Saturday, March 16, 2024

BEAU TRAVAIL

 

BEAU TRAVAIL (1999, Claire Denis, France) จะมาฉายที่หอภาพยนตร์ ศาลายา ในวันเสาร์ที่ 30 มี.ค.นะ นักวิจารณ์ใน Village Voice บอกว่าหนังเรื่องนื้ถือเป็น CELEBRATION OF MALE BODIES และเราก็รักและบูชาหนังเรื่องนี้เพราะสาเหตุนี้ 55555

 

BEAU TRAVAIL นี่ถือเป็น MY MOST FAVORITE FILMS I SAW IN 2001 และน่าจะถือเป็นหนังที่เราได้ดูในโรงภาพยนตร์มากเป็นอันดับ 2 ของชีวิตนี้มั้ง ถ้าหากเราจำไม่ผิด เพราะเราเคยดู BEAU TRAVAIL ในรูปแบบ FILM 35MM ในโรงภาพยนตร์ไปแล้ว 5 รอบในปี 2001 ซึ่งได้แก่

 

1.การดูรอบแรกในวันที่ 3 มี.ค. 2001 โดยดูควบกับ SAINT-CYR (2000, Patricia Mazuy, A+30) และ THE GLEANERS & I (2000, Agnès Varda, documentary, A+30) ที่โรงภาพยนตร์ในเซ็นทรัล พระรามสาม

 

2.การดูรอบสองในวันที่ 6 มี.ค. 2001 โดยดูควบกับ PURPLE STORM (1999, Teddy Chan, Hong Kong) ที่โรงภาพยนตร์ในเซ็นทรัล พระรามสาม

 

3.การดูรอบสามในวันที่ 18 มี.ค. 2001 โดยดูควบกับ BOOTMEN (2000, Dein Perry, Australia) ที่โรงภาพยนตร์ในเซ็นทรัล พระรามสาม

 

4.การดูรอบสี่ในวันที่ 25 ต.ค. 2001 ที่โรงภาพยนตร์ของ Alliance Francaise ถนนสาทรใต้

 

5.การดูรอบห้าในวันที่ 27 ต.ค. 2001 ที่โรงภาพยนตร์ของ Alliance Francaise ถนนสาทรใต้ โดยในวันเดียวกันนั้น เราได้ไปดูหนังเรื่อง RATCATCHER (1999, Lynne Ramsay, UK) ด้วย ซึ่งถ้าหากเราจำไม่ผิด วันนั้นหนังเรื่อง RATCATCHER ฉายที่โรงภาพยนตร์ในห้าง Siam Discovery

 

ส่วนหนังที่เราได้ดูในโรงภาพยนตร์บ่อยครั้งที่สุดคือ INDIA SONG (1975, Marguerite Duras) ที่เราได้ดูไปแล้ว 8 รอบ

https://web.facebook.com/photo/?fbid=10231273886173795&set=a.10230383642238253

 

ส่วนหนังที่เราได้ดูในโรงภาพยนตร์มากเป็นอันดับ 3-4-5 คือ BIRTH OF THE SEANEMA (2004, Sasithorn Ariyavicha), NEWS FROM HOME (1976, Chantal Akerman, Belgium) และ FALLEN ANGELS นักฆ่าตาชั้นเดียว (1995, Wong Kar-wai, Hong Kong )มั้ง โดยหนังสามเรื่องนี้เราเคยดูในโรงภาพยนตร์เรื่องละ 4 รอบ

 

โดย BIRTH OF THE SEANEMA นั้นเราได้ดูที่ อนุสรณ์สถานสี่แยกคอกวัว, ที่ ห้อง auditorium ในห้องสมุดมหาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สองรอบ และที่โรงละครภัทราวดีเธียเตอร์

 

NEWS FROM HOME นั้นเราได้ดูที่ห้อง auditorium ในห้องสมุดมหาลัยธรรมศาสตร์ 3 รอบ และที่หอภาพยนตร์ ศาลายา หนี่งรอบ

 

ส่วน FALLEN ANGELS นั้น เราได้ดูที่โรงภาพยนตร์ในเซ็นทรัล ปิ่นเกล้าหนึ่งรอบ, ที่ World Trade Center (หรือ Central World ในปัจจุบัน) สองรอบ และที่โรงภาพยนตร์ชั้นสองแถวสะพานควายอีกหนึ่งรอบ

 

ไม่แน่ใจว่ามีหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เราได้ดูในโรงภาพยนตร์ถึง 4 รอบอีกหรือเปล่า ตอนนี้นึกออกแค่นี้

 

ปรากฏว่าในบรรดา 5 อันดับแรกนี่ เป็นหนังของผู้กำกับหญิงถึง 4 คนเลย ซึ่งได้แก่ Marguerite Duras, Claire Denis, Sasithorn Ariyavicha และ Chantal Akerman

 

Sunday, March 10, 2024

SHAITAAN (2024, Vikas Bahl, India, 134min, A+30)

 

SHAITAAN (2024, Vikas Bahl, India, 134min, A+30)

 

ดูแล้วนึกถึง REASON (2018, Anand Patwardhan, India, documentary, A+30) อย่างรุนแรงที่สุด เพราะว่า

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

พอดูจนจบ แล้วก็จะนึกถึงองค์การ Sanatan Sanstha ที่เป็นองค์การขวาจัดของอินเดียที่ถูกกล่าวถึงใน REASON มาก ๆ เพราะองค์การนี้ถูกกล่าวหาว่าล่อลวงเด็กสาวหลายคนให้เข้าไปอยู่ในองค์การ โดยผ่านทางการสะกดจิต เด็กสาวหลายคนให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่ต้องการจะอยู่กับพ่อแม่ของตัวเอง สิ่งที่เธอต้องการคือการได้ใกล้ชิดกับท่านผู้นำลัทธิ ซึ่งท่านผู้นำลัทธิก็ดูเหมือนพวกใคร่เด็กมาก ๆ

 

สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับองค์การ Sanatan Sanstha ได้ในหนังเรื่อง REASON นะ หรือลอง search ดูในยูทูบก็ได้ มีคนลงคลิปเกี่ยวกับ A retired teacher Bhanudas Adbhai has been fighting to recall his daughter who had joined Sanatan Sanstha Ashram. This 70 year old father has repeatedly written to the police and Government to take action but nothing has been done in the last 11 years. He alleges that the those who join the ashram are brainwashed and hynotised.  ซึ่งมันทำให้นึกถึงหนังเรื่อง SHAITAAN มาก ๆ

 

ก็เลยคิดว่า หนังเรื่อง REASON และหนังเรื่องต่าง ๆ ของ Anand Patwardhan ที่เราเคยดูมา นี่มันมีส่วนทำให้เราเข้าใจบริบทของหนังอินเดียเพิ่มขึ้นมากเลย มันทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นทั้งในหนังเรื่อง SHAITAAN, กระแสความคลั่งชาติจนเกินขอบเขตใน FIGHTER (2024, Siddharth Anand), ปัญหาความคลั่งชาติในชนบทใน WRITING WITH FIRE (2021, Sushmit Ghosh, Rintu Thomas, documentary, A+30), ปัญหาสิทธิสตรีใน LAAPATAA LADIES (2023, Kiran Rao, A+30), ข้อเท็จจริงของการก่อการร้ายใน THE ATTACKS OF 26/11 (2013, Ram Gopal Varma, A+30) และปัญหาในมหาวิทยาลัยใน A NIGHT OF KNOWING NOTHING (2021, Payal Kapadia, A+30) ด้วย กราบลุง Anand อย่างรุนแรงมาก ๆ

Monday, March 04, 2024

DAVID BORDWELL

 เพิ่งรู้ว่า ผู้ให้เสียงพากย์ SANS SOLEIL (1983, Chris Marker, France, A+30) เวอร์ชั่น ภาษาญี่ปุ่น คือ Riyoko Ikeda สาวคอมมิวนิสต์ผู้แต่งการ์ตูน  "กุหลาบแวร์ซายล์ส" กรี๊ดดดดดด

--
จำได้ว่าตอนเราอยู่ป.4 ราว ๆ ปี 1982 เราก็ชอบหมุนตัวอย่างรุนแรงในโรงเรียนเพราะละครทีวีชุด "สาวน้อยมหัศจรรย์" WONDER WOMAN (1975-1979) ที่นำแสดงโดย Lynda Carter นี่แหละ
--
CSI กรณีสวรรคต
CSI: THE DEATH OF KING ANANDA (2024, Ing K, documentary, 230min, A+30)

1.นึกว่าหนักกว่า ANATOMY OF A FALL อยากให้หนังเรื่องนี้ได้ฉายทาง NETFLIX มาก ๆ

2.สาเหตุที่เราชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆไม่ใช่เป็นเพราะว่า เราเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่คนต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้พูดนะ  แต่เราชอบ "ความเอาจริงเอาจัง" ของคุณกังวาฬ และชอบ "ความรู้" ต่าง ๆ ที่เราได้รับจากหนังเรื่องนี้ คือเราอาจจะไม่ได้ชอบทัศนคติของคนบางคนในหนังเรื่องนี้ แต่เราชอบที่หนังเรื่องนี้มันเหมือน "รักในความรู้" น่ะ

3.ชอบการพูดถึงคดีของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ และการขุดพบโครงกระดูกที่บ้านเชียงมาก ๆ
--
ฉันรักเขา Louis Partridge from ARGYLLE (2024, Matthew Vaughn, UK/USA, A+30)
--
Favorite Actor: Yoo Hae-jin from DOG DAYS (2024, Kim Deok-min, South Korea, A+25), HONEY SWEET (2023, Lee Han, South Korea, A+30), CONFIDENTIAL ASSIGNMENT 2: INTERNATIONAL (2022, Lee Seok-hoon), MUSA (2001, Kim Sung-su)

เขาไม่หล่อ แต่เล่นหนังดีจริง ๆ ชอบการแสดงของเขามาก ๆ

ฉันรักเขา Jason Gu from MOSCOW MISSION (2023, Herman Yau, China/Russia, A+30)

RIP DAVID BORDWELL

ในขณะที่ Alexis Tioseco สามารถเปลี่ยนแปลงความเห็นของเราที่มีต่อ South East Asian Cinema ได้อย่างสิ้นเชิงในปี 2005 คือก่อนที่เราจะรู้จัก Alexis ในปี 2005 เราเคยมองว่า South East Asian Cinema โดยรวม ไม่ได้มีความน่าสนใจมากนัก แต่พอเราได้รู้จักเขาในปี 2005 ความเห็นของเราก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เราหันมามองว่า  South East Asian Cinema นี่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์หนังมากมายมหาศาลที่เรายังไม่ได้ดู โดยเฉพาะหนังของผู้กำกับระดับปรมาจารย์หลายคนใน Philippines

David Bordwell ก็เปลี่ยนแปลงความเห็นของเราที่มีต่อหนังยุคโบราณเช่นเดียวกัน คือก่อนที่เราจะรู้จัก blog OBSERVATIONS ON FILM ART ของเขาในช่วงปลายทศวรรษ 2000 เราก็ไม่ได้สนใจในหนังเงียบและหนังยุคโบราณมากนัก แต่พอเราได้รู้จัก  blog ของเขา และเห็นเขาทำ "อันดับหนังยอดเยี่ยมเมื่อ 90 ปีก่อน" ในทุก ๆ ปี คือในปี 2007 เขาจะทำอันดับหนังประจำปี 1917, ปี 2008 เขาจะทำอันดับหนังประจำปี 1918 อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า หนังเงียบและหนังยุคโบราณเมื่อ 80-100 ปีก่อน มันก็มีอะไรที่น่าสนใจสุด ๆ รอให้เราขุดพบประสบเจออยู่เช่นกัน

เราก็เลยรู้สึกว่า ทั้ง Alexis Tioseco และ David Bordwell นี่มีอิทธิพลอย่างรุนแรงมากต่อชีวิต cinephile ของเรา และถึงแม้นักวิจารณ์/นักวิชาการภาพยนตร์ทั้งสองท่านนี้จะจากเราไปแล้ว แต่ทั้งสองก็ได้เปลี่ยนแปลง+ enrich ชีวิตการดูหนังของเราอย่างมาก ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และรวมถึงในช่วงอีกหลายปีต่อไปจากนี้จนกว่าเราจะตายด้วย กราบขอบพระคุณทั้งสองท่านนี้อย่างมาก ๆ สำหรับสิ่งที่พวกท่านได้ทำไว้

ช่วง เมื่อไหร่กูจะมีเวลาว่างดูหนังซะทีคะ

บันทึกไว้ว่า ภารกิจรัดตัวต่าง ๆ ในตอนนี้ ทำให้เราพลาดดูหนังที่เราอยากดูอีกเรื่องแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เราพลาดดูไม่ทันเป็นเรื่องที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งก็คือหนังเรื่อง TERI BAATON MEIN AISA ULJHA JIYA (MY HEART IS SO ENTANGLED IN YOUR WORDS) (2024, Amit Joshi, Aradhana Sah, India) ที่ลงโรงฉายที่เมเจอร์ สุขุมวิท กับไอคอน สยามในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟที่พูดถึงความรักระหว่างชายหนุ่มกับหุ่นยนต์สาว ซึ่งเราก็อยากดูหนังเรื่องนี้มาก ๆ แต่ไม่สามารถหาเวลาว่างไปดูได้เลย แล้วพอเช้านี้เราเช็ครอบฉาย ก็พบว่าหนังเรื่องนี้หมดรอบฉายไปแล้วเรียบร้อย ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ มีใครทันดูหนังเรื่องนี้บ้างคะ
---
RIP PAOLO TAVIANI (1931-2024)

เราเคยดูหนังที่เขากำกับแค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือ FIORILE (1993) อยากให้มีคนจัดงาน retrospective ของเขากับ Vittorio Taviani มาก ๆ เราอยากดูทั้ง LEONORA ADDIO (2022), CAESAR MUST DIE (2012), RESURRECTION (2001), THE NIGHT OF THE SHOOTING STARS (1982) PADRE PADRONE (1977), ST. MICHAEL HAD A ROOSTER (1972), THE SUBVERSIVES (1967), A MAN FOR BURNING (1962), etc.
--
ชอบหนังเรื่อง RESURRECTION (2008, Sorrawis Rawitiwakul, Harin Paesongthai) มาก ๆ เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในเดือนก.ค. 2008 หรือเมื่อราว 15 ปีมาแล้ว
--
ชอบที่ "เมเจอร์ สำโรง" ฉาย แม่ณุน, พี่นาค 4, เหมรย THE CURSED (2024, Ekkachai Srivichai, A+25) และ เกจิ (2024, Mate Yimsomboon,  Pholdolaphat Thattanthimarat, A+15) ปะทะกัน อยากให้ผีจากหนังทั้ง 4 เรื่องหลุดออกมาจากจอ แล้วมาสังสรรค์สนทนาช้อปปิ้งเดินกันในห้างตอนดึก ๆ 555
--
ฉันรักเขา Huang Xuan from MOSCOW MISSION (2023, Herman Yau, China/Russia, A+30) , THE BATTLE AT LAKE CHANG JIN (2021), LEGEND OF THE DEMON CAT (2017, Chen Kaige), YOUTH (2017, Feng Xiaogang), THE GREAT WALL (2016, Zhang Yimou), THE FOUNDING OF A PARTY (2011, Han Sanping, Huang Jianxin)
--
ขอบคุณมาก ๆ จ้า 555

ในรูปของ น้อง Warut เรารู้แต่ว่ามี

2.Jonas Mekas

3.DAGUERREOTYPES (1975, Agnes Varda, France)

4. A TIME TO LIVE AND A TIME TO DIE (1985, Hou Hsiao-hsien, Taiwan)

5. PERFECT DAYS (2023, Wim Wenders, Japan)

6.STILL LIFE (1974, Sohrab Shahid Saless, Iran)

8.NATHALIE GRANGER (1972, Marguerite Duras, France)

10. PATERSON (2016, Jim Jarmusch)

11. JEANNE DIELMAN

12. THE MATCH FACTORY GIRL (1990, Aki Kaurismaki, Finland)

แต่ไม่รู้ว่ารูปที่ดูคล้าย ๆ หนังอินเดียกับหนังแอฟริกา มาจากเรื่องอะไร Mrinal Sen? Jean Rouch? Ousmane Sembene?  ส่วนรูปที่คล้าย ๆ หนังไทย เราก็ไม่แน่ใจว่า มาจาก TROPICAL MALADY หรือเปล่า 555
--
เราชอบ DETECTIVE CONAN: THE PHANTOM OF BAKER STREET (2002, Kenji Kodama, Japan, animation, A+30) อย่างสุดขีดคลั่งมาก ๆ นึกว่า "การปฏิวัติฝรั่งเศส" ยังต้องพ่าย  555
---
รู้สึกปลื้มปริ่มน้ำตาไหลถะถั่งโสมนัสในอุราเมื่อได้เห็น Hanna Schygulla เผยกายออกมาใน POOR THINGS (2023, Yorgos Lanthimos, A+30)

คือเราไม่รู้มาก่อนว่า Schygulla เล่นเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นพอเราเห็นเธอในหนัง เราก็เลยร้องวี้ดสุดเสียงมาก ๆ

รู้สึกว่า เธอได้บทที่เหมาะกับตัวเธออย่างสุดขีดด้วย คือดูมีความเป็นเจ้าแม่ เป็นหญิงแกร่ง ฉลาด ขบถ มีอิทธิฤทธิ์จริง ๆ ไม่เสียแรงที่เธอเคยเล่นทั้งหนังของ Rainer Werner Fassbinder, Alexander Sokurov, Amos Gitai, Bela Tar, Andrzej Wajda, Jean-Luc Godard, Ettore Scola, Volker Schlondorff มาแล้ว

การได้เห็น Hanna Schygulla ยังได้บทดี ๆ เล่นอยู่ ทำให้เราน้ำตาไหลมาก ๆ นึกถึงดาราหญิงของ Fassbinder ยุคเดียวกับเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว ทั้ง Margit Carstensen (เสียปี 2023),Irm Hermann (เสียปี 2020), Brigitte Mira (เสียชีวิตปี 2005 ขณะอายุ 94 ปี), Rosel Zech (เสียปี 2011)

แต่ยังดีที่ Hanna Scygulla, Barbara Sukowa ( BERLIN ALEXANDERPLATZ) และ Ingrid Caven (LOVE IS COLDER THAN DEATH) ยังมีชีวิตอยู่

เรารู้สึกว่า การปรากฏตัวของนักแสดงหญิงระดับเจ้าแม่ อย่าง Hanna Schygulla  ในช่วงกลางเรื่อง POOR THINGS มันเหมือนทำให้เรารู้สึกว่า "หนังมัน up level ระดับความเฮี้ยน" ขึ้นโดยอัตโนมัติผ่านทางนักแสดงหญิงเหล่านี้ด้วยแหละ
--
ตารางฉายเทศกาลภาพยนตร์ francophone  ออกแล้ว เหมือนมีหนังฉาย 7 เรื่อง แต่เราดูไปแล้ว 4  เรื่อง ยังไม่ได้ดู 3 เรื่อง (THE CEMETERY OF CINEMA , LE SAPEUR, NIGHT OF THE KINGS)
https://afthailande.org/th/cultural-events-th/#/
--
RIP MICHELINE PRESLE (1922-2024) เธอเสียชีวิตตอนอายุ 101 ปี

เราเคยดูหนังที่เธอแสดง 10 เรื่อง แต่ยังไม่เคยดูเรื่องที่เธอรับบทเป็นนางเอกสมัยสาว ๆ นะ

หนังของเธอที่เคยดู

1.SALTIMBANK (2003, Jean-Claude Biette)

2.VENUS BEAUTY (INSTITUTE) (1999, Tonie Marshall)

3.DIARY OF A SEDUCER (1996, Daniele Dubroux)

4.FANFAN (1993, Alexandre Jardin)

5.EPIPHANY SUNDAY (1991, Marie-Claude Treilhou)

เป็นหนังที่เอา 3  เจ้าแม่ดาราหญิงยุคเก่าของฝรั่งเศส 3 คนมาปะทะกัน ซึ่งได้แก่ Danielle Darrieux, Micheline Presle กับ Paulette Dubost

6.THE BLOOD OF OTHERS (1984, Claude Chabrol)

Miniseries เรื่องนี้เคยมาฉายทางช่อง 3

7.THE DEVIL IN THE BOX (1974, Pierre Lary)

8.DONKEY SKIN (1970, Jacques Demy)

9.THE NUN (1966, Jacques Rivette)

10.CHRISTINE (1958, Pierre Gaspard-Huit)
--
FLORENCE (1979, Michel Auder, video installation, 59min, A+)

เราดูไปแค่ประมาณ 30 นาทีนะ
--
CINDY SHERMAN (1988, Michel Auder, video installation, 42min, A+30)

ดูที่ Bangkok Kunsthalle
--
ฉันรักเขา Dominic Sessa from THE HOLDOVERS (2023, Alexander Payne, A+30)
--
ลูกหมีบอกว่า ดีใจมากที่ได้หนังสือ FOOTLIGHTS: CRITICAL NOTEBOOK 1970-1982 ของ Serge Daney มาอ่าน เพราะหนังสือเล่มนี้มีบทความเกี่ยวกับภาพยนตร์ของ Jean-Claude Biette ด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดดด เหมือนเรายังไม่เคยเห็นใครเขียนบทความเกี่ยวกับ Biette มาก่อนเลย และหนังสือเล่มนี้มีบทความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง Wim Wenders กับ Nicholas Ray ด้วย (แต่เรายังไม่ได้ดู LIGHTNING OVER WATER (1980, Wim Wenders, documentary) นะ)
---
จำได้ว่า ตอนละครเรื่อง ศึกสายเลือด ฉายทางช่อง 3 ตอนเราเด็ก ๆ กบว.สั่งให้ censor บางฉาก เพราะนักฆ่ากลุ่มนึงในละครเรื่องนี้ใช้ flying guillotine เป็นอาวุธ แล้วมันคงโหดมาก ฉากการใช้ flying guillotine หลาย ๆ ฉากเลยไม่ได้แพร่ภาพทางช่อง 3 ในตอนนั้น
--
ชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ ดูแล้วนึกถึงละครเวทีเรื่อง FUGITIVES (2014, Ninart Boonpothong) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเอกยุทธ อัญชันบุตรมาก ๆ คือพอดู THE GOLDFINGER กับละครเวทีเรื่อง FUGITIVES แล้วรู้เลยว่า ไทยก็มี"บท", มี "นักแสดง" และ "ผู้กำกับ" ดี ๆ ไม่แพ้ฮ่องกง เพียงแต่ว่าของไทยมาอยู่ในวงการละครเวทีแทน
---
ฉันรักเขา John Chiang Jr. from ROB N ROLL (2024,  Albert Kai-Kwong Mak, China/Hong Kong, A+20)

เขาเป็นลูกชายของ เดวิด เจียง (ศึกสายเลือด) ตัวเดวิด เจียง เองก็มาร่วมแสดงใน ROB N ROLL ด้วย
--
ฉันรักเขา Ansonbean from ROB N ROLL (2024,  Albert Kai-Kwong Mak, China/Hong Kong, A+20)
--
ฉันรักเขา Jeremy Irvine from BAGHEAD (2023, Alberto Corredor, Germany, UK, A+25), PARADISE HILLS (2019, Alice Waddington), THIS BEAUTIFUL FANTASTIC (2016, Simon Aboud), THE WOMAN IN BLACK 2: ANGEL OF DEATH (2014, Tom Harper), THE RAILWAY MAN (2013, Jonathan Teplizltzky), NOW IS GOOD (2012, Ol Parker, A-)

--
Favorite Actress: Alba Rohrwacher from SKIES OF LABANON (2020, Chloe Mazlo, France, A+30), LA CHIMERA (2023 , Alice Rohrwacher, Italy, A+30), HAPPY AS LAZZARO (2018, Alice Rohrwacher, Italy, A+30), THE PLACE (2017, Paolo Genovese, Italy, A+30), PERFECT STRANGERS (2016, Paolo Genovese, Italy, A+30), SWORN VIRGIN (2015, Laura Bispuri, Italy, A+30), PIANO, SOLO (2007, Riccardo Milani, Italy)
--
ฉันรักเขา พิสิษฐ์ อนุชิตชาญชัย จาก MOUNTAIN PEOPLE คนภูเขา (1979, Vichit Kounavudhi, A+30) เรารู้สึกว่าเขาหล่อมาก แต่ทำไมเขาหายสาบสูญไปเลยหลังจากเล่นหนังแค่เรื่องเดียว (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด)
--
ขอจดบันทึกความทรงจำไว้อีกหนึ่งอย่างว่า หนึ่งในฉากที่ชอบที่สุดที่ได้ดูในช่วงต้นปีนี้ คือฉากใน PERFECT DAYS (2023, Wim Wenders, A+30) ที่ชายชราคนนึงถามพระเอกในทำนองที่ว่า "จำได้ไหมว่า สถานที่ตรงนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน" แล้วเหมือนพระเอกก็ตอบไม่ได้ ชายชราก็ตอบไม่ได้ ส่วนสถานที่ตรงนั้นก็เหมือนเป็นพื้นที่โล่ง ๆ เพื่อเตรียมการก่อสร้าง

แต่เราดูฉากนี้มา 2-3 สัปดาห์แล้วนะ ไม่รู้ว่าเราจำถูกหรือเปล่า 55555 แต่เราชอบฉากนี้อย่างสุดขีดที่สุด เพราะเรารู้สึกว่ามันฝังใจเรามาก ๆ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเหตุใดมันถึงฝังใจเรามาก ๆ
---
ดูหนังเรื่อง SONGS OF EARTH แล้วจินตนาการภาพกะเทยไทย (ซึ่งก็คือ ตัวเราเอง) เดินทางเข้าไปเยือนดินแดนธารน้ำแข็งในหนังเรื่องนี้ พร้อมกับผ้าพลิ้ว ๆ หลากสีที่ซื้อมาจากร้าน "ปากหวานใจดี" ในพาหุรัด แล้วก็ตะโกนว่า "ฉันคือเอลซ่า" แล้วธารน้ำแข็งก็เลยแตกไหลเลื่อนออกมาจนเกิดเป็นหายนภัย 555
--
คู่หนังตรงข้ามกัน

THE BOY AND THE HERON (2023, Hayao Miyazaki, Japan, animation, A+30)
Vs.
THE FORBIDDEN PLAY (2023, Hideo Nakata , Japan, A+30)

Spoilers alert
--
--
--
--
--
หนึ่งในสิ่งที่ชอบสุด ๆ ใน THE FORBIDDEN PLAY คือการที่เรารู้สึกว่า หนังเรื่องนี้เหมือนจะแสดงให้เห็นโดยไม่ได้ตั้งใจว่า ถ้าหากพระเอกของ THE BOY AND THE HERON  ไม่สามารถทำใจยอมรับการตายของแม่ได้ และไม่สามารถทำใจยอมรับแม่เลี้ยงได้ จะเกิดอะไรขึ้น 555

คือรู้สึกว่า หนังสองเรื่องนี้มาคู่กันมาก ๆ เพราะว่า

1. เด็กชายในเรื่องมีปมปัญหาเรื่องแม่ และผู้ที่จะมาเป็นแม่เลี้ยง คล้าย ๆ กัน

2.ตระกูลของแม่-เด็กชาย สืบ "สายเลือดพิเศษ" มาเหมือน ๆ กัน

3.ป่าใน THE BOY AND THE HERON + สวนหลังบ้านใน THE FORBIDDEN PLAY เหมือนเป็นประตูเปิดไปสู่ความสามารถพิเศษของเด็กชาย เหมือน ๆ กัน

แต่เด็กชายของหนังทั้งสองเรื่องนี้ เลือกทางเดินที่ตรงข้ามกัน หนังสองเรื่องนี้ก็เลยเหมือนจะแสดงให้เห็นว่า ถ้าหากคุณทำใจยอมรับการตายของแม่ได้ คุณจะเป็นอย่างไร (THE BOY AND THE HERON) และถ้าหากคุณทำใจยอมรับการตายของแม่ไม่ได้ คุณจะเป็นอย่างไร (THE FORBIDDEN PLAY)

--




Sunday, March 03, 2024

SANS SOLEIL 4 VERSIONS

 

จำได้ว่าเคยดู SANS SOLEIL (1983, Chris Marker, France, A+30) ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อราว 20 ปีก่อน แล้วตอนนั้นดูไม่รู้เรื่องเลย เพราะหนังมันพูดภาษาอังกฤษ แต่มันไม่มี subtitles แล้วทักษะด้าน listening comprehension ของเราก็เลวร้ายมาก ๆ เราก็เลยได้แต่นั่งดูภาพไป แต่ตามไม่ทันว่าเสียง narrator มันพูดว่าอะไร เพราะถึงมันจะพูดภาษาอังกฤษ เราก็ฟังไม่ค่อยออกอยู่ดี ซึ่งเราก็ประสบปัญหานี้อย่างรุนแรงเหมือนกันเวลาที่เราดูหนังอย่าง LONDON (1994, Patrick Keiller, UK, A+30) และ A WALK THROUGH H (1979, Peter Greenaway, UK, A+30) ที่พูดภาษาอังกฤษแต่ไม่มีซับไตเติล

 

แต่เมื่อวานเราไปดู SANS SOLEIL รอบสองที่ DOC CLUB & PUB เราก็เลยประหลาดใจมากที่หนังมันพูดภาษาฝรั่งเศส ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเหมือนที่เราเคยดูมา โดยที่คราวนี้มีซับไตเติลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เราอ่านด้วย

 

เราก็เลยงง ๆ ว่า หนังเรื่องนี้มันพูดภาษาอะไรกันแน่ เมื่อกี้เราเลยดูใน IMDB ก็เลยพบว่า Chris Marker ทำหนังเรื่องนี้ออกมาเป็น 4 เวอร์ชั่นเลยมั้ง เวอร์ชั่นพูดฝรั่งเศสให้เสียงโดย Florence Delay, เวอร์ชั่นพูดอังกฤษให้เสียงโดย Alexandra Stewart แล้วก็มีเวอร์ชั่นพูดเยอรมันให้เสียงโดย Charlotte Kerr แล้วก็มีเวอร์ชั่นพูดญี่ปุ่นให้เสียงโดย Riyoko Ikeda

FOUR FACES OF JIT PHOKAEW

 

FOUR FACES OF JIT PHOKAEW

 

สรุปว่าช่วงนี้ดิฉันขอจองเป็นตัวละคร 4 ตัวนี้ค่ะ

 

1. Martha (แสดงโดย Hanna Schygulla) in POOR THINGS (2023, Yorgos Lanthimos, A+30)

 

2.กะหรี่สาวสูงวัย (Melissa McMeekin) ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ in THE HOLDOVERS (2023, Alexander Payne, A+30)

 

3. ตัวละคร “คุณย่า” ที่หนักที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาในชีวิตนี้ ใน BAZMANDE (THE SURVIVOR) (1995, Seifollah Dad, Iran) ไม่ทราบชีวิตอะไรอีกต่อไป

 

4. Manju Maai (Chhaya Kadam) คุณป้าขาย samosa ที่สถานีรถไฟใน LAAPATAA LADIES (2023, Kiran Rao, India, A+30)

 

รักตัวละครคุณป้าขาย samosa อย่างสุดขีดมาก ๆ เธอไล่ลูกชายกับผัวออกไปจากชีวิตของเธอ เพราะผัวของเธอทุบตีเธอ โดยผัวอ้างว่า “เพราะเขารักเธอ เขาจึงมีสิทธิทุบตีเธอได้” เธอก็เลยไล่เขาออกไปจากชีวิต และเธอตัดสินใจอยู่ตัวคนเดียว หาเงินเลี้ยงชีพตามลำพัง และพอตัวละครตัวนึงถามเธอในทำนองที่ว่า “อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่เหงาเหรอ ไม่กลัวเหรอ มีความสุขดีเหรอ” คุณป้าก็ตอบในทำนองที่ว่า “มันก็ยากอยู่หรอกในตอนแรก ๆ ที่จะใช้ชีวิตตามลำพังอย่างมีความสุข แต่พอเราทำมันได้สำเร็จ ก็จะไม่มีใครมา bother เราได้อีกต่อไป”

 

คือจุดนี้ของคุณป้าทำให้นึกถึงตัวละครพระเอกใน PERFECT DAYS (2023, Wim Wenders, A+30) มาก ๆ ในแง่ที่เป็นตัวละครที่ “เลือกเองว่ากูขอมีชีวิตอยู่ตามลำพังดีกว่า” และตัวละครทั้งสองก็อาจจะมี “บาดแผลแห่งชีวิต” จากอดีตหรือจากครอบครัวอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ตัวละครทั้งสองก็มีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง เพราะคุณป้าใน LAAPATAA LADIES อาจจะยังไม่ได้อยู่ในจุดที่สมดุลกับชีวิตมากนักในช่วงต้นของหนังเรื่องนี้ เพราะในขณะที่เนื้อเรื่องใน LAAPATAA LADIES ดำเนินไปเรื่อย ๆ เราก็จะได้เห็นตัวละครคุณป้าคนนี้ค่อย ๆ พัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเนื้อเรื่องด้วย ทั้งในเรื่อง “วิธีการที่เธอปฏิบัติต่อลูกค้า” และเรื่อง “การตัดสินใจว่าจะกินหรือไม่กินของหวาน”

 

ชอบ LAAPATAA LADIES (2023, Kiran Rao, India, A+30) ที่ลงโรงฉายอยู่ที่เมเจอร์ สุขุมวิท กับไอคอน สยามในตอนนี้มาก ๆ คือบทหนังอาจจะดู “ฝืน ๆ” ไปบ้างในช่วงท้าย แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นหนังที่โอเคมาก ๆ เมื่อกับหนังอินเดียเรื่องอื่น ๆ ที่เคยลงโรงฉายในกรุงเทพในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

 

แต่ถ้าหากเทียบกับหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เราได้ดูในสัปดาห์นี้แล้ว เราก็ไม่ได้ชอบ LAAPATAA LADIES มากที่สุดนะ เพราะสัปดาห์นี้เราได้ดูทั้ง SANS SOLEIL (1983, Chris Marker, France, second viewing, A+30) ที่เราขอยกให้เป็นหนึ่งในหนังที่งดงามที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาในชีวิตนี้ และ LOOKING FOR GILLES CARON (2019, Mariana Otero, France, documentary, A+30) ที่ฉายที่สมาคมฝรั่งเศสในวันพุธที่ 28 ก.พ. และเหมือนเป็นหนังที่บรรจุ all the sorrows of the world เข้ามาไว้ในหนัง แน่นอนว่า ตอนนี้ LOOKING FOR GILLES CARON กลายเป็นหนังที่เตรียมลุ้นอันดับหนึ่งประจำปีนี้ของเราควบคู่ไปกับ PERFECT DAYS และ KACHUA MEE PEEK กะจั๊วมีปีก (2022, Wairun Akarawinake, 60min, A+30) ไปแล้ว

Tuesday, February 27, 2024

MELISSA MCMEEKIN

 

ช่วงวิบากกรรมชีวิตฮิสทีเรีย

 

ขอบันทึกความทรงจำของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ค่ะ นั่นก็คือวันนี้เราไปดูเทศกาลหนังอิตาลีที่สามย่าน เรื่อง THERE’S STILL TOMORROW แต่โชคร้ายที่เราได้ที่นั่งติดกับผู้ชายคนนึงที่ไอหนักมาก เหมือนเขาไอทุก ๆ 3-5 นาที โดยที่เขาไม่ใส่หน้ากากอนามัย ส่วนเรานั้นใส่หน้ากากอนามัย ตอนแรกเราก็พยายามทำใจร่ม ๆ ว่า การที่เราใส่หน้ากากอนามัย น่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองภัยเราจากการไอของคนที่นั่งข้าง ๆ ได้ในระดับนึงนะ เราก็เลยนั่งดูหนังไปเรื่อย ๆ ก่อน แต่ก็สงสัยว่า เมื่อไหร่เขาจะหยุดไอสักทีนะ

 

เราเปลี่ยนที่นั่งไม่ได้ด้วย เพราะคนดูเต็มโรง คือถ้าเป็นโรงหนังรอบปกติที่มีที่นั่งว่าง ๆ เหลือเยอะ เราก็มักจะหนีไปนั่งที่ห่างไกลมนุษย์เป็นประจำอยู่แล้ว

 

แต่ในที่สุดความอดทนของเราก็ขาดผึง เพราะพอเราดูหนังไปได้ราว ๆ 20 กว่านาที ผู้ชายที่นั่งทางด้านซ้ายของเราก็ไออีกครั้ง แล้วเรารู้สึกราวกับว่ามันมีลมจากการไอของเขามาโดนลูกตาของเรา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเราอุปาทานไปเองหรือเปล่า

 

คือเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ มันคืออะไร แต่ถ้าหากให้เราเดาเอาเอง เราก็เดาว่า เขาไอโดยเบือนหน้าไปทางซ้าย คือเบือนหน้าหนีจากเรา แล้วเขาก็เอามือขึ้นมาบังปากขณะไอ แต่เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่า การที่เขาทำแบบนั้น ลมที่ออกจากปากของเขาก็เลยปะทะกับฝ่ามือของเขา แล้วลมจากการไอมันก็เลยไหลมาทางขวามือของเขา ไหลมาทางเรา แล้วก็เลยไหลผ่านลูกตาของเราหรือเปล่า หรือเราอาจจะ paranoid อุปาทานไปเองก็ได้ 5555 คือสรุปว่า เรารู้สึกว่ามันมีลมมาปะทะลูกตาของเรา แต่เราไม่แน่ใจว่ามันเป็นลมจากการไอของเขาหรือเปล่า อันนี้เราไม่ชัวร์ บางทีเราอาจจะอุปาทานไปเอง

 

เราก็เลยคิดว่า ไม่ไหวแล้วล่ะ เพราะถึงแม้เราจะใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่น้ำกระเซ็นจากการไอของคนข้าง ๆ ก็อาจจะกระเซ็นมาโดนลูกตาเราได้ทุกเมื่อ (เราถอดแว่นขณะดูหนังโรง) แล้วเราก็เหน็ดเหนื่อยกับการมีชีวิตอยู่จนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสินใจเดินออกจากโรงเลยดีกว่า หลังจากดูหนังไปได้แค่ราว 25 นาที แล้วพอเรากลับถึงอพาร์ทเมนท์ปุ๊บ เราก็เลยแดกฟ้าทะลายโจรไป 4 เม็ดเพื่อผลทางจิตวิทยา 55555

 

แต่เราก็ไม่ได้โกรธอะไรใครมากนักนะ 555 เพราะการที่เราตัดสินใจเลิกดูหนังกลางคันเป็นเพราะเรารู้ตัวว่า เราเป็นคนที่ป่วยเป็นหวัดง่ายมากน่ะแหละ คือคนปกติคงไม่เป็นอะไร แต่เรารู้จุดอ่อนทางร่างกายของเราดี และเนื่องจากเรารู้ตัวว่า ร่างกายของเราอ่อนแอกว่ามนุษย์ปกติ เราก็หนีออกจากโรงหนังเลยดีกว่า

 

ก่อนหน้านี้เราก็เคยหนีออกจากโรงหนังกลางคันแบบนี้ครั้งนึงในช่วง WILDTYPE ปี 2023 เพราะมีรอบนึงที่เราได้ที่นั่งติดกับผู้ชายคนนึงที่ไอหนักมาก เราก็เลยตัดสินใจหนีกลับบ้านไปเลยหลังจากดูหนังรอบนั้นไปได้แค่ครึ่งโปรแกรม

 

แต่ช่วงเทศกาล DOC FILM FESTIVAL, JAPANESE FILM FESTIVAL กับ CCCL FILM FESTIVAL นี่เราไม่เจอปัญหาคนไอแบบนี้นะ เจอแต่ปัญหาแบบอื่น

 

ก็เลยจดบันทึกไว้ว่า เราได้ดูหนังเรื่อง THERE’S STILL TOMORROW ไปได้แค่ 25 นาที เพราะความซวยของชีวิต 555

 

Favorite Actress: Melissa McMeekin from THE HOLDOVERS (2023, Alexander Payne, A+30)

 

เหมือนเธอโผล่มาแค่ 5 นาทีใน THE HOLDOVERS แต่ครองตำแหน่ง one of my most favorite characters of the year ไปเลย 55555

 

Monday, February 26, 2024

HANNA SCHYGULLA

 

รู้สึกปลื้มปริ่มน้ำตาไหลมาก ๆ เมื่อได้เห็น Hanna Schygulla ปรากฏตัวใน POOR THINGS (2023, Yorgos Lanthimos, A+30)

คือเราไม่รู้มาก่อนว่า Schygulla เล่นเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นพอเราเห็นเธอในหนัง เราก็เลยร้องวี้ดสุดเสียงมาก ๆ (ร้องในใจ 555)

 

รู้สึกว่า เธอได้บทที่เหมาะกับตัวเธออย่างสุดขีดด้วย คือบทของเธอดูมีความเป็นเจ้าแม่ เป็นหญิงแกร่ง ฉลาด ขบถ มีอิทธิฤทธิ์จริง ๆ ไม่เสียแรงที่เธอเคยเล่นทั้งหนังของ Rainer Werner Fassbinder, Alexander Sokurov, Amos Gitai, Bela Tarr, Andrzej Wajda, Jean-Luc Godard, Ettore Scola, Volker Schlondorff มาแล้ว

 

การได้เห็น Hanna Schygulla ยังได้บทดี ๆ เล่นอยู่ ทำให้เราน้ำตาไหลมาก ๆ นึกถึงดาราหญิงของ Fassbinder ยุคเดียวกับเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว ทั้ง Margit Carstensen (เสียปี 2023),Irm Hermann (เสียปี 2020), Brigitte Mira (เสียชีวิตปี 2005 ขณะอายุ 94 ปี), Rosel Zech (เสียปี 2011), Elisabeth Trissenaar (เสียเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2024), Barbara Valentin (เสียปี 2002)

 

แต่ยังดีที่ Hanna Schygulla, Barbara Sukowa ( BERLIN ALEXANDERPLATZ) และ Ingrid Caven (LOVE IS COLDER THAN DEATH) ยังมีชีวิตอยู่

 

เรารู้สึกว่า การปรากฏตัวของนักแสดงหญิงระดับเจ้าแม่ อย่าง Hanna Schygulla ในช่วงกลางเรื่อง POOR THINGS มันเหมือนทำให้เรารู้สึกว่า "หนังมัน up level ระดับความเฮี้ยน" ขึ้นโดยอัตโนมัติผ่านทางการปรากฏตัวของนักแสดงหญิงเหล่านี้ด้วยแหละ นึกถึงตอนที่ Vanessa Redgrave ปรากฏตัวใน MISSION: IMPOSSIBLE (1996, Brian De Palma) และตอนที่ Elaine Stritch ปรากฏตัวในตอนท้ายของ MONSTER-IN-LAW (2005, Robert Luketic) ที่มันทำให้เรารู้สึกว่า หนังมัน up level ความเฮี้ยนขึ้นไปอีกระดับนึงในทันที

 

รูปของ Hanna Schygulla จาก THE MARRIAGE OF MARIA BRAUN (1979, Rainer Werner Fassbinder), THE BITTER TEARS OF PETRA VON KANT (1972, Rainer Werner Fassbinder), WERCKMEISTER HARMONIES (2000, Bela Tarr) และ POOR THINGS

 

 

สิ่งหนึ่งที่เราดูใน POOR THINGS (2023, Yorgos Lanthimos, A+30) แล้วสงสัย แต่เราไม่แน่ใจ ไม่สามารถตอบได้ ก็คือว่า Lanthimos จงใจพาดพิงถึงหนังเรื่อง MARTHA (1973, Rainer Werner Fassbinder) หรือเปล่า เพราะว่าตัวละครที่แสดงโดย Hanna Schygulla ในหนังเรื่อง POOR THINGS นั้น เป็นตัวละครที่มีชื่อว่า Martha แล้วถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด ตัวละครตัวนี้ไม่มีในนิยายเรื่อง POOR THINGS ของ Alasdair Gray (จากที่เราอ่านที่คุณ Ratchapoom Boonbunchachoke เขียนเปรียบเทียบระหว่างหนังกับนิยายเรื่อง POOR THINGS) เราก็เลยเข้าใจว่า Lanthimos หรือไม่ก็คนเขียนบทหนังเรื่องนี้ จงใจสร้างตัวละคร Martha ขึ้นมาใหม่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ และพอตัวละครตัวนี้นำแสดงโดย Hanna Schygulla ซึ่งเป็นดาราขาประจำของ Rainer Werner Fassbinder เราก็เลยสงสัยว่า การที่ Lanthimos หรือไม่ก็คนเขียนบท จงใจตั้งชื่อตัวละครตัวนี้ว่า Martha มันเหมือนเป็นการ tribute หรือไม่ก็เป็นการกระตุ้นเตือนให้ผู้ชมนึกไปถึงหนังเรื่อง MARTHA หรือเปล่า

 

แต่ Schygulla ไม่ได้รับบทเป็นนางเอกใน MARTHA นะ บทนางเอกใน MARTHA แสดงโดย Margit Carstensen ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว

 

เราไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ว่า Lanthimos จงใจพาดพิงถึงหนังเรื่อง MARTHA ของ Fassbinder หรือเปล่า เพราะเรายังไม่ได้ดู MARTHA แต่ก็อยากดูอย่างสุดขีด จากที่เราเคยอ่านเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้มา เราเข้าใจว่า MARTHA เป็นหนังที่ตีแผ่ระบบความเลวร้ายของ patriarchal society เหมือน POOR THINGS แต่มันมีความแตกต่างอย่างสำคัญอย่างนึงระหว่าง MARTHA กับ POOR THINGS เพราะนางเอกของ MARTHA นั้น “เต็มใจที่จะให้สามีกดขี่ข่มเหงทำร้ายเธอ” คือเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่สนับสนุน patriarchal society เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่จะโดนกดขี่จากผู้ชาย อะไรทำนองนี้ เราก็เลยรู้สึกว่า MARTHA เป็นหนังที่น่าสนใจสุดขีด เพราะตัวละครนางเอกมันดู “เทา” จริง ๆ ไม่ใช่นางเอกประเภทที่เราจะเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ เพราะเรายังไม่ได้ดู MARTHA เลย เราแค่อ่านเรื่องย่อเอา 5555 คงต้องให้คนที่เคยดู MARTHA มาแล้ว มาช่วย comment เพิ่มเติมว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง

Sunday, February 25, 2024

MOSCOW MISSION (2023, Herman Yau, China/Russia, A+30)

 

MOSCOW MISSION (2023, Herman Yau, China/Russia, A+30)

 

1.เราชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดขีดมาก ๆ ถึงแม้เราแอบสงสัยว่า การสร้างหนังเรื่องนี้ถือเป็นผลพวงจาก "สงครามยูเครน" หรือเปล่า คือพอเกิดสงครามยูเครนตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา จีนกับรัสเซียก็เลยหันมาสนิทกัน รัสเซียหันไปใช้เงินหยวนในการค้าขายระหว่างประเทศ เพราะมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกส่งผลให้รัสเซียไม่สะดวกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป แล้วพอจีนกับรัสเซียหันมาสนิทกันในช่วงนี้ ก็เลยอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลสองประเทศนี้หันมาสร้างหนังอวยซึ่งกันและกันหรือเปล่า

 

คือ MOSCOW MISSION นี่ น่าจะเป็นหนังที่นำเสนอ KGB หรืออดีต KGB ในทางบวกมากที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เราเคยดูมาในชีวิตเลยนะ

 

2.เป็นหนังที่สนุกสุดขีดสำหรับเรา บู๊กันมันส์สะใจมาก ๆ นึกถึงความเดือดของทั้ง RRR (2022, S.S. Rajamouli, India) และ THE BATTLE AT LAKE CHANGJIN (2021, Chen Kaige, Dante Lam, Tsui Hark, China) ซึ่งมันเข้าทางเรามากกว่าหนังอย่าง JOHN WICK

 

เราชอบ “ความเดือด” ของ MOSCOW MISSION และหนังฮ่องกงแบบ SHOCK WAVE (2017, Herman Yao) มากกว่าความเดือดของหนังชุด MISSION: IMPOSSIBLE และ FAST & FURIOUS ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่เราเดาว่าสาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ความเดือดของหนังฮ่องกงหลาย ๆ เรื่อง มันเล่าผ่านตัวละคร “ตำรวจ” ที่ “เก่งในระดับไม่เว่อร์เกินไป” น่ะ เหมือนเป็นตำรวจที่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ตั้งอกตั้งใจทำงานและเก่งกาจด้านการบู๊ในระดับนึง แต่ยังไม่ได้เก่งเว่อร์ถึงขั้นพระเอกในหนังชุดของฮอลลีวู้ดพวกนั้นน่ะ เพราะฉะนั้นพอพระเอกของหนังฮ่องกงพวกนี้มีความใกล้เคียงกับคนธรรมดามากกว่าพระเอกหนังชุดของฮอลลีวู้ด เราก็เลยรู้สึกตื่นเต้นหรืออินกับตัวละครในเรื่องมากกว่าการดูหนังชุดของฮอลลีวู้ดมั้ง เพราะพระเอกในหนังชุดของฮอลลีวู้ดมันจะ “หนังเหนียว” มาก ๆ หรือเก่งเว่อร์มาก ๆ จนเราไม่ค่อยอินหรือไม่ค่อยรู้สึกหวาดกลัวกับ “อันตราย” ที่ตัวละครพระเอกในหนังฮอลลีวู้ดต้องเผชิญ แต่เราจะรู้สึกว่า “อันตราย” ในหนังฮ่องกงมันทำให้เรากลัวมากกว่า

 

3.ชอบที่ MOSCOW MISSION ย้อนไปรัสเซียในยุคต้นทศวรรษ 1990 ในช่วงที่สหภาพโซเวียตเพิ่งล่มสลาย และเป็นยุคของเพจเจอร์ ในขณะที่โทรศัพท์มือถือยังเป็นของที่หายากสุดขีดอยู่ เหมือนเราไม่ค่อยเห็นหนังที่พูดถึงยุคนี้ นอกจาก LOVE IS NOT AN ORANGE (2022, Otila Babara, Moldova/Belgium, documentary, A+30), FLEE (2021, Jonas Poher Rasmussen, Denmark, animation), LILYA 4-EVER (2002, Lukas Moodysson, Sweden/Denmark)

 

4.พอหนังพูดถึงรถไฟข้ามไซบีเรีย เราก็เลยนึกถึงหนังดังต่อไปนี้ด้วย

 

4.1 JOAN OF ARC OF MONGOLIA (1989, Ulrike Ottinger, West Germany, 2hrs 45mins, A+30)

 

4.2 WISH US LUCK (2013, Wanweaw Hongvivatana, Weawwan Hongvivatana, documentary)

 

4.3 COMPARTMENT NUMBER 6 (2021, Juho Kuosmanen, Finland)

 

5.สรุปว่าในบรรดาผู้กำกับหนังจีน/ฮ่องกงยุคนี้ เรารัก Herman Yau, Felix Chong, Soi Cheang อย่างรุนแรงมาก ๆ ดีใจที่ได้เห็น Herman Yau ทำหนังจีนเดือด ๆ แบบยุคเก่าออกมาให้เราได้ดูกัน หลังจาก John Woo ทำให้เราผิดหวังอย่างสุดขีดกับ SILENT NIGHT (2023)

 

6.ย้อนกลับไปข้อ 1 ที่เราตั้งข้อสงสัยว่า การสร้างหนังเรื่องนี้อาจจะถือเป็น “ผลพวงจากสงครามยูเครน” คือเรารู้สึกว่า หนังเรื่องนี้มันเข้ากับสิ่งที่เราเคยเขียนไว้.ในประเด็นเรื่อง ภาพยนตร์ในฐานะ “อาวุธสงคราม” และ “โรงภาพยนตร์” ในฐานะ “สมรภูมิรบ” ด้วย เพราะเรารู้สึกว่า หนังหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ดู มันถูกใช้เป็น propaganda ในการอวยบางประเทศ จนราวกับว่า มันเป็น “อาวุธสงคราม” ในทางนึง เพียงแต่ว่ามันเป็นอาวุธที่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายคนในประเทศอื่น ๆ แต่เป็นอาวุธทางจิตวิทยาที่ใช้ในการโน้มน้าวคนดูทั้งในประเทศและนอกประเทศให้หันมามองประเทศนั้น ๆ ในทางบวก ซึ่งการสู้รบกันโดยไม่ได้ใช้อาวุธจริงในการทำร้ายร่างกายกัน แต่หันมาสู้รบกันผ่านทางศิลปะภาพยนตร์แทน ก็ถือเป็นสิ่งที่เรายอมรับได้และสนใจมาก ๆ นะ เพียงแต่ว่าเราก็ต้องเตือนตัวเองเวลาที่ดูว่า ถึงแม้เราจะชอบหนังเรื่องนั้น ๆ อย่างสุดขีด เราก็ต้องไม่ลืมความจริงที่ว่า มันถูกสร้างขึ้นเพื่อ propaganda อะไร

 

 

เราเคยเขียนถึงประเด็นนี้ไว้ที่

https://web.facebook.com/photo/?fbid=10232990193080395&set=a.10232633255917189

 

และนอกจากหนังอย่าง MOSCOW MISSION, FIGHTER (2024, Siddharth Anand, India, 160min, A+25), BAZMANDE (THE SURVIVOR) (1995, Seifollah Dad, Iran, A+30),  THE BLOOD OF SUPAN เลือดสุพรรณ (1979, Cherd Songsri, A+30),  ORDINARY HERO (2022, Tony Chan, China, A+15), BORN TO FLY (2023, Liu Xiaoshi, China) ที่เรามองว่ามันเป็น propaganda/อาวุธสงครามในทางอ้อม ที่น่าสนใจแล้ว เราว่าแม้แต่หนังอย่าง WHERE THE WIND BLOWS (2022, Philip Yung, China/Hong Kong) และ THE GOLDFINGER (2023, Felix Chong, Hong Kong/China, A+30) ก็เป็น propaganda ที่น่าสนใจเช่นกัน คือเราชอบหนังสองเรื่องนี้อย่างมาก ๆ นะ แต่เราสงสัยว่า หนังสองเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อ propaganda การปกครองของจีนในฮ่องกงหรือเปล่า เพราะหนังสองเรื่องนี้ตีแผ่ความเลวร้ายในวงการตำรวจ, วงการการเงิน, ระบบศาล ในยุคที่อังกฤษปกครองฮ่องกงน่ะ คือพอเราดูหนังสองเรื่องนี้แล้วเราก็จะได้เห็นความฉ้อฉลเลวร้ายของวงการตำรวจ, วงการการเงิน, ศาล ในยุคที่ฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ และมันก็เลยเหมือนจะทำให้เรารู้สึกในทางอ้อมว่า การที่จีนเข้ามาปกครองฮ่องกงตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา อาจจะช่วยทำให้วงการตำรวจ, วงการการเงิน, วงการศาล ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น

 

เพราะฉะนั้นถึงแม้เราจะชอบ WHERE THE WIND BLOWS และ THE GOLDFINGER มาก ๆ เราก็เตือนตัวเองว่า เราจะต้องไม่ลืมการประท้วงของคนฮ่องกงในทศวรรษ 2010 และหนังอย่าง YELLOWING (2016, Chan Tze-woon, Hong Kong, A+30),  WE HAVE BOOTS (2020, Evans Chan, Hong Kong, documentary, 130min, A+30) ด้วย

 

นี่เรายังไม่ได้ดู THE CHALLENGE (2023, Klim Shipenko, Russia) นะ แต่เดาได้ล่วงหน้าเลยว่า หนังเรื่องนี้คงเข้าข่าย propaganda/อาวุธสงครามทางจิตวิทยา เช่นเดียวกัน 555

 

ส่วนหนังที่เรารู้สึกว่า มันเป็นขั้วตรงข้ามกับหนัง propaganda ชาตินิยมเหล่านี้ ก็คือหนังอย่าง REASON (2018, Anand Patwardhan, India, documentary, 3hrs 38min, A+30) และ THE HOLDOVERS (2023, Alexander Payne, A+30) นี่แหละ ที่ตีแผ่ความเลวร้ายของประเทศตนเอง

RIP TIKOY AGUILUZ (1952-2024)

 

RIP TIKOY AGUILUZ (1952-2024)

 

Tikoy Aguiluz เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฟิลิปปินส์ เราเคยดูหนังของเขาแค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือ RIZAL IN DAPITAN (1997) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Jose Rizal วีรบุรุษแห่งชาติของฟิลิปปินส์ เราได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนที่มันมาฉายในห้างเอ็มโพเรียมในเทศกาลภาพยนตร์ Bangkok Film Festival ในปี 1998 ซึ่งเป็นปีแรกของเทศกาล และเราได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันแรกของเทศกาลด้วย โดยในวันนั้นเราได้ดูหนัง 4 เรื่องติดกัน ซึ่งก็คือ YOURS AND MINE (1997, Shaudi Wang, Taiwan), RIZAL IN DAPITAN, A PETAL (1996, Jang Sun-woo, South Korea) และ 12 STOREYS (1997, Eric Khoo, Singapore)

 

ส่วนหนังเกี่ยวกับชีวประวัติของ Jose Rizal นั้น เราเคยดูรวมกันทั้งหมด 3 เรื่อง โดยอีก 2 เรื่องที่เหลือก็คือ JOSE RIZAL (1998, Marilou Diaz-Abaya, Philippines, 178min) กับ 3RD WORLD HERO (2000, Mike De Leon, Philippines, A+30)

+++

หนังที่พลาดดูเพราะกูไม่ว่าง

 

เนื่องจากช่วงเดือนก.พ.นี้ มีเทศกาลภาพยนตร์เยอะมาก และเราก็เริ่มกลับเข้ามาทำงานใน office แล้ว หลังจากที่เรา work from home ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. 2023 เป็นต้นมา (หลังผ่าตัดหมอนรองกระดูก) ตอนนี้เราก็เลยมีเวลาว่างเหลือน้อยลงมาก และก็ส่งผลให้เราไม่สามารถตามไปดูหนังที่อยากดูที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไปได้ทัน

 

ก็เลยคิดว่า เราจะจดบันทึกไว้เล่น ๆ ดีกว่าว่า เราพลาดดูหนังเรื่องไหนไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา 5555

 

1.RASCAL DOES NOT DREAM OF A KNAPSACK KID (2023, Soichi Masui, Japan, animation)

 

2.FLOAT (2023, Sherren Lee)