Tuesday, November 29, 2005

THE EXORCISM OF EMILY DICKINSON

ตอบคุณเลิฟจุยซ์
รู้สึกรูปคุณเลิฟจุยซ์จะไม่ขึ้นค่ะ เลยขอเอารูปเด็กน้อยเดินท่ามกลางหิมะมาให้ดูกันก่อน รูปนี้มาจากหนังเรื่อง CLASS TRIP (CLAUDE MILLER, A+)
http://www.cvmc.net/media/titlepics/Huviretki.jpg


ตอบคุณทาเรนซ์
ชอบอเล็กไซ เนมอฟมากๆเหมือนกันค่ะ น่ารักมากๆ
วันนี้ไม่มีรูปเนมอฟ แต่เอารูปนักยิมนาสติกเยอรมันมาให้ดูแทนค่ะ เขาชื่อ FABIAN HAMBUECHEN อยากทำท่านี้ให้ได้อย่างเขาเหมือนกัน
http://img.stern.de/_content/54/14/541428/hambuechen_art_500.jpg
ส่วนคนนี้รู้สึกว่าจะชื่อโธมัส อันเดอร์กาสเซน
http://www.digifoto-schneider.com/Seiten/Turnen.htm
http://www.digifoto-schneider.com/Bilder/Turnen/Thomas%20Andergassen01.jpg

ตอบน้องเวสเปอร์ทีน
ตายแล้ว TOTO COELO เปรี้ยวมากๆ น่าสนใจมากๆเลยค่ะ ชอบวงฮาๆแบบนี้มากๆ เห็นพวกเธอแล้วนึกว่าหลุดมาจากหนังของอุลริเคอ ออททิงเงอร์
ชอบโชเรห์ อักดาชลูในหนังมากๆเลยค่ะ เห็นเธอแล้วไม่แปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีผีตัวไหนกล้าสิงเธอ ตอนแรกดิฉันนึกว่าตัวละครที่เธอเล่นอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดเสียอีก

Monday, November 28, 2005

SEAN FARIS

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันนี้ (จันทร์ 28 พ.ย.) ลงบทสัมภาษณ์และบทความเกี่ยวกับ "สมพจน์ ชิตเกษรพงศ์" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง TO INFINITY AND BEYOND ค่ะ อ่านบทความดังกล่าวได้ที่นี่ค่ะ (ขอบอกว่าผู้กำกับคนนี้น่ารักมากๆ)
http://www.bangkokbiznews.com/2005/11/28/w005reg_55682.php?news_id=55682

ตอบคุณ nugok + แฟนสาวของคริส
แหะ แหะ เคยดู LIKE GRAINS OF SAND เมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้ก็เลยลืมเนื้อเรื่องในหนังไปเกือบหมดแล้วค่ะ คงต้องถามคนอื่นๆที่ชอบหนังเรื่องนี้หรือยังจดจำหนังเรื่องนี้ได้ดีอยู่ แต่เคยเจอผู้ชายคนนึงบอกว่า เขาดูหนังเรื่องนี้แล้วเขาเกิดอาการไข้ขึ้นไป 3 วัน ก็เลยทำให้เข้าใจได้ว่า หนังเรื่องนี้คงทรงพลังอย่างรุนแรงมากสำหรับผู้ชมบางคน
อ่านบทสัมภาษณ์เรียวสุเกะ ฮาชิกุชิ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.midnighteye.com/interviews/ryosuke_hashiguchi.shtml
เว็บไซท์ midnighteye มีบทสัมภาษณ์โคเฮอิ โอกุริ ผู้กำกับ MUDDY RIVER ที่คุณแฟนสาวของคริสชื่นชอบด้วย
บทสัมภาษณ์โคเฮอิ โอกุริ
http://www.midnighteye.com/interviews/ryosuke_hashiguchi.shtml
ตอนนี้คริส ไคลน์มีหนังใหม่ลงโรงฉายในสหรัฐอยู่ค่ะ นั่นก็คือเรื่อง JUST FRIENDS (2005, ROGER KUMBLE) ที่นำแสดงโดยไรอัน เรย์โนลด์ส กับแอนนา ฟาริส แต่ไม่รู้ว่าน่าดูหรือเปล่า เพราะโรเจอร์ คัมเบิลเคยกำกับหนังเรื่อง THE SWEETEST THING (B+) กับ CRUEL INTENTIONS (B-) ซึ่งไม่ค่อยน่าไว้วางใจในคุณภาพเท่าใดนัก

ส่วนตำแหน่งหนุ่มน่ารักประจำวันนี้ ขอยกให้กับ SEAN FARIS ที่มีหนังใหม่เรื่อง YOURS, MINE & OURS ลงโรงฉายในสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาค่ะ ฌอน ฟาริส เกิดปี 1982 และเคยแสดงหนังเรื่อง THE BROTHERHOOD II: YOUNG WARLOCKS (2001) ที่เน้นขายเรือนร่างชายหนุ่ม
http://www.seanfaris.com/
http://classichunkofman.com/seanfaris0001.jpg
http://www.sitcomsonline.com/photopost/data/1038/26911Sean_Faris_5.jpg
http://www.servidorjackytequila.blogger.com.br/sean_faris2.JPG

Sunday, November 27, 2005

A BOY'S SUMMER IN 1945 (A+)

กรี๊ด YUTA HIRAOKA น่ารักมากๆค่ะ ขอบคุณน้อง merveillesxx เป็นอย่างสูงที่ชี้ทางอันประเสริฐให้แก่ดิฉัน

ได้ดูทั้ง BE WITH YOU, SWING GIRLS และ NANA แต่จำไม่ได้เลยว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวกัน แต่พอเข้าไปดูในเว็บไซท์ของ YUTA HIRAOKA แล้ว ถึงพอนึกออกเลาๆถึงสภาพของเขาในหนังเรื่องต่างๆ

ใน NANA เขาดูหล่อน่ารักมาก แต่ใน SWING GIRLS เขาดูแหยๆยังไงไม่รู้

โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกเฉยๆกับเนื้อเรื่องของ NANA แต่สิ่งที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ ก็คือบุคลิกของนานะพังค์ กับเพลงประกอบ


--ขอบคุณมากค่ะสำหรับอันดับเพลงใน ORICON CHART แทบไม่รู้จักศิลปินส่วนใหญ่ในอันดับล่าสุดนี้เลย มีที่เคยได้ยินชื่อก็แค่ KAZUMASA ODA, MISIA และ SPITZ เท่านั้น

--FREESIA มีจริงหรือเนี่ย โฮะ โฮะ โฮะ ตอนแรกนึกว่าเซโกะ มัตสึดะแต่งศัพท์ใหม่ขึ้นมาเสียอีก เพราะบางทีเห็นชื่อเพลงญี่ปุ่นแล้วงงๆเหมือนกันว่าศัพท์ในชื่อเพลงเป็นภาษาอะไรและมันแปลว่าอะไร ตัวอย่างเช่น ในปี 1990 RIE MIYAZAWA เคยตัดซิงเกิลชื่อ NO TITLIST ออกมา และหลังจากเวลาผ่านมานาน 15 ปีแล้ว ดิฉันก็ยังงงๆอยู่ว่าคำว่า “TITLIST” ในชื่อเพลงนี้มันแปลว่าอะไร (แต่ชอบ RIE MIYAZAWA มากค่ะ)

--พูดถึงความหมายของดอกไม้ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนเด็กๆ ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นทางโทรทัศน์เรื่อง “ลูลู่” มาก การ์ตูนเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับลูลู่ หญิงสาวที่ผจญภัยไปตามที่ต่างๆ โดยในแต่ละตอนจะมีการสอนเรื่องความหมายของดอกไม้แต่ละประเภทไปด้วย (รู้สึกว่ายัยลูลู่จะมีพลังวิเศษอะไรบางอย่างเกี่ยวกับดอกไม้) ก่อนดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าดอกไม้จะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ได้ไม่ซ้ำกันมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้ก็จำไม่ได้แล้วว่าการ์ตูนเรื่องนี้สอนอะไรไว้บ้าง

--เพลงของ SMASHING PUMPKINS ที่ชอบมากคือ DISARM
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000000WJZ/002-9553960-3668844?v=glance

--เพลงของ MANIC STREET PREACHERS ที่ชอบมากคือ MOTORCYCLE EMPTINESS, SUICIDE IS PAINLESS และ LITTLE BABY NOTHING

--เพลงของ ENIGMA ที่ชอบมากคือ RETURN TO INNOCENCE

--เพลงของ GARBAGE ที่ชอบมากคือ STUPID GIRL

--เพลงของ PET SHOP BOYS ที่ชอบมากคือ BEING BORING

--ต้องขอบคุณน้อง merveillesxx เป็นอย่างยิ่งค่ะที่แจ้งข่าวเรื่องรายการวิทยุของดีเจเอ็ดดี้ วันนี้ก็เลยได้ฟังรายการนี้แป๊บนึง

ถ้าจำไม่ผิด ดีเจเอ็ดดี้เคยเข้าประกวดร้องเพลงทางโทรทัศน์ด้วย ประมาณช่วงปลายทศวรรษ 1980

เพลงที่ชอบมาก 5 เพลงที่ได้ฟังในรายการ J POP วันนี้

1.YOU MAKE ME WANT TO BE A MAN—UTADA HIKARU

2.PASSION—UTADA HIKARU

3.ENDLESS STORY—REIRA STARRING YUNA ITO

4.BOYS AND GIRLS—AYUMI HAMASAKI

5.GROWING OF MY HEART—MAI KURAKI


ตอบคุณแฟรงเกนสไตน์

--อ่านเรื่องที่คุณแฟรงเกนสไตน์เครียดแล้ว ก็รู้สึกเข้าใจเหมือนกัน เพราะตอนที่ตัวเองเครียดๆนั้น จะพบว่าอยู่ดีๆตัวเองก็คิดอะไรไม่ออกเลย หัวสมองที่เคยแล่นฉิว อยู่ดีๆก็ตื้อขึ้นมาเสียเฉยๆ ไม่อยากจะใช้ความคิดอะไรอีกต่อไป สิ่งเดียวที่อยากทำในช่วงเครียดๆก็คือนอนหลับ

--ชอบภาพนี้ของคุณแฟรงเกนสไตน์มากๆค่ะ
http://www.geocities.com/anun_atha/naruko/naruko2_crop.jpg

--ภาพป่าสวยๆในญี่ปุ่นที่คุณแฟรงเกนสไตน์ถ่ายมา ทำให้นึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง “นักรักโลกมายา” ที่มายะกับอายูมิต้องไปฝึกฝนเรียนรู้เรื่องการแสดงเป็น “นางฟ้าสีแดง” ในป่าลึกในญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม

ฉากที่ชอบที่สุดฉากนึงใน “นักรักโลกมายา” คือฉากที่อาจารย์สึกิคาเงะถามมายะกับอายูมิว่าถ้าหากทั้งสองคนเป็นนางฟ้าสีแดง แล้วต้องการเก็บสิ่งของที่ไหลไปตามลำธาร ทั้งสองจะทำอย่างไร อายูมิตอบว่าเธอจะบอกให้นกช่วยไปคาบของสิ่งนั้นจากลำธารมามอบให้เธอ แต่มายะตอบว่าเธอจะ “สั่งให้แม่น้ำไหลย้อนกลับ” เพื่อไหลพาของนั้นกลับคืนมาสู่มือเธอ

(เนื่องจากคุณแฟรงเกนสไตน์เป็นปราชญ์ด้านละครเวที ก็เลยเดาว่าคุณแฟรงเกนสไตน์น่าจะเคยอ่าน “นักรักโลกมายา” ใช่มั้ยคะ)

--ถ้าหากชอบ SUNSET BLVD. ก็ขอแนะนำให้ดูหนังเรื่อง HEAT (1971, PAUL MORRISSEY, A+) ควบคู่กันค่ะ เพราะ HEAT นำ SUNSET BLVD. มาล้อเลียนได้อย่างฮาสุดๆ โดยมี SYLVIA MILES รับบทเป็นนักแสดงหญิงวัยชราที่หวังเคลมหนุ่มหล่อ (JOE DALLESSANDRO) ในหนังเรื่องนี้

--WILLIAM HOLDEN เป็นดาราชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศสูงจริงๆค่ะ หนังที่น่าสนใจของเขาก็รวมถึง

1.LOVE IS A MANY SPLENDORED THING (1955, HENRY KING)
http://images.amazon.com/images/P/B00008AOTL.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังเรื่องนี้สร้างจากนิยายของ HAN SUYIN และใช้ฉากหลังเป็นฮ่องกง โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักข่าวหนุ่มชาวสหรัฐที่พบรักกับคุณหมอหญิงลูกครึ่งยุโรป-เอเชีย เพลงธีมของหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์


2.PICNIC (1955, JOSHUA LOGAN)
http://images.amazon.com/images/P/0767827791.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังเรื่องนี้สร้างจากบทละครเวทีของ WILLIAM INGE และมีเนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่มรูปร่างบึกบึนแต่หลักลอย (วิลเลียม โฮลเดน) ที่เดินทางเข้ามาในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งในรัฐแคนซัส และทำให้ชีวิตของชาวเมืองเปลี่ยนไป คิม โนแวครับบทเป็นนางเอกในเรื่องนี้ ในขณะที่นักวิจารณ์ชื่นชมฝีมือการแสดงของวิลเลียม โฮลเดน, CLIFF ROBERTSON และ SUSAN STRASBERG ในเรื่องนี้

--จำหน้า “ปราโมทย์ สามา” ไม่ค่อยได้แล้ว แต่รู้สึกว่าชื่อของเขาคุ้นๆอยู่เหมือนกัน สมัยอยู่มัธยมเคยซื้อนิตยสาร “เธอกับฉัน” บางเล่ม แต่ปัจจุบันหายไปหมดแล้ว รู้สึกเสียดายมากๆ เพราะคิดว่านิตยสารอย่าง “เธอกับฉัน” บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับนายแบบหนุ่มๆในอดีตไว้เยอะมาก ถ้าหากยังมี “เธอกับฉัน” เล่มเก่าๆเก็บไว้ คงจะดีไม่น้อย

--ดาราชายที่เร้าอารมณ์ดิฉันมากๆในวัยเด็ก รวมถึงดาราฝรั่งคนหนึ่งที่เล่นละครโทรทัศน์ที่มาฉายช่อง 3 จำชื่อละครไม่ได้แล้ว แต่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแม่มดที่ใช้เวทมนตร์ช่วยเหลือในการสืบคดีลับต่างๆ และดาราชายคนนี้รับบทเป็นสามีของแม่มด

ดาราชายอีกคนที่ชอบมากในวัยเด็กก็คือ “หลิวเต๋อหัว” ตอนที่เขารับบทเป็นเอี้ยก้วย จำได้ว่าเห็นกล้ามแขนของเขาในตอนนั้นแล้วรู้สึกวาบหวิวอย่างรุนแรง แต่ปัจจุบันนี้รู้สึกเกลียดหลิวเต๋อหัวอย่างรุนแรงมาก เพราะรู้สึกว่าเขาดูหลงตัวเองมากๆ

--ลองเช็คข้อมูลดูแล้วรู้สึกว่า ATSUSHI ITOH ไม่ได้รับบทนำใน LIKE GRAINS OF SAND (1995, RYOSUKE HASHIGUCHI, A-) ค่ะ บทนำในหนังสองเรื่องนี้แสดงโดย YOSHINORI OKADA (รับบทเป็นเกย์) และ KOTA KUSANO (รับบทเป็น STRAIGHT)

รู้สึกว่า ATSUSHI ITOH หน้าตาไม่หล่อ แต่เห็นแล้วรู้สึกถูกโฉลกกับเขามาก

--นักร้องยุคเก่าที่ออกอัลบัมใหม่ในปีนี้ ที่พลาดไม่ได้เป็นอันขาด ก็รวมถึง KATE BUSH ด้วยค่ะ เธอออกอัลบัมชุด AERIAL หลังจากไม่ได้ออกอัลบัมใหม่มานานถึง 12 ปี
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000BHNLX0/qid=1133033237/sr=8-1/ref=pd_bbs_1/002-9553960-3668844?v=glance&s=music&n=507846

http://images.amazon.com/images/P/B000BHNLX0.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
http://yasminek.nomadlife.org/uploaded_images/Kate_Ivy-741247.jpg

นอกจากนี้ ยังมีการนำอัลบัมชุดเก่าของนักร้องดังมาตัดขายใหม่ในแพคเกจที่น่าสนใจด้วยค่ะ ซี่งก็คืออัลบัมชุด HORSES ของ PATTI SMITH อัลบัมนี้ได้รับการตัดขายใหม่อีกครั้งในเดือนพ.ย.ปีนี้เนื่องในวาระดิถีครบรอบ 30 ปีของการตัดขายอัลบัมชุดนี้ในครั้งแรก

HORSES ที่ตัดขายใหม่มีของแถมที่น่าสนใจสุดๆค่ะ เพราะมีการแถมดิสก์อีกหนึ่งแผ่นที่เป็นบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตของ PATTI SMITH และมีแถมหนังสือรวบรวมภาพถ่ายหายากด้วย

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000BKDOB6/qid=1133033447/sr=2-2/ref=pd_bbs_b_2_2/002-9553960-3668844?v=glance&s=music

http://images.amazon.com/images/P/B000BKDOB6.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

http://www.georgetown.edu/faculty/irvinem/visualarts/Image-Library/Mapplethorpe/tate_photo-patti-smith-1975.jpg

http://www.cbgb.com/shrine/press/store/nytimes82002/Patti%20Smith%20Inspired%20Clothing%20NY%20Times%20Mag%20page%201.jpg

เพลงที่น่าสนใจมากๆเพลงนึงของ PATTI SMITH คือเพลง GLORIA รู้สึกว่าเพลงนี้จะมีความหมายเกี่ยวกับเลสเบียน

เนื้อเพลง GLORIA ของ PATTI SMITH

Jesus died for somebody’s sins but not mineMeltin’ in a pot of thievesWild card up my sleeveThick heart of stoneMy sins my ownThey belong to me, mePeople say ’beware!’But I don’t careThe words are justRules and regulations to me, meI-i walk in a room, you know I look so proudI’m movin’ in this here atmosphere, well, anything’s allowedAnd I go to this here party and I just get boredUntil I look out the window, see a sweet young thingHumpin’ on the parking meter, leanin’ on the parking meterOh, she looks so good, oh, she looks so fineAnd I got this crazy feeling and then I’m gonna ah-ah make her mineOoh I’ll put my spell on herHere she comesWalkin’ down the streetHere she comesComin’ through my doorHere she comesCrawlin’ up my stairHere she comesWaltzin’ through the hallIn a pretty red dressAnd oh, she looks so good, oh, she looks so fineAnd I got this crazy feeling that I’m gonna ah-ah make her mineAnd then I hear this knockin’ on my doorHear this knockin’ on my doorAnd I look up into the big tower clockAnd say, ’oh my God here’s midnight!’And my baby is walkin’ through the doorLeanin’ on my couch she whispers to me and I take the big plungeAnd oh, she was so good and oh, she was so fineAnd I’m gonna tell the world that I just ah-ah made her mineAnd I said darling, tell me your name, she told me her nameShe whispered to me, she told me her nameAnd her name is, and her name is, and her name is, and her name is g-l-o-r-i-aG-l-o-r-i-a gloria g-l-o-r-i-a gloriaG-l-o-r-i-a gloria g-l-o-r-i-a gloriaI was at the stadiumThere were twenty thousand girls called their names out to meMarie and ruth but to tell you the truthI didn’t hear them I didn’t seeI let my eyes rise to the big tower clockAnd I heard those bells chimin’ in my heartGoing ding dong ding dong ding dong ding dong.Ding dong ding dong ding dong ding dongCounting the time, then you came to my roomAnd you whispered to me and we took the big plungeAnd oh. you were so good, oh, you were so fineAnd I gotta tell the world that I make her mine make her mineMake her mine make her mine make her mine make her mineG-l-o-r-i-a gloria g-l-o-r-i-a gloria g-l-o-r-i-a gloria,G-l-o-r-i-a gloriaAnd the tower bells chime, ’ding dong’ they chimeThey’re singing, ’jesus died for somebody’s sins but not mine.’Gloria g-l-o-r-i-a gloria g-l-o-r-i-a gloria g-l-o-r-i-a,

ตอบน้อง paaae

ชอบการแสดงความรู้สึกของเด็กๆในฉากไปทะเลใน “เด็กโต๋” (A+) เหมือนกันค่ะ เป็นฉากที่ทำให้รู้สึกดีมากๆ

จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยมีความไร้เดียงสาแบบเด็กๆในหนังเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า แต่ความรู้สึกที่สนุกมากๆที่ตัวเองจำได้ในวัยเด็ก คือการไปเที่ยวสวนสนุกบนชั้น 8 มาบุญครองกับเพื่อนๆ ตอนนั้นอยู่ประมาณ ม.2 (ปี 1986) กรี๊ดกันสุดเสียง ตอนนั้นนั่งอยู่บนเครื่องเล่นอะไรสักอย่างที่คล้ายๆตัวหนอนที่หมุนไปหมุนมาอย่างรวดเร็ว จำได้ว่าตัวเองร้องกรี๊ดอย่างรุนแรงมากจนโฆษกของเครื่องเล่นนั้นพูดออกไมโครโฟนเลยว่า “มาเลยครับ มาดูเด็กผู้ชายร้องกรี๊ดกัน”

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชอบ “เด็กโต๋” ในระดับ A+ ก็คือการที่ผู้กำกับ “เลือก” เด็กที่จะเป็นตัวนำในหนังเรื่องนี้ได้ดีถูกใจมากๆ โฮะๆๆๆๆๆๆ

--PATTI SMITH เคยร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง MAHAGONNY (1980, HARRY SMITH) ด้วย อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=5266


ตอบน้อง ZM

ยังไม่ได้ดู GIRL WITH A PEARL EARRING เลยค่ะ และก็ยังไม่เคยเจอ BOY WITH A… ฝังมุก เหมือนกัน โฮะๆๆๆๆ

หนังที่ควรดูควบกับ GIRL WITH A PEARL EARRING ก็คือ

1.ALL THE VERMEERS IN NEW YORK (JON JOST, A+)

All the Vermeers in New York มีเนื้อหาเกี่ยวกับมาร์ค (สตีเฟน แลค) เทรดเดอร์ค้าสกุลเงินในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ประสบความสำเร็จและมีความมั่นใจในตัวเอง อย่างไรก็ดี เขารู้สีกว่าชีวิตของเขาถูกจำกัดไว้ภายในกรอบแคบๆของโลกการเงิน เขาต้องการก้าวเข้าสู่โลกของความรักอันบริสุทธิ์, ความปรารถนา และความหวัง และทางออกทางหนึ่งที่เขาหาให้กับชีวิตของตัวเองก็คือการเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิตันเพื่อชมความงามอันเป็นอมตะในภาพวาดของแวร์เมียร์ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เองที่เขาได้พบกับแอนนา (เอ็มมานูแอล โชเลท์ จาก Boyfriends and Girlfriends) หญิงสาวคนหนึ่งที่จ้องมองภาพของแวร์เมียร์และมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับผู้หญิงในภาพวาดอย่างมาก เขาส่งโน้ตให้กับเธอและความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=5266


2.DUTCH LIGHT (2003, PIETER-RIM DE KROON, A+) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลกระทบของแสงและเมฆที่มีต่อจิตรกรชาวดัทช์

ภาพนี้เป็นผลงานของ VERMEER ค่ะ
http://www.mystudios.com/art/bar/vermeer/vermeer-view-of-delft.jpg


3.MYSTERIOUS SKIN (2004, GREGG ARAKI, A+) ที่มีการนำภาพ GIRL WITH A PEARL EARRING มาใช้ในหนัง


4.CARAVAGGIO (DEREK JARMAN, A)

ในขณะที่ GIRL WITH A PEARL EARRING มีเนื้อหาเกี่ยวกับ VERMEER ซึ่งเป็นจิตรกรดังที่มีชีวิตระหว่างปี 1632-1675 หนังของดีเรค จาร์แมน สุดยอดผู้กำกับภาพยนตร์เกย์คนนี้ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับ CARAVAGGIO ซึ่งเป็นจิตรกรชื่อดังที่มีชีวิตระหว่างปี 1573-1610

อันนี้เป็นภาพ THE DEPOSITION (1604) ของ CARAVAGGIO ค่ะ
http://www.christusrex.org/www1/vaticano/P-Deposition.jpg

ชื่อภาพยนตร์ GIRL WITH A PEARL EARRING ทำให้นึกถึงเพลงแดนซ์ชื่อ PEARL’S GIRL ของ UNDERWORLD ด้วย


ตอบคุณ OLIVER

--ชอบ CATHERINE KEENER มากๆเหมือนกันค่ะ

--มีความสุขมากค่ะที่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับ THE DREAMLIFE OF ANGELS ของคุณ OLIVER อ่านแล้วทำให้อยากดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อยากดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ เป็นเพราะการเปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับผลงานของ MAURICE PIALAT ค่ะ เพราะดิฉันชอบหนังของ MAURICE PIALAT มากๆ

หลังจากที่ดู THE DREAMLIFE OF ANGELS เมื่อหลายปีก่อน ก็รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มากๆ แต่ไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจอย่างรุนแรงกับหนังเรื่องนี้ ก็เลยรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้ในระดับ A แต่ไม่ถึงขั้น A+

แต่พอได้อ่านการเปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับผลงานของ MAURICE PIALAT ก็นึกขึ้นมาได้เหมือนกันว่าตัวเองก็เคยรู้สึก “ประทับใจในระดับปานกลาง” กับหนังของ MAURICE PIALAT ในการดูรอบแรกเมื่อหลายปีก่อนเช่นกัน

ความรู้สึกที่ได้จากการดูหนังของ MAURICE PIALAT เมื่อหลายปีก่อน คือความรู้สึกที่ว่าหนังของเขาเป็นหนังชีวิตที่หนักแน่น, สมจริง, เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีวิธีการถ่ายทอดที่พิเศษพิสดารแต่อย่างใด รู้สึกว่าหนังของเขาดี แต่ไม่ได้ “พิเศษ” จนถึงขั้นต้องร้องกรี๊ด ซึ่งความรู้สึกนั้นก็คล้ายๆกับความรู้สึกที่ได้รับจากการดู THE DREAMLIFE OF ANGELS เมื่อหลายปีก่อนเช่นกัน

แต่พอตัวเองได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง VAN GOGH ของ MAURICE PIALAT รอบสองเมื่อปีที่แล้ว กลับพบว่าความรู้สึกชอบที่มีต่อหนังของเขาพุ่งพรวดขึ้นอย่างรุนแรงมาก หนังของเขาก็ยังคงเล่าเรื่องด้วยวิธีการธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในการดูรอบสองถึงได้รู้สึกว่าหนังของเขาให้ความรู้สึกงดงามสุดๆในทุกๆฉาก รู้สึกว่าแต่ละฉากในหนังของเขามันมีรายละเอียด เล็กๆน้อยๆที่โดนใจมากๆ อย่างเช่น “สีหน้าที่เรียบเฉย” จนบ่งบอกไม่ได้ว่าตัวประกอบฉากตัวนั้นรู้สึกอะไร โดยในการดูรอบแรกนั้น ดิฉันแทบไม่ได้สนใจตัวประกอบตัวนั้นเลย แต่พอได้ดูรอบสอง กลับรู้สึกว่าใบหน้าเรียบเฉยของตัวประกอบตัวนั้นฝังใจจนไม่มีวันลืม

รู้สึกว่า “อายุ” ของตัวเองที่เพิ่มสูงขึ้น และประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ความรู้สึกชอบหนังของ MAURICE PIALAT พุ่งพรวดขึ้นอย่างรุนแรง หนังของเขาไม่มีความเท่เก๋ไก๋ในด้านการถ่ายภาพหรือเทคนิคการเล่าเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันกลับอัดแน่นไปด้วยพลังทางอารมณ์อย่างเหลือล้นที่แฝงไว้ภายใต้การเล่าเรื่องแบบเรียบๆ ดิฉันเดาว่าปัจจัยนี้อาจจะทำให้ดิฉันชอบ THE DREAMLIFE OF ANGELS มากขึ้นเช่นกันหากได้ดูรอบสอง

นอกจาก MAURICE PIALAT แล้ว ผู้กำกับกลุ่ม POST NEW WAVE ของฝรั่งเศสอีกสองคนที่ถนัดในการสร้าง “หนังชีวิต” ที่ดูเหมือนธรรมดา (ในสายตาของผู้ชมอายุน้อย) แต่จริงๆแล้วไม่ธรรมดา ก็คือ PHILIPPE GARREL และ CLAUDE SAUTET

พอได้อ่านที่คุณ OLIVER เขียนถึงตัวละคร “มารี” ใน THE DREAMLIFE OF ANGELS แล้ว ก็นึกขึ้นมาได้ว่า “ตัวละครหญิงที่น่าสงสาร แต่ไม่ต้องการความเห็นใจจากผู้ชม” แบบนี้ อาจจะเจอได้ในหนังของ MAURICE PIALAT เช่นกัน อย่างเช่นตัวละครซูซานน์ หญิงสาววัย 15 ปีใน TO OUR LOVES (1983, A) ที่รับบทโดย SANDRINE BONNAIRE (นักวิจารณ์บอกว่าหนังเรื่องนี้เน้นย้ำธีมที่มักพบในหนังของ PIALAT นั่นก็คือธีมที่ว่า “SORROW LASTS FOREVER”)

อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจใน THE DREAMLIFE OF ANGELS ก็คือการนำเสนอตัวละครหญิงสาวที่มีปัญหาในการหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง การได้ดูหนังแบบนี้ทำให้รู้สึกว่าชีวิตในปัจจุบันของตัวเองมีความสุขยิ่งนัก เพราะอย่างน้อยวันนี้ตัวเองก็ไม่ต้องกลัวอดตายเหมือนอย่างนางเอกในหนัง

นอกจาก THE DREAMLIFE OF ANGELS แล้ว หนังที่มีนางเอกยากจนข้นแค้นที่ชอบมากๆก็รวมถึง

1.WILL IT SNOW FOR CHRISTMAS? (1996, SANDRINE VEYSSET, A+)
http://images.amazon.com/images/P/B00004VY3Y.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


2.TO HAVE (OR NOT) (1995, LAETTITIA MASSON, A)
http://www.imdb.com/title/tt0112951/
หญิงสาวตกงาน (SANDRINE KIBERLAIN) มาพบรักกับชายหนุ่มตกงาน (ARNAUD GIOVANINETTI) ในหนังเรื่องนี้

--ลองเช็คข้อมูลดูแล้ว พบว่า อำพล ลำพูน นำแสดงใน “เฮงได้ เฮงดี รักนี้” (1987, พรพจน์) จริงๆค่ะ ดูข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.thaifilmdb.com/th/tt00571

รู้สึกว่าตัวเองได้ดูหนังของอำพล ลำพูน น้อยมาก หนังของเขาที่เคยดูมีแค่ 2 เรื่อง ซึ่งได้แก่ “เสือ โจรพันธุ์เสือ” (1998, ธนิตย์ จิตนุกูล) ที่นำแสดงโดยดอม เหตระกูล กับ “น้ำพุ” (1984, ยุทธนา มุกดาสนิท) http://www.thaifilmdb.com/th/tt00114

--ส่วนของ EMMA THOMPSON ใน LOVE ACTUALLY เป็นส่วนที่ชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ จริงๆแล้วไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะไม่มีอารมณ์ร่วมกับตัวละครในหนังเรื่องนี้ ยกเว้นในส่วนของ EMMA THOMPSON ที่สามารถทำให้รู้สึก HURT ร่วมไปกับตัวละครได้บ้างเหมือนกัน

แต่โดยทั่วไปแล้วดิฉันไม่ค่อยชอบตัวละครที่ EMMA THOMPSON แสดงในหนังเรื่องอื่นๆมากนัก รู้สึกว่าเธอแสดงเก่ง แต่ไม่ค่อยชอบตัวละครที่เธอแสดง อย่างเช่นใน SENSE AND SENSIBILITY

--รู้สึกว่าหนังสามชุดใหญ่ของ ERIC ROHMER ยอดเยี่ยมมากๆทั้งสามชุดเลยค่ะ นอกจากชุด 4 SEASONS แล้ว หนังอีกสองชุดของเขาที่สุดยอดมากๆ และแนะนำให้ชมเป็นอย่างยิ่งก็คือชุด SIX MORAL TALES ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปฏิกิริยาของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาว และชุด COMEDIES AND PROVERBS ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปฏิกิริยาของหญิงสาวที่มีต่อชายหนุ่ม

หนังชุด SIX MORAL TALES ประกอบด้วย

1.MY NIGHT AT MAUD’S (A+)
JEAN-LOUIS TRINTIGNANT น่ารักมากในหนังเรื่องนี้

2.THE GIRL AT THE MONCEAU BAKERY (A+/A)
BARBET SCHROEDER หล่อมากในหนังเรื่องนี้

3.LA COLLECTIONNEUSE (A+/A)

4.SUZANNE’S CAREER (A+/A)

5.CLAIRE’S KNEE (A)

6.CHLOE IN THE AFTERNOON (A-)


ส่วนหนังชุด COMEDIES AND PROVERBS ประกอบด้วย

1.THE GREEN RAY (A+)

2.PAULINE AT THE BEACH (A+)

3.BOYFRIENDS AND GIRLFRIENDS (A)

4.FULL MOON IN PARIS (A-)

5.A GOOD MARRIAGE

6.THE AVIATOR’S WIFE


ตอบคุณอ้วน

ชอบรูป JAKE GYLLENHAAL ทำขวยใส่คุณ OLIVER ที่คุณอ้วนเอามาโพสท์มากๆเลยค่ะ

เรื่องโรงหนังที่ไม่สมส่วนนั้น คิดว่าโรงหมายเลข 5 ที่แกรนด์อีจีวี ดิสคัฟเวอรีก็ไม่ค่อยสมส่วนเหมือนกัน โรงนี้ใหญ่มาก แต่ใหญ่บริเวณที่เป็นที่นั่งของผู้ชม ในขณะที่จอภาพยนตร์ไม่ได้ขยายใหญ่โตให้สมสัดส่วนกับที่นั่งของผู้ชมด้วย อย่างไรก็ดี จอโรงนี้ไม่ได้เล็กมากนัก เพียงแต่มันเล็กกว่าที่คาดการณ์ไว้


ตอบน้อง LOVEJUICE

ชอบตอนจบของ JUMANJI (A-) มากๆเลยค่ะ จริงๆ แล้วชอบตัวหนังในระดับประมาณ B แต่พอถึงตอนจบกลับรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จบได้ซาบซึ้งประทับใจมากๆ ก็เลยทำให้ความรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้พุ่งพรวดขึ้นมา (ตอนจบของ JUMANJI ทำให้นึกถึงตอนจบของ “13 GOING ON 30” ด้วยเหมือนกัน)

พอพูดถึงหนังเกี่ยวกับ “เกม” อย่าง JUMANJI แล้ว ก็ทำให้นึกถึงหนังเกี่ยวกับเกมอีกเรื่องนึงที่อยากดูมากๆ นั่นก็คือเรื่อง SNAKES AND LADDERS (1980, RAOUL RUIZ)

ข้อมูลเกี่ยวกับ SNAKES AND LADDERS (1980) จาก
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3345

หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวเรียงความเกี่ยวกับแผนที่ และสร้างขึ้นเพื่อประกอบนิทรรศการการทำแผนที่ที่ศูนย์ปอมปิดูในฝรั่งเศส โดยหนังเรื่องนี้ได้รับการเปรียบเทียบกับหนังเรื่อง A Walk Through H ของปีเตอร์ กรีนอะเวย์ และ Le Pont du Nord ของ Jacques Rivette เพราะหนังเรื่องนั้นของรีแวทท์ก็มีการดัดแปลงกรุงปารีสให้กลายเป็นกระดานสำหรับเล่นเกมเช่นกัน ทางด้านนักวิจารณ์ให้ความเห็นว่าเนื้อหาเกี่ยวกับ Jose Luis Borges ในหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก รูอิซบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็น “เรื่องแต่งที่มีจุดประสงค์เพื่อสั่งสอน” โดยพระเอกของเรื่องนี้ออกจากรถของเขาเพื่อไปหาผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงกลางทุ่ง และก็ได้ทราบความจริงว่าเขาคือเหยื่อของฝันร้าย และเป็นฝันร้ายประเภทที่เลวร้ายที่สุด เพราะนี่เป็นฝันร้ายแนวสั่งสอน เขาพบว่าตัวเองกลายเป็นผู้เล่นในเกมงูตกกระไดที่ชั่วร้าย และต่อมาเขาก็กลายเป็นลูกเต๋าเมื่อถูกมือยักษ์สองมือจับเขย่า ในขณะที่ลูกเต๋าถูกโยนไปเรื่อยๆ ผู้เล่นในเกมก็เคลื่อนที่จากชนบทเข้าสู่เมือง, จากรถไฟไปยังเครื่องบิน และฝันร้ายก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นแผนที่ และในที่สุดจักรวาลทั้งจักรวาลก็กลายเป็นกระดานที่ใช้เล่นเกมนี้


ตอบคุณ THUNSKA

ดีใจมากๆที่คุณ THUNSKA ชอบ JUST A SECOND (A+) ของสันติภาพ อินกองงาม เพราะชอบหนังเรื่องนี้มากๆเหมือนกัน

อยากดู WEIRDROTOPHER WORLD อย่างรุนแรงมาก


ตอบคุณอิศวร์

ชอบมาดอนน่ามากๆเหมือนกันค่ะ เพลงของเธอที่ชอบมากรวมถึง


1.CRAZY FOR YOU (ปัจจัยนึงเป็นเพราะเพลงนี้ใช้ประกอบหนังเรื่อง 13 GOING ON 30)

2.LIVE TO TELL

3.VOGUE

4.JUSTIFY MY LOVE

5.THIS USED TO BE MY PLAYGROUND

6.BEDTIME STORY

7.SPOTLIGHT

8.OH FATHER

9.PROMISE TO TRY

10.SOMETHING TO REMEMBER

11.DEAR JESSIE


ตอบคุณ KIT

ดีใจมากค่ะที่คุณ KIT ชอบ BOTH SIDES NOW รู้สึกว่าเนื้อหาของเพลงนี้เป็นสัจธรรมเหมือนกันค่ะ

เห็นคุณ KIT พูดถึง “ศึกษาศาสตร์พละ” ก็เลยนึกถึงนักกีฬาชายขึ้นมา รู้สึกว่าช่วงนี้จะมีการแข่งขันยิมนาสติกโลกกันอยู่ ไม่รู้ว่ามีใครเชียร์นักยิมนาสติกชายคนไหนกันบ้าง

อันนี้เป็นรูปของ MARIAN DRAGULESCU นักยิมนาสติกชาวโรมาเนียค่ะ เขาเกิดปี 1980 และรู้สึกว่าจะประกาศปลดเกษียณไปแล้ว

MARIAN DRAGULESCU สูง 164 เซนติเมตร และหนัก 64 กก.

http://www.skin-cgn.de/athen_2004/marian-dragulescu4.jpg
http://img.web.de/c/00/5A/2A/FE.420
http://www.athens2004.com/Images/Sport%20Gallery/Gymnastics%20Artistic/23%20August%202004/51086781EZ003_GYMm_vlt.jpg


--อยากให้ BRENDA FRICKER ได้บทดีๆแสดงบ่อยๆแบบใน SWANN และ MY LEFT FOOT เหมือนกันค่ะ มีอยู่ครั้งนึงเคยเปิดไปเจอเธอรับบทประกอบในหนังเรื่อง MASTERMINDS (1997, ROGER CHRISTIAN) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการจับนักเรียนในโรงเรียนเป็นตัวประกัน เห็นบทห่วยๆของเธอในหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกเสียดายความสามารถของ BRENDA FRICKER อย่างมากๆ

BRENDA FRICKER เกิดปี 1945 ในไอร์แลนด์ ผลงานหนังของเธอที่น่าดูรวมถึง
http://www.imdb.com/name/nm0002084/

1.INSIDE I’M DANCING หรือ RORY O’SHEA WAS HERE (2004, DAMIEN O’DONNELL)
http://www.imdb.com/title/tt0417791/
http://images.amazon.com/images/P/B0009E27JY.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


2.CONSPIRACY OF SILENCE (2003, JOHN DEERY) ที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับเกย์และวงการนักบวช หนังเรื่องนี้เหมาะดูควบกับ BAD EDUCATION
http://www.imdb.com/title/tt0308129/
http://images.amazon.com/images/P/B0009OL89Y.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


3.TORSO: THE EVELYN DICK STORY (2002, ALEX CHAPPLE)
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับสาวสวยที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมสามีและลูกตัวเอง โดยมี KATHLEEN ROBERTSON รับบทเป็นนางเอก
http://images.amazon.com/images/P/B000062XFE.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


4.PAINTED ANGELS หรือ THE WICKED, WICKED WEST (1998, JON SANDERS)
หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับซ่องโสเภณีในทศวรรษ 1870 ในแถบมิดเวสท์ของสหรัฐ โดย BRENDA FRICKER รับบทนำในหนังเรื่องนี้
http://images.amazon.com/images/P/6305018995.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


5.A WOMAN OF INDEPENDENT MEANS (1995, ROBERT GREENWALD)

มินิซีรีส์ความยาว 5 ชั่วโมงเรื่องนี้นำแสดงโดย SALLY FIELD ในบทของผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อดำรงชีวิตตัวเองในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20



ตอบคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND

ชอบ KANSAS CITY มากๆเหมือนกันค่ะ และก็ชอบเพลง JAZZ ในหนังเรื่องนี้ด้วย

พูดถึง CAT แล้ว ก็เลยนึกถึงหนังที่อยากดูมาก 2 เรื่อง ซึ่งได้แก่

1.WHEN THE CAT IS AWAY (1996, CEDRIC KLAPISCH)

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาวที่ออกตามหาแมวที่หายสาบสูญไป และการตามหานี้ก็เปิดโอกาสให้เธอได้สำรวจส่วนต่างๆของกรุงปารีส
http://images.amazon.com/images/P/B000088FZH.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


2.P.S. YOUR CAT IS DEAD (2002, STEVE GUTTENBERG) หนังเกย์ที่ดัดแปลงมาจากละครเวที
http://www.amazon.com/gp/product/B0000A2ZPZ/002-9553960-3668844?v=glance&n=130&s=dvd&v=glance

--อยากดูหนังเรื่องอื่นๆของคุณอภิชาติ โพธิ์ไพโรจน์เหมือนกันค่ะ ท่าทางเขาจะเป็นผู้กำกับหนังคุณภาพคนนึง

--ดีใจที่คุณ CHRIS’S GIRLFRIEND ได้ดู AB-NORMAL BEAUTY ค่ะ รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างน่าสนใจเหมือนกัน โดยเฉพาะสภาพจิตของนางเอก



หนังที่ได้ดูในช่วงนี้

1.SEDUCTION: THE CRUEL WOMAN (1985, ELFI MIKESCH + MONIKA TREUT, A+) ดูในรูปแบบวิดีโอ

2.A BOY’S SUMMER IN 1945 (2002, KAZUO KUROKI, A+)

3.INNOCENCE (2005, AREEYA CHUMSAI + NISA KONGSRI, A+)

4.DOMINO (2005, TONY SCOTT, A+/A)

5.THE EXORCISM OF EMILY ROSE (2005, SCOTT DERRICKSON, A+/A)

6.SUNDAY IN THE PARK WITH GEORGE (1986, TERRY HUGHES, A)
ดูที่ TK PARK, CENTRAL WORLD PLAZA
http://images.amazon.com/images/P/630530209X.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

7.LIKE ASHURA (2003, YOSHIMITSU MORITA, A)

8.AIKI (2002, DAISUKE TENGAN, A)

9.LOVE OF MAY (2005, HSU HSIAO MING, A)

10.RAINBOW BOYS THE MOVIE (2005, A-/B+)
http://www.rainbowboys-themovie.com/

11.ชุมแพ (1976, จรัล พรหมรังสี, B+)

12.เพราะรัก...ครับผม (2005, ธนพล ธนังกูร, B-)


DESIRABLE ACTOR

1.YUTA HIRAOKA—NANA
ต้องขอบคุณน้อง MERVEILLESXX แห่งเว็บบอร์ด BIOSCOPE มากค่ะที่ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับดาราหนุ่มคนนี้มาให้
http://blog.amuse.co.jp/media/11/20050819-blog040819.jpg
http://www.amuse.co.jp/hiraoka/profile/_im/p_001-l.jpg
http://mdn.mainichi-msn.co.jp/photospecials/graph/050711nana/11.jpg
http://www.amuse.co.jp/hiraoka/profile/_im/p_003-l.jpg

2.CHEN BO-LIN—LOVE OF MAY

3.ศิวัส นฤภัย—เพราะรัก...ครับผม

4.EDGAR RAMIREZ—DOMINO
http://www.giraenlared.com/cine/Cyranoz.jpg


FAVORITE ACTOR

MANDY PATINKIN—SUNDAY IN THE PARK WITH GEORGE


FAVORITE ACTRESS

BERNADETTE PETERS—SUNDAY IN THE PARK WITH GEORGE

Saturday, November 26, 2005

misato watanabe

ต้องกราบขอบพระคุณคุณ sripooh เป็นอย่างยิ่งค่ะ สำหรับเนื้อเพลง nanpasen ภาษาอังกฤษ แค่ได้อ่านก็รู้สึกว่ามันซึ้งมากๆเลย ก่อนหน้านี้เหมือนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินว่าชื่อเพลงนี้แปลว่า "เรืออับปาง" แต่ก็ไม่แน่ใจ พอมาได้อ่านคำแปลแล้วก็เลยรู้ว่าตัวเองจำไม่ผิด เพลง nanpasen เป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกเศร้ามากๆทั้งๆที่ไม่รู้คำแปลเลยแม้แต่น้อย
ส่วนเรื่องดนตรีป็อปญี่ปุ่นนั้นจริงๆแล้วดิฉันไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ ได้ติดตามฟังเพลงป็อปญี่ปุ่นอย่างจริงๆจังๆก็แค่ในปี 1989 เพียงปีเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ฟังอีกเลย โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี่แทบไม่รู้จักหรือแทบไม่ได้ฟังเพลงของนักร้องญี่ปุ่นคนไหนอีก (สาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเริ่มดูภาพยนตร์อย่างจริงๆจังๆในปี 1995 พอหันมาหลงใหลในภาพยนตร์แล้ว ก็เลยแทบเลิกฟังเพลงไปโดยปริยาย)
สาเหตุบางส่วนที่ทำให้ตัวเองแทบไม่มีความรู้เรื่องเพลงญี่ปุ่นเลยแม้แต่นิดเดียว
1.ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น
2.ความรู้เรื่องวงการเพลงญี่ปุ่นสมัยเก่าๆ ส่วนใหญ่จะได้มาจากนิตยสาร "ทีวีรีวิว" ซึ่งเลิกผลิตไปนานเกือบ 20 ปีแล้ว และดิฉันก็ไม่มีนิตยสารนี้เก็บไว้เลย เพราะถูกปลวกกินไปหมดแล้ว รู้สึกเสียดายมากๆ นิตยสารนี้เคยลงบทความเยอะมากๆเกี่ยวกับนักร้องป็อปญี่ปุ่นในทศวรรษ 1980 อย่างเช่น
2.1 SHIBUGAKI-TAI
2.2 SHONEN-TAI ดิฉันเคยหลงรัก "กัตจัง" สมาชิกวงนี้มากๆอยู่พักนึง
2.3 HIKARU GENJI
2.4 IYO MATSUMOTO ตอนแรกเธอเคยร้องเพลงป็อป แต่ต่อมาเธอหันมาร้องเพลงโบราณ
2.5 YU HAYAMI
2.6 YOSHIE KASHIWABARA
2.7 MINAKO HONDA เธอเสียชีวิตแล้ว ฮือ ฮือ ฮือ
http://www.japantoday.com/e/?content=news&id=354453
2.8 MASAHIKO KONDO
2.9 TOSHIHIKO TAHARA
2.10 NORIKO SAKAI OR "NORI-P"
พอนิตยสาร "ทีวีรีวิว" ถูกปลวกกินหมดไป ดิฉันก็ไม่รู้จะหาข้อมูลเก่าๆเกี่ยวกับวงการป็อปญี่ปุ่นได้ที่ไหนอีก นอกจากว่าจะต้องหันไปเรียนภาษาญี่ปุ่น

3.สาเหตุอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่รู้จักนักร้องญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะดิฉันไม่ได้ซื้อซีดีใหม่ๆมาฟังเลยค่ะ สาเหตุเป็นเพราะว่าดิฉันมักทำเครื่องเล่นซีดีเจ๊งภายในเวลาอันรวดเร็ว เคยซื้อเครื่องเล่นซีดีมาใช้ได้ไม่กี่เดือน ก็เจ๊ง ซื้อมาใหม่ ก็เจ๊งอีก ดิฉันก็เลยประชดชีวิตด้วยการไม่ซื้อซีดีและเครื่องเล่นซีดีอีกต่อไป และฟังแต่เทปเก่าๆจากเครื่องเล่นเทปเท่านั้น ก็เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้ฟังเพลงญี่ปุ่นใหม่ๆเลยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนเพลงฝรั่งใหม่ๆยังมีโอกาสได้ฟังบ้างเล็กน้อยจากสถานีวิทยุ

--ดีใจมากค่ะที่คุณสนใจเซโกะ มัตสึดะ, มิกิ อิมาอิ และมิซาโตะ วาตานาเบะ ดิฉันชอบทั้ง 3 คนนี้มากค่ะ เพลงของมิกิ อิมาอิเป็นเพลงที่ easy listening มากๆ ดิฉันมักเปิดฟังก่อนนอน มันทำให้รู้สึกเหมือนกับอยู่ในสวรรค์ มันเหมือนทำให้จิตใจสงบเป็นสุข เหมือนกับได้ยกระดับจิตใจยังไงไม่รู้ ส่วนเซโกะ มัตสึดะนั้นเคยได้ยินคนวิจารณ์ว่าเธอมีเสียงที่ "ไม่มีวันตาย" เสียงของเธอยังใสเหมือนเด็กๆแม้อายุจะแก่แล้ว เพลงของเธอเป็นเพลงที่ป็อปมากๆ แต่ก็ฟังแล้วติดหูและมีความสุขดี อัลบัมชุด train ของเธอบรรจุเพลงเพราะๆไว้หลายเพลงด้วยกัน แต่หลังจากอัลบัมชุดนั้นแล้วดิฉันก็ชอบเพลงของเธอมากๆอีกหนึ่งเพลง นั่นก็คือเพลง TABIDACHI WA FREESIA (FREESIA แปลว่าอะไรอ่ะ)
ส่วนมิซาโตะ วาตานาเบะนั้นดูเหมือนมีความเป็นศิลปินอยู่ด้วยมากกว่าความเป็นแค่นักร้องธรรมดา เสียงของเธอดูห้าวหน่อย สังกัดดนตรีในไทย (ไม่แน่ใจว่า cbs หรือเปล่า) เคยผลิตผลงานของเธอออกขายในฐานะเทปลิขสิทธิ์อยู่หลายชุด เพลงของเธอที่ชอบมากๆคือเพลง MOONLIGHT DANCE รู้สึกว่าจะอยู่ในอัลบัมชุด FLOWER BED ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร่ายรำอยู่บนวิหารโบราณริมเชิงผา ถ้าหากชอบแนวเพลงของ misato watanabe ก็ขอแนะนำให้หาเพลงของ KAHORU KOHIRUIMAKI หรือ KOHI มาฟังด้วย เพราะ "โคฮี่" ก็เป็นนักร้องหญิงที่ทำเพลงได้เพราะมากและมีเสียงค่อนข้างห้าวเช่นกัน แต่นักร้องหญิงที่เสียงห้าวสุดๆในแบบที่ถูกใจดิฉัน ดิฉันขอยกให้กับ AYUMI NAKAMURA เสียงของเธอมีเอกลักษณ์มากๆ
ข้อควรระวัง
เวลาไปซื้อผลงานของ MISATO WATANABE อย่าเผลอหยิบผิด ไปหยิบผลงานของ MARINA WATANABE มานะคะ
--TOMOYO HARADA ชื่อคุ้นๆแฮะ แต่ยังนึกอะไรไม่ออก

you don't have to go home tonight

ตอบคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND

พอพูดถึง DEBBIE GIBSON, TIFFANY และ MARTIKA แล้ว ก็เลยนึกถึงนักร้องหญิงที่ชอบมากในยุคนั้นหลายคนด้วยกัน ซึ่งรวมถึงวงสามสาว WILSON PHILLIPS ชอบเพลง HOLD ON ของวงนี้ที่ออกมาในปี 1990 มากเลยค่ะ ชอบเนื้อเพลงของวงนี้มากๆ

HOLD ON

I know there's painWhy do lock yourself up in these chains?No one can change your life except for youDon't ever let anyone step all over youJust open your heart and your mindIs it really fair to feel this way inside?Chorus:Some day somebody's gonna make you want toTurn around and say goodbyeUntil then baby are you going to let themHold you down and make you cryDon't you know?Don't you know things can changeThings'll go your wayIf you hold on for one more dayCan you hold on for one more dayThings'll go your wayHold on for one more dayYou could sustainOr are you comfortable with the pain?You've got no one to blame for your unhappinessYou got yourself into your own messLettin' your worries pass you byDon't you think it's worth your timeTo change your mind?(Chorus)I know that there is painBut you hold on for one more day andBreak free the chainsYeah I know that there is painBut you hold on for one more day and youBreak free, break from the chainsSome day somebody's gonna make you want toTurn around and say goodbyeUntil then baby are you going to let themHold you down and make you cryDon't you know?Don't you know things can changeThings'll go your wayIf you hold on for one more day yeahIf you hold onDon't you know things can changeThings'll go your wayIf you hold on for one more day,If you hold onCan you hold onHold on babyWon't you tell me nowHold on for one more day 'CauseIt's gonna go your wayDon't you know things can changeThings'll go your wayIf you hold on for one more dayCan't you change it this timeMake up your mindHold onHold onBaby hold on

ยุคนั้นมีวงดนตรีสามสาวเยอะมาก วงดนตรีแนวสาวสาวสาวที่ชอบมากๆก็รวมถึง

1.EXPOSE
เพลงที่ชอบที่สุดคือ I’LL NEVER GET OVER YOU GETTING OVER ME
http://www.amazon.com/gp/product/B000002VL5/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance
http://images.amazon.com/images/P/B000002VL5.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

http://images.amazon.com/images/P/B000002VFA.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

As long as the stars shine down from the heavens,Long as the rivers run to the sea,I'll never get over you getting over me


2.TRIPLETS

เพลงที่ชอบที่สุดคือ YOU DON’T HAVE TO GO HOME TONIGHT (อยากพูดประโยคนี้กับใครหลายๆคน)

http://www.amazon.com/gp/product/B000008LPU/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

http://g-images.amazon.com/images/G/01/ciu/7f/77/70c692c008a0658bda9b4010.L.jpg


3.BANANARAMA

เพลงที่ชอบที่สุดคือ LOVE, TRUTH AND HONESTY


4.SEDUCTION

เพลงที่ชอบที่สุดคือ COULD THIS BE LOVE


5.SWEET SENSATION

เพลงที่ชอบที่สุดคือ IF WISHES CAME TRUE

http://www.amazon.com/gp/product/B000002JNB/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

http://images.amazon.com/images/P/B000002JM2.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


6.THE COVER GIRLS
เพลงที่ชอบที่สุดคือ WISHING ON A STAR
http://www.amazon.com/gp/product/B000007T6G/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&%5Fencoding=UTF8&v=glance
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B0000027KE.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

http://images.amazon.com/images/P/B000009OV9.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


7.SALT ‘N’ PEPA

เพลงที่ชอบที่สุดคือ LET’S TALK ABOUT SEX

http://images.amazon.com/images/P/B000001FHG.01._SCLZZZZZZZ_.jpg



8.MIS-TEEQ

เพลงที่ชอบที่สุดคือ SCANDALOUS
http://www.amazon.com/gp/product/B0002BO076/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

http://images.amazon.com/images/P/B0002BO076.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


9.SUGABABES

เพลงที่ชอบที่สุดคือ FREAK LIKE ME
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B0000DK4SF.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

เนื้อเพลง FREAK LIKE ME

coz i will b a freak untill the day untill the dawnand we can -pump pump-all through the night to the early morncum on and i will take ya round the hood on a gangsta leancoz we can -pump pump-anytime of days its all good for me


10.JADE

เพลงที่ชอบที่สุดคือ DON’T WALK AWAY
http://www.amazon.com/gp/product/B000002L0U/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

http://images.amazon.com/images/P/B000002L0U.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


11.SWV

เพลงที่ชอบที่สุดคือ LOSE MY COOL
http://www.amazon.com/gp/product/B00000K0V5/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

http://www.fortunecity.com/tinpan/mingus/445/swv.jpg


12.THE BRAXTONS

เพลงที่ชอบที่สุดคือ THE BOSS

http://www.amazon.com/gp/product/B000002J8S/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

http://images.amazon.com/images/P/B000002J8S.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


13.SHOHJYO-TAI

เพลงที่ชอบที่สุดคือ ESCAPE AM 3:00
http://tacto.jp/idol/syoujotai.htm


รู้สึกว่า B’Z, MR. CHILDREN กับ SOUTHERN ALL STARS นี่ยืนยงคงกระพันอมตะนิรันดร์กาลเกินคาดแฮะ ไม่ได้ฟังเพลงญี่ปุ่นมานานมากแล้ว ไม่นึกว่าชื่อของศิลปินเหล่านี้จะยังติดอันดับขายดีอยู่

MASAHARU FUKUYAMA ก็เป็นอีกคนที่อยู่ในวงการได้นานเกินคาดมากๆ

เห็นน้อง merveillsxx ทำอัลบัมเพลงโปรด ก็เลยขอทำบ้าง

อัลบัมเพลงญี่ปุ่นสุดโปรดของดิฉัน

1.FLOW INTO SPACE (1992)—MIKI IMAI
http://www.forlife.co.jp/imaimiki/disco.html

2.TRAIN (1985)—SEIKO MATSUDA
http://www.bookmice.net/darkchilde/jsingers/seiko.html

3.BEST II (1988)—AKINA NAKAMORI
เพลงที่ชอบสุดๆในอัลบัมชุดนี้คือ NANPASEN อยากรู้จังเลยว่าแปลว่าอะไร
http://www.geocities.com/all_about_akina_disco2/disco/1988.html#best2
http://www.geocities.com/all_about_akina_disco2/disco/a16_3200_big.jpg

4.NANNO SINGLES (1988)—YOKO MINAMINO
เพลงที่ชอบมากรวมถึงเพลง TOIKIDE NET
http://www.geocities.co.jp/MusicStar-Piano/4812/ad.htm

5.OPUS 21 (1995)—ANRI
http://www.forlife.co.jp/anri/disco.html

รู้สึกจะมีทำออกมาในรูปแบบดีวีดีด้วย ไม่รู้ว่าเป็นรวมมิวสิควิดีโอหรืออะไร
http://www.forlife.co.jp/anri/disco/FLBF-8032.html

6.FLOWERBED (1989)—MISATO WATANABE

7.TWIN MEMORIES (1989)—WINK
http://www.hf.rim.or.jp/~winkful/page/album1.html#album04

8.ARE YOU READY? (1986)—SHOHJYO-TAI
http://www.geocities.co.jp/MusicStar-Drum/2785/sub3-3.htm

9.BALLADS (1989)—MIHO NAKAYAMA
http://www.tojapan.co.kr/star/profile.asp?service=starclub&number=76&cmd=3&cat=0

10.SUKEBAN DEKA SOUNDTRACK



แถมด้วย 10 อัลบัมเพลงสากลที่ชอบที่สุดตลอดกาล (สำหรับอารมณ์ตอนนี้)

1.THE WHOLE STORY—KATE BUSH

เพลงที่ชอบมากคือ RUNNING UP THAT HILL
http://www.amazon.com/gp/product/B000002UA7/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance
http://yasminek.nomadlife.org/uploaded_images/Kate_Ivy-741247.jpg


2.DREAMLAND—BLACK BOX

เพลงที่ชอบมากคือ RIDE ON TIME
http://www.amazon.com/gp/product/B000008DI6/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance
http://ring.cdandlp.com/bikinikill/photo_petite/3082667.jpg


3.MIND FRUIT—OPUS III

เพลงที่ชอบมากคือ I TALK TO THE WIND
http://www.amazon.com/gp/product/B000002JPG/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance
http://images.amazon.com/images/P/B000002JPG.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


4.HOW GREEN IS YOUR VALLEY?—16 TAMBOURINES

เพลงที่ชอบมากคือ BATHED IN THE AFTERGLOW
http://16tambourines.com/


5.FEARLESS—EIGHTH WONDER

เพลงที่ชอบมากคือ THE DRESS


6.ADULTS ONLY (1995)--CLUB 69

เพลงที่ชอบมากคือ LET ME BE YOUR UNDERWEAR
http://www.music.com/release/adults_only/2/


7.LITTLE EARTHQUAKES—TORI AMOS

เพลงที่ชอบมากคือ WINTER


8.WALTZ DARLING—MALCOLM MCLAREN AND THE BOOTZILLA ORCHESTRA

เพลงที่ชอบมากคือ DEEP IN VOGUE
http://musicstore.connect.com/album/500/000/000/000/003/021/113/500000000000003021113.html


9.DOTS AND LOOPS (1997)—STEREOLAB

เพลงที่ชอบมากคือ REFRACTIONS IN THE PLASTIC PULSE
http://www.amazon.com/gp/product/B000002HQ3/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance


10.BEST OF BB—BRIGITTE BARDOT

เพลงที่ชอบมากคือ HARLEY DAVIDSON
http://www.amazon.com/gp/product/B00000DX3E/104-2004563-1563910?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

Sunday, November 20, 2005

ROBOCON (A+)

MOVIES WHICH MADE ME CRY

1.DIVINE INTERVENTION (2002, ELIA SULEIMAN)
2.THE MISSION (1986, ROLAND JOFFE)
3.THE GREEN RAY (1986, ERIC ROHMER)
4.BUNNY (2000, MIA TRACHINGER)
5.DEJA VU (1997, HENRY JAGLOM) http://www.imdb.com/title/tt0119033/
6.AFTERNOON TIMES (2004, ทศพล บุญสินสุข)
7.BEFORE THE STORM (2000, REZA PARSA)
8.AFTERSHOCKS (2002, RAKESH SHARMA) http://www.rakeshfilm.com/aftershocks.htm 9.PRIEST (1994, ANTONIA BIRD)
10.THE FLOWER OF EVIL (2003, CLAUDE CHABROL) http://www.imdb.com/title/tt0322289/

ชอบละครเรื่อง THE SUN SHINES FOREVER มากเหมือนกันค่ะ แต่ชอบด้วยสาเหตุที่แตกต่างจากคุณเจ้าชายน้อย+คุณเอกเช้า โฮะๆๆๆๆๆ ดูละครเรื่องนี้แล้วทำให้กลัวโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น และทำให้สนใจข่าวคนไข้ฟ้องหมอหรือโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ดูละครเรื่องนี้ จะลุ้นให้ TAKKY รักกับทนายความ แต่น่าเสียดายที่มันไม่เป็นไปตามที่ลุ้น ไม่งั้นอาจจะชอบละครเรื่องนี้มากกว่านี้ (แต่แค่นี้ก็ชอบมากอยู่แล้ว)

อ้อ มินิซีรีส์ที่ทำให้ร้องไห้มากที่สุดในชีวิต คงจะรวมถึงเรื่อง THE MURDER OF MARY PHAGAN (1988, WILLIAM HALE, A+++++) ที่มาฉายทางช่อง 3 เมื่อราว 16 ปีก่อน
http://www.imdb.com/title/tt0095678/

(จำรายละเอียดเกี่ยวกับมินิซีรีส์นี้ไม่ค่อยได้แล้ว สิ่งที่เล่านี้อาจจะผิดเพี้ยนไปจากมินิซีรีส์จริงอยู่บ้าง เพราะเวลามันผ่านมานาน 16 ปีแล้ว ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)

มินิซีรีส์นี้สร้างจากเรื่องจริง เกี่ยวกับเด็กหญิง MARY PHAGAN ที่ถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหดในสหรัฐเมื่อราว 100 ปีก่อน ชาวบ้านสงสัยว่าหนุ่มยิวที่เป็นเจ้านายของ MARY เป็นคนฆ่าเธอ ทางการก็เลยจับหนุ่มยิวไปขังคุก

คดีนี้โด่งดังมาก และก็มีนักการเมืองหลายคนเข้ามายุ่งในคดีนี้ด้วย เพราะพวกเขาเห็นว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาได้รับคะแนนนิยมจากเหล่าประชาชนมากขึ้น นักการเมืองบางคนก็คอยปลุกระดมชาวบ้าน

แต่ก็มีนักการเมืองคนนึง (JACK LEMMON) ที่เป็นคนดี เขาสำรวจหลักฐานต่างๆแล้วก็พบว่าหนุ่มยิวคนนี้ไม่มีทางฆ่า MARY PHAGAN ได้แน่นอน เขาก็เลยพยายามจะช่วยเหลือหนุ่มยิวคนนี้ แต่ผลปรากฏว่าชาวบ้านกลับโกรธเกลียดชิงชังเขามาก ชาวบ้านไม่ฟังเหตุผลเลย เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นหลัก

ถึงแม้หลักฐานจะปรากฏชัดว่าหนุ่มยิวคนนี้ไม่ได้เป็นฆาตกร และถึงแม้หนุ่มยิวคนนี้มีวี่แววว่าจะได้รับการตัดสินให้พ้นผิดและได้รับอิสรภาพ ชาวบ้านก็ไม่ได้เชื่อหลักฐานเหล่านี้ พวกเขารวมตัวกันและบุกเข้าไปในคุกและฆ่าหนุ่มยิวคนนี้ตายในคุก และชาวบ้านที่ทำตัวไม่ต่างจากสัตว์นรกเหล่านี้ก็ไม่ได้รับการตัดสินว่ากระทำความผิดแต่อย่างใด ในขณะที่นักการเมืองกลุ่มที่คอยหนุนหลังปลุกปั่นชาวบ้านเหล่านี้ก็เจริญรุ่งเรือง ได้ตำแหน่งใหญ่โตไปตามๆกันในเวลาต่อมา

หลังจากเวลาผ่านไปนานประมาณ 60-80 ปี ชายชราคนนึงก็ยอมเปิดเผยความจริงออกมาในทศวรรษ 1980 ก่อนที่ตัวเองจะตาย เขาบอกว่าในช่วงที่เขายังเป็นเด็กชายในเมืองนั้น เขาเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรม MARY PHAGAN และเขาก็รู้ว่าชายผิวดำคนนึงคือฆาตกรตัวจริงในคดีนี้ แต่เขากลัวมาก ก็เลยไม่กล้าเปิดเผยความจริงออกมา ส่วนหนุ่มยิวคนนั้นคือผู้บริสุทธิ์ตัวจริง เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่ก็ถูกชาวบ้านรุมฆ่าตาย

ฉากที่ทำให้ร้องไห้อย่างรุนแรงใน THE MURDER OF MARY PHAGAN คือฉากที่ชาวบ้านมารุมประท้วงจะเผาบ้านนักการเมืองใจประเสริฐ (JACK LEMMON) เพราะไม่พอใจที่นักการเมืองคนนี้จะช่วยเหลือหนุ่มยิวซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนั้นนักการเมืองคนนี้อยู่กับผู้ช่วยหนุ่มที่คอยติดสอยห้อยตามเขามาโดยตลอด ผู้ช่วยคนนี้คอยติดตามนักการเมืองคนนี้เพื่อหวังว่าตัวเองจะได้เรียนรู้งานและอาจได้ประสบความก้าวหน้าในแวดวงการเมืองในเวลาต่อมา

นักการเมืองจิตใจประเสริฐพูดกับผู้ช่วยว่า

“จำไว้นะ ถ้าหากเธออยากประสบความก้าวหน้าในฐานะนักการเมือง เธออย่าทำแบบเดียวกับฉันเป็นอันขาด”

แต่ผู้ช่วยหนุ่มซึ่งเคยเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานกลับกล่าวตอบไปว่า

“ผมไม่คิดว่าผมสนใจการเมืองอีกต่อไปแล้วล่ะครับ”

แววตาและสีหน้าของผู้ช่วยในตอนนั้น บ่งบอกเป็นอย่างดีว่า เขาขอเลือกความยุติธรรมดีกว่าคะแนนเสียงทางการเมือง เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่านักการเมืองคนนี้ทำไปเพื่ออะไร สีหน้าและคำพูดของเขาบ่งบอกว่า การที่เขาได้ติดตามนักการเมืองคนนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า การช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ คือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนมากมายหลายเท่านัก

คิดถึงฉากนี้ทีไรก็ร้องไห้ทีนั้นค่ะ (แต่จำไม่ได้แล้วว่า ผู้ช่วยหนุ่มคนนั้นหน้าตาหล่อหรือเปล่า)

เข้าไปเลียผู้ชายใน BLOG ของคุณ thunska แล้วค่ะ อิ่มอร่อยมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่แนะนำให้รู้จัก ERIC MUN ปกติดิฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหนุ่มๆเอเชียค่ะ คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อย่างคุณ THUNSKA มาช่วยประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ในด้านนี้ให้

http://img.airspider.com/image/00/81/37/00813733_2.jpg
http://img.airspider.com/image/00/75/98/00759887_2.jpg
http://img.airspider.com/image/00/68/25/00682515_2.jpg
http://images7.fotki.com/v134/free/be82d/4/482475/1698748/eric351-vi.jpg


ตอบคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND

ชอบ TIFFANY มากกว่า DEBBIE GIBSON ค่ะ จริงๆแล้ว DEBBIE GIBSON อาจะแต่งเพลงเก่งกว่า TIFFANY แต่รู้สึกถูกโฉลกกับเพลงของ TIFFANY มากกว่า

เพลงของ TIFFANY ที่ชอบสุดๆก็คือ

1.IT’S THE LOVER (NOT THE LOVE) ใช้ปลอบใจคนอกหักได้ดีมากๆ

2.HEART NEVER LIES เป็นเพลงคู่ที่เพราะมากๆ

3.ALL THIS TIME ชอบทั้งเพลงและมิวสิควิดีโอของเพลงนี้ จริงๆแล้วมิวสิควิดีโอเพลงนี้ดูธรรมดา แต่ช่วงท้ายเพลง จะมีฉาก TIFFANY ส่องกระจกแล้วสะบัดหน้ากลับมา รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ได้อารมณ์มากๆ

ส่วนเพลงของ DEBBIE GIBSON ที่ชอบมากๆก็รวมถึง

1.SILENCE SPEAKS A THOUSAND WORDS รู้สึกว่าเพลงนี้มีทำนองคล้ายๆเพลงจีน

2.PLAY THE FIELD

3.เพลงของเธอเวลารีมิกซ์เป็นเพลงแดนซ์แล้ว รู้สึกว่าหลายๆเพลงของเธอไม่ค่อย “เต็มที่” แต่พอรีมิกซ์เป็นเพลงแดนซ์ที่ยาวๆ ยาวประมาณ 10-12 นาที แล้วจะรู้สึกว่ามัน “เต็มที่” มากๆ ไม่ว่าจะเป็น SHAKE YOUR LOVE, ONLY IN MY DREAMS และโดยเฉพาะ WE COULD BE TOGETHER ที่รีมิกซ์ได้เยี่ยมมากๆ

ส่วน MARTIKA ก็ชอบมากๆเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเพลง MORE THAN YOU KNOW, WATER กับ SEE IF I CARE
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0000026KH/qid=1132422455/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/103-0334377-7175029?v=glance&s=music

รู้สึกว่า MARTIKA เป็นนักร้องที่ “สำเนียง” หนักมาก การออกเสียงคำแต่ละคำของเธอมัน “แจ๋น” มากๆ ความแจ๋นของเธอจะรู้สึกได้ชัดเวลานำเพลงที่เธอร้องไปเทียบกับเพลงเดียวกันที่ร้องโดยศิลปินคนอื่นๆ อย่างเช่น

1.นำเพลง CROSS MY HEART ของเธอไปเทียบกับ CROSS MY HEART ของ EIGHTH WONDER ที่มี PATSY KENSIT เป็นนักร้องนำ ปรากฏว่าดิฉันชอบเวอร์ชันของ EIGHTH WONDER มากกว่าค่ะ
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0001FAFL8/qid=1132422633/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/103-0334377-7175029?v=glance&s=music

2.นำเพลง I FEEL THE EARTH MOVE ของเธอไปเทียบกับ I FEEL THE EARTH MOVE ของ BIG FUN ซึ่งเป็นวงนักร้องหนุ่มหล่อ 3 คนในปี 1989 รู้สึกว่าเสียงของ BIG FUN มันแหลมและดู “ลอยๆ” กว่ามากๆ ทั้งๆที่เป็นผู้ชายร้อง ในขณะที่การออกเสียงของมาร์ติกาดู “หนักแน่น” กว่าอย่างเห็นได้ชัด


ชอบวง CRANES มากๆเหมือนกันค่ะ เคยฟังแค่อัลบัมชุด LOVED ยังแยกเพลงในอัลบัมนี้ไม่ค่อยออก ตอนนี้ชอบอัลบัมชุดนี้ในระดับประมาณ A-
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000002VOK/qid=1132423098/sr=8-1/ref=pd_bbs_1/103-0334377-7175029?v=glance&s=music&n=507846

http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000002VOK.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

เพลง SHINING ROAD ของวง CRANES ถูกใช้ประกอบหนังเรื่อง EYE FOR AN EYE (1996, JOHN SCHLESINGER, B) ด้วยค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0116260/soundtrack

ปกอัลบัม LOVED ของวง CRANES เป็นผลงานการวาดของ EDGAR DEGAS ในขณะที่เสียงกีตาร์ในอัลบัมชุดนี้ได้รับคำวิจารณ์ว่าเหมือนกับวง COCTEAU TWINS

คิดว่าคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND น่าจะชอบเพลงของวง SUNDAYS อัลบัมชุด BLIND (1992) ของวงนี้เคยมีขายเป็นเทปลิขสิทธิ์ในไทย แต่ดิฉันไม่ได้ซื้อเก็บไว้ รู้สึกเจ็บใจจนถึงทุกวันนี้ ไม่รู้จะหาซื้อที่ไหนได้อีก

นักร้องนำวงนี้ชื่อ HARRIET WHEELER ชอบเสียงของเธอมากๆค่ะ

ฟังตัวอย่างอัลบัมชุด BLIND (1992) ของ SUNDAYS ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B000003TA7/qid%3D1132423764/sr%3D11-1/ref%3Dsr%5F11%5F1/103-0334377-7175029

http://images.amazon.com/images/P/B000003TA7.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ดีใจค่ะที่น้องได้ฟัง JANE SIBERRY เพราะชอบเธอมากๆเลยค่ะ

เพลงของ JANE SIBERRY ที่ชอบสุดๆอีกเพลงก็คือ IT CAN’T RAIN ALL THE TIME ที่ใช้ประกอบหนังเรื่อง THE CROW (B-)
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000002IWH/qid=1132442317/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/103-0334377-7175029?v=glance&s=music

เนื้อเพลง IT CAN’T RAIN ALL THE TIME
http://www.stlyrics.com/lyrics/thecrow/itcantrainallthetime.htm

พูดถึงเพลงเวอร์ชันเรียบๆกับเวอร์ชันอลังการแล้ว ก็นึกถึง I WILL ALWAYS LOVE YOU เวอร์ชัน DOLLY PARTON กับ WHITNEY HOUSTON ค่ะ รู้สึกว่าทั้งสองเวอร์ชันต่างก็ดีกันไปคนละแบบ

นักร้องอีกคนที่น่าสนใจมากก็คือ SARAH HARMER ค่ะ เพลงของเธอฟังสบายๆ เหมือนเพลงของ SUZANNE VEGA เสียงของเธอก็ใสๆดี
http://www.sarahharmer.com/

ฟังตัวอย่างอัลบัมชุด ALL OF OUR NAMES (2004) ของ SARAH HARMER ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0001GOHAC/qid=1132442535/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/103-0334377-7175029?v=glance&s=music
http://www.rounderstore.com/retail/images/catalog/0114310322_0.JPG


หนังที่ได้ดูในช่วงนี้

1.ROBOCON (2003, TOMOYUKI FURUMAYA, A+)
http://www.tohokingdom.com/toho_kingdom_stuff/multi/posters/robot_contest_02.jpg

ญี่ปุ่นถนัดในการทำหนังและละครเกี่ยวกับการแข่งขันเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นหนังเกี่ยวกับการแข่งขันอีกเรื่องนึงที่ดิฉันชอบมากๆ หนังเรื่องนี้มีส่วนที่ดูเหมือนเป็นสูตรสำเร็จอยู่บ้าง อย่างเช่นการที่ตัวละครแต่ละตัวค่อยๆเรียนรู้เรื่องข้อเสียของตัวเองและหาทางปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ, สร้างความสามัคคีระหว่างกัน ก่อนที่ทีมจะชนะการแข่งขัน

ถึงแม้หนังจะมีความเป็นสูตรสำเร็จหลงเหลืออยู่ แต่ก็ดูแล้วรู้สึกไม่เบื่อเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหนังรักษาระยะห่างระหว่างผู้ชมกับตัวละครได้เป็นอย่างดี หนังไม่ได้เข้าใกล้ตัวละครมากเกินไป และไม่ได้ชี้นำอารมณ์อย่างชัดเจนเกินไป นอกจากนี้ หนังยังสร้างอารมณ์ขันได้ดีพอสมควรด้วย

นางเอกของเรื่องนี้เป็นนักเรียนหญิงที่ไม่เอาถ่าน เธอถูกบังคับให้เข้าร่วมชมรมประดิษฐ์หุ่นยนต์ และก็เข้าร่วมในการแข่งขันหุ่นยนต์อย่างไม่เต็มใจนัก แต่เธอก็ประหลาดใจมากที่พบว่าสมาชิกชมรมนี้ไม่มีความปรารถนาที่จะชนะการแข่งขันแต่อย่างใด เธอก็เลยเริ่มหันมาเอาจริงเอาจังกับการแข่งขัน และช่วยกระตุ้นสมาชิกคนอื่นๆให้ช่วยกันประดิษฐ์หุ่นยนต์หมาขึ้นมา และในที่สุดหุ่นยนต์หมาของเธอก็ได้ไปแข่งขันกับหุ่นยนต์งู, หุ่นยนต์แมงมุม, หุ่นยนต์มนุษย์เดินบนดวงจันทร์ และหุ่นยนต์อื่นๆในการแข่งขันหยิบกล่องมาวางบนแท่น

หนังเกี่ยวกับการแข่งขันของญี่ปุ่นอีกเรื่องนึงที่ดูแล้วชอบมากๆคือ GIVE IT ALL (1998, ITSUMICHI ISOMURA, A+) ที่เกี่ยวกับการแข่งเรือหญิง


2.CLIMATE CHANGE OR CLIMATE DISASTER (2005, HANNES KARNICK + WOLFGANG RICHTER, A+)
http://www.goethe.de/ins/th/prj/wif/prg/pth/dok/umw/en945604.htm

ดูหนังเรื่องนี้ที่ท้องฟ้าจำลองในเทศกาล SCIENCE FILM FESTIVAL ปรากฏว่าคนดูล้นทะลักจนไม่มีแม้แต่ที่จะยืนดู มีโรงเรียนพานักเรียนมาดูหนังในเทศกาลนี้จนล้นโรงหนัง รู้สึกดีใจแทนผู้จัดเทศกาลนี้มากๆที่เทศกาลประสบความสำเร็จเกินคาด ก่อนหน้านั้นยังนึกเป็นห่วงอยู่ว่า จะมีใครบ้างเนี่ยที่สนใจมาดูเทศกาลภาพยนตร์สารคดีวิทยาศาสตร์ ปรากฏว่าคนกลับสนใจเทศกาลนี้มากกว่าที่คิดไว้หลายเท่านัก

เทศกาลภาพยนตร์นี้ส่งผลให้ตัวเองได้กลับไปเยือนท้องฟ้าจำลองเป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 20 ปี จำไม่ได้ว่าตัวเองไปเยือนท้องฟ้าจำลองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มีสิทธิว่าไปเยือนครั้งสุดท้ายสมัยที่อยู่โรงเรียนประถม

รู้สึกว่าท้องฟ้าจำลองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก และสิ่งที่ประทับใจก็คือรู้สึกว่าวัยรุ่นแต่ละคนที่มาเที่ยวท้องฟ้าจำลองในวันเสาร์ดูเรียบร้อยมากๆ

สารคดีเรื่องนี้เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา และอาจจะไม่ได้มีความเป็นศิลปะอะไรมากนัก แต่รู้สึกว่าสารคดีเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความคิดตัวเองมากกว่าหนังทั่วๆไปที่ได้ดู สิ่งที่ชอบมากในสารคดีเรื่องนี้รวมถึง

2.1 ภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นว่าจุดไหนในโลกที่เป็นแหล่งทำลายสภาพบรรยากาศมากที่สุด ปรากฏว่าประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในทุกวันนี้ คือประเทศที่กำลังทำลายชั้นบรรยากาศของโลกอย่างร้ายแรงที่สุด

2.2 เรื่องราวของหมู่บ้านในสวิตเซอร์แลนด์ที่เคยเจอภัยพิบัติจากโคลนถล่ม

2.3 ภาพของแม่หมีกับลูกหมีขั้วโลกที่ลอยอยู่บนก้อนน้ำแข็ง เป็นภาพที่น่ารักมากๆ และก็เป็นภาพที่น่าสงสารมากๆในเวลาเดียวกัน เพราะดูสารคดีเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าถ้าหากมีการทำลายชั้นบรรยากาศต่อๆไป โลกก็จะร้อนขึ้นเรื่อยๆ และหมีขั้วโลกอาจจะสูญพันธุ์ได้ในไม่ช้า
http://channel.nationalgeographic.com/channel/photogallery/ngccore/images/popup/polarbear_800b.jpg

http://www.geocities.com/SoHo/Museum/7765/polarcubv.jpg


3.WHY DOES THE PENGUIN NOT CARE ABOUT HIS ICE-FLOE (2000, SUSANNE DECKER, A)
http://www.goethe.de/ins/th/prj/wif/prg/pth/bil/kin/en945658.htm

เป็นหนังสารคดีสั้นๆที่น่ารักมากๆ เป็นหนังที่อธิบายว่าเพราะเหตุใดนกเพนกวินถึงยืนบนน้ำแข็งได้นานๆโดยไม่หนาวเท้า และโดยที่ความอบอุ่นจากเท้าไม่ทำให้น้ำแข็งละลาย


4.HARRY POTTER AND THE GOBLET OF FIRE (2005, MIKE NEWELL, A-)

รู้สึกว่า HARRY POTTER ภาคนี้สนุกกว่าภาคก่อนๆ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่สะใจเท่าที่อยากให้มันเป็น

หนังเรื่องนี้อุตส่าห์หาดาราหล่อๆมาเล่น แต่ก็รู้สึกว่าไม่สามารถดึง SEX APPEAL ออกมาได้มากเท่าไหร่ ซึ่งรวมถึง ROBERT PATTINSON และ STANISLAV IANEVSKI

ROBERT PATTINSON
http://www.pottermania.jp/Photos/CastsCrews/RP/RobertPattinson_HouseofWax2.jpg

STANISLAV IANEVSKI (เกิดปี 1985)
http://www.potter-mania.com/gallery/stanislav/pic1.jpg


5.WHEN THE LAST SWORD IS DRAWN (2003, YOJIRO TAKITA, B)

รู้สึกชอบช่วงแรกๆของหนังเรื่องนี้มาก แต่ไม่ชอบช่วง 30 นาทีสุดท้าย จากที่ชอบในระดับ A+ ก็เลยร่วงลงเรื่อยๆมาจนเหลือแค่ B ในที่สุด

ไม่ค่อยชอบหนังแนวซามูไรคุณธรรมสูงสักเท่าไหร่ และช่วงแรกๆของหนังเรื่องนี้ หนังก็ไม่ได้ออกมาในทิศทางนั้น ตัวละครหลักๆในหนังดูเหมือนจะเป็นซามูไรที่ไม่เคร่งครัดเรื่องคุณธรรมมากนัก แต่พอเข้าสู่ช่วงท้ายๆของเรื่อง หนังก็เริ่มฟูมฟายอย่างรุนแรง


MOST DESIRABLE ACTOR
1.ERIC CARAVACA—HIS BROTHER

อันนี้เป็นรูปของเขาจากหนังเรื่อง LOVERS OF THE NILE (2002, ERIC HEUMANN)
http://a69.g.akamai.net/n/69/10688/v1/img5.allocine.fr/acmedia/medias/nmedia/00/02/38/14/69218808_af.jpg

2.EUGENE NOMURA—WHEN THE LAST SWORD IS DRAWN เขาเกิดปี 1972
http://www.imdb.com/name/nm0634581/


FAVORITE ACTRESS
1.MARIKO OKADA—WOMEN IN THE MIRROR

2.YOSHIKO TANAKA—WOMEIN IN THE MIRROR

YOSHIKO TANAKA เกิดปี 1956 และเคยเล่นหนังเรื่อง RING O: BIRTHDAY (2000, NORIO TSURUTA, B-) และ POPPOYA THE RAILROAD MAN (1999, YASUO FURUHATA, A-)

3.MIKA NAKASHIMA—NANA
4.JOAN ALLEN--YES


FAVORITE ACTOR
1.BRUNO TODESCHINI—HIS BROTHER

อันนี้เป็นรูปของเขาจากหนังเรื่อง A PERFECT COUPLE (2005, NOBUHIRO SUWA) ที่เขานำแสดงร่วมกับ VALERIA BRUNI TEDESCHI
http://a69.g.akamai.net/n/69/10688/v1/img5.allocine.fr/acmedia/medias/nmedia/18/36/03/17/18446898.jpg

2.ATSUSHI ITOH—ROBOCON
http://www.jdorama.com/artiste.1853.htm
http://www.imdb.com/name/nm0411682/

ATSUSHI ITOH หน้าตาคุ้นๆมาก พอลองเช็คดูถึงรู้ว่าเขาเคยเล่นหนังเรื่อง BOY’S CHOIR (2000, AKIRA OGATA, A) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มสองคน และการที่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง (SORA TOMA) ไม่พอใจอย่างรุนแรงที่เด็กหนุ่มอีกคน (ATSUSHI ITOH) หันไปสนใจผู้หญิง
http://www.imdb.com/title/tt0233595/
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00008YLUN.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ตอนนี้ ATSUSHI ITOH นำแสดงในละครทีวีเรื่อง DENSHA OTOKO หรือ TRAIN MAN ที่สร้างจากหนังสือดัง อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือ TRAIN MAN ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=14486

3.KIICHI NAKAI—WHEN THE LAST SWORD IS DRAWN

4.KOICHI SATO—WHEN THE LAST SWORD IS DRAWN
http://www.imdb.com/name/nm0766233/

เขาเกิดปี 1960 และเคยเล่นหนังเรื่อง

4.1 A PROMISE (1986, YOSHISHIGE YOSHIDA, A+)

4.2 FACE (2000, JUNJI SAKAMOTO, A-)

4.3 WAIT AND SEE (1998, SHINJI SOMAI, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0191766/

4.4 INFECTION (2004, MASAYUKI OCHIAI, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0418778/

4.5 SUPERGIRL REIKO (1991, TAKAO OKAWARA) นำแสดงโดย ARISA MIZUKI ในบทสาวพลังจิตเรโกะ ไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้คือหนังที่เคยมาฉายทางช่อง 7 หรือเปล่า


FAVORITE SUPPORTING ACTOR
1.SYLVAIN JACQUES—HIS BROTHER
http://sylvainonthenet.free.fr/sonfrere/sonfrere02.jpg

ก่อนหน้านี้เขาเคยร่วมงานกับ PATRICE CHEREAU มาแล้วใน THOSE WHO LOVE ME CAN TAKE THE TRAIN (A+)
http://sylvainonthenet.free.fr/train/train03.jpg

2.TAKASHI TSUKAMOTO—ROBOCON
รู้สึกว่าเรื่องนี้เขาไม่ค่อยหล่อเท่าไหร่ แต่ใน ABOUT LOVE (2005, TEN SHIMOYAMA + YEE CHIN-YEN, A) กับ BATTLE ROYALE (2000, KINJI FUKASAKU, A+) เขาดูหล่อกว่ามาก

3.KAZUMA SUZUKI—ROBOCON
http://www.jdorama.com/artiste.613.htm

ดาราหนุ่มคนนี้เกิดปี 1968 และเคยเล่นละครทีวีเรื่อง IMAGINE ที่นำแสดงโดย KYOKO FUKADA รู้สึกว่าใน IMAGINE KAZUMA SUZUKI จะเล่นเป็นตากล้องที่ทำงานให้แม่นางเอก ดิฉันรู้สึกชอบเขามากกว่าพระเอกละครเรื่องนี้เสียอีก


FAVORITE SUPPORTING ACTRESS
1.CATHERINE FERRAN (HEAD DOCTOR)—HIS BROTHER

ก่อนหน้านี้เธอเคยฝากผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมสุดๆไว้แล้วใน COMING TO TERMS WITH THE DEAD (1994, PASCALE FERRAN, A+) และเธอยังร่วมแสดงในหนังหมาโรคจิตเรื่อง BAXTER (1989, JEROME BOIVIN, A-/B+) ที่เขียนบทโดย JACQUES AUDIARD ด้วย

2.NATHALIE BOUTEFEU—HIS BROTHER

3.SHIRLEY HENDERSON—YES

4.STEPHANIE LEONIDAS—YES
http://www.imdb.com/name/nm0503060/


FAVORITE OPENING

WOMEN IN THE MIRROR

ฉากเปิดของหนังเรื่องนี้เป็นฉากที่หญิงสาวคนหนึ่งสะกดรอยตามผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่ผู้ชมไม่ได้เห็นหน้าของผู้หญิงสองคนนี้เลย เพราะกล้องจะแทนสายตาของผู้สะกดรอย ในขณะที่ผู้ถูกสะกดรอยก็ใช้ร่มบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ตลอดเวลา

เพื่อนบอกว่าการที่ผู้หญิงใช้ร่มบังใบหน้าของตัวเองเช่นนี้ ทำให้นึกถึงฉากคลาสสิคในหนังเรื่อง THE DUMB DIE FAST, THE SMART DIE SLOW (1991, มานพ อุดมเดช, A) ที่มีฉากอังคณา ทิมดีเดินถือร่มกลางสายฝน


FAVORITE ENDING
1.WOMEN IN THE MIRROR
2.TREES
3.YES

FAVORITE MUSIC
1.KEIKO HARADA + MAYUMI MIYATA—WOMEN IN THE MIRROR
2.TREES
3.THE LAST DAYS OF ZEUGMA


FAVORITE SONG
1.เพลงเด่นๆใน NANA
2.LA VIE EN ROSE ร้องโดย GRACE JONES ใน LORD OF WAR
http://images.amazon.com/images/P/B000001FU6.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


FAVORITE CINEMATOGRAPHY

1.TREES

2.MASAO NAKABORI—WOMEN IN THE MIRROR
http://a69.g.akamai.net/7/69/7515/v1/img5.allocine.fr/img_cis/images/festivaldecannes/img/photo/002483.jpg

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ให้ความสำคัญกับการจัดองค์ประกอบภาพ, มุมกล้อง และการจัดแสงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในฉากที่ผู้หญิงสามคนนั่งอยู่บนม้านั่งในฮิโรชิม่า และมีดวงโคมอะไรก็ไม่รู้หลายดวงลอยมาตามแม่น้ำ แสงจากโคมเหล่านั้นสาดไปที่ใบหน้าของผู้หญิงสามคนบนม้านั่ง ในขณะที่ MARIKO OKADA ก็ทำหน้าทำตารุนแรงมากในฉากนั้น อารมณ์ในฉากนี้หลอนสุดๆ

เพื่อนตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่าเนื้อหาและการจัดองค์ประกอบภาพใน WOMEN IN THE MIRROR บางฉากทำให้นึกถึง INTERIORS (1978, WOODY ALLEN, A)

WOMEN IN THE MIRROR
http://www.asianfilms.org/japan/images/womeninmirror.jpg

INTERIORS
http://ec1.images-amazon.com/images/P/0792846087.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


ความเห็นต่อหนังเรื่องอื่นๆที่ได้ดู

1.WOMEN IN THE MIRROR (2003, YOSHISHIGE YOSHIDA, A+)

รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มาก แต่ไม่ได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะก่อนหน้านี้เคยดู A PROMISE ของ YOSHISHIGE YOSHIDA แล้วรู้สึกว่าหนังสุดๆมาก ก็เลยคาดการณ์กับ WOMEN IN THE MIRROR ไว้มากพอสมควร

หนังเรื่องนี้มีส่วนที่ทำให้นึกถึง UNINVITED (2003, LEE SU-YEON, A+++++) ด้วยเล็กน้อย เพราะว่า

1.ตัวละครหลักในหนังสองเรื่องนี้มีอาการความจำเสื่อมเหมือนกัน และพยายามรื้อฟื้นความทรงจำที่หายไปเหมือนกัน

2.UNINVITED มีตัวละครหญิงสาวสองคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าลูกของตัวเอง แต่ WOMEN IN THE MIRROR มีตัวละครหญิงที่น่าสนใจมากหลายคน ซึ่งรวมถึง

2.1 ผู้หญิงที่สงสัยว่าเธอเคยฆ่าลูกของตัวเอง

2.2 ผู้หญิงที่อยากฆ่าลูกของตัวเอง

2.3 ผู้หญิงที่ฆ่าลูกของตัวเองจริงๆ อย่างไรก็ดี ตัวละครตัวนี้ไม่ปรากฏตัวเลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง เธอหายสาบสูญไปหลังจากฆ่าลูกของตัวเอง และผู้ชมก็ได้ยินเรื่องราวของเธอจากปากคำของหญิงชายวัยชราคู่หนึ่ง แต่ผู้ชมไม่ได้เห็นตัวเธอเลยจนจบเรื่อง

ดู WOMEN IN THE MIRROR แล้วนึกถึงหนังเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องเช่นกัน ซึ่งรวมถึง

A.หนังของ INGMAR BERGMAN เพราะว่าหนังของ YOSHISHIGE YOSHIDA ทั้งเรื่องนี้และ A PROMISE ต่างก็เป็นหนังดราม่าจัดๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว โดยที่หนังจะมีบรรยากาศหลอนๆ, เหนือจริง และมีการแผดอารมณ์อย่างรุนแรง นอกจากนี้ ทั้งหนังของ INGMAR BERGMAN และ YOSHISHIGE YOSHIDA ยังมีการใช้ดนตรีประกอบเร้าอารมณ์ลึกลับสะเทือนขวัญอย่างรุนแรงด้วย หนังของผู้กำกับทั้งสองคนนี้มีการใช้ดนตรีประกอบและบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับหนังผีมาก เพียงแต่เนื้อหาไม่ใช่หนังผี

ถ้าหาก WOMEN IN THE MIRROR กำกับโดย INGMAR BERGMAN ก็เดาได้ในทันทีเลยว่า บทของ MARIKO OKADA อาจจะแสดงโดย LIV ULLMANN ส่วนบทของ YOSHIKO TANAKA อาจจะแสดงโดย LENA ENDRE

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ WOMEN IN THE MIRROR แตกต่างจากหนังของ INGMAR BERGMAN ก็อาจจะเป็นตัวละครนักข่าวหญิงใน WOMEN IN THE MIRROR เพราะตัวละคร “นักข่าวหญิง” นี้มาทำเป็นสืบเสาะเรื่องราวของผู้หญิงคนอื่นๆที่อาจเก็บความลับบางอย่างในอดีตเอาไว้ ซึ่งถ้าเป็นในหนังของ BERGMAN เรื่องอาจจะเฉลยว่าที่จริงแล้วยัยนักข่าวหญิงนี่แหละที่มีอาการจิตแตก, วิปลาส หรือมีปมลึกลับในอดีตยิ่งกว่าตัวผู้หญิงคนอื่นๆที่ถูกเธอขุดคุ้ยเสียอีก อย่างไรก็ดี ในกรณีของ WOMEN IN THE MIRROR นั้น ตัวละครนักข่าวหญิงกลับเป็นเพียงตัวละครที่มาช่วยดำเนินเรื่องหรือมาช่วยเล่าเรื่องเท่านั้นเอง



B.หนังของ ALAIN RESNAIS ทั้งเรื่อง HIROSHIMA MON AMOUR (A+) และ MURIEL OR THE TIME OF RETURN (A+) เพราะหนังของเรเนส์สองเรื่องนี้พูดถึงตัวละครที่มีความทรงจำอันเลวร้ายเกี่ยวกับสงคราม และการที่ความทรงจำนั้นส่งผลกระทบต่อ “ตัวตน” และชีวิตของตัวละครในยุคปัจจุบัน

ในขณะที่ตัวละครใน WOMEN IN THE MIRROR ได้รับผลกระทบอันเลวร้ายจากสงครามโลกครั้งที่สอง, มีอาการความจำเสื่อม และพยายามรื้อฟื้นความทรงจำของตัวเอง JEAN CAYROL ซึ่งเป็นผู้เขียนบท MURIEL OR THE TIME OF RETURN ก็มีส่วนคล้ายกับตัวละครใน WOMEN IN THE MIRROR เพราะเขาได้รับผลกระทบอันเลวร้ายจากสงครามโลกครั้งที่สอง, มีอาการความจำเสื่อม และพยายามเขียนบทภาพยนตร์ที่พูดถึงการฟื้นความทรงจำ

JEAN CAYROL เคยให้สัมภาษณ์ว่า

I write and make films to 'return': it's always the problem of memory regained. In 1943, in the train, I lost my memory and struggled for hours. I suffer from an extraordinary amnesia: I have, so to speak, no childhood reminiscences, something which drives my mother to despair. I have worked a lot in time and on the theme of recollection.

ขณะที่ดู WOMEN IN THE MIRROR ก็นึกในใจเล่นๆว่า ถ้าหากต้องเปลี่ยนชื่อหนังเรื่องนี้ใหม่ หนังเรื่องนี้อาจตั้งชื่อเป็น MIWA OR THE TIME OF RETURN


C.RHAPSODY IN AUGUST (1990, AKIRA KUROSAWA, B)

ที่นึกถึงหนังเรื่องนี้เพราะว่าหนังทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็พูดถึงผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง แต่กลับสร้างขึ้นในยุคปัจจุบัน และสร้างโดยผู้กำกับญี่ปุ่นที่อายุสูงมากจนใกล้จะลงโลงแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าผู้กำกับสองคนนี้ต้องการทิ้งคำเตือนไว้ให้ผู้ชมรุ่นหลังๆว่าอย่าลืมความเลวร้ายจากสงคราม ก่อนที่พวกเขาจะจากโลกนี้ไป


D.HOUSE หรือ “บ้านกินคน” (1977, NOBUHIKO OBAYASHI, A+++++)

ที่นึกถึงหนังเรื่องนี้เพราะหนังสองเรื่องนี้มีฉากที่เป็นบ้านญี่ปุ่นแบบโบราณที่มีประตูบานเลื่อนเหมือนกัน โดยให้อารมณ์หลอนๆเล็กน้อยเหมือนกันด้วย นอกจากนี้ HOUSE ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามโลกเช่นกัน แต่นำเสนอออกมาในแนวทางหนังผีตลก


E.THE FLOWER OF EVIL (2003, CLAUDE CHABROL, A+)

หนังสองเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเหมือนกันเลย แต่มีการใช้มุมกล้องเพื่อสื่อความหมายแบบเชยๆเหมือนกัน รู้สึกว่าผู้กำกับหนังรุ่นใหม่ๆไม่ค่อยสื่อความหมายด้วยวิธีการเชยๆหรือจงใจอย่างชัดเจนแบบนี้อีกแล้ว มีแต่ผู้กำกับหนังรุ่นเก่าเท่านั้นที่ยังคงทำเช่นนี้ อย่างไรก็ดี ในขณะที่การ “จงใจ” ในหลายๆครั้งเป็นสิ่งที่ไม่ดีในภาพยนตร์ แต่ในกรณีของ WOMEN IN THE MIRROR นั้น การจงใจสื่อความหมายหลายครั้งหลายหน กลับกลายเป็น “เสน่ห์” ของหนังไปโดยปริยาย มันทำให้นึกถึงเสน่ห์ของหนังยุคเก่าๆที่ไม่ค่อยพบในหนังยุคใหม่


2.TREES (2001, SOPHIE BRUNEAU + MARC ANTOINE ROUDIL, A++++++++++)
http://194.2.120.77/ImagesCinefil/AfficheGrandFormat/a34203.jpeg

หนังเรื่องนี้ทำให้ความเห็นของดืฉันที่มีต่อหนังสารคดีวิทยาศาสตร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เพราะก่อนหน้านี้เคยมองว่าหนังสารคดีวิทยาศาสตร์คงจะน่าเบื่อๆ แต่พอได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกตะลึงลานมาก ถ้าหากมีใครบอกว่าหนังเรื่องนี้กำกับโดย ALAIN RESNAIS ดิฉันจะไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่นิดเดียว

หนังเรื่องนี้พูดถึง “ต้นไม้” แต่ขณะที่กล้องเคลื่อนเข้าไปถ่ายต้นไม้ในป่า การเคลื่อนไหวของกล้องกลับทำให้นึกถึง “ทางเดิน” ใน LAST YEAR AT MARIENBAD (ALAIN RESNAIS, A+)

หนังเรื่องนี้มีการใช้เสียงบรรยายและมีบางฉากที่ถ่ายภาพต้นไม้ในป่าจากมุมสูงด้วย เหมือนกับถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์ แต่ “น้ำเสียง” ของผู้บรรยาย และภาพที่ปรากฏ กลับให้อารมณ์ราวกับว่าภาพที่เราเห็นไม่ใช่ภาพถ่ายป่าตามความเป็นจริงในหนังสารคดี แต่กลับเป็นภาพที่หลุดออกมาจากความทรงจำที่ฝังลึกในตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง (ซึ่งมักเป็นประเด็นที่อยู่ในหนังของ ALAIN RESNAIS)

การใช้ดนตรีประกอบในหนังเรื่องนี้ก็สุดยอดมาก ดูหนังสารคดีวิทยาศาสตร์เหล่านี้แล้ว ทำให้รู้สึกเลยว่า การที่หนังเหล่านี้จะน่าเบื่อหรือสนุก สิ่งที่มีความสำคัญมากๆก็คือ

1.ดนตรีประกอบ เพราะในขณะที่หนัง FICTION ทั่วๆไป สามารถเร้าอารมณ์ผู้ชมได้ง่ายๆด้วย “เนื้อเรื่อง” และ “ตัวละคร” หนังสารคดีวิทยาศาสตร์กลับมี “เนื้อเรื่อง” ที่น่าเบื่อ และไม่มี “ตัวละคร” เพราะฉะนั้นการจะกระตุ้นอารมณ์ผู้ชมในหนังประเภทนี้ จึงต้องพึ่งพาดนตรีประกอบอย่างมากๆ ถ้าหากผู้สร้างหนังสารคดีวิทยาศาสตร์คนใดใช้ดนตรีประกอบเป็น (ซี่งส่วนใหญ่จะใช้ดนตรีที่ออกมาในแนวคลาสสิคๆ) หนังก็จะดูสนุกเร้าอารมณ์ขึ้นมาก

ถ้าจำไม่ผิด มีฉากนึงใน TREES ที่ดิฉันรู้สึกทึ่งมาก รู้สึกว่าฉากนั้นจะพูดถึง
“ต้นไม้บ้า” หรืออะไรทำนองนี้ แต่ดิฉันก็งงว่าต้นไม้ที่ดิฉันได้เห็นในฉากนี้ มันบ้ายังไงหรือ มันก็ดูเป็นต้นไม้สวยๆธรรมดา ไม่ได้พิเศษพิสดารแต่อย่างใด แต่ “ดนตรีประกอบ” และ “การเคลื่อนกล้อง” ในฉากนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าภาพที่ได้เห็นมันติดตาน่าทึ่งตะลึงลานมากๆ สรุปว่าดูฉากนี้แล้วไม่แน่ใจว่าต้นไม้มันบ้าหรือมันพิเศษยังไง แต่รู้สึกว่าดนตรีประกอบหนังมัน “บ้า”, ตากล้องถ่ายหนัง “บ้า” และคนตัดต่อหนัง “บ้า” ในแบบที่น่าพึงพอใจมากๆ


2.การตัดต่อ เรียงลำดับเนื้อเรื่อง เพราะหนังสารคดีวิทยาศาสตร์ มักจะมีเนื้อเรื่องที่อาจน่าเบื่อๆมากๆถ้าหากเอามาเล่าเป็นลำดับเส้นตรง แต่ถ้าหากผู้สร้างหนังสารคดีประเภทนี้รู้จักเรียงลำดับเนื้อเรื่องใหม่ให้ออกมาเหมาะสม หนังก็จะดูสนุกขึ้นมากๆได้ อันนี้รู้สึกได้ชัดกับหนังเรื่อง MONT BLANC – THE THREAT IN THE GLACIER เพราะเนื้อหาในหนังเรื่องนี้อาจแบ่งออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนที่เกี่ยวกับภัยธารน้ำแข็งในอดีตที่เคยทำให้คนตายไปมากมาย กับภัยธารน้ำแข็งที่อาจเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้สามารถเล่าเหตุการณ์ในอดีตให้จบก่อน แล้วค่อยเล่าเหตุการณ์ในปัจจุบัน แต่การเล่าเรื่องแบบเรียงตามลำดับเวลาเช่นนี้อาจจะน่าเบื่อ หนังก็เลยเล่าเรื่องเหตุการณ์ในปัจจุบัน และมีการสอดแทรกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีตเข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้หนังดูสนุกขึ้นมาก เหมือนกับว่าพอหนังเริ่มจะน่าเบื่อ หนังก็จะรีบกระโดดกลับไปพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตทันที เพื่อทำให้คนดูสนุกขึ้นมา ก่อนจะกลับมาที่เหตุการณ์ในปัจจุบันอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เสียดายมากๆก็คือว่าดิฉันพลาดดู TREES ช่วงครึ่งแรกค่ะ ไปทันได้ดูแค่ช่วงครึ่งหลังเท่านั้น แต่ก็รู้สึกตะลึงลานกับสิ่งที่ได้เห็นอย่างมากๆ


3.HIS BROTHER (2003, PATRICE CHEREAU, A++++++)

ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้ชอบ PATRICE CHEREAU เพิ่มขึ้นมาก ปกติก็ชอบหนังของเขาอยู่แล้ว แต่หนังของเขาเรื่องอื่นๆมันมีองค์ประกอบที่ดีอยู่แล้ว มีเนื้อเรื่องที่เข้าทางดิฉันอยู่แล้ว ก็เลยทำให้ไม่แน่ใจว่าถ้าหากหนังเรื่องนั้นกำกับโดยผู้กำกับคนอื่นๆ ตัวเองก็อาจจะยังคงชอบหนังเรื่องนั้นอยู่ดีหรือเปล่า

แต่กับ HIS BROTHER นี้ รู้สึกเลยว่าแนวทางของหนังไม่เข้าทางดิฉันมากๆ เพราะดิฉันไม่ค่อยชอบหนังแนวคนป่วยใกล้ตายสักเท่าไหร่ มีหลายเรื่องที่ดูแล้วไม่มีอารมณ์ร่วมเลย แต่ปรากฏว่าถึงแม้เนื้อเรื่องของ HIS BROTHER ไม่เข้าทางดิฉัน ดิฉันกลับชอบหนังเรื่องนี้มากๆ รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอความสัมพันธ์ของตัวละครในแบบที่ตัวเองสามารถมีอารมณ์ร่วมด้วยได้ และไม่พยายามบีบคั้นอารมณ์ในแบบที่ไม่ต้องการเลยแม้แต่นิดเดียว

มีหนังแนวคนป่วยใกล้ตายอีกเรื่องนึงที่ดูแล้วชอบสุดๆเหมือน HIS BROTHER นั่นก็คือ DYING AT A HOSPITAL (1993, JUN ICHIKAWA, A+++++) สงสัยเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงชอบหนังสองเรื่องนี้สุดๆ แต่ไม่ชอบหนังเรื่องอื่นๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าในหนังสองเรื่องนี้ ตัวละครที่ป่วยก็ป่วยหนักไปเรื่อยๆ แต่ตัวละครที่ไม่ใช่ผู้ป่วยกลับแทบไม่ได้แสดงความเสียใจร้องไห้เลยที่คนที่ตัวเองรักกำลังจะตายจากไป ตัวละคร LUC (ERIC CARAVACA) ใน HIS BROTHER อาจจะเสียใจที่ THOMAS (BRUNO TODESCHINI) กำลังจะตายจากไป แต่ LUC ก็แทบไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย เขาเพียงแค่เฝ้ามองนางพยาบาลมาโกนขนตามร่างกายของ THOMAS เขาเสียใจกับ THOMAS แต่เขาไม่ได้แสดงความเสียใจในแบบที่ดิฉันไม่ชอบดู

DYING AT A HOSPITAL ก็เต็มไปด้วยตัวละครใกล้ตาย แต่ก็แทบจำฉากที่ตัวละครร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้เลย พวกเขาอาจเสียใจอย่างรุนแรง แต่กล้องก็มักอยู่ห่างจากใบหน้าของพวกเขาเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ดูเหมือนจะฝังในความทรงจำมากที่สุดจากการดูหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ฉากร้องไห้ของผู้ใกล้ตายและคนที่รักผู้ใกล้ตาย แต่เป็น “แสงอาทิตย์” ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามโมงยามของวันทั้งในและนอกโรงพยาบาลแห่งนี้

ในขณะที่ TREES ทำให้ดิฉันหายกลัวหนังสารคดีวิทยาศาสตร์ DYING AT A HOSPITAL กับ HIS BROTHER ก็ทำให้ดิฉันหายกลัวหนังแนวผู้ป่วยใกล้ตาย และทำให้รู้ว่ายังมีหนังแนวนี้ที่ตัวเองสามารถชอบอย่างสุดขีดได้เหมือนกัน

อย่าจำหนัง HIS BROTHER สลับกับหนังเรื่อง HER BROTHER (1960, KON ICHIKAWA, B+) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพี่สาวที่พยายามช่วยเหลือน้องชายที่ป่วยใกล้ตาย จริงๆแล้วดิฉันไม่ค่อยชอบ HER BROTHER เท่าไหร่ แต่ที่ให้ถึง B+ เป็นเพราะว่าน้องชายหล่อถูกใจค่ะ ถ้าหากน้องชายในหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ไม่หล่อ ดิฉันอาจชอบ HER BROTHER แค่ในระดับ B-

ดูการป่วยตายของตัวละครโดยไม่มีคนรอบข้างมาคร่ำครวญเสียใจในอ DYING AT A HOSPITAL และ HIS BROTHER แล้ว ก็เลยนึกถึงกลอนท่อนหนึ่งที่ชอบที่สุดในชีวิตค่ะ มันเป็นกลอนของ ALEXANDER POPE (1688-1744) ที่มีชื่อว่า SOLITUDE
http://www.poetryconnection.net/poets/Alexander_Pope/4418

ชอบท่อนสุดท้ายของกลอนนี้มากๆ เพราะท่อนสุดท้ายของกลอนนี้แสดงความปรารถนาของคนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นความปรารถนาในแบบที่ใกล้เคียงกับของดิฉันมากๆค่ะ

Thus let me live, unseen, unknown;Thus unlamented let me die;Steal from the world, and not a stoneTell where I lie.

(ได้โปรดให้ฉันได้มีชีวิตอยู่ โดยไม่มีใครเลยที่จะได้พบเห็นฉัน ไม่มีใครเลยที่จะได้รู้จักฉัน

ได้โปรดให้ฉันได้ตายไป โดยไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่เศร้าโศกเสียใจกับการตายของฉัน

ได้โปรดให้ฉันค่อยๆจากโลกนี้ไป โดยไม่มีหินแม้แต่เพียงก้อนเดียว

ปักลงบนหลุมฝังศพของฉัน)


4. THE LAST DAYS OF ZEUGMA (2000, THIERRY RAGOBERT, A+)

หนังสารคดีวิทยาศาสตร์อีกเรื่องที่ใช้ดนตรีประกอบได้สุดยอดมากคือ THE LAST DAYS OF ZEUGMA เพราะดนตรีประกอบสามารถทำให้หนังเกี่ยวกับการขุดค้นทางโบราณคดีเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ให้อารมณ์ซาบซึ้งจนอยากร้องไห้ออกมา

ในหนังเรื่องนี้ มีฉากที่นักโบราณคดีค้นพบภาพปริศนานางพาซิฟาอีที่ร่วมรักกับวัวหนุ่มฝังอยู่ในพื้นดิน ซึ่งจริงๆแล้วฉากนี้อาจเป็นฉากที่ไม่ให้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้นกับผู้ชม แต่ดนตรีประกอบกลับทำให้ฉากนี้ทรงพลังสุดขีดราวกับฉากไคลแมกซ์ในหนังทั่วไป

อ่านตำนานของนางพาซิฟาอีได้ที่
http://www.loggia.com/myth/pasiphae.html

ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงนิตยสารต่วยตูนพิเศษ

อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้ก็คือในขณะที่หนังเรื่องนี้พยายามเจาะลึกเข้าสู่ความรุ่งเรืองของอารยธรรมในอดีต และผู้ชมจะค่อยๆเห็นภาพจำลองของอาคารโบราณปรากฏขึ้นมา หนังเรื่องนี้ก็นำเสนอสถานการณ์ในปัจจุบันที่กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามด้วย เพราะในบริเวณที่กำลังมีการขุดค้นทางโบราณคดีอยู่นั้น กำลังจะมีการสร้างเขื่อน และชาวบ้านละแวกนั้นก็ถูกไล่ที่ทำกินและถูกบังคับให้ทิ้งถิ่นฐานของตัวเอง พวกเขาค่อยๆทำลายอาคารบ้านเรือนของตัวเองเพื่อเอาเศษสิ่งก่อสร้างติดตัวไปยังภูมิลำเนาใหม่ เพราะฉะนั้นในขณะที่ผู้ชมค่อยๆเห็นภาพอาคารเมื่อหลายพันปีก่อนปรากฏชัดขึ้นมาต่อสายตา ผู้ชมก็จะค่อยๆเห็นภาพอาคารบ้านเรือนยุคปัจจุบันถูกทุบทิ้งพังทำลายลงด้วยเช่นกัน มันเป็นภาพที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง และมันเป็นภาพที่ให้อารมณ์เศร้าในแบบที่แปลกมาก


5.,MONT BLANC – THE THREAT IN THE GLACIER (2004, LIESL CLARK, A+)

หนังเรื่องนี้เป็นหนังสารคดีวิทยาศาสตร์ที่เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา แต่ดูแล้วดิฉันกลับรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สนุกน่าติดตามเสียยิ่งกว่าหนังปีนเขาผจญภัยหลายเรื่องเสียอีก ซึ่งรวมถึงสนุกกว่าหนังอย่าง TOUCHING THE VOID (2003, KEVIN MACDONALD, B+), CLIFFHANGER (1993, RENNY HARLIN) และ INTO THIN AIR: DEATH ON EVEREST (1997, ROBERT MARKOWITZ) ด้วย

หนังเรื่องนี้เล่าถึงโศกนาฏกรรมที่เคยคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมากแถบเทือกเขาแอลพ์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจมาก ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้เปลี่ยนความคิดฝันที่เคยมีในตอนเด็กไปอย่างสิ้นเชิง ตอนเด็กๆเวลาดูหนังอย่าง THE SOUND OF MUSIC และ “จงรัก” (1988, ม.จ.ทิพยฉัตร ฉัตรชัย) ก็มักจะทำให้ใฝ่ฝันอยากไปใช้ชีวิตอยู่ใกล้ภูเขาสวยๆแบบในหนังบ้าง จะได้ทำวิ่งเริงร่ากลางทุ่งดอกไม้สวยๆแบบมาช่าใน “จงรัก” หรือไม่ก็ฝันอยากไปใช้ชีวิตอยู่ใกล้ทะเล

แต่พอโตขึ้น ได้พบกับเหตุการณ์สึนามิ และได้เห็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากภูเขาแบบในหนังสารคดีเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้รู้สึกว่าการอยู่ใกล้ทะเลสวยๆหรือภูเขาสวยๆย่อมมีความซวยเป็นของแถมมาด้วยเหมือนกัน

หนังสารคดีเรื่องนี้พาผู้ชมไปดูซากโบสถ์ที่หลงเหลือมาจากเหตุการณ์ธารน้ำแข็งถล่มเมื่อกว่า 100 ปีก่อน เห็นภาพโบสถ์ร้างในหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกสลดและเศร้าใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้นึกไปถึงโบสถ์ร้างอาถรรพ์ในหนังเยอรมันเรื่อง THE CURSE (DER FLUCH) (1988, RALF HUETTNER, A) ด้วยเช่นกัน THE CURSE ก็เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ไม่อยากไปอยู่ใกล้ภูเขาสวยๆ เพราะภูเขานั้นอาจจะเต็มไปด้วยอาถรรพ์ลี้ลับชั่วร้าย

เนื้อหาอีกส่วนใน MONT BLANC พูดถึงความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันในการศึกษาภัยพิบัติที่อาจเกิดจากธารน้ำแข็ง ดูแล้วก็ทึ่งทีมงานถ่ายทำหนังสารคดีเรื่องนี้มาก ไม่รู้ไปถ่ายทำในสถานที่ยากๆหลายๆสถานที่ได้ยังไง โดยเฉพาะในฉากโพรงน้ำที่ซ่อนอยู่ในภูเขาหิมะ รู้สึกว่าทีมงานหนังสารคดีเรื่องนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญสูงมากพอๆกับนักวิทยาศาสตร์ และต้องมีความกล้าตายเป็นอย่างมากในการติดตามบันทึกภาพเหล่านี้มาให้ผู้ชมได้ชมกัน

ฉากหนึ่งที่สวยมากๆในเรื่องนี้คือฉากธารน้ำบนภูเขา เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ใส่สีลงไปในธารน้ำเพื่อจะได้ศึกษาการไหลของน้ำบนภูเขา เพราะฉะนั้นธารน้ำนี้ก็เลยกลายเป็นธารน้ำที่มีสีสันบาดทรวงมากๆ

ขณะไปดูหนังสารคดีวิทยาศาสตร์ในเทศกาลนี้ ก็จะเจอกับแบบสอบถามที่มีคำถามอย่างเช่น “การดูภาพยนตร์ในเทศกาลนี้ทำให้คุณรู้สึกอยากสร้างภาพยนตร์วิทยาศาสตร์บ้างหรือไม่” เพราะจุดประสงค์หนึ่งในเทศกาลนี้ก็คือการกระตุ้นให้ชาวไทยหันมาสร้างภาพยนตร์สารคดีวิทยาศาสตร์กันเยอะๆ แต่เนื่องจากดิฉันไม่ใช่ทั้งนักสร้างภาพยนตร์และนักวิทยาศาสตร์ การดูภาพยนตร์ในเทศกาลนี้จึงไม่ได้ให้แรงบันดาลใจดังกล่าวแก่ดิฉันเลย แต่กลับให้แรงบันดาลใจในการหาสามีเป็นนักวิทยาศาสตร์มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิทยาศาสตร์ที่มาไต่เขาใน MONT BLANC (โฮะๆๆๆๆๆ)


6. RADIATION FOR LIFE (1991, สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ, B+)

ได้มีโอกาสดูหนังสารคดีไทยเพียงแค่เรื่องเดียวในเทศกาลนี้ ซึ่งเป็นหนังสารคดีที่เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา และอาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจในแง่ศิลปะ แต่ก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ดูเพลินดี และไม่น่าเบื่อมากนัก

สิ่งที่ชอบใน RADIATION FOR LIFE

6.1 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้สร้างหนังคงไม่ได้ตั้งใจ แต่หนังเรื่องนี้ได้บันทึกภาพแฟชั่นหญิงไทยในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เอาไว้โดยบังเอิญ ดูแล้วก็นึกถึงอดีตมากๆ รู้สึกว่าสาวออฟฟิศยุคนั้นจะชอบใส่เสื้อเสริมไหล่ แต่ภาพเครื่องแต่งตัวแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปีมากๆแล้ว จนกระทั่งได้มาเห็นอีกทีในหนังสารคดีเรื่องนี้

6.2 ดูหนังเรื่องนี้แบบไม่ได้ตั้งใจดูมากนัก ไม่ค่อยแน่ใจว่าจุดประสงค์ในการสร้างหนังเรื่องนี้คืออะไร เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับรังสี หรือว่าเพื่อให้คนไทยเลิกกลัวรังสี บางทีหนังเรื่องนี้อาจตั้งชื่อได้ใหม่ว่า HOW I LEARN TO STOP WORRYING AND LOVE THE RADIATION แล้วก็เลยจินตนาการเล่นๆต่อไปว่า บางทีในอนาคตอาจจะมีคนคิดสร้างหนังแนวโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้คนไทยเลิกกลัวกัมมันตภาพรังสีก็ได้ จะได้มีการตั้งโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในไทยได้ในอนาคต โดยไม่มีคนต่อต้านมากนัก

Saturday, November 19, 2005

both sides now

ช่วงนี้ได้อ่าน “เมฆพลุ่ง” อยู่ดีๆก็เลยนึกถึงเพลงที่ชอบมากเกี่ยวกับ “เมฆ” ขึ้นมา นั่นก็คือเพลง BOTH SIDES NOW รู้สึกว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงเก่าของ JONI MITCHELL แต่ดิฉันยังไม่เคยได้ฟังเวอร์ชันดั้งเดิมเลยค่ะ เคยฟังแต่เวอร์ชันของ PAUL YOUNG + CLANNAD และก็ชอบเวอร์ชันนั้นมากเลยค่ะ

ฟังตัวอย่างเวอร์ชัน PAUL YOUNG + CLANNAD ได้ที่
http://www.amazon.com/gp/product/B00000286F/104-6021771-4111167?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

ฟังตัวอย่าง ORIGINAL VERSION ของ JONI MITCHELL ได้ในอัลบัมชุด CLOUDS ที่
http://www.amazon.com/gp/product/B000002KOJ/104-6021771-4111167?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

http://images.amazon.com/images/P/B000002KOJ.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ฟังอีกเวอร์ชันนึงของ JONI MITCHELL ได้ที่อัลบัมชุด BOTH SIDES NOW (ชอบเวอร์ชันนี้มากๆ)
http://www.amazon.com/gp/product/B000040OVH/104-6021771-4111167?v=glance&n=5174&v=glance

http://images.amazon.com/images/P/B000040OVH.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

น้อง VESPERTINE เคยเขียนถึง JONI MITCHELL ไว้ด้วยใน SCREENOUT หน้า 32 จ้ะ

และมีอีกเวอร์ชันนึงของ JUDY COLLINS
http://www.amazon.com/gp/product/B00005MLVE/104-6021771-4111167?v=glance&n=5174&s=music&v=glance

ชอบเนื้อเพลง BOTH SIDES NOW มากๆ

Bows and flows of angel hairAnd ice cream castles in the airAnd feather canyons everywhereI've looked at clouds that wayBut now they only block the sunThey rain and THEY snow on everyoneSo many things I would have doneBut clouds got in my wayI've looked at clouds from both sides nowFrom up and down, and still somehowIt's cloud illusions I recallI really don't know clouds at allMoons and Junes and Ferris wheelsThe dizzy dancing way THAT you feelAs every fairy tale comes realI've looked at love that wayBut now it's just another showYou leave 'em laughing when you goAnd if you care, don't let them knowDon't give yourself awayI've looked at love from both sides nowFrom give and take, and still somehowIt's love's illusions I recallI really don't know love at allTears and fears and feeling proudTo say "I love you" right out loudDreams and schemes and circus crowdsI've looked at life that wayOh but now old friends THEY are acting strangeAND They shake their heads, AND they tell me I've changedWell something's lost but something's gainedIn living every dayI've looked at life from both sides nowFrom WIN and LOSE and still somehowIt's life's illusions I recallI really don't know life at all

พูดถึงชื่อน้อง VESPERTINE ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า อยากฟังอัลบัมรวมหลายศิลปินชุด AN EVENING IN THE COMPANY OF THE VESPERTINE มากๆ เป็นอัลบัมที่คุณอาทิตย์ พรหมประสิทธิ์เคยเขียนชมเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่รู้จะหาฟังจากที่ไหน รู้สึกว่าจะมีอัลบัมรวมฮิตชื่อ A MURDER IN THE COMPANY OF THE VESPERTINE ด้วย

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับอัลบัม A MURDER IN THE COMPANY OF THE VESPERTINE ได้ที่
http://www.discogs.com/release/1914

ปกอัลบัม A MURDER IN THE COMPANY OF THE VESPERTINE
http://www.discogs.com/image/R-1914-001.jpg



ตอบคุณ TARENCE + SENSITIVEMAN + อ้วน

--เคยชอบ BEVERLEY CRAVEN มากๆเหมือนกันค่ะ ชอบเพลง PROMISE ME กับ MEMORIES ในอัลบัมชุด BEVERLEY CRAVEN ของเธออย่างสุดๆ ส่วนเพลง HOLDING ON ก็ชอบมากเหมือนกัน
http://www.amazon.co.uk/exec/obidos/ASIN/B000026FFZ/qid=1132326722/sr=2-1/ref=sr_2_11_1/026-5897225-4712438

Everything she's going through will be her memorieswhen she's older, and wisershe's making her historyand everything we're going through will be our memoriesI'm going make them worth rememberingfor years . . .

เมื่อราว 12-13 ปีก่อน ดิฉันเคยติดตามฟังรายการเพลงแดนซ์ของคุณอลิศรา ศิริชุมแสงเป็นประจำค่ะ เธอจะจัดรายการประมาณ 24.00-03.00 น. และมีอยู่ช่วงนึง ถ้าจำไม่ผิด เวลาปิดรายการตอนตี 3 เธอมักจะเปิดเพลง PROMISE ME ของ BEVERLEY CRAVEN เป็นเพลงสุดท้ายของรายการ เหมือนกับจะส่งผู้ฟังให้เข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์อย่างสงบสุขหลังจากแดนซ์เริงร่ากับเธอมานาน ช่วงนั้นดิฉันก็เลยได้ฟังเพลงนี้บ่อยมากค่ะ รู้สึกว่าคุณอลิศราคิดถูกอย่างมากที่ใช้เพลงของ BEVERLEY CRAVEN เป็นเพลงปิดรายการ มันให้อารมณ์งดงามมากๆ

ในขณะที่คุณอลิศรามักจะเปิดเพลงของ BEVERLEY CRAVEN ดีเจอีกคนที่ดิฉันชอบมาก—คุณวาสนา วีระชาติพลี ก็มักจะเปิดเพลง A LITTLE RESPECT ของ ERASURE เป็นประจำ เปิดจนดิฉันชอบเพลงนี้มากๆตามไปด้วยเลย

อีกเพลงของ BEVERLEY CRAVEN ที่เคยชอบมากคือ LOVE SCENES แต่ตอนนี้จำเพลงนี้ไม่ค่อยได้แล้ว
http://www.amazon.co.uk/exec/obidos/ASIN/B000025HIZ/qid=1132326722/sr=2-3/ref=sr_2_11_3/026-5897225-4712438

You're playing Love Scenes without me, and she's got my roleStarring as your leading lady, and stealing the show


--พูดถึงเรื่องทัวร์ละคร จำได้ว่าเมื่อสมัยก่อน เคยมีทัวร์ชมหมู่บ้านที่ใช้ถ่ายทำละครเรื่อง TWIN PEAKS (1990, DAVID LYNCH, A++++++++++) ด้วยเหมือนกัน พาไปชมสถานที่พบศพ LAURA PALMER หรืออะไรทำนองนี้ ลูกทัวร์ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ถ้าหากดิฉันต้องเลือกไปทัวร์ชมสถานที่ถ่ายทำละคร ดิฉันก็อยากเลือกไปทัวร์ TWIN PEAKS มากที่สุดค่ะ
http://www.lynchnet.com/tp/

http://www.twinpeaks.org/archives/images/jpgs/pain_and_sorrow.jpg
http://www.twinpeaks.org/archives/images/jpgs/the_angel.jpg
http://www.twinpeaks.org/archives/images/jpgs/funeral.jpg


ตอบน้อง ZM

ว้าย ทำไมน้อง ZM หัวไวอย่างนี้ล่ะคะ ตายแล้ว ทำไมพี่ถึงคิดอะไรอย่างนี้ไม่ออกบ้างนะ เสียดายจังเลย พลาดโอกาสงามๆไปแล้วแท้ๆ

โฮะ โฮะ โฮะ จริงๆแล้วเพื่อนฝรั่งคนนั้นเขาไม่ค่อยมี SEX APPEAL เท่าไหร่ค่ะ รูปร่างไม่ค่อยตรงสเปคดิฉันเท่าไหร่ แต่เป็นคนนิสัยดี ถ้าให้ “รัก” เขา ก็คิดว่าอาจจะพอทำได้บ้าง เพราะสามารถรักเขาที่นิสัยดีงามน่ารักของเขาได้ แต่ถ้าให้ “ร่วมรัก” กับเขา อาจจะต้องลำบาก คิดหนักสักหน่อย ถ้าหากไม่ได้เงินตอบแทนในจำนวนที่น่าพอใจ โฮะ โฮะ โฮะ

อีกประการหนึ่งก็คือว่า แฟนของเขาเป็นคนดุมากค่ะ ดิฉันไม่กล้าเสี่ยงตบตีกับผู้หญิงคนนี้โดยไม่จำเป็นเป็นอันขาดค่ะ ผู้หญิงคนนี้เธอดีกับดิฉันค่ะ (สมมุติว่าเธอชื่อนวลจรีแล้วกันนะคะ) แต่เธอร้ายกับบางคนมากๆ มีครั้งนึงเธอมีเรื่องไม่พอใจผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในตึกอพาร์ทเมนท์เดียวกัน นวลจรีก็เลยแสร้งทำเป็นดีกับผู้หญิงคนนี้ แล้วล่อผู้หญิงคนนี้เข้ามาในห้องของเธอ นวลจรีทำเป็นพูดว่า “เข้ามาข้างในสิคะ” ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอผู้หญิงคนนี้เข้ามาในห้อง นวลจรีก็เอาไม้ที่เตรียมไว้ ทุบผู้หญิงนี้จนเลือดสาดนองเต็มห้อง จนในที่สุดผู้หญิงคนนั้นต้องถูกส่งไปโรงพยาบาล และตำรวจก็มาจับตัวนวลจรีไปสอบสวนพักนึง นวลจรีเธอโหดจนดิฉันช็อคค่ะ ดิฉันไม่เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาตัวเองค่ะ แต่แฟนของนวลจรีเล่าให้ดิฉันฟัง ดิฉันรู้สึกยำเกรงนวลจรีมากค่ะ


ตอบคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND

--หนังเรื่อง MURMUR OF YOUTH (1997, LIN CHENG-SHENG) ที่พูดถึง น่าสนใจมากเลยค่ะ เพราะหนังเรื่องนี้นำแสดงโดย RENE LIU ซึ่งเคยสร้างความประทับใจให้ดิฉันมากๆจากเรื่อง THE PERSONALS (1998, CHEN KUO-FU, A+++++) ในหนังเรื่อง THE PERSONALS กล้องแทบไม่ได้ถ่ายอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากใบหน้าของ RENE LIU ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง และเธอก็แสดงสีหน้าอารมณ์ต่างๆได้อย่างละเอียดสุดยอดมาก
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00005NOOM.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

MURMUR OF YOUTH
http://www.imdb.com/title/tt0119733/

LIN CHENG-SHENG ผู้กำกับ MURMUR OF YOUTH ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน เขากำกับ BETELNUT BEAUTY (2001) ที่ส่งผลให้เขาได้รับรางวัลหมีเงินผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลินด้วย BETELNUT BEAUTY นำแสดงโดยหลี่ซินเจี๋ยจาก KOMA (A+) และ CHANG CHEN จาก HAPPY TOGETHER
http://www.imdb.com/name/nm0151654/

CHANG CHEN
http://www.geocities.com/manamalicious/chang_chen_shrine.html

http://us.movies1.yimg.com/movies.yahoo.com/images/hv/photo/movie_pix/cannes/cannes_film_festival_2004_photos/chang_chen/cannes.jpg

http://homepage3.nifty.com/danyuu-clab/chang_chen.jpg

นอกจากนี้ LIN CHENG-SHENG ยังได้รับรางวัลม้าทองคำสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก THE MOON ALSO RISES (2004) ที่เขาทำหน้าที่กำกับเองด้วย หนังเรื่องนี้นำแสดงโดยหยางกุ่ยเม่ย (THE WAYWARD CLOUD) และได้รับเสียงวิจารณ์ในทางไม่ดีจาก VARIETY ซึ่งนั่นหมายความว่าหนังเรื่องนี้น่าจะดีมากๆ
http://www.variety.com/review/VE1117928692?categoryid=31&cs=1&s=h&p=0


--ดีใจมากที่คุณ CHRIS’S GIRLFRIEND ชอบ MIDNIGHT FLY เพราะดูเหมือนหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ได้ดูหนังเรื่องนี้ที่ลิโดเมื่อ 2-3 ปีก่อนโดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย แต่ลองเสี่ยงๆเข้าไปดู ปรากฏว่าชอบสุดๆ เป็นหนังที่เซอร์ไพรซ์มากๆ ตอนช่วงครึ่งแรกชอบการแสดงของเหมยเยี่ยนฟางมากๆ แต่ตอนช่วงครึ่งหลังรู้สึกทึ่งกับเนื้อเรื่องมากที่พลิกผันไปในแนวทางที่ตัวเองไม่คาดคิด และก็จบเรื่องอย่างที่ตัวเองไม่คาดคิดด้วย ตอนช่วงครึ่งแรกของเรื่องนึกว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังแนว “ผู้หญิงสองคนสลับบุคลิกภาพกัน” แต่พอช่วงครึ่งหลัง ดิฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถคาดเดาอะไรในหนังเรื่องนี้ได้

ไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ประเทศไหน รู้สึกจะเป็น MOROCCO ดูแล้วก็รู้สึกว่าทางการ MOROCCO ใจกว้างมากที่ให้หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในประเทศของตัวเอง เพราะคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้คงไม่กล้ามาเที่ยว MOROCCO สักเท่าไหร่ หนังเรื่องนี้อาจจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวของโมร็อกโกลดลงเยอะถ้าหากได้รับการเผยแพร่ในวงกว้าง

--ถ้าเข้าใจไม่ผิด “ปาริชาติ บริสุทธิ์” ได้เล่นเป็นแม่พระเอกใน “2499 อันธพาลครองเมือง” ด้วย

--หนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชอบมากๆ แต่ไม่แน่ใจว่าคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND ได้ดูแล้วหรือยัง ก็คือหนังดังต่อไปนี้ค่ะ

1.AUTUMN TALE (1998, ERIC ROHMER, A+++++)

*****dvd หนังเรื่องนี้มีขายแล้วในไทย*****

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสาววัยกลางคน (BEATRICE ROMAND) ที่อยากมีผัว เพื่อนหญิงของเธอ (MARIE RIVIERE) ก็เลยช่วยเธอหาผัว แต่ถ้าหากเพื่อนหญิงคนนี้เกิดเจอชายหนุ่มที่ถูกใจตัวเอง เธอก็คงจะทรมานใจมากทีเดียวที่จะต้องแนะนำชายหนุ่มคนนี้ให้เพื่อนเธอรู้จัก (อย่าพลาดช่วงเครดิตท้ายหนังเรื่องนี้เป็นอันขาด)

การแสดงของ BEATRICE ROMAND กับ MARIE RIVIERE ในเรื่องนี้เป็นธรรมชาติมากๆ แต่ที่จริงแล้วดาราหญิงสองคนนี้ก็แสดงได้ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้วในหนังทุกเรื่องที่พวกเธอเคยแสดงให้ ERIC ROHMER

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2924

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี AUTUMN TALE ได้ที่
http://www.dvdbeaver.com/film/DVDReviews15/autumn_tale_dvd_review.htm
http://www.dvdbeaver.com/film/DVDReviews15/a%20autumn%20tale%20dvd%20review%20eric%20rohmer/54-59.jpg

FOUR ADVENTURES OF REINETTE AND MIRABELLE (1987, ERIC ROHMER, A++++++++++) ก็เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวสองคนได้เยี่ยมสุดๆ แต่รู้สึกเรื่องนี้จะยังไม่มีดีวีดีขาย
http://images.amazon.com/images/P/6301955196.01.LZZZZZZZ.jpg


2.VOYAGES (1999, EMMANUEL FINKIEL, A+++++++++++++++)

*****DVD หนังเรื่องนี้มีขายแล้วในไทย*****

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงชรา 3 คนที่ต่างก็เคยได้รับผลกระทบจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คนนึงเป็นชาวยิวในอิสราเอลที่เดินทางไปเยี่ยมโปแลนด์ (SHULAMIT ADAR), คนที่สองเป็นชาวยิวในฝรั่งเศส ส่วนคนที่สาม (ESTHER GORINTIN จาก SINCE OTAR LEFT) เป็นชาวยิวในรัสเซียที่เดินทางมาหาที่อยู่ใหม่ในอิสราเอล

ดิฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ที่สมาคมฝรั่งเศส ถ.สาทรใต้ 3 รอบค่ะ และเคยเขียนความเห็นที่มีต่อหนังเรื่องนี้ไว้แล้วในเว็บบอร์ด BIOSCOPE ในหัวข้อ “แด่ผู้เหนื่อยล้าจากการเดินทาง” สามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ (แต่ขอแนะนำให้ดูดีวีดีหนังเรื่องนี้ก่อนอ่าน ไม่งั้นจะอ่านแล้วไม่เข้าใจ)
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=8644

ได้ดูหนังเรื่องนี้ไป 3 รอบแล้วก็ร้องไห้ไป 3 รอบเลยค่ะ แต่ประหลาดใจกับตัวเองมาก เพราะตอนที่ดูรอบแรก รู้สึกอยากร้องไห้หลังจากดูหนังทั้งเรื่องจบแล้ว, ตอนดูรอบสอง รู้สึกอยากร้องไห้ตอนที่หนังเริ่มเข้าสู่ช่วงที่ 3, ตอนดูรอบสาม รู้สึกอยากร้องไห้ตอนที่ช่วงแรกของหนังกำลังจะจบ สงสัยเป็นเพราะว่ายิ่งดูหลายรอบ ก็ยิ่งมีอารมณ์ผูกพันกับตัวละครมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ดูรอบแรก ดิฉันคงเหมือนกับอยู่ในภาวะ “เพิ่งรู้จักกับชีวิตของตัวละครเหล่านี้เป็นครั้งแรก” แต่ในขณะที่ดิฉันดูหนังเรื่องนี้ในรอบสองและรอบสาม ดิฉันอยู่ในภาวะ “รู้ประวัติตัวละครเหล่านี้ดีแล้ว” ก็เลยทำให้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มเรื่อง และทำให้อารมณ์พุ่งสูงตั้งแต่ช่วงแรกๆของเรื่อง

การแสดงของ SHULAMIT ADAR กับ ESTHER GORINTIN ในหนังเรื่องนี้สุดยอดมากๆ ต้องขอกราบเท้าดาราหญิงสองคนและ EMMANUEL FINKIEL ไว้ในที่นี้ด้วย

EMMANUEL FINKIEL เคยเป็นผู้ช่วยของ KRZYSZTOF KIESLOWSKI มาก่อน
http://images.amazon.com/images/P/B000A3ORJM.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


3.THE SECOND AWAKENING OF CHRISTA KLAGES (1978, MARGARETHE VON TROTTA, A+++++++++++++++)

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของผู้หญิงสองคนที่แทบไม่เจอกันเลยตลอดทั้งเรื่อง คนนึงเป็นสาวนักปล้นธนาคาร (TINA ENGEL) อีกคนเป็นสาวพนักงานธนาคาร (KATHARINA THALBACH) ทั้งนี้ ถึงแม้ทั้งสองจะแทบไม่เจอกันเลยตลอดทั้งเรื่อง แต่ทั้งสองก็มีความผูกพันกันอย่างประหลาด

ฉากจบของหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกสุดยอดมากๆสำหรับดิฉัน คิดถึงทีไรก็อยากร้องไห้

TINA ENGEL กับ KATHARINA THALBACH แสดงได้เยี่ยมมากๆ

หนังเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงคนนึงลุกขึ้นมาเขียนตำราวิจารณ์ภาพยนตร์แนว FEMINISM ด้วย

DVD หนังเรื่องนี้มีขายแล้วในสหรัฐ
http://images.amazon.com/images/P/B000ADWDLQ.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

นอกจากนี้ ยังมี DVD หนังผู้หญิงเรื่องอื่นๆของ MARGARETHE VON TROTTA ออกขายในสหรัฐหลายเรื่องด้วย บางเรื่องดิฉันยังไม่ได้ดู แต่เชื่อมั่นในฝีมือการกำกับของ MARGARETHE VON TROTTA ว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน DVD ที่ว่านี้รวมถึงเรื่อง

3.1 SISTERS OR THE EQUILIBRIUM OF HAPPINESS (1979, MARGARETHE VON TROTTA)
http://images.amazon.com/images/P/B000ADWDL6.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

3.2 SHEER MADNESS (1985, MARGARETHE VON TROTTA)

HANNA SCHYGULLA จาก THE MARRIAGE OF MARIA BRAUN (A+) ประชันบทบาทครั้งสำคัญกับ ANGELA WINKLER (THE LOST HONOR OF KATHARINA BLUM, DANTON, THE TIN DRUM, BENNY’S VIDEO)
http://images.amazon.com/images/P/B000ADWDM0.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MARGARETHE VON TROTTA นางสิงห์แห่ง NEW GERMAN CINEMA ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/directors/02/von_trotta.html


4.SISTERS (1973, BRIAN DE PALMA, A+)

นำแสดงโดย MARGOT KIDDER ในบทของฆาตกร กับ JENNIFER SALT ในบทของนักข่าวจอมเสือก


5.SWANN (1996, ANNA BENSON GYLES, A++++++++++)

หนังเรื่องนี้มีขายในรูปแบบวิดีโอลิขสิทธิ์ในไทย และนำแสดงโดย BRENDA FRICKER ในบทของแม่บ้าน กับ MIRANDA RICHARDSON ในบทของนักเขียนหญิง

ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ
http://images-eu.amazon.com/images/P/B0000Z0H9E.02.LZZZZZZZ.jpg


6.”ผู้หญิงสามมิติ” หรือ THE STICKY FINGERS OF TIME (1997, HILARY BROUGHER, A++++++++++)

หนังไซไฟเลสเบียนเรื่องนี้มีขายในรูปแบบวีซีดีลิขสิทธิ์ในไทย สุดยอดมากๆ

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงจากโลกอดีต (TERUMI MATTHEWS) ที่เดินทางมาพบรักกับหญิงสาวในโลกปัจจุบัน (NICOLE ZARAY) โดยมีหญิงสาวจากโลกอนาคต (BELINDA BECKER) มาตามไล่ฆ่าเธอ

อ่านความเห็นของคุณเจ้าชายน้อยที่มีต่อ “ผู้หญิงสามมิติ” ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=15956

อ่านความเห็นของคุณ PC ที่มีต่อ “ผู้หญิงสามมิติ” ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4978

http://images.amazon.com/images/P/B00005K9O7.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


7.FULL MOON IN NEW YORK (1989, STANLEY KWAN, A++++++++++)

นำแสดงโดย SYLVIA CHANG ในบทของสาวไต้หวัน, จางม่านอี้ในบทสาวเลสเบียนฮ่องกง และ SIQIN GAOWA ในบทสาวจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งสามสาวมาปะทะกันที่นิวยอร์ค

ฉากที่ SYLVIA CHANG พูดถึง LADY MACBETH ในหนังเรื่องนี้ เป็นฉากที่ฝังใจดิฉันไปจนตลอดชีวิต


8.”ผู้หญิงแย่งสับ” หรือ WEB OF DECEPTION (1989, DAVID CHUNG, A+++++++++++++++)

นำแสดงโดย หลินชิงเสียในบทหญิงสาวผู้ถูกปองร้ายหมายชีวิต, หวังจู่เสียนในบทของหญิงสาวผู้พยายามฆ่าหลินชิงเสีย, PAULINE WONG ในบทของหญิงสาวอีกคนที่ปองร้ายหลินชิงเสีย และ ELIZABETH LEE ในบทของหญิงสาวที่เผอิญโผล่มาที่บ้านหลินชิงเสียในขณะที่กำลังจะมีการฆาตกรรม

ฉากที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้คือฉากที่หวังจู่เสียนกับ PAULINE WONG ใช้มีดเป็นอาวุธต่อสู้กันในห้องครัวบ้านหลินชิงเสีย
http://www.dragonsdenuk.com/reviews/web_of_deception.htm

http://www.dragonsdenuk.com/reviews/web_of_deception3.jpg

**********หนังเรื่องนี้เหมาะจะนำมาทำเป็นละครเวทีอย่างมากๆ**********


9.NABI -THE BUTTERFLY (2001, MOON SEUNG-WOOK, A+)

KIM HO-JUNG เล่นได้สุดใจขาดดิ้นมาก เธอสามารถปะทะกับจางม่านอี้ได้สบายๆ


10.SAINT-CYR (2000, PATRICIA MAZUY, A+)

MORGANE MORE รับบทเป็นหญิงสาวในโรงเรียนที่เคร่งครัดในหนังย้อนยุคเรื่องนี้ เธอเป็นเลสเบียนที่หลงรักเพื่อนนักเรียนหญิงด้วยกันเอง แต่ก็เป็นเพียงแค่ความรักข้างเดียว

MORGANE MORE ทรงพลังอย่างสุดๆในหนังเรื่องนี้ ดังจะเห็นได้ชัดจากฉากที่เธอพยายามฆ่า MADAME DE MAINTENON (ISABELLE HUPPERT) ด้วยการกดให้จมน้ำตาย คุณ CHRIS’S GIRLFRIEND คงรู้ดีอยู่แล้วว่า ISABELLE HUPPERT เป็นนักแสดงที่ทรงพลังขนาดไหน แต่ในฉากนี้ ISABELLE HUPPERT ไม่สามารถบดบังรัศมีความอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากตัว MORGANE MORE ได้เลย
http://pierre.aubry.free.fr/affiches/grandes/saint_cyr.jpg


11.GIRLS CAN’T SWIM (2000, ANNE-SOPHIE BIROT, A-/B+)

ISILD LE BESCO ดาราหญิงขวัญใจของดิฉัน รับบทนำในหนังเลสเบียนวัยรุ่นเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากผู้ชมคิดว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นหนัง FEEL GOOD แบบ F***ING AMAL (LUKAS MOODYSSON, A) แล้วล่ะก็ คุณคิดผิดค่ะ

เพิ่งนึกออกค่ะว่าตัวเองควรจะเป็นธาตุอะไร ระหว่าง น้ำ, ดิน, ทอง, ลม, ไฟ คิดว่าตัวเองควรจะเป็นธาตุ “น้ำประสานทอง” หรือ “บอแรกซ์” ค่ะ
http://www.pharm.chula.ac.th/clinic101_5/article/fadditive.htm

น้ำประสานทอง หรือเพ่งแซ เป็นสารเคมีที่ไม่มีกลิ่น ผลึกละเอียด สีขาว ละลายน้ำได้ดี ใช้ในอุตสาหกรรมทำแก้วและเป็นสารประสานทองแต่ผู้ผลิตบางรายนำมาใช้เติมในอาหารพวกลูกชิ้น หมูยอ ทอดมัน ไส้กรอก ผักกาดดองเค็ม มะม่วงดอง แป้งกรุบ ลอดช่อง ทับทิมกรอบ เนื้อบดปรุงรสต่าง ๆ ไก่บด เนื้อปลาขูด ทำให้อาหารเหล่านี้มีความหยุ่น เหนียว กรอบ แต่สารนี้มีอันตรายทำให้กระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ อักเสบ การทำงานของไตล้มเหลว อาจมีปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออก ปริมาณที่เป็นพิษในผู้ใหญ่ 5 - 10 กรัม ถ้าได้รับ 15 - 30 กรัมอาจตายได้ ภายใน 2-3 วัน ส่วนในเด็กนั้น ถ้าได้รับ 4.5-14 กรัม ทำให้เกิดอาการพิษและตายได้


ตอบคุณ SENSITIVEMAN

เพิ่งได้ฟัง I MISS YOU ของ BEVERLEY CRAVEN ที่คุณ SENSITIVEMAN แปะเอาไว้ เพราะสุดๆเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่เอามาให้ฟังกัน

พูดถึงเพลง “I MISS YOU” แล้วก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่ามี I MISS YOU อีกเพลงนึงที่ชอบสุดขีดค่ะ นั่นก็คือ I MISS YOU ของวง KLYMAXX

เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เพิ่งซื้อเทป LOVE AT THE PALACE จากร้าน 7-ELEVEN มา เทปนี้มีเพลง I MISS YOU ของ KLYMAXX ด้วยค่ะ

LOVE AT THE PALACE (ฟังแล้วนึกถึงชีวิตสมัยมัธยมอย่างรุนแรงมาก)
http://www.warnermusic.co.th/artist/artist_discography.php?id=ve&id1=210

เนื้อเพลง I MISS YOU ของ KLYMAXX
http://www.lovelyrics.com/artists/KLYMAXX%20lyrics/KLYMAXX%20I%20MISS%20YOU%20lyrics.php

ได้ฟัง THE WINNER TAKES IT ALL แล้ว ชอบมากเหมือนกันค่ะ เสียงของ BEVERLEY CRAVEN ให้อารมณ์หวานเศร้าดีจัง เสียงของเธอให้อารมณ์เหมือนหญิงผู้ดีที่ดูบอบบาง

เนื้อเพลง THE WINNER TAKES IT ALL เศร้าจังเลย
http://www.lyrics007.com/Abba%20Lyrics/The%20Winner%20Takes%20It%20All%20Lyrics.html


ตอบน้อง WA_Y + PAAAE + คุณอ้วน

ชอบภาพหนุ่มๆที่คุณอ้วนเอามาแปะมากๆเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าหากเลือกได้เพียงคนเดียว ดิฉันขอเลือกคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตขาวในรูปนี้ค่ะ แล้วคนอื่นๆล่ะค่ะ จะจับจองชายหนุ่มคนไหน

http://img256.imageshack.us/img256/4310/n0017jo.jpg


ตอบพี่ KIT

MATTHEW MCCONAUGHEY ขวัญใจของพี่ KIT ได้รับการโหวตให้เป็น SEXIEST MAN ALIVE โดยนิตยสาร PEOPLE ด้วยค่ะ

คนที่ติดอันดับในครั้งนี้ รวมถึง

1.JAMES DENTON จาก DESPERATE HOUSEWIVES
http://www.jamesdenton.com/Jamie-home.html

2.MATTHEW FOX จากละครเรื่อง LOST
http://www.rcktman.com/matthew_fox_01.jpg
http://www.fanpeople.com/images/matthewfox/050831-matthewfox_details01.jpg


ตอบคุณอ้วน + น้อง VESPERTINE

ต้องโทษคุณอ้วนที่เอาเพลง “เพลิงพ่าย” มาแปะ ช่วงนี้ก็เลยเกิดอาการ “เพลิงพ่าย” เข้าสิง นึกถึงละครเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก เมื่อไม่กี่วันก่อน ลองไปเดินตามร้านหนังสือ กะว่าจะหานิยายเรื่อง “ไฟริษยา” ของนันทนา วีระชนมาอ่าน เพราะเข้าใจว่านิยายเรื่องนี้เป็นที่มาของละครเรื่อง “เพลิงพ่าย” แต่หายังไงก็หาไม่เจอ เจอแต่นิยายเรื่อง “ผู้ชายขายฝาก” ของนันทนา วีระชน ไม่รู้เหมือนกันว่าน่าอ่านหรือเปล่า มีใครเคยอ่าน “ผู้ชายขายฝาก” บ้างมั้ยคะ ถ้าหากน่าอ่าน จะได้ลองเอามาอ่านค่ะ

กะว่าถ้าว่างๆจะลองไปถามตามร้านเช่าหนังสือเหมือนกันค่ะ คิดว่าร้านเช่าหนังสือสักร้าน น่าจะมี “ไฟริษยา” กับ “ผู้ชายขายฝาก” ให้เช่ามาอ่านได้บ้าง

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้มีมากๆ แต่ไม่รู้ว่ามีจริงๆแล้วยัง ก็คืออยากให้มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือเป็นเพลง “เพลิงพ่าย” ค่ะ อยากให้เวลาตัวเองอยู่ตามสถานที่ต่างๆ แล้วได้ยินเสียงเพลง “เพลิงพ่าย” ดังมาจากโทรศัพท์มือถือของใครสักคนที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน คงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ


ตอบคุณอ้วน

--ขอบคุณคุณอ้วนมากค่ะสำหรับข้อมูลทุกอย่าง ดิฉันเองก็แทบไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับ “เพิ่มพล เชยอรุณ” เลยเหมือนกันค่ะ อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขาเหมือนกัน

--เคยดูหนังเรื่อง “ถามหาความรัก” (1984, A-) ของอภิชาติ โพธิ์ไพโรจน์ ที่มีอัญชลี จงคดีกิจแสดง หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาว (สุนิตย์ นภาศรี) ที่คิดว่าแม่บุญธรรมไม่รักเธอ เธอกับเพื่อนๆก็เลยออกเดินทางไปตามหาแม่แท้ๆ ก่อนจะค้นพบความจริงว่าแม่บุญธรรมนั่นแหละที่รักเธอจริง
http://www.thaifilmdb.com/th/pp01189

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ดีพอสมควรค่ะ แต่สิ่งที่ขัดใจเล็กน้อยก็คือการให้ตัวละครที่ดูเหมือนเป็นเลสเบียนอย่างอัญชลี จงคดีกิจ เป็นตัวละครประเภท “เพื่อน” ที่ชักนำนางเอกไปในทางเสียหาย อย่างไรก็ดี ก็พอจะเข้าใจได้ว่า คงเป็นเรื่องยากที่จะสร้างตัวละครที่ “สะอาดบริสุทธิ์” ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยใส่เข้าไปในหนัง ถ้าตัวละครเป็นคนดีกันหมด หนังเรื่องนั้นก็คงจะไม่มีความสนุกอะไรเลย แต่ก็อยากให้มีบท “เพื่อนเลสเบียนผู้แสนดี” ปรากฏอยู่ในหนังไทยบ้างเหมือนกัน

หนังไทยเรื่อง LIFE ACTUALLY (2005, A) ก็มีตัวละครนิสิตสาวเลสเบียนที่ดูเหมือนไม่ใช่คนดีเหมือนกันว

--เคยโพสท์ข้อมูลเกี่ยวกับ NICO ไว้ในเว็บบอร์ด BIOSCOPE ด้วยค่ะ อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ NICO ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=5266

--ขอบคุณมากค่ะสำหรับภาพต่างๆจาก GERRY, ELEPHANT และ WERCKMEISTER HARMONIES น่าดูมากๆๆๆๆทั้ง 3 เรื่องเลยค่ะ

พูดถึง BELA TARR แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านบทความ CINEMA OF DAMANATION ใน SENSES OF CINEMA ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ BELA TARR รู้สึกว่าเป็นบทความที่ดีเยี่ยมมาก ไม่รู้ว่าคุณอ้วนกับน้อง MATT ได้อ่านบทความนี้แล้วยัง

บทความชื่อ CINEMA OF DAMNATION: NEGATIVE CAPABILITIES IN CENTRAL AND EASTERN EUROPEAN FILM โดย TONY MCKIBBIN
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/34/cinema_of_damnation.html

บทความนี้พูดถึงแนวทางภาพยนตร์ยุโรปตะวันออกที่เรียกว่า CINEMA OF DAMNATION ค่ะ หนังกลุ่มนี้จะเป็นหนังที่มีความใกล้เคียงกับหนังกลุ่ม CINEMA OF WONDER แต่จะมองโลกในแง่ร้ายกว่าหนังกลุ่ม CINEMA OF WONDER

สุดยอดสี่ผู้กำกับในหนังกลุ่ม CINEMA OF WONDER

1.ANDREI TARKOVSKY (1932-1986) แห่งรัสเซีย

หนังของ ANDREI TARKOVSKY ที่ได้ดู เรียงตามลำดับความชอบ

1.1 ANDREI RUBLEV (1969, A+)
1.2 IVAN’S CHILDHOOD (1962, A+)
1.3 STALKER (1979, A)
1.4 THE SACRIFICE (1986, A)
1.5 THE MIRROR (1975, A)
1.6 SOLARIS (1972, A)
1.7 NOSTALGHIA (1983, A)


2.SERGEI PARADJANOV (1924-1990) แห่งจอร์เจีย เขาเคยถูกสหภาพโซเวียตจับเข้าคุกหลายปีในข้อหา “มีความโน้มเอียงเป็นโฮโมเซ็กชวล” ทั้งๆที่เขามีภรรยาเป็นผู้หญิง

เคยดูหนังของเขาแค่เรื่อง THE COLOR OF POMEGRANATES (1968, A+) กับ HAKOB HOVNATANYAN (1967, A)


3.THEO ANGELOPOULOS จากกรีซ

เคยดูหนังของเขาแค่เรื่อง ETERNITY AND A DAY (A+)
http://images.amazon.com/images/P/B0009WIE7U.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


4.MIKLOS JANCSO จากฮังการี

อ่านบทความเกี่ยวกับหนังเรื่อง ELECTRA, MY LOVE (1975, MIKLOS JANCSO) ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2924

http://images.amazon.com/images/P/B00008RH3E.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
http://images.amazon.com/images/P/B0000DIC7D.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


ส่วนหนังในกลุ่ม CINEMA OF DAMNATION ในความเห็นของ MCKIBBIN ได้แก่

1.หนังที่กำกับโดย BELA TARR จากฮังการี

2.หนังที่กำกับโดย FRED KELEMEN จากเยอรมนี

3.หนังที่กำกับโดย SHARUNAS BARTAS จากลิธัวเนีย
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=1593


4.HANDS (1993, ARTUR ARISTAKISYAN) จากรัสเซีย
http://www.dothtm.boltblue.com/main1.html

The film's "heroes" are a woman who has been lying on the ground for forty years, a disabled young man who has promised not to move from his place until the Kingdom of God comes, a dumb simpleton who ran away from an asylum, a man with no legs moving through the sea of people on his trolley, a collector of clothes of the dead, a hunchbacked old woman keeping the head of her beloved hangman in a box, a man living in an attic with birds, a blind family living from begging, an old man collecting a pile of rubbish so that it can reach the sky... The film seems to achieve the impossible by making one feel spiritually uplifted and enriched despite the tragedy and horror of the stories it relates.


หนังเรื่อง A PLACE ON EARTH (2001, ARTUR ARISTAKISYAN, A++++++++++) ของผู้กำกับคนเดียวกันนี้เคยเข้ามาฉายที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ และเป็นหนังที่เหมาะสมกับคำว่า “ชีวิตบัดซบ” อย่างมากถึงมากที่สุด


5.WHISPERING PAGES (1996, ALEXANDER SOKUROV) จากรัสเซีย

หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก CRIME AND PUNISHMENT ของ DOSTOEVSKY
http://sokurov.spb.ru/island_en/feature_films/tikhie_stranitsy/mnp_tst.html
http://www.filmfestivalen.se/1994/Whispering.html

By using very little dialogue and a barren visual language, a suggestive and poetically austere film is presented to a viewer that cannot avoid but being touched.


6.WEDNESDAY 19.7.1961 (1997, VICTOR KOSAKOVSKY)

ในหนังเรื่องนี้ ผู้กำกับพยายามตามหาคน 100 คนที่เกิดวันเดียวกับเขาในเมืองเดียวกับเขา นั่นก็คือวันพุธที่ 19 ก.ค.ปี 1961 ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เขาพบว่ามีอยู่ 70 คนที่ยังคงอาศัยอยู่ในเมืองนี้ และเขาก็ไปติดตามถ่ายทำชีวิตของคน 70 คนนี้โดยไม่มีการพูดแนะนำหรือการใช้ VOICE-OVER แต่อย่างใด ดูเหมือนว่าเขานำเสนอชีวิตคนเหล่านี้แบบสุ่มเลือกในช่วงแรกๆ แต่ในเวลาต่อมาผู้ชมก็จะรู้สึกว่าจริงๆแล้วผู้กำกับหนังเรื่องนี้สามารถ “ถักทอ” ชีวิตคนต่างๆเข้าด้วยกันได้อย่างงดงามวิจิตรบรรจงมาก

บางคนก็ไม่ชอบที่เขามาถ่ายทำชีวิตของตัวเอง แต่บางคนก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ชีวิตของตัวเองมีค่าสมควรถูกบันทึกไว้ โดยมีชีวิตของสามีภรรยาคู่หนึ่งได้รับการนำเสนอมากที่สุดในเรื่องนี้ โดยฝ่ายภรรยาเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังแถมยังตั้งครรภ์แก่ ส่วนสามีเป็นคนติดยาเสพติด และหนังเรื่องนี้ก็พาพวกเราไปรู้จักกับครอบครัวนี้จนกระทั่งฝ่ายภรรยาให้กำเนิดบุตรสาว

ภาพนี้มาจากหนังเรื่อง HUSH! (2002, VICTOR KOSAKOVSKY) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทประพันธ์ของ E.T.A. HOFFMANN โดยเป็นการถ่ายภาพคนต่างๆในท้องถนนจากหน้าต่างห้องของผู้กำกับเป็นเวลาราว 1 ปี โดยตลอดทั้งเรื่องมีคำพูดปรากฏเพียงคำเดียว นั่นก็คือคำว่า HUSH!
http://www.imdb.com/title/tt0380758/
http://www.eye.net/eye/issue/issue_05.01.03/film/hotdocs.html

http://www.leptitcine.be/images/2005_0506_phototishe.jpg


7.DON’T MOVE, DIE AND RISE AGAIN! (1989, VITALY KANEVSKY)

หนังอัตชีวประวัติเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในหนังความทรงจำในวัยเด็กที่ขมขื่นที่สุดในโลก หนังเล่าเรื่องของ VALERKA (PAVEL NAZAROV) เด็กชายอายุ 12 ปีที่อาศัยอยู่ในดินแดนห่างไกลในสหภาพโซเวียตปี 1946 โดยเขาอาศัยอยู่ในเมืองเหมืองแร่ที่ใช้เป็นที่คุมขังเชลยศึกทหารญี่ปุ่นด้วย

ชีวิตของ VALERKA หดหู่มาก และสีสันเพียงอย่างเดียวในชีวิตเขามาจากกาเลีย (DINARA DRUKAROVA จาก SINCE OTAR LEFT) ซึ่งเป็นคนขายชาในตลาดที่เป็นคู่แข่งของเขา

นี่คือหนังที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดว่า LIFE IS HELL
http://www.washingtonpost.com/wp-srv/style/longterm/movies/videos/freezediecometolifenrkempley_a0a0d4.htm


8.THE ASTHENIC SYNDROME (1989, KIRA MURATOVA) จากรัสเซีย
http://www.albany.edu/writers-inst/astsyndm.html

หนังที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น DEMENTED MASTERPIECE ซึ่งมีความยาว 153 นาทีเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่จิตใจแหลกสลายในงานศพของสามี ก่อนที่ผู้ชมจะพบว่าเรื่องที่ดูมาทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นเพียงหนังที่ฉายในโรงภาพยนตร์ แถมยังเป็นการฉายรอบพรีวิวที่ผู้คนทนดูไม่ได้จนเดินออกกันหมดโรงด้วย

หลังจากนั้น THE ASTHENIC SYNDROME ก็แสดงให้เห็นชีวิตของคนหลายๆคนในสังคมรัสเซียสมัยใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยความกลัวและความเกลียดชัง โดย ASTHENIA ในที่นี้หมายถึงการแสดงออกอย่างก้าวร้าวเพื่อปกปิดความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายใน โดย KIRA MURATOVA ผู้หญิงที่กำกับหนังเรื่องนี้มองว่าสังคมรัสเซียกำลังเต็มไปด้วยพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ทั้งในกลุ่มอันธพาล, อาชญากร, พวกชอบทำลายทรัพย์สมบัติข้าวของของคนอื่น และในความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิง-ผู้ชาย, ครู-ลูกศิษย์ และในทุกแง่มุมของชีวิต

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KIRA MURATOVA ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/directors/03/muratova.html


ส่วนในความเห็นของดิฉันนั้น ดิฉันว่าหนังเรื่อง “4” (2004, ILYA KHRZHANOVSKY, A+) กับ THE KITE (2002, ALEKSEI MURADOV, A+) จากรัสเซีย ก็น่าจะอยู่ในกลุ่ม CINEMA OF DAMNATION เหมือนกันค่ะ

ดิฉันอ่านบทความ CINEMA OF DAMNATION แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ค่ะ เพราะดิฉันแทบไม่ได้ดูหนังในกลุ่มนี้เลย เคยดูก็แต่เรื่อง THE CORRIDOR (A+++++++++++) ของ SHARUNAS BARTAS เท่านั้น แต่ถ้าให้เดาๆดู ก็รู้สึกว่าผู้เขียนบทความนี้จะบอกว่า

1.หนังกลุ่ม CINEMA OF DAMNATION กับ CINEMA OF WONDER ต่างกันตรงที่หนังของ CINEMA OF DAMNATION เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

2.หนังกลุ่ม CINEMA OF WONDER มักจะบอกว่า เมื่อเราเข้าใจตัวเราเองแล้ว เราอาจจะ

2.1 รู้แจ้งทางจิตวิญญาณ แบบที่พบในหนังของ ANDREI TARKOVSKY

2.2 พบกับพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่ แบบที่พบในหนังของ SERGEI PARADJANOV

2.3 สละชีพเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง แบบที่พบในหนังของ MIKLOS JANCSO

2.4 เข้าใจสิ่งต่างๆอย่างลึกซึ้ง แบบในหนังของ THEO ANGELOPOULOS

ส่วนในหนังกลุ่ม CINEMA OF DAMNATION นั้น ถ้าหากตัวละครเกิดความเข้าใจในตัวเองแล้ว พวกเขาจะไม่ได้พบอะไรที่ดีงามแบบข้างต้น พวกเขาจะเพียงแค่ “ไม่เป็นบ้า” ซึ่งนั่นก็ถือเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดสุดๆแล้วในโลกที่แล้งไร้ของพวกเขา

หนังในกลุ่ม CINEMA OF DAMNATION ยังมีลักษณะแตกต่างจากกันเองอีกด้วย เช่น

1.ในขณะที่หนังของ TARKOVSKY แสดงให้เห็นถึงชีวิตที่ไร้ความหมายเมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขาดหายไป หนังของ BELA TARR กลับแสดงให้เห็นถึงชีวิตที่ไร้ความหมายที่ถูกยั่วยวนด้วยพลังอำนาจแห่งความชั่วร้าย

2.หนังของ SHARUNAS BARTAS แสดงให้เห็นถึงความไร้อำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆรอบตัวได้

The problem here is neither specific spiritual absence (อย่างในหนังของ TARKOVSKY) nor malevolent presence (อย่างในหนังของ BELA TARR), but a chaotic despair where man has neither the energy nor the sense of purpose to affect the world.


3.หนังของ FRED KELEMEN เป็นหนังที่มีความหวังสูงกว่าหนังของ TARR และ BARTAS เพราะหนังของ KELEMEN บอกว่า เมื่อความสิ้นหวังมาเจอกับความสิ้นหวัง ก็จะกลายเป็นความมีหวัง