I AM NOT MADAME BOVARY (2016, Feng Xiaogang, China, A+30)
กูเกลืยดตัวละครนางเอกหนังเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 5555
เพราะฉะนั้นเราไม่ขอเขียนถึงองค์ประกอบอื่นๆที่ดีงามในหนังเรื่องนี้นะ
เพราะหลายคนเขียนถึงไปแล้ว ทั้งเฟรมภาพที่แปลกตา, การจัดองค์ประกอบภาพที่งดงามสุดๆ,
ดนตรีประกอบที่ unique, การสร้างระยะห่างระหว่างตัวละครกับผู้ชม
และเนื้อเรื่องที่นำระบบราชการมานำเสนอได้อย่างสนุกสนาน คือคนอื่นๆเขียนถึงอะไรพวกนี้ได้ดีกว่าเรามาก
และก็เขียนถึงไปกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราขอเขียนระบายความเกลียดชังที่เรามีต่อตัวละครนางเอกหนังเรื่องนี้ก็แล้วกัน
เพราะเราสงสัยว่ามีเราคนเดียวหรือเปล่าที่เกลียดชังตัวละครนางเอกหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง
บางทีอาจจะมีเราคนเดียวก็ได้ที่เป็น “นางมารร้าย” ที่เกลียดชังน้ำหน้าอีนางเอกประเภทนี้
1.คือจุดที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้มากๆ
เพราะเรารู้สึกว่าตัวละครมันเทาทั้งสองฝ่ายน่ะ ทั้งนางเอกและข้าราชการในระดับต่างๆ
และมันก็เลยแตกต่างจากหนังแนว Kafkaesque โดยทั่วๆไป
เพราะหนังแนว Kafkaesque โดยทั่วๆไปนั้น เราเข้าใจว่าตัวละครเอกมักจะค่อนข้างมีสถานะเป็น
“ผู้บริสุทธิ์” นะ คือเป็นคนที่ต้องพบกับความยุ่งยากของระบบราชการโดยไม่จำเป็น
คือตัวละครเอกจะ “ขาว” และตัวละครในระบบราชการ จะ “ดำ” แต่ในหนังเรื่องนี้นั้น
เรารู้สึกเกลียดนางเอกตั้งแต่ฉากแรกๆ และตัวละครข้าราชการหลายๆคนก็เทาๆด้วย
มันก็เลยเทาๆทั้งสองฝ่าย พูดไปแล้วก็นึกถึงหนังประเภท DON’T BREATHE (2016,
Fede Alvarez) และ FROM A HOUSE ON WILLOW STREET (2016,
Alastair Orr, A-) ที่ตัวละครมันเทาทั้งสองฝ่ายเหมือนกัน
และคนดูไม่รู้จะเข้าข้างฝ่ายไหนดี เพียงแต่ว่าสถานการณ์ใน I AM NOT MADAME
BOVARY มันน่าสนใจกว่า
เพราะตัวละครที่ดูเหมือนเป็นเหยื่อผู้ไม่ได้รับความยุติธรรมในหนังเรื่องนี้
จริงๆแล้วเรารู้สึกว่าเป็นตัวละครที่สมควรโดนตบไม่แพ้ตัวละครตัวอื่นๆ
2.หลายๆคนเปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับ THE STORY OF QIU JU (1992, Zhang
Yimou, A+30) ซึ่งมันก็น่าเปรียบเทียบจริงๆ เพราะเราชอบความแตกต่างกันระหว่างหนังสองเรื่องนี้
คือเราดู THE STORY OF QIU JU ทางช่อง 7 เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
เราลืมรายละเอียดไปหมดแล้ว แต่จำได้ว่าตอนดูเราจะอินกับตัว Qiu Ju มากกว่า Li Xuelian ซึ่งเป็นนางเอกของ I AM
NOT MADAME BOVARY หลายเท่าน่ะ คือเหมือนกับเราเข้าใจความโกรธแค้นในใจ
Qiu Ju และเราสามารถ sympathize กับ Qiu
Ju ได้ในระดับนึง ซึ่งตรงข้ามกับตัวละคร Li Xuelian ที่เรารู้สึกเป็นปฏิปักษ์ด้วยมากๆ
เราว่าสไตล์การถ่ายทำก็มีส่วนด้วยนะ คือ THE STORY OF QIU JU มันถ่ายทำคล้ายสารคดี
คนดูก็เลยยิ่งอินได้ง่ายกว่า ส่วน I AM NOT MADAME BOVARY นี่
แค่เฟรมภาพมันก็เป็นการเตือนผู้ชมตลอดเวลาแล้วว่า เรากำลังดู fiction อยู่ เราก็เลยไม่แน่ใจว่าการที่เราเกลียด Li Xuelian นี่ เป็นเพราะเราเลวเอง หรือเป็นเพราะตัวผู้กำกับก็ตั้งใจให้คนดูวิพากษ์ตัวละครนางเอกอยู่แล้ว
แต่ความแตกต่างกันระหว่างหนังสองเรื่องนี้มันดี
เพราะมันแสดงให้เห็นว่า I AM NOT MADAME BOVARY ไม่ได้ทำซ้ำในสิ่งที่คนเคยทำมาแล้ว
และถึงแม้เราจะเกลียด Li Xuelian มากๆ
แต่มันก็ถือว่าดีในแง่ภาพยนตร์ เพราะการสร้างภาพยนตร์ที่ตัว protagonist เทาๆปะทะกับตัวละครผู้ร้ายเทาๆ
มันยากกว่าการสร้างภาพยนตร์ที่ตัวละครขาวๆปะทะกับตัวละครดำๆน่ะ
3.แล้วทำไมเราถึงเกลียด Li Xuelian (Fan Bingbing) มากๆ
คือเรารู้สึกว่าเธอไปสร้างความชิบหายให้แก่ผู้พิพากษาคนแรกกับหัวหน้าผู้พิพากษาโดยไม่จำเป็นน่ะ
คืออันนี้เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าเราเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
แต่ถ้าเราเข้าใจอะไรผิด ก็บอกเรามาได้นะ
เพราะเราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอะไรเลย
คือเราเข้าใจว่า ผู้พิพากษาคนแรก ตัดสินถูกต้องแล้วที่ให้การหย่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายน่ะ
ก็นางเอกเซ็นใบหย่านั้นเอง ไม่มีใครปลอมลายเซ็นเธอ ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวเธอให้เธอเซ็น
และเธอก็ไม่มี “หลักฐานทางกฎหมาย” ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอถูกสามีหลอก
เธอมีเพียงแค่คำพูดของตนเองเท่านั้น แล้วผู้พิพากษาจะตัดสินเข้าข้างเธอได้ยังไง
ผู้พิพากษาจะรู้ได้ยังไงว่าอีนี่พูดจริงหรือตอแหลอะไรขึ้นมาสดๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นยังไง
แต่ถ้าดูตามหลักฐานทางกฎหมายแล้ว เราก็รู้สึกว่าผู้พิพากษาตัดสินถูกต้องแล้ว อีนางเอกเองนี่แหละที่เซ็นใบหย่าเองด้วย
“เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์” คือมึงน่ะแหละ “หลอกรัฐ” เอง ด้วยการเซ็นใบหย่านั้น
แล้วรัฐหรือข้าราชการของรัฐจะต้องมามีหน้าที่ตัดสินเข้าข้างมึงทำไม
ในเมื่อมึงเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายหลอกรัฐตั้งแต่แรก
คือเรามองเหมือนกับว่า นางเอกเซ็นใบหย่าเพราะสามีบอกปากเปล่าโดยไม่ได้ทำสัญญาใดๆเป็นลายลักษณ์อักษรว่า
ถ้าคุณเซ็น ผมจะให้วัตถุ A กับคุณ แล้วนางเอกก็โง่ เซ็นเอง ถูกหลอกเอง
แล้วพอสามีไม่ให้วัตถุ A ตามที่สัญญาไว้
นางเอกจะต้องไปลากรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม ในเมื่อมึงโง่เอง
มันเป็นเรื่องระหว่างมึงกับสามีมึงเอง
ทำไมมึงต้องไปทำให้คนอื่นๆเดือดร้อนเพราะความโง่ของมึงเองด้วย
ทำไมมึงต้องไปบังคับให้คนอื่นๆมาตัดสินเข้าข้างมึงด้วย
ไหนล่ะหลักฐานทางกฎหมายที่จะยืนยันได้ว่ามึงไม่ได้ตอแหล แต่สามีเป็นฝ่ายตอแหล
ถ้ามึงไม่มีหลักฐาน มึงก็ไม่ต้องไปลากกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง
มึงก็ไปแก้แค้นอะไรกับสามีมึงเองสิ
แล้วพอเรามองว่าผู้พิพากษาคนแรกตัดสินถูกต้องตามความเห็นของเราแล้ว
เราก็เลยมองว่าหัวหน้าผู้พิพากษาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย ที่เขาบอกให้นางเอกยื่นเรื่องอุทธรณ์ตามกฎหมาย
ก็ผู้พิพากษาคนแรกไม่ได้ตัดสินอะไรผิดนี่ ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้นว่าเขารับสินบน
หรือลำเอียง เขาก็ตัดสินไปตามใบหย่าที่นางเอกเซ็นเองด้วยความเต็มใจ แต่เป็นการเซ็นด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์
ซึ่งการเซ็นด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์นี่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะพิสูจน์ยืนยันได้
และมันก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้ใบหย่าเป็นโมฆะได้
เพราะฉะนั้นพอนางเอกพยายามจะแก้แค้นผู้พิพากษาคนแรกกับหัวหน้าผู้พิพากษา
เราก็เลยรู้สึกเกลียดชังนางเอกอย่างรุนแรงในทันที เพราะเรารู้สึกว่า
ถ้าหากเราตกอยู่ในสถานะเดียวกับผู้พิพากษาคนแรกหรือหัวหน้าผู้พิพากษา
เราก็คงจะทำแบบเดียวกัน คือกูจะไปตัดสินเข้าข้างอีนางเอกได้ยังไง มันมี legal basis หรือหลักฐานทางกฎหมายอะไรยังไงเหรอที่จะทำให้กูไปตัดสินเข้าข้างมึงได้
แต่หลังจากนั้นตัวละครข้าราชการคนอื่นๆก็จะออกมาเทาๆนะ
อย่างนายอำเภอที่หลอกนางเอกว่าตัวเองไม่ใช่นายอำเภอ,
นายกเทศมนตรีที่บอกให้เอานางเอกไปให้พ้นหูพ้นตา
และข้าราชการคนอื่นๆที่พยายามสกัดกั้นนางเอกจากการยื่นเรื่องร้องเรียน
คือตัวละครข้าราชการเหล่านี้ก็ทำไม่ถูกต้องน่ะแหละ แต่เราก็สงสัยว่า
ถึงพวกเขาจะเป็นข้าราชการที่มีจิตใจดีงาม แล้วพวกเขาจะช่วยนางเอกได้ยังไง มันมี legal basis อะไรที่สามารถช่วยนางเอกได้
แม้แต่ตัว big boss ก็เทาๆสำหรับเราเหมือนกัน
คือเราเข้าใจว่าคำสั่งของเขาทำให้ผู้พิพากษาคนแรกกับหัวหน้าผู้พิพากษาต้องเด้งจากตำแหน่งน่ะ
(ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ) แต่สองคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดในความเห็นของเรา
เพราะฉะนั้นคำสั่งของ big boss จึงไม่ชอบธรรมในความเห็นของเรา
แล้วถึงแม้นางเอกจะอ้างเหตุผลเรื่องนโยบาย...ในช่วงท้ายเรื่อง
ว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง การกระทำของนางเอกมันก็ไม่ชอบธรรมอยู่ดี
คือถ้ามึงมีปัญหากับนโยบายนี้
มึงก็ไม่ควรไปสร้างความเดือดร้อนให้ข้าราชการหรือผู้พิพากษาที่ไม่ได้เป็นคนออกนโยบายนี้สิ
ถ้ามึงต่อต้านนโยบายนี้ มึงก็ต่อต้านนโยบายนี้ไปสิ หรือแก้แค้นกับสามีมึงสิ ไม่ใช่มาสร้างความเดือดร้อนให้คนที่ไม่ได้ออกนโยบายนี้
4.อีกสาเหตุที่ทำให้เราเกลียด Li Xuelian คือภาพลักษณ์ของตัวละครนี้น่ะ
คือมึงทำภาพลักษณ์เป็น “เหยื่อผู้น่าเวทนา” เป็น “หญิงสาวที่ไม่ได้รับความยุติธรรม”
คือภาพลักษณ์เป็นนางเอกผู้น่าเห็นใจน่ะ แต่สิ่งที่มึงทำนี่กูรับไม่ได้จริงๆ
คือมึงน่ะเป็นฝ่าย “หลอกรัฐ” เอง แล้วรัฐจะมาช่วยมึงด้วยหลักกฎหมายอะไร
สรุปว่า ถ้าใครเกลียด Li Xuelian ก็บอกเราด้วยนะคะ
เราจะได้รู้ว่า เราไม่ได้เป็นนางมารร้ายอยู่คนเดียว 555
No comments:
Post a Comment