HELSINKI, FOREVER (2008, Peter von
Bagh, Finland, documentary, A+30)
ดูแล้วพบว่าตัวเองรู้สึกอุเ บกขากว่าที่คิด หรือพบว่ามันไม่
poetic มากเท่าที่คาดนะ
เพราะตอนแรกนึกว่ามันจะเป็น แบบ MY WINNIPEG (2007,
Guy Maddin) ที่ผู้กำกับนำเสนอภาพเมืองบ ้านเกิดของตัวเองในแบบพิศวง กึ่งจริงกึ่งฝัน อะไรแบบนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราไม่ใช ่คนฟินแลนด์หรือเปล่า
เราก็เลยรู้สึกว่าหนังให้ข้ อมูลน้อยเกินไป
ทั้งๆที่หนังก็มี voiceover ตลอดเวลา
และเราก็ไม่ได้รู้สึกผูกพัน กับสถานที่ต่างๆในหนังด้วย
ในขณะที่คนฟินแลนด์ดูคงจะรู ้สึกผูกพันหรือมีความหลังคว ามทรงจำต่อสถานที่ต่างๆในหน ัง
จริงๆแล้วอยากให้หนังเรื่อง นี้พูดถึงรายละเอียดของหนัง แต่ละเรื่องที่ปรากฏในหนังเ รื่องนี้นะ
คือ HELSINKI, FOREVER นี่รวมคลิปหนังฟินแลนด์ยุคโ บราณเอาไว้ประมาณ
30 เรื่องได้มั้ง แต่หนังแทบไม่ได้พูดถึงเนื้ อหาของหนังเหล่านั้นหรือเล่ าถึงผู้กำกับของหนังแต่ละเร ื่องเลย
เราก็เลยรู้แค่ชื่อหนังกับช ื่อผู้กำกับเท่านั้น แต่ไม่รู้เลยว่าหนังแต่ละเร ื่องมันพูดถึงเรื่องอะไร
และมันมีความน่าสนใจอะไรยัง ไง รู้แต่ว่ามันใช้ฉากหลังเป็น เฮลซิงกิ
มีอยู่แค่ไม่กี่เรื่องที่พอ จับได้ว่ามันเล่าเรื่องอะไร อย่างเช่นหนังที่พูดถึงหนุ่ มสาวในยุคต้นทศวรรษ 1980 กับหนังที่พูดถึงสาวชนบทที่ เดินทางเข้ากรุงตามลำพัง
และเจอผู้ชายวัยกลางคนกลุ่ม หนึ่งมาชวนคุยด้วย (เสียดายที่เราจำชื่อหนังกั บชื่อผู้กำกับของหนังสองเรื ่องนี้ไม่ได้)
แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของ HELSINKI, FOREVER นะ เพราะตัวหนังมันต้องการจะพู ดถึงกรุงเฮลซิงกิ
ไม่ได้ต้องการจะพูดถึงหนังฟ ินแลนด์ เพียงแต่ว่าเราสนใจประวัติศ าสตร์หนังฟินแลนด์น่ะ
ในขณะที่ภาพของกรุงเฮลซิงกิ ในหนังเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผล กระทบต่ออารมณ์เราเท่าไหร่
เท่าที่พอจับได้จาก HELSINKI, FOREVER ก็ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์ ฟินแลนด์จะน่าสนใจพอสมควรด้ วย
โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั ้งที่สอง แต่หนังก็ไม่ได้ให้รายละเอี ยดมากนักในเรื่องนี้
ดูแล้วแอบคิดถึงหนังบางเรื่ องของไทยที่อาจจะส่งผลกระทบ ทางอารมณ์ต่อคนไทย
แต่อาจจะไม่ส่งผลกระทบทางอา รมณ์ต่อผู้ชมต่างชาติที่ไม่ คุ้นเคยหรือไม่มีความผูกพัน กับสถานที่นั้นนะ
อย่างเช่น “สยามสแควร์” (1998, ชนารัย
สุทธิบุตร) ที่บันทึกภาพสยามสแควร์ในช่ วงปลายทศวรรษ 1990 เอาไว้ คือหนังอย่างสยามสแควร์ (1998) มันจะส่งผลกระทบทางอารมณ์ต่ อผู้ชมที่คุ้นเคยกับสถานที่ นั้นน่ะ
และรู้ว่าตึกรามบ้านช่องในส ยามสแควร์มันเปลี่ยนแปลงไปอ ย่างไรในช่วง 20
ปีที่ผ่านมา แต่ผู้ชมที่ไม่คุ้นเคยกับพื ้นที่นี้อาจจะไม่รู้สึกอะไร เวลาดูหนังเรื่องนี้
หรือหนังอย่าง IN APRIL THE FOLLOWING YEAR, THERE WAS A FIRE (2012, Wichanon Somumjarn) ที่ใส่ภาพสี่แยกคอกวัวกับสี ่แยกราชประสงค์เข้ามาในหนัง คือคนดูคนไทยบางคนพอเห็นสถา นที่สองแห่งนี้ก็อาจจะรู้สึ กรุนแรงมากๆได้
ในขณะที่คนดูต่างชาติที่ไม่ รู้จักประวัติศาสตร์การเมือ งไทยก็อาจจะมองว่า
มันคือ “ท้องถนนธรรมดา”
เราก็เลยเดาว่า HELSINKI, FOREVER อาจจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันห รือเปล่า
คือคนฟินแลนด์อาจจะรู้สึกกั บหนังเรื่องนี้มากกว่าเรามา กๆ
ในขณะที่เวลาเราดูหนังเรื่อ งนี้ เราจะรู้สึกว่าสถานที่ต่างๆ ในหนังเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ แตกต่างมากนักจากเมืองอื่นๆ ในยุโรป
สิ่งที่โดดเด่นจริงๆในเมือง นี้ก็คงจะเป็น “รถราง”
ที่เราอาจจะไม่ค่อยเห็นมันม ีบทบาทสำคัญมากนักในเมืองอื ่นๆในยุโรป
แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้มากใน ระดับ A+30
อยู่ดีนะ เพราะมันแสดงให้เห็นจริงๆว่ า
ยังมีหนังฟินแลนด์ที่น่าดูม ากๆอีกหลายสิบเรื่องที่เราไ ม่เคยรู้จักมาก่อน
คือพอดู HELSINKI, FOREVER แล้ว เราก็รู้สึกเหมือนกับว่า
ทำไมกูรู้จักแค่ Aki Kaurismaki คนเดียว
ทั้งที่จริงๆแล้วยังมีผู้กำ กับหนังฟินแลนด์ที่น่าสนใจอ ีกเยอะแยะมากมาย
เปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนกั บว่า ความรู้ของเราที่มีต่อหนังฟ ินแลนด์
ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนต่างช าติที่รู้จักผู้กำกับหนังไท ยเพียงคนเดียวคือ Apichatpong
Weerasethakul น่ะ ทั้งที่จริงๆแล้ว ประเทศไทยยังมีผู้กำกับอย่า ง
Permpol Choei-aroon, Manop Udomdej, Prince Anusorn Mongkolkarn, Chalee
Intaravichit, Piak Poster, Pimpaka Towira, M.L. Bhandevanop Devakul, Banjong
Kosalwat, Phaisit Phanphruksachat และ Tossapol Boonsinsukh
ด้วย
สรุปว่า เราชอบ HELSINKI, FOREVER เพราะมันสะท้อน “ความไม่รู้” ของเราที่มีต่อหนังฟินแลนด์ นี่แหละ แต่ถ้าหากวัดจากอารมณ์ความร ู้สึกแล้ว
กราฟอารมณ์ของเราค่อนข้างนิ ่งเฉยมากๆ เกือบจะเท่าๆกับตอนดูหนัง found
footage อย่าง LOVE IS ALL: BOY, GIRL, LOVE (2014, Kim
Longinotto) ที่เป็นการรวบรวมคลิปหนังเก ่าๆมาตัดต่อเข้าด้วยกันได้อ ย่างอุเบกขาเหมือนกัน
ในบรรดาหนัง found footage ประเภทรวบรวมคลิปหนังเก่านั ้น เราว่าหนึ่งในหนังที่เราชอบ มากที่สุดในกลุ่มนี้
ก็คงเป็น WORKERS LEAVING THE FACTORY (1995, Harun Farocki) นี่แหละ อันนี้แหละที่เป็นการนำคลิป หนังเก่ามา “วิเคราะห์เจาะลึก” ได้อย่างทรงพลังสุดๆ
ดูแล้วพบว่าตัวเองรู้สึกอุเ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราไม่ใช
จริงๆแล้วอยากให้หนังเรื่อง
แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของ HELSINKI, FOREVER นะ เพราะตัวหนังมันต้องการจะพู
เท่าที่พอจับได้จาก HELSINKI, FOREVER ก็ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์
ดูแล้วแอบคิดถึงหนังบางเรื่
หรือหนังอย่าง IN APRIL THE FOLLOWING YEAR, THERE WAS A FIRE (2012, Wichanon Somumjarn) ที่ใส่ภาพสี่แยกคอกวัวกับสี
เราก็เลยเดาว่า HELSINKI, FOREVER อาจจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันห
แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้มากใน
สรุปว่า เราชอบ HELSINKI, FOREVER เพราะมันสะท้อน “ความไม่รู้” ของเราที่มีต่อหนังฟินแลนด์
ในบรรดาหนัง found footage ประเภทรวบรวมคลิปหนังเก่านั
No comments:
Post a Comment