Monday, August 15, 2016

Thai Films I saw on Tuesday, 19 July, 2016

Thai Films I saw on Tuesday, 19 July, 2016

1.Crack of Emptiness (ปริชมน สุมาลี, 2016, A+30) 

เป็นหนึ่งในหนังหลายๆเรื่องในเทศกาลนี้ที่ตอนแรกเราจะชอบแค่ในระดับ A+25 เท่านั้น เพราะมันดูมีข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัด หรือไม่ได้ทำให้อารมณ์เราพุ่งปรี๊ดสุดขีดในขณะที่ได้ดู แต่พอเวลาผ่านไประยะนึง เรากลับพบว่า ความเป็นมนุษย์ของตัวละครในหนังมันค้างคาอยู่ในใจเรามากๆ เราก็เลยชอบมันสุดๆในระดับ A+30 และลืมข้อบกพร่องต่างๆในหนังเรื่องนี้ไปเลยเมื่อเวลาผ่านไป

ชอบที่หนังเรื่องนี้เหมือนถ่ายทอดกิจวัตรประจำวันของนางเอกไปเรื่อยๆ อย่างเช่นการที่เธอไม่กินผั, การที่เธอวาดรูปสีดำ, การกินคุกกี้กัญชา โดยหนังเหมือนเน้นไปที่ความขัดแย้งระหว่างเธอกับแม่ แต่แทนที่หนังจะพูดถึงแต่เรื่องความขัดแย้งระหว่างนางเอกกับแม่แบบหนังสั้นทั่วไป หนังเรื่องนี้กลับนำเสนอกิจวัตรประจำวันในด้านอื่นๆของนางเอกด้วย และเราว่าการทำแบบนี้มันทำให้ตัวละครในหนังดูเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อชีวิตจิตวิญญาณจริงๆมากยิ่งขึ้น

เราว่าถ้าหากหลายๆฉากในหนังเรื่องนี้ยืดความยาวออกเป็น3 เท่า มันจะกลายเป็นหนังแบบ Teeranit Siangsanoh ได้ในทันที คือถ้าหากเป็น Teeranit หรือ Fred Kelemen เขาอาจจะถ่ายนางเอกนั่งเฉยๆเป็นเวลา 1 นาที แทนที่จะถ่ายนางเอกนั่งเฉยๆเป็นเวลา 15 วินาทีแบบในหนังเรื่องนี้

อีกสาเหตุที่ทำให้ชอบ CRACKS OF EMPTINESS แบบสุดๆเป็นเพราะว่า เรามักจะชอบหนังเกี่ยวกับ เด็กสาวที่มีความขึ้งเคียดในจิตใจแบบนี้อยู่แล้วด้วยแหละ อย่างเช่นเรื่อง RESTLESS (2009, Laurent Perreau)

2.Demos (ดนยา จุฬพุฒิพงษ์, 2016, A+30)

ชอบมากกว่า NIGHTWATCH (2014) ของดนยา ชอบตั้งแต่ฉากเปิดของหนังแล้ว ที่เหมือนเราเห็นโขดหิน ก่อนที่จะพบว่าจริงๆแล้วมันเป็นจระเข้

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือว่า เราอยากรู้ว่าถ้าหากมีคนดูหนังที่ไม่ได้มีแนวคิดทางการเมืองแบบเดียวกับเรา และไม่รู้จักดนยามาก่อน เวลาที่เขามาดูหนังเรื่องนี้ เขาจะตีความหนังไปในทิศทางใ 

เราว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนึ่งในหนังการเมืองของไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เปิดกว้างให้ผู้ชมแต่ละคนสามารถตีความเข้าข้างตัวเองได้ เพราะหนังไม่ได้บอกทัศนคติของผู้สร้างโดยตรง และมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ชมบางคนอาจจะตีความหนังไปไปในทิศทางที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

หนังเรื่องนี้มีการนำเสนอสัตว์เลื้อยคลานเยอะมาก และมันทำให้นึกถึงพวกภาพวาดของจิตรกรสลิ่มน่ะ คือจิตรกรสลิ่มหลายคนของไทยชอบวาดภาพประนามนักการเมือง โดยใส่สัตว์เลื้อยคลานเข้าไปในภาพวาดเหล่านั้น

แต่สัตว์เลื้อยคลานในหนังเรื่อง DEMOS นี้มีความหมายเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานในภาพวาดของจิตรกรสลิ่มหรือเปล่า อันนี้เราว่าผู้ชมแต่ละคนต้องตีความด้วยตนเอง

ชอบ การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ ในหนังเรื่องนี้ด้วย

ส่วนหนังการเมืองไทยที่ เปิดกว้างให้ผู้ชมแต่ละคนตีความเข้าข้างตัวเองได้นั้น นอกจาก DEMOS แล้ว เราก็นึกถึงหนังเรื่อง DREAMSCAPE (2015, Wattanapume Laisuwanchai) และ ศิริรัตน์ 4856 (LAST LIFE WITH THAI DEMOCRACY) ( 2016, Jiraphat Vinagupta)

3.Deadline (ปัญญา ผาสุกโกวิทสิริ/ชานนท์ ตรีเนตร/ไกรสิทธิ์ โภคสวัสดิ์/ธวัชพงศ์ ตั้งสัจจะพจน์, 2015, animation, A+25)

4.Dead Mask (ธฤต อึ้งประเสริฐภรณ์, 2016, A+15)

จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้ไม่ดีเท่าไหร่นะ แต่มันเป็น genre หนังแนวที่เราชอบสุดๆน่ะ นั่นก็คือหนังแนวผู้หญิงบู๊ หรือแนว สิงห์สาวนักสืบคือพล็อตของหนังเรื่องนี้เข้าทางเรามากๆ

เพราะฉะนั้นถึงแม้ตัวหนังจริงๆอาจจะไม่ดี แต่ขณะที่เราดูหนังเรื่องนี้ เราก็มีความสุขมากๆ เพราะเราจะจินตนาการตลอดเวลาว่า ถ้าหากเราสร้างหนังเรื่องนี้เอง เราจะพัฒนามันไปในทิศทางใด

สรุปว่าเราสนับสนุนให้มีการสร้างหนังแนวนี้ออกมาค่ะ เพียงแต่ทำออกมาให้ดีกว่านี้ เรารู้สึกว่าเราอยากดูหนังแบบ SUKEBAN DEKA (1987, Hideo Tanaka), THE HEROIC TRIO (1993, Johnnie To), NAKED WEAPON (2002, Ching Siu-tung) และ SO CLOSE (2002, Corey Yuen) อีกมากๆ

5.Deadline (นครินทร์ รุ่งทองคำกุล, 2016, A+15)

เป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องจากมหาวิทยาลัยสยามที่เราได้ดูในเทศกาลนี้ และเราก็ชอบมากๆ คือถ้าหากเราจำไม่ผิด หนังที่เราเคยดูจากมหาวิทยาลัยนี้ในปีก่อนๆจะเป็นหนังเล่าเรื่องที่พล็อต cliché มากๆ แต่หนังเรื่องนี้หันมาเล่าเรื่องเล็กๆใกล้ตัว และเราว่านี่เป็นการก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง

คือหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของบริการไปรษณีย์ไทยที่ห่วยแตกมากๆจนทำให้สินค้าของผู้ใช้บริการเสียหาย และส่งผลให้พระเอกกับเพื่อนๆต้องติด F ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดน่ะ แต่ติด F เพราะความซวยที่เกิดจากความสะเพร่าของการไปรษณีย์ไทย ซึ่งเราว่าเรื่องแบบนี้มันจริง มันเป็นปัญหาใกล้ตัวในชีวิตประจำวันที่หนังทั่วไปไม่ค่อยหยิบยกมาพูดถึง

เราชอบหนังแบบนี้ มากกว่าหนัง crime drama หรือหนังโรแมนติกโง่ๆที่พล็อตเรื่องซ้ำซากน่ะ

6.Foley (พิชญุตม์ พรมสุวรรณ์, 2015, A+15)

ชอบเรื่องราวการบันทึกเสียงในหนังเรื่องนี้มากๆ จริงๆแล้วเราว่าหนังเรื่องนี้ดูเป็นธรรมชาติดี และน่ารักมากๆ แต่ความโชคร้ายของมันก็คือว่า พอดูแล้วเราก็อดนำมันไปเปรียบเทียบกับหนังนิเทศจุฬาเรื่อง SOMETHING NEVER RUN BACK (น้ำตกไม่ไหลย้อนกลับ) (2016, Pisalsin Gorsanan, A+20) ไม่ได้น่ะ เพราะหนังเรื่องนั้นก็มีตัวละครพระเอกนางเอกออกไปบันทึกเสียงเหมือนกัน และเราว่า SOMETHING NEVER RUN BACK ทรงพลังทางอารมณ์มากกว่า

เราว่า FOLEY เหมือนถ่ายทอดความโรแมนติกออกมาได้แค่ในระดับ ปานกลางด้วยนะ คือดูแล้วเราก็แอบนึกถึงหนังของ ICT ศิลปากรด้วยเหมือนกัน เพราะหนัง ICT บางทีมันจะมีตัวละครพระเอกนางเอกคล้ายๆแบบนี้ แต่มันจะมีการถ่ายทอดความรู้สึก intimate และความโรแมนติกออกมาได้ดีกว่า

7.First of the Year (Equinox) - Skrillex [UNOFFICIAL] (ปิยมณฑ์ ค้าสม, 2016, A+15)

8.Footstep (พณิดา รัตรสาร, 2016, animation, A+15)

9.คำบอกลาจากสามปีก่อน | Congratulations to Me (ศุภาพิชญ์ จิรัตติกานนท์, 2016, A+15)

10.Footwork (สรารักษ์ กิจสวัสดิ์, 2016, documentary, A+10)

11.Fathophobia พ่อจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด (จิตราพร กาญจนศุภศักดิ์, 2016, A+)

12.Fix (อนวรรษ พรมแจ้, 2015, A+)

13.Dream Catcher (วิทวิน โค้วเจริญ, 2016, A)

อยากให้ดัดแปลงหนังเรื่องนี้เป็นหนังเกย์ไปเลย เพราะหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่อยากเรียนหนังสือ แต่ต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองด้วยการทำงานเป็นแคชเชียร์ร้านสะดวกซื้อจนไม่มีเวลาท่องตำราเรียน ชีวิตหนุ่มน้อยคนนี้ลำบากมาก แต่ต่อมาเขาก็ได้รับการอุปการะจากผู้ชายคนนึงที่มาซื้อของที่ร้าน จนในที่สุดเขาก็ได้เรียนมหาลัยและจบออกมาเป็นแพทย์

หนังไม่ได้บอกว่าผู้ชายคนที่มาอุปการะเลี้ยงดูเขาเป็นเกย์หรือเปล่า แต่มันน่าสงสัยมากๆ และมันคงจะดีมากๆถ้าหากดัดแปลงหนังเรื่องนี้เป็นหนังเกย์ไปเลย หรือมีการจัดตั้งมูลนิธิ เกย์ให้ทุนการศึกษาอะไรแบบนี้ขึ้นมา 555

14.Dirty n Beautiful (Sirawich Pukuka, 2015, documentary, A-)

ดูแล้วนึกถึงหนังของ Teeranit Siangsanoh มากๆ ในแง่การดูไม่รู้เรื่อง, การผสมสิ่งต่างๆเข้าด้วยกันโดยไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันยังไง และการคว้าจับบรรยากาศ แต่เหมือนเรายังจูนตัวเองให้เข้ากับหนังไม่ได้น่ะ 

ตอนดูจะแอบสงสัยด้วยนะว่า จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้มันล้อเลียนหนังอาร์ทหรือเปล่า 555

15.Found (ภูมิรพี ไทยสีหราช, 2016, A-)


No comments: