Saturday, October 29, 2011

Favorite music videos 23: I'M NOT ALONE -- Calvin Harris (2009, Christian Holm-Glad)

I like the teddy bear in this music video. The music video reminds me a little bit of the sadomasochistic world of Alain Robbe-Grillet.

http://www.youtube.com/watch?v=JeTE5cnkhGc&ob=av2n

Sunday, October 23, 2011

Favorite old songs 116: FLUTTER (1994) -- Autechre

http://www.youtube.com/watch?v=q6eL62Tv9cQ

I like this song from 1994. There seems to be the sense of chaos and the sense of calmness flowing simultaneously in this song. I wish some filmmakers use this song in a martial arts practicing/fighting scene.

In my imaginary film, a female character who has practiced her power while the song FLUTTER (Autechre) was playing in the background should fight against another female character who has practiced her power while the song LUSH 3-5 (Orbital/CJ Bolland) was playing in the background.
http://www.youtube.com/watch?v=3H00FOtOr-U

A book advertisement by Weerasak Suyala

http://www.youtube.com/watch?v=-PwdWstnvJA

Saturday, October 22, 2011

Favorite music videos 21: GIVE IT TO ME SLOW -- Greymatter (2011, Joe Bichard, Tom Cole, John Malcolm Moore, Joe Sparrow, Serena Wise)

http://vimeo.com/30016426

I want to screen this music video together with the films RHYTMUS 21 (1921, Hans Richter) and GAZE AND HEAR (2010, Nontawat Numbenchapol, A+++++++++++++++)
http://www.ubu.com/film/richter_rhythmus.html

MY TENTATIVE SCHEDULE FOR WFFBKK 2011

SAT 5
1200 ILLUSIONIST
1430 SHORT WAVE 3
1640 SHORT WAVE 4
1920 WALKOVER
2130 DANCE TOWN

SUN 6
1200 TOKYO DAY + A FORMAL FILM IN NINE EPISODES
1440 SHORT WAVE 2
1720 TURIN HORSE
2040 GEORGE THE HEDGEHOG

MON 7
1300 ONE LUCKY ELEPHANT
1540 SHORT WAVE 5
1750 DOG SWEAT
2000 FOR ONCE IN MY LIFE

TUES 8
EVA 8
http://knookiew.blogspot.com/2011/09/eva8-experimental-video-art-8.html
1100 LEAVING BAGHDAD
1330 IF A TREE FALLS
1610 LAS ACACIAS
1840 WASTE LAND
2030 I CARRIED YOU HOME

WED 9
1230 PUSHED
1440 CHEONGGYECHEON MEDLEY
1720 ZEPHYR 93 MIN
1930 LA DANSE: THE PARIS OPERA BALLET (158 MIN), Alliance Française

THURS 10 ESPLANADE
1300 RETURN TICKET
1530 LOVE LIKE POISON
1800 SEVEN DAYS IN HEAVEN
2040 ONCE UPON A TIME IN ANATOLIA

FRI 11
1330 CORNER PLOT + KIDS WITH CAMERAS
1600 THE BALLAD OF GENESIS AND LADY JAYE
1850 UNDERTOW
2100 LUNG NEAW VISITS HIS NEIGHBOUR

SAT 12
1310 MY ROHINGYA
1520 SHORT WAVE 1
1740 MANGO FILMMAKER PROJECT
2000 OCEAN HEAVEN

SUN 13
1100 MAKE BELIEVE
1330 THE CAVE OF FORGOTTEN DREAM
1610 LOVELY MAN
1830 HAIR






Wednesday, October 19, 2011

SOME THAI SHORT FILMS

DOCUMENTARIES
1.มะตูม (เบญจมาศ รัตนเพ็ชร, A++++++++++)
2.มะยอลิเจี๊ยะ/ความหวัง (กุลปรียา โคกมะณี, A+++++)
3.ร็อค อะ บิลลี่ (ชุตินาฏ พงษ์ทองวัฒนา, A+)
4.FIXED GEAR (อรพัฒน์ พัฒนพงศา, A+/A)
5.ไต้ก๋ง (สุนิสา ภาณุภาส, A)

FICTIONS
1.บาปสุดท้าย (ชุตินาฏ พงษ์ทองวัฒนา, A)
2.โรคจิต (อานุภาพ อุตถา, A-)
3."ท้าตาย" (ภคมน กาญจนจรัสพร, A-)
4.เกมส์คำทำนาย (อรพัฒน์ พัฒนพงศา, A-/B+)
5.HAPPY BAD DAY (รุ่งโรจน์ เพ็งพันธุ์ฉ่ำ, B-)


เราชอบ "ท้าตาย" (ภคมน กาญจนจรัสพร) ในระดับประมาณ A- จ้ะ เพราะเราว่ามันฮาดี (แต่ไม่รู้ผู้กำกับตั้งใจหรือเปล่า) และเราว่ามันมีเสน่ห์แบบการ์ตูนผีไทยเล่มละ 5 บาท

1.ฟิกเกียร์ เราว่าเป็นสารคดีที่ทำได้ดีพอตัวนะ ถ้าจำไม่ผิด จุดที่เราชอบก็คือว่า ตอนต้นเรื่องเราจะเห็นว่าผู้ชายกลุ่มนี้ดูเหมือนอันธพาลที่น่ากลัวมาก แต่พอสารคดีพาเราไปทำความรู้จักกับพวกเขา เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆกลุ่มนึง ที่อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ส่วนเพื่อนเราบอกว่า สิ่งที่เขาชอบมากในหนังเรื่องนี้ก็คือการที่ผู้กำกับถามว่า "ทำมาหาเลี้ยงชีพกันยังไง" แล้วผู้ชายในเรื่องก็ตอบว่า "ขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่"

อ้อ อีกจุดที่ชอบก็คือการพาเราไปรู้จักกับ subculture อย่างนึงน่ะ มันเป็นเสน่ห์ของหนังสั้นไทย เพราะหนังสั้นไทยเรื่องอื่นๆก็จะพาเราไปรู้จักกับเด็กเล่นสเก็ตบอร์ด, เด็กแต่ง cos play ฯลฯ หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ทำให้เราได้รู้จักกับ subculture ของคนขี่จักรยาน

2.ไต้ก๋ง ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด ผู้กำกับเรื่องนี้เป็นผู้หญิง แต่เขาไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นเรือใช่มั้ย ผู้กำกับก็เลยต้องให้เพื่อนผู้ชายไปถ่ายบนเรือแทน

จุดนึงที่ทำให้ประทับใจก็คือการที่หนังเรื่องนี้ทำให้เราได้รู้จักข้อห้ามเรื่องนี้นี่แหละ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน ส่วนการนำเสนอชีวิตการทำงานของไต้ก๋งก็ทำได้ดีพอประมาณ แต่โชคไม่ดีที่ชีวิตไต้ก๋งอาจจะไม่ได้สะเทือนใจอะไรมากนัก ไม่เหมือนอย่าง"มะยอลิเจี๊ยะ" ที่ชีวิตดูท่าทางจะลำเค็ญกว่ามาก คือเราชอบ "มะยอลิเจี๊ยะ" มากเพราะมันมีอารมณ์สะเทือนใจนี่แหละ แต่ "ไต้ก๋ง" มันขาดอารมณ์นี้ และเราว่าทางทีมงานอาจจะไม่มีเวลาได้คลุกคลีอยู่กับไต้ก๋งนานนักก็ได้ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราได้รู้จักกับ "ไต้ก๋ง" ในหนังเรื่องนี้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าทีมงานไม่เก่งนะ เพราะเราเข้าใจว่ามันมีข้อจำกัดหลายประการ ถ้าหากเราต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดอย่างเดียวกัน เราก็คงทำไม่ได้ดีเท่านี้หรอก แต่เราว่าไต้ก๋งกับร็อคอะบิลลี่มีข้อเสียอย่างเดียวกัน คือทีมงานคงมีเวลาน้อยในการคลุกคลีกับตัว SUBJECT ของสารคดี (ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของทีมงาน) ถ้าหากทีมงานได้มีเวลาคลุกคลีและใช้ชีวิตกับ SUBJECT ของตัวสารคดีเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน มันก็อาจจะทำให้หนังสารคดีที่ออกมาสามารถเข้าถึง "จิตวิญญาณ" ของตัว subject, เข้าถึงชาวบ้านในละแวกนั้น และจิตวิญญาณของย่านที่อยู่อาศัยนั้นๆได้

3.เกมส์คำทำนาย เราจำได้ว่าเราชอบครึ่งเรื่องแรกมากๆ มันเป็นหนังผีที่ใช้ได้เลย แต่เรามีปัญหากับทัศนคติของครึ่งเรื่องหลัง แต่เราจำไม่ได้แล้วว่ามันเกิดอะไรในครึ่งเรื่องหลัง เราไม่แน่ใจว่าหนังมันต่อต้านการทำแท้งและการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า ซึ่งเราไม่เชื่อในทัศนคติแบบอนุรักษ์นิยมแบบนี้น่ะ พอหนังมันออกมาในทำนองที่ว่า "อย่ามีเซ็กส์เลย" หรืออะไรทำนองนี้ เราก็เลยไม่ชอบ สรุปว่าเราไม่ได้มีปัญหากับฝีมือกับการกำกับ แต่มีปัญหาเพียงเพราะทัศนคติไม่ตรงกับเนื้อเรื่อง

4.แฮปปี้ แบด เดย์ หนังมีไอเดียเริ่มต้นที่ดีนะ เรื่องการหลอกเพื่อนร่วมงานแบบแผลงๆน่ะ แต่เราว่าจังหวะของหนังมันพลาดหมดเลย มันก็เลยไม่ได้อารมณ์อะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นสนุก, ตื่นเต้น, ลุ้นระทึก, ตลก, น่ากลัว จังหวะของหนังมันไม่ดีน่ะ

ถ้าเทียบกันแล้ว แฮปปี้ แบด เดย์ มี "ความคิดสร้างสรรค์" สูงกว่าหนังอย่าง "ท้าตาย" มากๆเลยนะ แต่ท้าตายกลับทำออกได้ลงตัวมากกว่าในความมักน้อยของมัน ส่วนแฮปปี้ แบด เดย์อาจจะตั้งเป้าหมายสูงไปนิดนึง

5.โรคจิต หนังมันเหมือนมีจุดหักมุมแค่จุดเดียวน่ะ ซึ่งเป็นจุดหักมุมที่เราพอเดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ว่านางเอกน่าจะเป็นคนโรคจิตเหมือนกัน แล้วพอมันเหมือนมีจุดที่น่าสนใจแค่อย่างเดียว ซึ่งก็คือการหักมุมในตอนจบ มันก็เลยทำให้ส่วนอื่นๆดูไม่น่าสนใจเท่าที่ควร เราว่าส่วนอื่นๆของหนังมันดู "ปานกลาง" น่ะ คือพล็อตหนังแบบนี้อาจจะทำเพียงแค่ 5 นาทีจบก็ได้ ไม่ต้องถึง 20 นาที แต่ถ้าหากจะทำหนังยาว 20 นาที พล็อตก็ควรจะซับซ้อนมากกว่านี้ หรือพล็อตอาจจะเหมือนเดิม แต่ควรจะสร้างเสน่ห์ให้กับรายละเอียดต่างๆได้มากกว่านี้

ถ้าหากเราเป็นผู้กำกับ เราอาจจะทำหนังเรื่องนี้ให้เป็น mockumentary นะ คือทำเป็นเหมือนกับว่าหนังถ่ายจากกล้องของผู้ชายโรคจิตตลอดทั้งเรื่อง เป็นกล้องที่ไปแอบถ่ายผู้หญิงเซ็กซี่ตามจุดต่างๆ ก่อนที่คนถ่ายจะถูกฆ่าตายในตอนจบ

ถ้าหากผู้กำกับจะเอาดีกับหนังโรคจิตแบบนี้ เราขอแนะนำว่าให้ดูหนังอย่าง THE WITCH (Alwa Ritsila) หรือ THE STORY ABOUT YOU AND ME (Alwa Ritsila) เป็นตัวอย่างนะ เราว่าหนังสองเรื่องนี้แหละที่นำเสนอความโรคจิตของตัวละครออกมาได้อย่างน่าสนใจตลอดทั้งเรื่อง
http://vimeo.com/14085858
http://vimeo.com/13837222


6.บาปสุดท้าย เราประทับใจกับฉากที่ฮาโดยไม่ได้ตั้งใจ คือฉากที่พระเอกเหมือนจะลูบไล้ร่างกายตัวเองขณะลงแดง แล้วก็ตะโกนว่า "แม่ ยา แม่ ยา แม่ ยา" มันเหมือนเป็นฉาก erotic incest โดยที่ตัวผู้กำกับไม่ได้ตั้งใจ ฮ่าๆๆ

ตัวเนื้อเรื่องที่แม่ไปซื้อยาเสพติดให้ลูกในตอนจบ ก็ดีนะ มัน controversial ดี แต่เนื้อหาช่วงต้นๆเรื่องที่เป็นการต่อต้านภัยยาเสพติด มันอาจจะดู cliche ไปหน่อย คือคนดูรู้อยู่แล้วล่ะว่ายาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี เพราะฉะนั้นการดูหนังที่บอกในสิ่งที่คนดูรู้อยู่แล้ว มันก็เลยอาจจะไม่ได้น่าสนใจมากนัก (ยกเว้นหนังอย่าง "สามชุก" ที่เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มหล่อๆ ฮ่าๆๆ) ซึ่งสิ่งนี้มันจะต่างจากหนังสารคดีที่เราชอบมากๆเรื่อง 95110 เมืองในหมอก (ทวีวิทย์ กิจธนสุนทร) และ MIKE AND GUIDE (ธนกฤต รวมตะคุ) เพราะ 95110 เมืองในหมอก นำเสนอภาพกลุ่มหนุ่มๆขณะเสพยาเสพติดอย่างมีความสุข โดยที่ตัวหนังไม่ได้เข้าไปตัดสินแต่อย่างใดว่ามันเป็นสิ่งผิด (คนดูรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันผิด) และมันก็ตอบสนองคนดูอย่างเรา เพราะเราอยากรู้ว่าคนติดยาเสพติดเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร และเขามีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรขณะเสพยา ส่วน MIKE AND GUIDE ก็นำเสนอชีวิตชายวัย 60 ปีที่เคยติดยาเสพติดในวัยหนุ่ม และมันก็ตอบสนองคนดูอย่างเรา เพราะเราอยากรู้ว่าคนที่เคยติดยาเสพติด พอแก่ไปแล้วเขามีชีวิตอย่างไร สรุปว่าหนังสองเรื่องนี้พูดถึงคนติดยาเสพติดในแบบที่เราสนใจ แต่ "บาปสุดท้าย" พูดถึงคนติดยาเสพติดในแบบที่เราไม่ค่อยสนใจน่ะจ้ะ อันนี้คือปัญหาเกี่ยวกับประเด็นของหนังนะ แต่ฝีมือการกำกับก็ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่

Tuesday, October 18, 2011

DARK WORLD (2010, shadow play aka Teeranit Siangsanoh, 52:33 min, A+++++)

I like the atmospheric quality of this film very much.







































































































30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 30

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 30: A film that you love for a very personal reason (no need to explain) -- TENDERNESS (2009, John Polson)





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 29

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 29: A film that changed your preconceptions about cinema -- WINDOW (1999, Apichatpong Weerasethakul). I saw this film on August 15, 1999, and it made me realize how blissful a non-narrative film can be.




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 28

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 28: A film that you wished another filmmaker would have made, and which filmmaker -- If the question is "a film that you wished another filmmaker would remake", I will answer JUDEX (1963, Georges Franju), and I hope someone like Tsui Hark, Su Chao-Bin (REIGN OF ASSASSINS), Ching Siu-Tung (SWORDSMAN II), or Johnnie To (THE HEROIC TRIO) will remake it, because I think JUDEX can be adapted into a martial arts film with a powerful villainess. The villainess' role played by Francine Bergé in JUDEX can be played by someone like Maggie Q in the new version.

I wrote about this film in imdb.com here:
http://www.imdb.com/title/tt0057207/reviews?start=3




Favorite music video 20: L'ÂME-STRAM-GRAM -- Mylène Farmer (1999, Ching Siu-Tung)

http://www.youtube.com/watch?v=IIQlj2U8Yos&feature=related

30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 27

Phase II Day 27: Your favorite documentary -- COLD HOMELAND (1995, Volker Koepp, Germany)

This is what I wrote about this film in imdb.com in 2001:
http://www.imdb.com/title/tt0113519/reviews

"The movie begins with a mesmerizing shot, and it never lets me down after that. 'Cold Homeland' is so warm with humanity and shows many ordinary people who can hold my attention entirely with stories of their lives. But it's not only their stories that are captivating; more importantly, it is mainly the magical directing talent of Koepp which makes this movie extraordinary.

What makes this movie so special to me is that while I was watching it,I felt so drawn into it as if I were also in that place. Koepp can make me really 'feel' the place, not just seeing it. He can transform the screen into a magical door and makes me feel if I walked into that door, I would step into that faraway land at once. He can really capture the sense of the land with his subliminally powerful scenery shots. There are many shots in the movie which represent only landscapes. These scenery shots are not there to show how beautiful this land is, nor they are there just to inform the audience about how this land really looks like. I feel these scenery shots are much more than that. By inserting these shots appropriately in the movie, Koepp let the landscapes speak for themselves. He can make the landscapes-- the trees, the grass, the wind, the stones, the buildings, or even the sunshine there-- reveal their own 'feelings' and make the landscapes embrace the audience with their tender arms. This is pure magic!

Koepp is also very talented in making people speak. Though some people speak little, what they speak means a lot and has strong feelings within it. Other people in the movie speak a lot about their past, and though they tell the stories of their lives calmly, something from their past, something from their hearts makes me cry. I really don't know why I feel like crying when the old woman starts singing. And when she reveals her past, I find her story one of the most impressive and deeply touching. Listening to some people in this movie telling their lives for 2 minutes can stir more powerful emotions and leave long-lasting impressions than seeing some fictional 2-hour movies. Some stories told are really unforgettable, and I don't want to forget them because they make the word 'life' much more meaningful to me than before.

Koepp is also talented in representing some interesting aspects and information about that place, especially the information about the ethnic diversity of people living there. I learn a lot about this astonishing part of the world from this movie. This movie does not only carry the audience on a visual journey through this special land, but it also lets the audience touch the land, feel the land, breathe the air of the land, admire the soul of the land, and admire the spirits of people living there."





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 26

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 26: A cinephile friend you admire and his/her favorite film -- Wiwat Lertwiwatwongsa aka Filmsick. He has a Thai blog here:
http://filmsick.exteen.com

One of his favorite films is SHADOWS IN PARADISE (1986, Aki Kaurismäki)
http://beyondthecanon.blogspot.com/2009/11/wiwat-lertwiwatwongsa.html




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 25

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 25: Your favorite international film festival -- If it means a film festival I have ever attended by myself, I choose THE WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK 2010, because the choice of films in this festival is great. I wrote about it here:
http://celinejulie.blogspot.com/2010/11/wffbkk-2010-is-best-film-festival-in-my.html

If it means a film festival I have never attended, I choose the Rotterdam International Film Festival, because I like many films which were once shown in this festival, such as

1.BLIND PIG WHO WANTS TO FLY (2009, Edwin, Indonesia)

2.THE BLOSSOMING OF MAXIMO OLIVEIROS (2006, Auraeus Solito, Philippines)

3.CARGO 200 (2007, Aleksey Balabanov, Russia)

4.DAYS OF SANTIAGO (2004, Josué Méndez, Peru)

5.4 (2005, Ilya Khrzhanovskiy, Russia)

6.JEALOUSY IS MY MIDDLE NAME (2002, Park Chan-ok, South Korea)

7.LOVE CONQUERS ALL (2007, Tan Chui Mui, Malaysia)

8.THE MARK OF CAIN (2007, Marc Munden, UK)

9.MYSTERIOUS SKIN (2004, Gregg Araki, USA)

10.THE SKY, THE EARTH, AND THE RAIN (2008, José Luis Torrres Leiva, Chile)

The photo here comes from PSYCHOHYDROGRAPHY (2010, Peter Bo Rappmund), which was my second most favorite film shown in the World Film Festival of Bangkok 2010.





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 24

Phase II Day 24: The worst film that has ever won an Oscar -- BRAVEHEART (1995, Mel Gibson)
http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 23

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 23: A film you really feel deserved an Oscar and won it -- THE DISCREET CHARM OF THE BOURGEOISIE (1972, Luis Buñuel), which won an Oscar for a foreign language film.




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 22

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 22: A good film from a terrible filmmaker -- MINDHUNTERS (2004, Renny Harlin)




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 21

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 21: A film you think every woman should watch and why -- BREMEN FREEDOM (1972, Rainer Werner Fassbinder), because some of the female audience may find this film very touching. The film is adapted from a real case of a woman who murdered 15 people. I wrote about this film here:
http://www.imdb.com/title/tt0068314/reviews?start=1




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 20

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 20: A film you think every man should watch and why -- BAISE-MOI (2000, Virginie Despentes + Coralie Trinh Thi), because this film will make men understand women better.




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 19

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 19: Your favorite film portraying a fictional monster -- THE MIST (2007, Frank Darabont). I think what's great about this film is that the hero has to deal with both "monsters" and "human beings as monsters" (the people who believe in Mrs Carmody).





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 18

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 18: The most controversial film you have ever seen -- AN ARIA ON GAZE (1992, Hisayasu Sato). This sadomasochistic film stars Issei Sagawa, who killed and ate a woman in 1981. The film is controversial for both its content and its choice of actor.

Mike Kitchell wrote about this film here:
http://esotikafilm.com/reviews/thebedroom.html

The case of Issei Sagawa:
http://en.wikipedia.org/wiki/Issei_Sagawa




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 17

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 17: Your favorite movie poster -- QUEEN MARGOT (1994, Patrice Chéreau)




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 16

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 16: Your favorite erotic film -- SCORCHER (1992, Matt Sterling)




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 15

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 15: Your favorite gore/zombie/slasher film -- WOLF CREEK (2005, Greg Mclean)




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 14

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 14: A canonic filmmaker that you just can't stand -- No one. But if it is about a Nouvelle Vague filmmaker whom I like the least, I will answer François Truffaut. I like his TWO ENGLISH GIRLS (1971) and THE BRIDE WORE BLACK (1967) very much, but I just much prefer Jacques Rivette, Eric Rohmer, Jean-Luc Godard, and Claude Chabrol to him.




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 13

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 13: Your favorite silent film -- DIE NIBELUNGEN (1924, Fritz Lang). I like the character Kriemhild very much, because she is extremely vengeful.




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 12

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 12: Your favorite contemplative film -- RUHR (2009, James Benning)




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 11

http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2567688794874&id=184987868220596

Phase II Day 11: A filmmaker who used to be amazing but has lost his/her touch -- Chatrichalerm Yukol. I think THE LAST LOVE (1975, Chatrichalerm Yukol) is great, and I want to screen it alongside other great films about marital problems which are directed by Philippe Garrel, Maurice Pialat, Jacques Doillon, or Claude Sautet. But I don't like his NARESUAN film series made in 2007-2011.




CELINE AND JULIE GO DANCING 48: PARIS -- Friendly Fires featuring Au Revoir Simone (Aeroplane remix)

http://www.youtube.com/watch?v=hYNTkAjybQg

Monday, October 17, 2011

30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 10

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 10: A great movie to watch drunk/stoned/on acid, etc. If you're not into any of those things, just name a movie that makes you "trip". -- OUR LADY OF THE TURKS (1968, Carmelo Bene, Italy)




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 9

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 9: Your favorite low budget film -- A NOCTURNE (2007, Bill Mousoulis, Australia, 70 min). IMDB.com says that the film's budget is about 5000 Australian dollar, or 157,000 baht.

I wrote about this film here:
http://celinejulie.blogspot.com/2010/07/nocturne-2007-bill-mousoulis.html





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 8

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596

Phase II Day 8: Your favorite film score -- The score in LISTENER'S TALE (2007, Arghya Basu)





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 7

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596?sk=wall

Phase II Day 7: Your favorite dance scene -- The scene in which Marianne Denicourt and Nathalie Richard are dancing on a stair in UP, DOWN, FRAGILE (1995, Jacques Rivette)
http://www.youtube.com/watch?v=ruo-7umPTFc

Ed Howard wrote about this film here:
http://seul-le-cinema.blogspot.com/2010/09/haut-bas-fragile.html





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 6

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596?sk=wall

Phase II Day 6: Your favorite mockumentary -- THE LOVE MACHINE (2000, Gordon Eriksen). I thought I was watching a real documentary until the end credit came up.




30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 5

http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596?sk=wall

Phase II Day 5: Your favorite film about religion or faith -- THÉRÈSE (1986, Alain Cavalier, France) and CAMINO (2008, Javier Fesser, Spain). These two films are like two sides of the same coin. One shows the good side of faith, while the other shows the bad side.





30 DAY CINEPHILE CHALLENGE PHASE II DAY 4

Phase II Day 4: Your favorite film portraying non-professional actors -- I, PIERRE RIVIÈRE, HAVING SLAUGHTERED MY MOTHER, MY SISTER, AND MY BROTHER (1976, René Allio)
http://www.facebook.com/pages/30-Day-Cinephile-Challenge/184987868220596?sk=wall