT AFTER และตัวละครใน PICNIC
AT HANGING ROCK (1975, Peter Weir) 555
อันนี้เป็นรูปของ Chui Tien You ใน THE
MIDNIGHT AFTER
No comments:
Post a Comment