Thursday, March 17, 2016

OUR TERRIBLE COUNTRY (2014, Mohammad Ali Atassi +Ziad Homsi, Syria, documentary, 85min, A+30)

OUR TERRIBLE COUNTRY (2014, Mohammad Ali Atassi +Ziad Homsi, Syria, documentary, 85min, A+30)
1.หนังเรื่องนี้ถ่ายทำท่ามกลางสงครามกลางเมืองในซีเรีย มันก็เลยเป็นหนังที่สะเทือนใจเราอย่างรุนแรงในแบบที่แตกต่างจากหนังสารคดีอื่นๆในแง่นึง ซึ่งก็คือแง่ที่ว่า หนังสารคดีแนวการเมืองโหดร้ายหลายๆเรื่องที่เราเคยดูมา ทั้งหนังสารคดีเกี่ยวกับอินโดนีเซีย, กัมพูชา, ชิลี, เนปาล, อินเดีย, ติมอร์ตะวันออก มันพูดถึง เหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วน่ะ เรารู้ ตอนจบของชีวิตคนหลายคนในสารคดีนั้นไปแล้ว รู้ว่าปัจจุบันนี้พวกเขาได้ใช้ชีวิตตามปกติในระดับหนึ่งแล้ว คือถึงแม้พวกเขาจะมีบาดแผลใหญ่หลวงทางใจจากเหตุการณ์ massacre ที่เคยเจอมาในอดีต แต่ปัจจุบันนี้พวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ในระดับนึงน่ะ

แต่กับ OUR TERRIBLE COUNTRY นั้น สงครามมันยังไม่จบในขณะที่เรากำลังดูหนังเรื่องนี้อยู่ และ subjects ผู้หญิงบางคนในหนังสารคดีเรื่องนี้ก็ถูกผู้ร้ายในซีเรียจับตัวไป และจนถึงปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า ผู้หญิงกลุ่มนี้ถูกฆ่าตายไปแล้ว หรือว่าถูกทรมานอยู่ หรือว่าถูกคุมขังแบบดีๆ เพราะฉะนั้นหนังสารคดีเรื่องนี้ก็เลยส่งผลกระทบรุนแรงต่อเราในแบบที่แตกต่างจากหนังสารคดีเรื่องอื่นๆ เพราะ OUR TERRIBLE COUNTRY ทำให้เราเผชิญกับข้อสงสัยที่ว่า ตอนนี้คนพวกนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ คนพวกนี้ถูกฆ่าตายไปแล้วยังมันเป็นคำถามที่คอยรบกวนจิตใจเราไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะได้ข่าวของพวกเขาอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ในขณะที่หนังสารคดีแนวชีวิตบัดซบเรื่องอื่นๆไม่ได้ทิ้งคำถามแบบนี้ไว้ในจิตใจเรา

2.นอกจากเนื้อหาในหนังที่ดีมากๆแล้ว อีกสิ่งที่เราสนใจมากๆใน OUR TERRIBLE COUNTRY ก็คือการที่ผู้กำกับต้องแบกกล้องและแบกปืนสู้กับฝ่ายตรงข้ามไปด้วยในขณะเดียวกัน คือผู้กำกับหนังเรื่องนี้มีสองคน และหนังเปิดฉากด้วยผู้กำกับหนึ่งในสองคนนี้ยิงปืนต่อสู้กับ sniper ที่อีกดาดฟ้าตึกนึง โดยมีการใช้เลนส์ซูมจากกล้องถ่ายหนังในการช่วยส่องหา sniper จากอีกดาดฟ้าตึกนึงด้วย

คือมันเป็นการที่ผู้กำกับหนังสารคดีไม่ได้ทำตัวเป็นคนกลาง และไม่ได้อยู่ในสถานะปลอดภัยแต่อย่างใดน่ะ มันคือการที่ผู้กำกับหนังสารคดีร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ subjects และพร้อมจะถูกฆ่าตายในสงครามกลางเมืองได้ตลอดเวลา มันเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆสำหรับเรา เพราะหนังสารคดีเรื่องอื่นๆไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้

พอเราเจออะไรแบบนี้ใน OUR TERRIBLE COUNTRY เราก็เลยนึกถึงเรื่องที่เราเคยอ่านเกี่ยวกับหนัง propaganda ของนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนะ เราเคยได้ยินว่า ในช่วงนั้นนาซีก็มีผู้กำกับแบบนี้เยอะเหมือนกัน คือนาซีต้องการทำหนังข่าวหรือหนังสารคดีเพื่อเชิดชูวีรกรรมของทหารนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นก็เลยเกิดการฝึกอบรมคนกลุ่มหนึ่งให้เป็นทั้ง ตากล้องถ่ายหนังและ ทหารไปด้วยในขณะเดียวกัน คือตากล้องถ่ายหนังกลุ่มนี้ต้องหยิบปืนขึ้นสู้กับศัตรูด้วย นอนอยู่ในสนามเพลาะกับทหารด้วย ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสมรภูมิกับทหารด้วย อะไรแบบนี้ และแน่นอนว่าตากล้องผู้ถ่ายหนังสารคดี+หนังข่าวแบบนี้ ก็ถูกฆ่าตายไปเกือบหมดในระหว่างถ่ายหนังนี่แหละในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

แต่เราไม่เคยดูหนังสารคดี propaganda กลุ่มนี้ของนาซีนะ แต่เขาบอกว่า หนังที่คล้ายคลึงกับหนังกลุ่มนี้ก็คือหนังสารคดีเรื่อง THE BATTLE OF MIDWAY (1942, John Ford), REPORTS FROM THE ALEUTIANS (1943, John Huston), SAN PIETRO (1945, John Huston) และ LET THERE BE LIGHT (1946, John Huston) ที่เป็นการถ่ายสารคดีสงครามท่ามกลางสมรภูมิเหมือนกัน แต่แน่นอนว่า John Ford กับ John Huston รอดชีวิตมาได้จากสงคราม

3.moments ที่เราชอบมากๆใน OUR TERRIBLE COUNTRY ก็มีเช่น

3.1 ตอนที่ subjects คุยกันเรื่องที่ว่า กองกำลังของรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดี Bashar al-Assad จงใจไม่ทำลายตึกแห่งนึงที่ ISIS ใช้เป็นที่ทำการใหญ่ในการคุมเมืองสำคัญเมืองหนึ่ง ทั้งๆที่ฝ่ายของ Assad สามารถทิ้งระเบิดใส่ตึกนี้ได้อย่างง่ายดายมากๆ เพราะว่าฝ่ายของ Assad ต้องการให้ประชาชนรู้สึกว่า ถ้าหากประชาชนไม่เอา Assad ประชาชนก็จะต้องตกอยู่ใต้ ISIS (ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนไม่ต้องการเข้าข้างฝ่ายกบฏต่อต้าน Assad ในซีเรีย)

3.2 ตอนที่ subjects คุยกันว่า ก่อนหน้านี้พวกเรานึกว่าพวกเรามีศัตรูอยู่แค่กลุ่มเดียว (ซึ่งก็คือฝ่าย Assad) แต่จริงๆแล้วเรา underestimate ความเป็นจริง เพราะในความเป็นจริงนั้นพวกเรามีศัตรูอยู่หลายกลุ่มมากๆ มากมายกว่าที่คาดไว้เยอะ

เราว่าอันนี้มันเป็นความจริงของชีวิตที่น่าเศร้ามากๆ มันเหมือนกับว่า เราเจอเผด็จการที่ชั่วร้ายมากๆ เราก็เลยสู้กับมัน แต่ไปๆมาๆเรากลับพบว่า ศัตรูของเราไม่ได้มีแค่เผด็จการกลุ่มเดียวเท่านั้น แต่มันมีเยอะจนคาดไม่ถึง

3.3 moment ที่ผู้กำกับกึ่งนักรบร้องไห้ในช่วงใกล้จบ คือเราดูแล้วแทบร้องไห้ไปด้วยน่ะ นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่ถือปืนสู้กับศัตรู+แบกกล้องถ่ายหนังไปด้วย ผจญกับอะไรเลวร้ายมาเยอะแล้วแบบนี้ จะมี moment ร้องไห้ต่อหน้ากล้องแบบนี้ด้วย คือมันทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นความเศร้าที่รุนแรงจริงๆน่ะ ถึงสามารถทำให้เขาร้องไห้ออกมาได้

No comments: