Thai Films I saw on Saturday, July
23, 2016
1.There’s Nothing in the Beginning (พัฒนพล สุธาพร, 2016, A+30)
ติดอันดับประจำปีนี้แน่นอน เผลอๆติดอันดับหนึ่งหนังสั้ น fiction ที่ชอบที่สุดในปีนี่
ดูแล้วรู้สึกว่ามันงดงามสุด ๆ และรู้สึกว่ามันมีความเป็นก วีในแบบที่จูนติดกับเราพอดี
เราว่าหนังเรื่องนี้มันทำให ้เรารู้สึกถึงความว่างโหวงใ นจิตวิญญาณของตัวละครในแบบท ี่คล้ายกับหนังอย่าง
LA NOTTE (1961) และ THE ECLIPSE (1962) ของ Michelangelo Antonioni คือพระเอกหนังเรื่องนี้เป็น หนุ่มหล่อ,
รวย, แวดล้อมด้วยเพื่อนรวยๆเก๋ๆ
และได้มีอะไรกับสาวที่ตัวเอ งชอบ แต่มันก็ดูเหมือนมีความว่าง โหวงบางอย่างในจิตวิญญาณของ เขา
ซึ่งจริงๆแล้วเราอาจจะจินตน าการไปเอง มันอาจจะไม่ได้เป็นความตั้ง ใจของผู้กำกับก็ได้
คือจริงๆแล้วเราว่าหนังเรื่ องนี้,
หนังหลายๆเรื่องของ Natchanon Vana, หนังเรื่อง
AMSTERDAM (2016, Dith Tanasetvilai + Muangthai Jirawongnirandon),
BANGKOK TAXI (2016, Pisuth Penkul), 606 (2016, Peerapat Uepunrungsri) และ BUA (2016, Nattapol Pawangthut, A+30) มันมีจุดร่วมบางอย่างที่เรา ชอบมากนะ
นั่นก็คือการถ่ายทอดความรู้ สึกข้างในตัวละครออกมาได้อย ่างรุนแรงผ่านทางบรรยากาศสว ยเศร้าหลอนน่ะ
และเรารู้สึกว่ามันมีความเป ็น poetic อยู่ในหนังกลุ่มนี้ด้วย
คือในขณะที่ผู้กำกับหนังส่ว นใหญ่จะเน้น “เนื้อเรื่อง”
เราว่าผู้กำกับกลุ่มนี้ให้ค วามสำคัญกับ “บรรยากาศ”
มากๆ และสร้างบรรยากาศในหนังของต ัวเองได้อย่างทรงพลังสุดๆ
และบรรยากาศของหนังก็สะท้อน จิตวิญญาณ, อารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ได้อย่างรุนแรงเช่นกัน
เราว่าผู้กำกับหนังกลุ่มนี้ น่าสนใจมากๆทีเดียว
เราขอปวารณาตัวเป็นแฟนผลงาน ของผู้กำกับกลุ่มนี้ค่ะ และหวังว่าพวกเขาจะสร้างหนั งใหม่ๆออกมาอีก
2.The Dream (ชลธี สวนรักษา, 2016, A+30)
เป็นหนังย้อนเวลาที่คิดพล็อ ตออกมาได้ดีมากๆ
3.Time Out of Mind (สิทธิวัชร์ ทิพย์ธนโอฬาร, 2016, A+30)
เป็นหนังย้อนเวลาที่คิดพล็อ ตออกมาได้ดีมากๆ
เช่นเดียวกัน
4.The Emerald Ignites (รัชชัย เขียวงามดี, 2016, A+30)
อยากให้มันพัฒนาไปกลายเป็นล ะครทีวีแบบ
SUKEBAN DEKA หรือ “สิงห์สาวนักสืบ”
ที่ตัวเอกต้องไปสืบคดีพิศวง ในโรงเรียนมัธยมต่างๆ
และต้องรับมือกับผู้ร้ายที่ มีอิทธิฤทธิ์แตกต่างกันไปใน แต่ละตอน
5.THE MYTH OF LIBERTY (2016, Theeraphat Ngathong, A+30)
6.The Rebirth (ธีรยุทธ์ วีระคำ, 2015, documentary, A+30)
7.The River (กฤตธี สังข์ฉาย, 2016, documentary, A+25 )
เราไม่เคยรู้ประเด็นขัดแย้ง เรื่องนี้มาก่อนเลย
เราก็เลยชอบมากที่หนังเรื่อ งนี้พูดถึงปัญหาสังคมที่เรา ไม่เคยรู้มาก่อน
8.The Room (การันตร์ วงศ์ปราการสันติ, 2015, A+25)
ชอบมากที่หนังเรื่องนี้หยิบ เอาปัญหาเล็กๆขึ้นมาและทำให ้มันเป็นเรื่องที่รุนแรงได้ คือปัญหามันเริ่มต้นจากเรื่ องที่ดูเหมือนขี้ปะติ๋วมากๆ คือเรื่องจะวางทีวีไว้ตรงไห นในห้องนอน แต่มันก็ลุกลามไปกลายเป็นอะ ไรที่รุนแรงในที่สุด
มันทำให้เรานึกถึงธรรมชาติข องอารมณ์โกรธ
โทสะ ความขุ่นแค้น ขัดเคืองไม่พอใจของมนุษย์น่ ะ ซึ่งหลายๆครั้งมันเป็นแบบนี ้
มันเริ่มจากอะไรเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าหากเราไม่รีบดับอารมณ ์โกรธในใจเรา
มันก็จะไปสะกิดเอาความขุ่นห มองบางอย่างในใจที่หมักหมมไ ว้นานแล้ว และกลายเป็นระเบิดทางอารมณ์ ขึ้นมาได้
9.The Cycle of Pim (บวรลักษณ์ สมรูป, 2016, A+20)
ชอบที่หนังสะท้อน “อคติ” ต่างๆในใจคนออกมาได้ดี
10.คำหวาน | Turn around Day (อภิสิทธิ์ ว่องไวตระการ, 2015, A+20)
11.Time เวลาที่หายไป (อนวรรษ พรมแจ้, 2015, A+15)
12.ก้อนหินหลังบ้าน | The Richness Stone (สุกฤษฎิ์ วัฒนาพงษากุล, 2016, A+15)
13.The Hustle Filmmaker (กันตพล ดวงดี, 2015, A+15)
14.The Radio (ณัฏฐ์ธร กังวาลไกล, 2016, A+15)
15.The World May Never Know (โตคิณ ทีฆานันท์, 2015, A+10)
16.The Forward Letters จดหมายลูกโซ่ (ณิชากร พิพัฒน์ผดุงศิลป์, 2015, A+10)
17.They Gave Me the Fish Eyes (ณัฐพล เนตรณรงค์, 2016, A+5)
18.Truth…ที่จริงกว่า (ณัฐพล กลิ่นอุบล, 2016, A+)
19.The Leader ช้างหนี ชะนีล้ม (Kanyawee Onsalung, 2015, A)
จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นหนังท ี่ดีมากก็ได้นะ
แต่เราดูแล้วตีความมันไม่ออ กน่ะ ก็เลยงงๆ
20.The Way ทางเลือก (สิรภพ ขันธศักดิ์, 2016, A)
21.Throw (กิตติธัช แซ่อุ่ย, 2016, A)
22.Trash จิต(กึ่ง)สำนึก (กุลธิดา ประจำที่, 2016, A)
23.The Orbit..เพราะเธอคือคนที่ใช่ (พาทิศ หริจันทนะวงศ์, 2016, A)
24.The Illusion (ทัศน์พล เดชวัฒนสิริกุล, 2015, A-)
25.The Hope (รพีศิลป์ รัตนบ้านกรวย, 2016, A-)
1.There’s Nothing in the Beginning (พัฒนพล สุธาพร, 2016, A+30)
ติดอันดับประจำปีนี้แน่นอน เผลอๆติดอันดับหนึ่งหนังสั้
เราว่าหนังเรื่องนี้มันทำให
คือจริงๆแล้วเราว่าหนังเรื่
เราว่าผู้กำกับหนังกลุ่มนี้
2.The Dream (ชลธี สวนรักษา, 2016, A+30)
เป็นหนังย้อนเวลาที่คิดพล็อ
3.Time Out of Mind (สิทธิวัชร์ ทิพย์ธนโอฬาร, 2016, A+30)
เป็นหนังย้อนเวลาที่คิดพล็อ
4.The Emerald Ignites (รัชชัย เขียวงามดี, 2016, A+30)
อยากให้มันพัฒนาไปกลายเป็นล
5.THE MYTH OF LIBERTY (2016, Theeraphat Ngathong, A+30)
6.The Rebirth (ธีรยุทธ์ วีระคำ, 2015, documentary, A+30)
7.The River (กฤตธี สังข์ฉาย, 2016, documentary, A+25 )
เราไม่เคยรู้ประเด็นขัดแย้ง
8.The Room (การันตร์ วงศ์ปราการสันติ, 2015, A+25)
ชอบมากที่หนังเรื่องนี้หยิบ
มันทำให้เรานึกถึงธรรมชาติข
9.The Cycle of Pim (บวรลักษณ์ สมรูป, 2016, A+20)
ชอบที่หนังสะท้อน “อคติ” ต่างๆในใจคนออกมาได้ดี
10.คำหวาน | Turn around Day (อภิสิทธิ์ ว่องไวตระการ, 2015, A+20)
11.Time เวลาที่หายไป (อนวรรษ พรมแจ้, 2015, A+15)
12.ก้อนหินหลังบ้าน | The Richness Stone (สุกฤษฎิ์ วัฒนาพงษากุล, 2016, A+15)
13.The Hustle Filmmaker (กันตพล ดวงดี, 2015, A+15)
14.The Radio (ณัฏฐ์ธร กังวาลไกล, 2016, A+15)
15.The World May Never Know (โตคิณ ทีฆานันท์, 2015, A+10)
16.The Forward Letters จดหมายลูกโซ่ (ณิชากร พิพัฒน์ผดุงศิลป์, 2015, A+10)
17.They Gave Me the Fish Eyes (ณัฐพล เนตรณรงค์, 2016, A+5)
18.Truth…ที่จริงกว่า (ณัฐพล กลิ่นอุบล, 2016, A+)
19.The Leader ช้างหนี ชะนีล้ม (Kanyawee Onsalung, 2015, A)
จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นหนังท
20.The Way ทางเลือก (สิรภพ ขันธศักดิ์, 2016, A)
21.Throw (กิตติธัช แซ่อุ่ย, 2016, A)
22.Trash จิต(กึ่ง)สำนึก (กุลธิดา ประจำที่, 2016, A)
23.The Orbit..เพราะเธอคือคนที่ใช่
24.The Illusion (ทัศน์พล เดชวัฒนสิริกุล, 2015, A-)
25.The Hope (รพีศิลป์ รัตนบ้านกรวย, 2016, A-)
No comments:
Post a Comment