Thai Films I saw on Wednesday, 20
July, 2016
1.Isolate (ภาษิต พร้อมนำพล, 2016, A+30)
ชอบตัวละครที่มีเพื่อนในจิน ตนาการแบบนี้มากๆ เราเข้าใจตัวละครแบบนี้ดี
เราชอบมากพอๆกับหนังเรื่อง “ขอให้น้ำแข็งละลาย”
LONG FOR (2014, Pawinee Sattawatsakul) ที่นำเสนอตัวละครแบบเดียวกั น
ชอบมากๆด้วยที่ ISOLATE ไม่ได้เก็บเอาเรื่อง “เพื่อนในจินตนาการ” มาใช้เป็น twist หักมุม แต่บอกคนดูตั้งแต่ฉากแรกๆเล ยว่าตัวละครตัวใดตัวหนึงในส องตัวนี้เป็นเพื่อนในจินตนา การ
2.If ถ้าวันตายของเรามาโดยไม่รู้ ตัว
(ธัญเทพ เอื้อวิทยา, 2016, A+30)
ชอบมากๆที่หนังเรื่องนี้เอา ฟุตเตจของหนังรักนักศึกษาธร รมดาที่น่าเบื่อมากๆ
มาดัดแปลงใหม่ให้กลายเป็นหน ังไซไฟทริลเลอร์ เราว่าไอเดียนี้มันเจ๋งมากๆ ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง L’EXPERIENCE PREHISTORIQUE (2004,
Christelle Lheureux) ที่สร้างหนังที่เล่าเรื่องไ ม่เหมือนกันประมาณ
10 เรื่อง ทั้งๆที่ 10 เรื่องนั้นใช้ภาพฟุตเตจเดีย วกันหมด
3.Last Zombie (บวรลักษณ์ สมรูป, 2015, A+30)
ชอบมากๆที่มีหนังซอมบี้ที่ใ ห้อารมณ์เหงาๆราวกับหนัง
Wong Kar-wai คือก่อนหน้านี้เราเคยดูหนัง ซอมบี้แนวโรแมนติกมาแล้วเรื ่อง
I, ZOMBIE: THE CHRONICLE OF PAINS (1998, Andrew Parkinson) แต่อันนั้นยังเป็นหนังเล่าเ รื่องแบบปกติ ในขณะที่ LAST ZOMBIE
มีความเป็นหนังบรรยากาศอยู่ ด้วย ซึ่งปกติแล้วเรามักจะเจอลัก ษณะแบบนี้ในหนังอาร์ทนิ่งช้ า
เราก็เลยชอบ LAST ZOMBIE มากๆที่มันมีการเอาลักษณะต่ างๆที่ไม่น่าจะอยู่ในหนังซอ มบี้มาใส่ในหนังซอมบี้
4.Last Year in a Refugee Camp (ดาโพ มรดกพนา, 2016, A+30)
หนังดีมากๆ แต่สาเหตุที่มันอยู่อันดับ 4 ของลิสท์นี้เป็นเพียงเพราะว ่า เราเคยดูหนังดีๆในประเด็นคล ้ายๆกันนี้มาแล้วหลายเรื่อง ในช่วง
4-5 ปีที่ผ่านมาน่ะ เพราะฉะนั้นเราก็เลยเริ่มแย กไม่ออกแล้วว่า
ภาพความทรงจำที่อยู่ในหัวเร าเกี่ยวกับเด็กในค่ายผู้อพย พ
หรือเด็กๆชาวเขานั้น แต่ละภาพมันมาจากหนังเรื่อง ไหนที่เราได้ดูกันแน่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่เราก็เข้าใจนะว่า สาเหตุที่มันมีหนังคล้ายๆกั นออกมาหลายเรื่อง
มันเป็นเพราะว่าปัญหาพวกนี้ มันไม่ได้รับการแก้ไขสักที
ทั้งปัญหามากมายในทางกฎหมาย และปัญหาความยากจน ก็เลยเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม ่ได้ที่มันจะมีหนังที่เล่าเ รื่องคล้ายๆกันออกมาหลายเรื ่อง
จนกว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รั บการแก้ไข
5.Last Film (กานต์ชนิต โพธิ์สวัสดิ์, 2016, A+30)
ชอบการผสมผสานสิ่งต่างๆเข้า ด้วยกันในหนังเรื่องนี้
ทั้งซีนที่ถ่ายเพื่อนๆในแบบ ที่คล้ายๆ video diary และการถ่ายหนุ่มรุ่นใหม่ให้ ออกมาคล้ายๆอำพล
ลำพูนในฟิล์มหนังยุค 1980
6.Hater Gonna Hate (ณัฐชยา พิจารณ์, 2016, A+30)
อันนี้ไม่ใช่หนังดี แต่เป็นหนังที่เราชอบสุดๆใน แบบหนังคัลท์ มันเล่าเรื่องของหญิงสาวที่ สามารถฆ่าคนได้ด้วยการเข้าฝ ันคนๆนั้น
ซึ่งเราว่าไอเดียนี้มันเจ๋ง สุดๆ และสามารถเอามาดัดแปลงเป็นห นังดีๆได้
7.Ghost Insurance (ธิดาทิพย์ แสนชาติ, 2015, A+30)
หนังส่งเสริมการทำประกันอุบ ัติเหตุที่ทำออกมาได้ฮามากๆ
8.Friday Doesn't Mean Fineday (ปริชมน จันทร์ศิริ, A+25)
ชอบที่หนังเรื่องนี้เหมือนจ ะแอบสอดแทรกประเด็นทางการเม ืองเข้ามา
และชอบที่หนังเรื่องนี้ให้ค วามสำคัญกับกิจวัตรประจำวัน ต่างๆของนางเอก
อย่างเช่นการเล่นกับแมว
9.Hi, Goodbye 2 (ศุภวิชญ์ อุตะมะ, 2016, A+25 )
หนึ่งในหนังที่ “ถ่ายผู้ชาย” ได้งดงามถึงอารมณ์ สาแก่ใจผู้ชมอย่างเรามากที่ สุดในเทศกาลนี้
10.How to Preserve the Red Wine (ธีรพัฒน์ งาทอง, 2016, A+15)
อันนี้ก็อาจจะไม่ใช่หนังดี แต่ชอบมากเพราะหนังแบบนี้แห ละมันคือรสชาติของการดูหนัง ในเทศกาลมาราธอน
มันเหมือนเป็นหนังส่งครูภาษ าอังกฤษที่ให้คนมาอ่านบทควา มเรื่องการเก็บไวน์แดงไปเรื ่อยๆ
มันเหมือนเป็นหนังสารคดีให้ ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาที่ไว ้เปิดในโรงเรียนหรือในรายกา รสำหรับเด็ก
ซึ่งแน่นอนว่า หนังแบบนี้นี่แหละมันคือหนั งที่แตกต่างไปจากหนังทั่วไป ที่เราได้ดูในโรงใหญ่
อย่างไรก็ดี น่าเสียดายที่ HOW TO PRESERVE THE RED WINE ไม่มีลูกเล่นแพรวพราวแบบหนั งเก่าๆของธีรพัฒน์
อย่างเช่นเรื่อง “สามัคคีเภทคำฉาล” ที่เป็น
“หนังการศึกษา” เหมือนกัน
แต่ธีรพัฒน์ทำสามัคคีเภทคำฉ าลออกมาได้ดีงามมากๆ ราวกับกำกับโดย Jean-Marie
Straub
11.In-between (กันต์ชลี วิจักษณ์ไพศาล, 2015, A+25)
หนังเกี่ยวกับโลกหลังความตา ยที่ซึ้งมากๆ
ดูแล้วนึกถึงบรรยากาศที่เรา ชอบมากในหนังเรื่อง ALWAYS (1989, Steven
Spielberg) ที่พูดถึงโลกหลังความตายเหม ือนกัน
12.JoB (ฉัตรพล ประสพโชคชัย, 2016, A+25)
ตอนช่วงแรกๆรู้สึกว่าหนังเร ื่องนี้โสมาก
มันต้องเป็นหนังตลกที่เราเก ลียดมากแน่ๆ แต่ไปๆมาๆเรากลับชอบมากที่ห นังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นล ูกค้าเรื่องมาก
ทั้งลูกค้างานกราฟฟิก และลูกค้าร้านอาหารที่สั่งก ับข้าวพร้อมด้วยรายละเอียดย ิบย่อยมากมาย
เพราะเราก็มักรำคาญคนเรื่อง มากแบบนี้เหมือนกัน
หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนึ่งใ นหนังไม่กี่เรื่องที่ได้รับ อิทธิพลจาก
FREELANCE (2015, Nawapol Thamrongrattanarit) ด้วย
และเราว่ามันน่าสนใจดี ที่ MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY (2013, Nawapol
Thamrongrattanarit) ส่งอิทธิพลต่อหนังสั้นราว 50 เรื่อง แต่ THE MASTER (2014, Nawapol Thamrongrattanarit) กับ FREELANCE กลับส่งอิทธิพลต่อหนังสั้นน ้อยมากๆ
13.Ghost (วรพจน์ อินเหลา, 2016, A+20, documentary)
เป็นหนัง essay film ที่น่าสนใจมาก หนังถ่ายทอดปัญหาการถางป่าเ พื่อปลูกข้าวโพดในภาคเหนือข องไทย
แต่แทนที่หนังจะทำตัวเป็นหน ัง activist NGO อย่างตรงไปตรงมา
หนังกลับใช้วิธีการเล่าเรื่ องแบบ fiction เข้ามาผสมอย่างพิสดารด้วย
14.HOT and COLD (พัชรดา กันยามา, 2015,A+15)
หนังคัลท์ที่ฮามากๆ แน่นอนว่าเราไม่เห็นด้วยกับ ทัศนคติการอนุรักษ์วัฒนธรรม ไทยในหนังเรื่องนี้
แต่ความฮาของมันทำให้เราให้ อภัยได้
15.Ghost Town เมืองร้างและซากปรัก (เปรมปพันธ ผลิตผลการพิมพ์, 2015, A+15)
ถ้าหนังยาวกว่านี้ มันอาจได้ A+30 ไปแล้ว
16.Idiotic (จินต์จุฑา คงปรัชญา, 2015, A+15)
17.Human (การันตร์ วงศ์ปราการสันติ, 2015, A+10)
เป็นไอเดียหนังไซไฟที่น่าสน ใจมากๆ
เกี่ยวกับหุ่นยนต์รับจ้างตั ้งครรภ์ที่เกิดผูกพันกับเด็ กในท้องของตนเอง
หนังตั้งคำถามเรื่อง “ความเป็นมนุษย์” ที่น่าสนใจดี
แต่เหมือนมันน่าสนใจแค่ไอเด ียของเรื่องน่ะ แต่มันยังขาดเนื้อเรื่องหรื อองค์ประกอบอื่นๆที่จะทำให้ หนังเรื่องนี้ดูสนุกขึ้นมาไ ด้
18.Happy to Be Child (ศศิเพ็ญพัฒน์ ศาตะมาน/นัทธมน เจริญปัญญาวุฒิ, 2016, A+10)
19.Heart of Sword (ปฏิภาณ บุณฑริก, 2016, A+10)
20.Late (เมธาวี สีทองเพีย, 2016, A+5)
นึกว่าปีนี้จะไม่มีหนังผีห้ องน้ำซะแล้ว
คือทุกปีในเทศกาลหนังมาราธอ นมันจะต้องมีหนังผีห้องน้ำ
และนี่ก็คือหนึ่งในหนังผีห้ องน้ำไม่กี่เรื่องในปีนี้
21.Leaves (เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์, 2016, A+ )
จริงๆแล้วมันมีองค์ประกอบแบ บหนัง Jonas
Mekas เลยนะ นั่นก็คือการเรียงร้อยภาพชี วิตต่างๆเข้าด้วยกัน
แต่เราว่าหนังเรื่องนี้ขาดค วามเป็นกวีแบบหนังของ Jonas Mekas น่ะ ภาพต่างๆในหนังเรื่องนี้เลย เหมือนเอามาต่อๆกันโดยไม่ได ้ทำให้เรารู้สึกงดงามมากนัก
22.-ism (ศุภกร เสริมทรัพย์, 2016, A+)
23.Hanged Shop (จักรพันธ์ ศรีวิชัย, 2015, A+)
ชอบภาพ ชอบบรรยากาศในหนังเรื่องนี้ แต่รู้สึกว่าหนังพร่ำสอนมาก เกินไป คือเรารู้อยู่แล้วล่ะว่าคนเ ราควรใส่ใจซึ่งกันและกัน
เพื่อจะได้ไม่ต้องมีการฆ่าต ัวตาย มันเป็นสิ่งที่รู้ๆกันดีอยู ่แล้ว
24.Just (ชัยภัทร ลูกบัว, 2015, A)
ประเด็นของหนังเรื่องการเผย แพร่ข้อสอบเป็นประเด็นที่สร ้าง
dilemma ได้ดีมาก แต่หนังให้อารมณ์เมโลดราม่า มากเกินไป
จริงๆแล้วเราอยากให้หนังเรื ่องนี้เป็นหนัง feel bad นิ่งๆแบบ
Michael Haneke ไปเลย หรือไม่ก็ออกมาในแบบหนังของ Chantana
Tiprachart อย่างเรื่อง STATUS น่าจะดีกว่า
เราว่าอารมณ์เมโลดราม่าไม่เ ข้ากับหนังเรื่องนี้
ชอบการเล่นคำว่า JUST ในหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะคำว่า JUST ในหนังเรื่องนี้เป็นได้ทั้ง “ความยุติธรรม” และ “เพียงแค่”
25.Let It Be (กันทิมา จันทร์มณี, 2016, A)
26.INTERNe (ภาคิม พูลผล, 2016, A)
27.Leave It Here (Repeat) (ศิวัช วิสุทธิรังษีอุไร, 2016, 44seconds, B+)
งงมาก มันคืออะไรคะ มันสั้นมากค่ะ
28.Gone (ดิษศธร วรรทนธีรัช, 2016, animation, B+)
29.ICU (ณัชพิมพ์ ศุภนิมิตตระกูล, 2015, B+)
1.Isolate (ภาษิต พร้อมนำพล, 2016, A+30)
ชอบตัวละครที่มีเพื่อนในจิน
ชอบมากๆด้วยที่ ISOLATE ไม่ได้เก็บเอาเรื่อง “เพื่อนในจินตนาการ” มาใช้เป็น twist หักมุม แต่บอกคนดูตั้งแต่ฉากแรกๆเล
2.If ถ้าวันตายของเรามาโดยไม่รู้
ชอบมากๆที่หนังเรื่องนี้เอา
3.Last Zombie (บวรลักษณ์ สมรูป, 2015, A+30)
ชอบมากๆที่มีหนังซอมบี้ที่ใ
4.Last Year in a Refugee Camp (ดาโพ มรดกพนา, 2016, A+30)
หนังดีมากๆ แต่สาเหตุที่มันอยู่อันดับ 4 ของลิสท์นี้เป็นเพียงเพราะว
5.Last Film (กานต์ชนิต โพธิ์สวัสดิ์, 2016, A+30)
ชอบการผสมผสานสิ่งต่างๆเข้า
6.Hater Gonna Hate (ณัฐชยา พิจารณ์, 2016, A+30)
อันนี้ไม่ใช่หนังดี แต่เป็นหนังที่เราชอบสุดๆใน
7.Ghost Insurance (ธิดาทิพย์ แสนชาติ, 2015, A+30)
หนังส่งเสริมการทำประกันอุบ
8.Friday Doesn't Mean Fineday (ปริชมน จันทร์ศิริ, A+25)
ชอบที่หนังเรื่องนี้เหมือนจ
9.Hi, Goodbye 2 (ศุภวิชญ์ อุตะมะ, 2016, A+25 )
หนึ่งในหนังที่ “ถ่ายผู้ชาย” ได้งดงามถึงอารมณ์ สาแก่ใจผู้ชมอย่างเรามากที่
10.How to Preserve the Red Wine (ธีรพัฒน์ งาทอง, 2016, A+15)
อันนี้ก็อาจจะไม่ใช่หนังดี แต่ชอบมากเพราะหนังแบบนี้แห
อย่างไรก็ดี น่าเสียดายที่ HOW TO PRESERVE THE RED WINE ไม่มีลูกเล่นแพรวพราวแบบหนั
11.In-between (กันต์ชลี วิจักษณ์ไพศาล, 2015, A+25)
หนังเกี่ยวกับโลกหลังความตา
12.JoB (ฉัตรพล ประสพโชคชัย, 2016, A+25)
ตอนช่วงแรกๆรู้สึกว่าหนังเร
หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนึ่งใ
13.Ghost (วรพจน์ อินเหลา, 2016, A+20, documentary)
เป็นหนัง essay film ที่น่าสนใจมาก หนังถ่ายทอดปัญหาการถางป่าเ
14.HOT and COLD (พัชรดา กันยามา, 2015,A+15)
หนังคัลท์ที่ฮามากๆ แน่นอนว่าเราไม่เห็นด้วยกับ
15.Ghost Town เมืองร้างและซากปรัก (เปรมปพันธ ผลิตผลการพิมพ์, 2015, A+15)
ถ้าหนังยาวกว่านี้ มันอาจได้ A+30 ไปแล้ว
16.Idiotic (จินต์จุฑา คงปรัชญา, 2015, A+15)
17.Human (การันตร์ วงศ์ปราการสันติ, 2015, A+10)
เป็นไอเดียหนังไซไฟที่น่าสน
18.Happy to Be Child (ศศิเพ็ญพัฒน์ ศาตะมาน/นัทธมน เจริญปัญญาวุฒิ, 2016, A+10)
19.Heart of Sword (ปฏิภาณ บุณฑริก, 2016, A+10)
20.Late (เมธาวี สีทองเพีย, 2016, A+5)
นึกว่าปีนี้จะไม่มีหนังผีห้
21.Leaves (เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์, 2016, A+ )
จริงๆแล้วมันมีองค์ประกอบแบ
22.-ism (ศุภกร เสริมทรัพย์, 2016, A+)
23.Hanged Shop (จักรพันธ์ ศรีวิชัย, 2015, A+)
ชอบภาพ ชอบบรรยากาศในหนังเรื่องนี้
24.Just (ชัยภัทร ลูกบัว, 2015, A)
ประเด็นของหนังเรื่องการเผย
ชอบการเล่นคำว่า JUST ในหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะคำว่า JUST ในหนังเรื่องนี้เป็นได้ทั้ง
25.Let It Be (กันทิมา จันทร์มณี, 2016, A)
26.INTERNe (ภาคิม พูลผล, 2016, A)
27.Leave It Here (Repeat) (ศิวัช วิสุทธิรังษีอุไร, 2016, 44seconds, B+)
งงมาก มันคืออะไรคะ มันสั้นมากค่ะ
28.Gone (ดิษศธร วรรทนธีรัช, 2016, animation, B+)
29.ICU (ณัชพิมพ์ ศุภนิมิตตระกูล, 2015, B+)
No comments:
Post a Comment