Friday, April 14, 2017

SOPHIE'S MISFORTUNES (2016, Christophe Honore, France, A+30) AND OTHER FILMS

SOPHIE'S MISFORTUNES (2016, Christophe Honore, France, A+30) 

 เป็นหนังเด็กที่ดูแล้วเพลินมาก ชอบที่มันใช้ animation มาผสมด้วยโดยไม่แคร์ความสมจริงใดๆอีกต่อไป ดูแล้วรู้สึกว่าหนังมันขยายออกเป็นละครซีรี่ส์ได้สบายๆมาก เพราะชีวิตของตัวละครในหนังมันดู "เปิด" มันไม่ได้ดูเหมือนว่าชีวิตตัวละครในหนังมันถูกจำกัดให้เกิดขึ้น, ตั้งอยู่, ดับไป แค่ในหนังน่ะ หนังนำเสนอฉากตัวละครเล่นตุ๊กตา, ตัวละครปีนต้นไม้ ตัวละครแกล้งเพื่อน ตัวละครชงชาที่ทำจากน้ำแฟ้บ ตัวละครป้อนอาหารให้ตุ๊กตา ตัวละครฝันร้าย ตัวละครขโมยของ ตัวละครเล่นกับกระรอก ตัวละครเล่นกับเม่น ตัวละคร want หนุ่มหล่อ ฯลฯ คือพอมันมีฉากแบบนี้เยอะๆ มันทำให้รู้สึกว่าตัวละครมันมีชีวิตที่กว้างกว่าหนัง และหนังแค่ไปคว้าจับแค่บางเศษเสี้ยวในชีวิตตัวละครมาเท่านั้น
THE LAST FACE (2016, Sean Penn, A+15)
ไม่ชอบการกำกับ แต่ชอบที่มันพูดถึง Liberia กับ South Sudan

THERAPY FOR A VAMPIRE (2014, David Ruehm, Austria, A+20)

 ดูที่ Bangkok Screening Room ทั้งโรงมีเราดูคนเดียว ดูแล้วแอบสงสัยว่า หนังมันต้องการพูดอะไรเกี่ยวกับ mirror stage ของ Jacques Lacan หรือเปล่า เพราะตัวละครสำคัญในหนังคือ Sigmund Freud และหนังมันพูดถึง mirror ตลอดเวลา 555

SO FAR REAL (2015, Miriam Batjala, Austria, 30min, A+30)

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่
https://vimeo.com/135096785
โดยใส่ password: SO_FAR_REAL

ดูแล้วนึกถึงหนังเกี่ยวกับคนบ้าที่ชอบสุดๆบางเรื่อง อย่างเช่น THE INSANE (2006, Araya Rasdjarmrearnsook), FOR THE LOST (2014, Pierre-Yves Vandeweerd) และ THE GOLDEN LEGEND (2015, Olivier Smolders) รู้สึกว่าหนังทั้ง 4 เรื่องนี้เข้าถึงความวิกลจริตโดยใช้วิธีที่แตกต่างกัน โดยในบรรดาหนังทั้ง 4 เรื่องนี้ เราว่า THE GOLDEN LEGEND ให้ความรู้สึกเยียบเย็นน่าสยองขวัญมากที่สุด ในขณะที่ SO FAR REAL ดูน่ากลัวน้อยสุด เพราะ SO FAR REAL ไม่ได้เข้าถึงคนบ้าโดยตรง แต่เหมือนไปเน้นที่ปฏิกิริยาที่นักแสดงมีต่อคนบ้ามากกว่า

AWAKENING – FUTURE (Alisa Berger & Lena Ditte Nissen, A+30)

เป็นวิดีโอบันทึกพิธีกรรมอะไรก็ไม่รู้ใน gallery/museum แห่งหนึ่ง ผู้คนในงานเดินไปเดินมาพร้อมกับพร่ำสวดอะไรสักอย่าง มีผู้ชายเผาอะไรสักอย่าง แล้วก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งไปไล่ทำลายสัญญาณดับเพลิงตามจุดต่างๆในห้องนั้นเมื่อควันจากการเผาไปทำให้สัญญาณดับเพลิงดังขึ้น

ดูแล้วชอบมากๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเราชอบวิดีโอเกี่ยวกับ พิธีกรรมเสียสติอยู่แล้วก็ได้ ดูแล้วนึกถึงวิดีโอ TAPE FOR BANGKOK: DOCUMENTS (2012, Lin Chi Wei, Taiwan/Thailand) ที่เป็นเหมือนการบันทึกพิธีกรรมเสียสติเหมือนกัน
KOMET (2014, Nicola Gördes, 13min, A+10)

เป็นเหมือนการบันทึกงานออดิชั่นสมมุติอะไรสักอย่าง ที่ผู้เข้าออดิชั่นต้องผ่านเครื่องสแกนอาวุธด้วย ในขณะที่ตัวละครบางคนคุยกันเรื่องเม่นขนยาวกับเม่นขนสั้นในภูมิภาคต่างๆในยุโรป และตอนหลังผู้เข้าออดิชั่นก็มาต่อตัวกันเป็นปิรามิด ในขณะที่อะไรสักอย่างในห้องนั้นล้มครืนลงมา


TEN YEARS (2015, Hong Kong, A+30)
--EXTRAS (Kwok Zune, A+25)
--SEASON OF THE END (Wong Fei-Pang, A+30)
--DIALECT (Jevons Au, A+30)
--SELF-IMMOLATOR (Chow Kwun-wai, B+ )
--LOCAL EGG (Ng Ka-Leung, A+20) 

ชอบ SEASON OF THE END อย่างสุดๆ ติดอันดับประจำปีหนังสั้นต่างประเทศของเราในปีนี้อย่างแน่นอน มันมีความสะพรึงพรั่นพิศวงบางอย่างในหนังเรื่องนี้ที่เราชอบมากๆ และเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับที่เรารู้สึกต่อหนังของ Kiyoshi Kurosawa และหนังมาเลเซียเรื่อง BITE (2016, Charlotte Lim Lay Kuen)

SELF-IMMOLATOR ชอบเนื้อเรื่อง แต่รู้สึกไม่ถูกโฉลกกับวิธีการกำกับแบบนี้

No comments: