COMING OF AGE นาน (2016,
Anuwat Amnajkasem, A+30)
Spoilers alert
--
--
--
--
--
1.ดูไปรอบเดียวแล้วพบว่าตัว เองไม่เข้าใจอะไรเลย
บางทีเราอาจจะเข้าใจหนังเรื ่องนี้ผิดไปหมดก็ได้ 555
2.ตอนดูจบแล้วงงมากๆ ว่าหนังเรื่องนี้ต้องการจะส ื่ออะไร โดยเฉพาะฉากจบที่เหมือนไม่บ อกอะไรเราเลย
เราก็เลยคุยกับอุ้ยว่าฉากจบ ของหนังเรื่องนี้ต้องการสื่ ออะไร อุ้ยบอกว่า
การที่หนังเรื่องนี้ใช้เพลง OOPS!...I DID IT AGAIN ของ Britney
Spears ในตอนจบ แสดงว่าตัวละครเอกได้เยกับผ ู้ชาย
เพราะเพลงร้องว่า Yeah yeah yeah yeah yeah
3.แล้วเราเห็นอะไรบ้างในหนั งเรื่องนี้
เราเห็นเกย์สาวคนนึงทำกิจวั ตรประจำวันที่ดูเหมือนไม่สล ักสำคัญไปเรื่อยๆ
อย่างเช่นการดูคลิปในอินเทอ ร์เน็ต ซึ่งรวมถึงคลิปคสช., การฟังเพลง
GIMME! GIMME! GIMME! (A MAN AFTER MIDNIGHT) ของ Abba,
การดูคลิป Angry Birds, การแต่งหน้า
และการแชทกับผู้ชายใน JackD โดยพอเขาบอกว่าเขาเป็นรุก
เธอก็กระหยิ่มยิ้มอย่างพึงพ อใจ เธอขับรถออกไป เขาถามเธอว่าจะนัดเจอกันไหม (หลังจากหายจากแชทไประยะนึง ) มีคนคนนึงขึ้นมาบนรถ
เธอหันหลังมาปิดกล้องที่อยู ่หลังรถ แล้วเพลงของบริทนีย์ก็ดังขึ ้นมา
พร้อมกับชื่อหนังว่า “นาน” หรือ COMING
OF AGE
4.สิ่งที่เราว่าน่าสนใจในหน ังเรื่องนี้ก็มีเช่น
การที่เราไม่รู้ว่าซีนต่างๆ ในหนังเรื่องนี้มันมีความหม ายแฝงซ้อนกันอยู่หลายระดับห รือไม่
หรือมันแค่แสดงกิจวัตรประจำ วันของเกย์สาวคนนึงเฉยๆ โดยอาจจะไม่ได้สื่อความหมาย อะไรที่ลึกซึ้งมากนัก
เพลงของ Abba ที่ใส่เข้ามาก็อาจจะแสดงถึง ความ want
ผู้ชายของตัวละครโดยตรง หรือฉาก Angry Birds ก็อาจจะเป็นแค่การล้อกับคำว ่า
“นก”
คือการที่เราดูหนังเรื่องนี ้โดยไม่รู้เรื่องย่อหรือ
artist’s statement อะไรเลย มันก่อให้เกิดภาวะที่น่าสนใ จดีสำหรับตัวเรา
เพราะขณะที่เราดูหนังเรื่อง นี้ในรอบแรก เราไม่รู้ว่าเราควรจะจูนตัว เองยังไงดีหรือใช้อะไรในตัว เราในการเข้าไปจับหนังเรื่อ งนี้
คือหนังสั้นส่วนใหญ่ที่ฉายใ นเทศกาลมาราธอน
พอเราดูไปได้ 15-30 วินาทีแรก เราพอจะรู้ล่ะว่าเราควรจะเอ าอะไรไปจับหนังเรื่องนั้น
อย่างเช่น ถ้าหากมันเป็นหนังเล่าเรื่อ ง มันก็มักจะบอกในทันทีว่ามัน อยู่ genre
อะไร และเราก็จะเตรียมตัวปรับอาร มณ์ให้เข้ากับ genre นั้น อย่างเช่น หนังเกย์โรแมนติกเรื่อง MEMORY OF LOVE (2016,
Pratchaya Wongnanta), หนังเกย์ดราม่าเรื่อง BOY WITH A
BASKET OF FRUIT (2016, นนทชัย วิญญูศุภรชัย), หนังกะเทยตลกเรื่อง “ล่าสุดจ่ะ นกอีกแล้ว”
(2016, ศตายุ ดีเลิศกุลชัย), หนังอีโรติกกึ่งเกย์อย่าง
THE LAST NIGHT เหตุเกิดเพราะคืนนั้น (2016, ดลฤทธิ์ พงษ์ทอง)
หนังเล่าเรื่องแบบนี้มันมัก จะอยู่ใน
genre อะไรบางอย่าง และพอเราดูหนังไประยะนึง
เราก็จะรู้ว่ามันอยู่ genre อะไร และเราก็จะปรับโหมดอารมณ์ตั วเองให้เข้ากับ
genre นั้นได้ในทันที ซึ่งลักษณะแบบนี้เป็นทั้งข้ อดีและข้อด้อยในตัวมันเอง
ข้อดีก็คือว่า พอเราปรับโหมดอารมณ์ตัวเองใ ห้เข้ากับ genre หนังได้ปุ๊บ เราก็จะ enjoy กับหนังได้มากพอสมควร
แต่ข้อด้อยก็คือว่า หนังเรื่องนั้นมันก็จะขาดคว ามท้าทาย, หรือไม่ได้ช่วยขยายพรมแดนให ม่ๆให้กับวงการหนังสั้นไทย
หรือไม่ได้ทำให้เราสนุกไปกั บความพยายามจูนตัวเองให้เข้ ากับหนัง
คือหนังแต่ละเรื่องมันก็ต้อ งเลือกอย่างใดอย่างนึงน่ะแห ละ
หนังส่วนใหญ่มันทำให้เราสนุ กเพลิดเพลิน เพราะเราจูนตัวเองให้เข้ากั บหนังได้ในทันที
แต่มันมีหนังไม่กี่เรื่องที ่ทำให้เราสนุกไปกับความพยาย ามที่จะจูนตัวเองให้เข้ากับ หนัง
เพราะเราไม่รู้ว่าหนังเรื่อ งนั้นมันจะบอกอะไร, มันต้องการให้เรา
“ตีความ” ภาพและเสียงในหนังหรือไม่
หรือต้องการให้เราใช้ “อารมณ์ความรู้สึก” เข้าไปสัมผัสภาพและเสียงในห นังเฉยๆ โดยไม่ต้องตีความสัญลักษณ์
หรือต้องการให้เราจินตนาการ สิ่งต่างๆโดยใช้ภาพและเสียง ในหนังเป็นตัวกระตุ้น
ฯลฯ
เราก็เลยชอบ COMING OF AGE มากๆในแง่ที่ว่า มันเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ เข้าข่ายที่สองนี้
นั่นก็คือเราไม่รู้ว่าเราคว รจะจูนตัวเองยังไงให้เข้ากั บหนัง, มันต้องการจะอยู่ใน genre อะไร, มันต้องการจะเล่าเรื่องอะไร , มันต้องการจะทำให้เรารู้สึก ลุ้นระทึก,
โรแมนติก หรือตลกขบขัน, อะไรคือจุดไคลแมกซ์ของหนัง, หนังซ่อนสัญลักษณ์ต่างๆที่ต ้องการการตีความในหลายระดับ ไว้หรือไม่
ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็คือว่ า
ความสนุกของการดูหนังแบบที่ อยู่ใน genre ชัดเจน
มันเหมือนกับการได้ฟังเพลงเ พราะๆในคลื่น FM ช่องที่รับสัญญาณได้ชัดแจ๋ว น่ะ
แต่มันมีหนังไม่กี่เรื่องที ่ให้ความสนุกในแบบที่สอง
นั่นก็คือความสนุกของการพยา ยามจูนตัวเองให้เข้ากับหนัง มันคือความสนุกของความพยายา มไล่ช่องสัญญาณตั้งแต่ 88FM ไปจนถึง 108 FM เพื่อหาช่องที่รับสัญญาณได้ ชัดที่สุด
แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็อาจต้องเปลี่ยนไป AM เพื่อหาช่องที่ชัดที่สุด
หรือไม่ก็ต้องหมุนเสาอากาศ, เปลี่ยนที่วางวิทยุใหม่
หรือคิดหาวิธีการใหม่ๆในการ จูนคลื่นของตัวเองให้เข้ากั บสัญญาณที่ส่งมา
ซึ่ง COMING OF AGE เข้าข่ายนี้สำหรับเรา
และเราก็มักจะรู้สึกแบบนี้เ มื่อดูหนังของผู้กำกับบางคน เป็นครั้งแรก
อย่างเช่นตอนที่เราดูหนังขอ ง James Benning, Philippe Garrel, Heinz
Emigholz, Peter Lilienthal, Jonas Mekas, Bruce Baillie เป็นครั้งแรก
เราก็พบว่าหนังของผู้กำกับเ หล่านี้มันมาใน wavelength แบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
และเราก็ต้องหาทางจูนตัวเอง ให้เข้ากับมัน แล้วพอเราจูนตัวเองให้เข้าก ับมันได้แล้ว
การดูหนังเรื่องอื่นๆของผู้ กำกับเหล่านี้ก็เป็นเรื่องท ี่ง่ายขึ้น
5.แล้ว COMING OF AGE ต้องการจะสื่ออะไร เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชื่อเรื่องว่า “นาน” และ COMING OF AGE มันทำให้เราตีความว่า หนังเรื่องนี้อาจจะต้องการส ื่อถึงการรอคอยของเกย์สาวคน นึงสำหรับประสบการณ์ทางเพศแ บบเต็มที่ครั้งแรก
คือจริงๆเราก็ไม่รู้หรอกนะว ่ามันเป็นประสบการณ์ครั้งแร กของตัวละครในเรื่องหรือเปล ่า
แต่ชื่อเรื่องว่า COMING OF AGE มันทำให้เราตีความไปในทางนั ้นน่ะ
และพอเราตีความไปในแง่นี้ (ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้ กำกับต้องการจะสื่อแต่อย่าง ใด) เราก็มองว่ามันน่าสนใจดี
ที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้แสดง ถึงความกระวนกระวายใจ หรือความกระสันต์อย่างเต็มท ี่ของตัวละครที่จะออกไประเร ิงรสกามารมณ์อย่างหฤหรรษ์
เหมือนตัวละครมันทำกิจวัตรอ ะไรต่างๆไปเรื่อยๆตามปกติน่ ะ
มันดูเหมือนไม่ได้กระดี๊กระ ด๊ามากนักกับเรื่องนี้
และการที่หนังตัดจบเมื่อตัว ละครได้เจอกับคนอีกคนนึง
(ซึ่งน่าจะเป็นคู่นัด) มันก็แสดงให้เห็นว่า หนังเรื่องนี้เลือกที่จะโฟก ัสไปยังจุดที่หนังเกย์ส่วนใ หญ่ไม่ได้โฟกัส
คือหนังเกย์ส่วนใหญ่คงโฟกัส ไปยังเหตุการณ์หลังจากหนังเ รื่องนี้จบลงไปแล้ว
นั่นก็คือการเจอกันของเกย์ส องคน, ความสุขทางเพศของสองคนนั้น, คำถามที่ว่าสองคนนั้นจะคบกั นต่อหรือไม่, มันจะพัฒนากลายไปเป็นความรั กหรือไม่,
สองคนนั้นมีข้อดีข้อเสียอะไ ร, จะเข้ากันได้หรือไม่
แต่ละคนมีปัญหาอะไรบ้างในชี วิต etc.
แต่หนังเรื่องนี้เหมือนเลือ กที่จะโฟกัสไปยังจุดอื่นแทน นั่นก็คือกิจวัตรที่ดูเหมือ นไม่สลักสำคัญก่อนที่ตัวละค รจะเจอหน้ากัน
มันก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้ พิเศษมากๆสำหรับเรา เพราะเรามักจะชอบหนังที่เลื อกมองไปยังจุดที่หนังส่วนให ญ่มองข้ามไป
6.ในขณะที่เราเขียนไปข้างต้ นว่าหนังเรื่องนี้ไม่มี
genre ชัดเจน แต่ถ้าหากหนังเรื่องนี้มันเ ป็นแบบที่เราตีความข้างต้น
หนังเรื่องนี้ก็อาจจะเรียกไ ด้ว่าอยู่ใน genre แบบนึงเหมือนกันนะ
นั่นก็คือหนังกลุ่มที่เหมือ นจะให้ความสำคัญกับกิจวัตรป ระจำวันของตัวละคร
โดยที่หนังอาจจะมีธีมหลักหร ือประเด็นหลักซ่อนอยู่ก็จริ ง
แต่หนังไม่ได้พยายามกระตุ้น การสร้างอารมณ์แบบใดแบบนึงท ี่ชัดเจน
คือไม่ได้เน้นสร้างอารมณ์โร แมนติก, เศร้า, ตลก, ตื่นเต้นแบบหนัง genre ทั่วไปน่ะ
หนังกลุ่มนี้มักจะปล่อยให้ผ ู้ชมดูกิจวัตรของตัวละครไปเ รื่อยๆ
โดยมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ใ นกิจวัตรประจำวันนั้น หรือมีฉากยิงธีมหรือฉากยิงป ระเด็นแทรกเข้ามาท่ามกลางฉา กกิจวัตรประจำวันนั้น
เราชอบหนังกลุ่มนี้มากนะ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ ามันมีศัพท์เรียกหนังแบบนี้ โดยเฉพาะหรือเปล่า
หนังที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี ้ก็มีตั้งแต่หนังอย่างเช่น JEANNE DIELMAN,
23 QUAI DU COMMERCE, 1080 BRUXELLES (1975, Chantal Akerman) เรื่อยมาจนถึงหนังอย่าง
DINNER (2005, Sivaroj Kongsakul), STUDENT (2005, เจมส์
พฤทธิวรสิน), SOLOS (2014, Teeranit Siangsanoh), ROBBER (2015, Piyawat
Atthakorn), 9 พ.ย. (2016, Pavinee Boonmee), CRACKS OF
EMPTINESS (2016, Preechamon Sumalee), รอฉันรอเธออยู่
แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด (2016, Thamsatid Charoenrittichai, 34min)
แต่ถึงแม้หนังกลุ่มนี้จะเหม ือนมี genre
ของมัน แต่มันก็มักเป็นหนังที่ทำให ้เราสนุกกับความพยายามจูนตั วเองให้เข้ากับหนังนะ
เพราะตอนที่ดู เราจะไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ใ น genre อะไร
เราจะดูฉากกิจวัตรประจำวันไ ปเรื่อยๆในตอนแรก และเราก็จะคาดหวังว่า
เดี๋ยวมันจะเกิด conflict ขึ้นในหนัง เดี๋ยวเราก็จะรู้ว่า “ปัญหาหลัก” ที่ตัวละครเอกต้องเผชิญคืออ ะไร
และหนังมันจะต้องการกระตุ้น อารมณ์อะไรเป็นหลัก แต่พอดูไปเรื่อยๆจนจบ
เราก็มักจะพบว่าเราเดาหนังผ ิดในตอนแรก และฉากไคลแมกซ์แบบรุนแรงที่ เราคาดหวังว่าจะเกิดขึ้น
มันมักจะไม่เกิดขึ้นในหนังก ลุ่มนี้ หรือเกิดขึ้นในแบบที่ “แผ่วเบา” กว่าที่เราคาดไว้เป็นอย่างม าก
7.ชอบการผูกโยง “การรอคอยประสบการณ์ทางเพศ” เข้ากับเสียงเพลงป็อปในหนัง เรื่อง COMING OF AGE เพราะมันทำให้นึกถึงตัวเองเ มื่อ 20-30 ปีก่อนมากๆ
คือช่วงนั้นเราก็มักจะมี “เพลงประจำอารมณ์” ที่เรามองว่ามันสะท้อนอารมณ ์ความรู้สึกของเราที่มีต่อเ รื่องรักๆใคร่ๆในช่วงนั้นเห มือนกัน
ของเราจะเป็นเพลง THE MAN I LOVE ของ Kate Bush ที่ใช้สะท้อนถึงความอยากพบก ับชายในฝัน, และพอเราเจอผู้ชายที่เราชอบ แล้ว
เพลงที่สะท้อนอารมณ์ของเราก ็จะเป็นเพลง IN WALKED LOVE ของ
Louise, และพอเราอกหัก เพลงที่ใช้สะท้อนอารมณ์ของเ ราก็จะเป็น
TOO GOOD ของ Banderas
8.หนังเรื่อง COMING OF AGE ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่เรา ชอบมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลา ผ่านไป
คือตอนที่เราดูหนังเรื่องนี ้จบปุ๊บ เราชอบหนังเรื่องนี้แค่ในระ ดับ A+15
เท่านั้น เพราะมันไม่ใช่หนังที่ก่อให ้เกิดอารมณ์รุนแรงในขณะที่ไ ด้ดู
มันไม่มีฉากไคลแมกซ์ เราไม่ได้เห็นตัวละครได้กับ ผู้ชาย
อารมณ์รุนแรงที่เราคาดหวังไ ว้ในตอนแรกว่า หนังจะมอบให้กับเรา
มันไม่มีอยู่ในหนังเรื่องนี ้
แต่พอเวลาผ่านไประยะนึง เรากลับพบว่าหนังเรื่องนี้ม ันค้างคาอยู่ในใจเรานานกว่า ที่คาดไว้
การฟังเพลงของตัวละคร การแต่งหน้าของตัวละคร, รอยยิ้มกระหยิ่มอย่างพึงพอใ จของตัวละครเมื่อพบว่าผู้ชา ยที่คุยด้วยเป็น
“รุก” มันฝังอยู่ในใจเรามากๆ
และเราพบว่าหนังแบบนี้มันน่ าสนใจดี มันไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ของ เราแบบถะถั่งท้นในขณะที่ดู
แต่มันสร้างความประทับใจและ ความฝังใจเราด้วยวิธีการอื่ นๆที่น่าสนใจกว่า
Spoilers alert
--
--
--
--
--
1.ดูไปรอบเดียวแล้วพบว่าตัว
2.ตอนดูจบแล้วงงมากๆ ว่าหนังเรื่องนี้ต้องการจะส
3.แล้วเราเห็นอะไรบ้างในหนั
4.สิ่งที่เราว่าน่าสนใจในหน
คือการที่เราดูหนังเรื่องนี
คือหนังสั้นส่วนใหญ่ที่ฉายใ
หนังเล่าเรื่องแบบนี้มันมัก
คือหนังแต่ละเรื่องมันก็ต้อ
เราก็เลยชอบ COMING OF AGE มากๆในแง่ที่ว่า มันเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่
ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็คือว่
แต่มันมีหนังไม่กี่เรื่องที
5.แล้ว COMING OF AGE ต้องการจะสื่ออะไร เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชื่อเรื่องว่า “นาน” และ COMING OF AGE มันทำให้เราตีความว่า หนังเรื่องนี้อาจจะต้องการส
และพอเราตีความไปในแง่นี้ (ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้
และการที่หนังตัดจบเมื่อตัว
แต่หนังเรื่องนี้เหมือนเลือ
6.ในขณะที่เราเขียนไปข้างต้
เราชอบหนังกลุ่มนี้มากนะ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่
แต่ถึงแม้หนังกลุ่มนี้จะเหม
7.ชอบการผูกโยง “การรอคอยประสบการณ์ทางเพศ”
8.หนังเรื่อง COMING OF AGE ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่เรา
แต่พอเวลาผ่านไประยะนึง เรากลับพบว่าหนังเรื่องนี้ม
No comments:
Post a Comment