Monday, March 21, 2016

THE EXQUISITE CORPUS (2015, Peter Tscherkassky, Austria, A+30)

THE EXQUISITE CORPUS (2015, Peter Tscherkassky, Austria, A+30)
1.เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต ที่เราดูแล้วรู้สึกว่า ฟิล์มภาพยนตร์มันกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน คือในขณะที่หนังทั่วไปนำเสนอ ภาพตัวละครขณะกำลังมีเพศสัมพันธ์กันแต่หนังเรื่องนี้ (และหนังทดลองบางเรื่อง) ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ ตัวละครหรือ ภาพตัวละครมากเท่ากับการให้ความสำคัญกับ ฟิล์มภาพยนตร์และ ความเป็นวัตถุของฟิล์มภาพยนตร์

และหนังเรื่องนี้ก็เรียงร้อย found footage จากหนังอีโรติกหลายเรื่องเข้าด้วยกัน โดยในหลายๆครั้งเราจะเห็นหน้าจอถูกแบ่งออกเป็นหลายกรอบ และในบางครั้ง กรอบแต่ละกรอบอาจจะนำเสนอภาพจากหนังคนละเรื่อง, หรือในบางครั้งกรอบแต่ละกรอบอาจจะนำเสนอภาพจากหนังเรื่องเดียวกัน แต่คนละซีน หรือซีนเดียวกัน แต่มีการเหลื่อมเวลาเล็กน้อย เพื่อให้เกิดจังหวะประหลาดๆ และนอกจากการแบ่งภาพบนจอออกเป็นหลายกรอบแล้ว หนังยังมีการซ้อนเหลื่อมภาพกันอีกด้วย

และในช่วงเวลาที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นจุด climax สำหรับเราในหนังเรื่องนี้ คือช่วงที่หนังนำเสนอภาพจากหลายๆกรอบหลายๆซีนพร้อมๆกันบนหน้าจอเดียวกัน โดยมีการทำเทคนิคบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า ฟิล์มภาพยนตร์จากหนังราว 5-10 เรื่องกำลังร่วมรักกันอยู่บนจอ คือไม่ใช่ตัวละครจากหนังหลายๆเรื่องมาสังวาสกันนะ แต่มันเหมือนกับว่า ฟิล์มภาพยนตร์ได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิต และมันทำขยับเพยิบ และเล็ม สัมผัสกัน และทำกิจกรรมหรรษากันบนจอด้วยจังหวะที่เร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าอะไรแบบนี้เป็นประสบการณ์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต และก็ต้องกราบตีน Peter Tscherkassky จริงๆที่สามารถคิดทำอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้

2. อย่างไรก็ดี หลังจาก COMING ATTRACTIONS (2010, Peter Tscherkassky) ติดอันดับหนึ่งประจำปี 2012 ของเราไปแล้ว การได้ดู THE EXQUISITE CORPUS กลับไม่ทำให้เราตกตะลึงพรึงเพริดอย่างรุนแรงเหมือนกับตอนที่ได้ดู COMING ATTRACTIONS ซึ่งสาเหตุสำคัญอาจจะเป็นเพราะว่า เราคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าหนังมันคงออกมาเป็นแบบนี้น่ะ

คือตอนที่เราดู COMING ATTRACTIONS เราแทบไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนมั้ง มันเป็นการเอาคลิป found footage มาเรียงร้อยต่อกันในแบบที่ hyperbolic paraboloid มากๆ หรือพิศวงงงงวยมากๆ คือดูจบแล้วไม่สามารถตอบได้แต่อย่างใดว่า สิ่งที่เราดูไปแล้วมันเกี่ยวกับอะไร ตอบได้แต่ว่าการได้ดูฉากอะไรต่างๆเหล่านี้มาเรียงร้อยต่อกันมันทำให้เรารู้สึกดีสุดๆ

แต่พอได้ดู THE EXQUISITE CORPUS เราก็ชอบสุดๆเหมือนกันน่ะแหละ เพราะหนังเรื่องนี้มันก็งดงามมากๆ rich มากๆ ละเอียดประณีตมากๆ แต่เราไม่ได้ ตกตะลึงพรึงเพริดกับมันอีกต่อไปแล้วน่ะ เพราะมันเป็นวิธีการที่คล้ายกับที่เราเคยเห็นมาแล้ว หรือไม่ได้เกินความคาดหมายของเราอีกต่อไป
คือถึงแม้การได้ดูฟิล์มภาพยนตร์มีอะไรกันบนจอ จะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตก็จริง แต่ตัวหนังโดยรวมๆแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมายของเรามากนักน่ะ

ไอ้ความรู้สึกแบบนี้ มันคล้ายๆกับความรู้สึกที่เราเคยมีต่อ Alain Robbe-Grillet และ Philippe Grandrieux เหมือนกันนะ

คือถ้าหากพูดถึงประสบการณ์การดูหนังของเราแล้ว ประสบการณ์การดูหนังที่ทำให้เรารู้สึก รุนแรงที่สุดในชีวิตของเรา คือการได้ดูหนังเรื่อง EDEN AND AFTER (1970, Alain Robbe-Grillet) ที่สมาคมฝรั่งเศสในปี 1997 และการได้ดูหนังเรื่อง SOMBRE (1998, Philippe Grandrieux) ที่เซ็นทรัลพระรามสามในปี 2000 น่ะ คือตอนที่เราได้ดูหนังสองเรื่องนี้ เรารู้สึกเหมือน หัวหลุดออกจากตัวหรือรู้สึกเหมือน ร่างกายถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆหรือรู้สึกอะไรที่รุนแรงสุดๆมากๆ เพราะมันเป็นอะไรที่เราไม่เคยเจอมาก่อน แต่เป็นสิ่งที่โดนใจเรา ถูกต้องตรงตามรสนิยมเราอย่างสุดๆจริงๆ

แต่หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมา พอเราได้ดู LA BELLE CAPTIVE (1983, Alain Robbe-Grillet) และ A LAKE (2008, Philippe Grandrieux) เราก็พบว่า หนังสองเรื่องนี้ไม่สามารถทำให้เราเกิดภาวะรุนแรงสุดๆได้เหมือน EDEN AND AFTER กับ SOMBRE น่ะ คือเราชอบ LA BELLE CAPTIVE กับ A LAKE อย่างสุดๆก็จริง แต่มัน ไม่เกินความคาดหมายของเราอีกต่อไป เพราะเราพอจับทางผู้กำกับได้แล้ว อะไรทำนองนี้

3.อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้ชอบ THE EXQUISITE CORPUS มากที่สุดในเทศกาล Signes de Nuit อาจจะเป็นเพราะเรื่องของรสนิยมทางเพศด้วย 555
คือพอดูหนังเรื่องนี้เสร็จ แล้วได้คุยกับเพื่อนนักดูหนังที่เป็นผู้ชาย เราก็พบว่า หลายๆอย่างในหนังเรื่องนี้เราคงไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเองแน่ๆ เพราะมันเป็นการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างภาพกับความปรารถนาทางเพศของผู้ชมที่เป็นผู้ชายน่ะ

อย่างเช่นประเด็นหนึ่งของหนังเรื่องนี้ก็คือว่า ภาพร่างกายที่เราเห็นหมดทั้งตัว อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบทางอารมณ์ต่อผู้ชมมากเท่ากับภาพวับๆแวมๆ เปิดปิดบางส่วนของร่างกายน่ะ อย่างเช่นภาพหญิงสาวที่สะบัดกระโปรงชะเวิบชะวาบไปมา สามารถส่งผลกระทบทางอารมณ์ได้มากกว่าภาพร่างกายหญิงสาวที่เห็นหมดทั้งตัวเสียอีก

ซึ่งตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ เราไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้เลย เพราะไม่ว่าจะเป็นภาพหญิงสาวที่เห็นหรือไม่เห็นร่างกายส่วนไหน เราก็รู้สึกเฉยๆกับมัน 555
4.ชอบการเลือกซีนต่างๆจากหนังเก่าในหนังเรื่องนี้มากๆ โดยเฉพาะซีนหญิงสาวยิ้มยั่วที่ประตู หรือหญิงสาวผวาลุกจากเตียงนอนกลางดึก คือบางซีนนี่มันทรงพลังสุดๆ ตราตรึงสุดๆ โดยที่เราไม่ต้องรู้เนื้อหาของหนังเก่าเรื่องนั้นเลย คือแค่ได้เห็น อากัปกิริยาการยิ้มโดยไม่ต้องรู้เนื้อเรื่อง มันก็เป็นภาพที่สุดแสนจะทรงพลังแล้ว


5.ตอนนี้ผู้กำกับหนังไทยที่สามารถต่อกรกับ Peter Tscherkassky ได้ อาจจะมีแต่ Taiki Sakpisit เท่านั้น

No comments: