Saturday, July 31, 2021

THE NIGHTINGALE (2018, Jennifer Kent, Australia, A+30)

 

THE NIGHTINGALE (2018, Jennifer Kent, Australia, A+30)

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

1.เรา “เข้าใจ” แต่ไม่ identify กับการกระทำของนางเอกนะ คือการที่นางเอกลังเลที่จะฆ่าผู้ร้ายในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง ทำให้เราไม่ identify ตัวเองกับนางเอกอีกต่อไปน่ะ เพราะเราคงไม่ทำแบบนางเอกหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่เราก็ “เข้าใจ” ว่ามนุษย์คนอื่น ๆ บนโลกนี้ย่อมต้องมีความคิด, เหตุผล และการตัดสินใจเป็นของตัวเอง หรือมนุษย์คนอื่น  ๆ ย่อมต้องคิดไม่เหมือนกับเรา เราก็เลยเข้าใจได้ว่า ทำไมนางเอกถึงทำแบบนั้น หรือเข้าใจได้ว่า มันก็ต้องมีมนุษย์บางคนบนโลกนี้ที่จะทำแบบนางเอกหนังเรื่องนี้น่ะแหละ

 

และเราว่าการที่นางเอกลังเลที่จะฆ่าคนแบบนี้ มันช่วยทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังแนว rape revenge เรื่องอื่น ๆ ด้วยแหละ เพราะถ้าหากนางเอกหนังเรื่องนี้เดินหน้าฆ่าคนอย่างเดียว อารมณ์ในหนังมันก็จะแบนลง คือเหลือแต่อารมณ์โกรธแค้นอย่างเดียว และหนังเรื่องนี้ก็คงไม่ต่างจากหนังแนว rape revenge เรื่องอื่น ๆ มากนัก แต่พอผู้สร้างหนังเพิ่มความซับซ้อนให้กับตัวละครนางเอกแบบนี้ หนังเรื่องนี้ก็เลยมีมิติมากขึ้น (ถึงแม้เราจะไม่ identify กับตัวนางเอกก็ตาม)

 

2.อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังแนว rape revenge เรื่องอื่น ๆ ก็คือประเด็นเรื่อง colonialism ด้วยแหละ ทั้งเรื่องการสังหารชาว Aborigines และเรื่องที่อังกฤษกดขี่ Ireland

 

3.ชอบตัวละครคนนำทางชาว Aborigine ที่หลอกพวกผู้ร้ายไปทิ้งไว้กลางป่ามาก ๆ

Tuesday, July 27, 2021

THE SCARLET ALIBI

 

DETECTIVE CONAN: THE SCARLET ALIBI (2021, Yasuichiro Yamamoto, Junichi Miyashita, Japan, animation, A-)

 

รู้สึกเหมือนโดนหลอก  เหมือนเนื้อหาราว 75% ของหนังเรื่องนี้ มันคือ “ความเดิมตอนที่แล้ว” 5555 แต่เราก็ไม่เคยดูโคนันตอนเป็นละครทีวีนะ

 

RAIL TRUCK (2009, Hirofumi Kawaguchi, Japan, A+25)

 

หนังที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับไต้หวัน

 

US AGAIN (2021, Zach Parrish, short animation, A+20)

 

RAYA AND THE LAST DRAGON (2021, Don Hall, Carlos López Estrada, animation, A+30)

Monday, July 26, 2021

TOMORROW TRIPOLI (2014, Florent Marcie, Libya, documentary, 174min, A+30)

TOMORROW TRIPOLI (2014, Florent Marcie, Libya, documentary, 174min, A+30)

 

1.ยกให้เป็นหนึ่งในหนังที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาในชีวิตนี้

 

2.หนังเล่าเรื่องสงครามกลางเมืองโค่นล้มกัดดาฟี โดยผู้กำกับพอดีลักลอบเข้าลิเบียได้ทางแถวเมือง Zintan เขาก็เลยติดสอยห้อยตามชาวบ้านและประชาชนในเมือง Zintan ที่ลุกขึ้นจับอาวุธเพื่อต่อสู้กับกองทัพลิเบียและโค่นล้มกัดดาฟี

 

3.ผู้กำกับติดตามการสู้รบของชาวบ้านและประชาชนตลอดสงครามกลางเมืองนาน 8 เดือน แล้วผู้กำกับคืออยู่ในสนามรบตลอดเวลา หนักมาก ๆ

 

4.เอาจริง ๆ แล้วหนังทั้งเรื่องมีแต่การยิงกัน ฆ่ากัน แต่พอมันเป็นหนังสารคดีที่ผู้กำกับอยู่ในสนามรบตลอดเวลา แล้วผู้กำกับอยู่กับกลุ่มชาวบ้าน ประชาชน ที่ลุกขึ้นจับอาวุธต่อสู้กับกองทัพลิเบีย มันก็เลยไม่มีความน่าเบื่อเลย คือถ้าหากมันเป็นหนังสงครามแบบ BLACK HAWK DOWN เราก็จะเบื่อ ๆ แต่พอมันเป็นหนังที่จับอารมณ์โกรธแค้นของประชาชน, ชาวบ้าน ที่ลุกขึ้นสู้ตายกับกองทัพลิเบีย หนังมันก็เลย “เดือดพล่าน” อย่างรุนแรงมากตลอดเวลา ไม่ทราบชีวิตของจริง

 

5.อีกัดดาฟีก็พยายามใส่ร้ายประชาชนกลุ่มนี้ว่าเป็นพวก Al Queda และเรียกฝ่ายตรงข้ามว่า rats ตลอดเวลา แต่ชาวบ้านก็บอกว่า “กูไม่แคร์ กูคือ rats ที่ฆ่าทหารได้ ถ้าหากกูเป็น rats แล้วกูฆ่าทหารได้ กูก็ยินดีเป็น rats

 

6.อารมณ์ “สู้ตาย” ของชาวบ้านแต่ละคนมันหนักมาก ๆ ทุกคนยอมตายเพื่อโค่นล้มกัดดาฟีของจริง

 

7.ชอบการใช้รถก่อสร้างของ Caterpillar เป็นอาวุธมาก ๆ

 

8.หนังฉายถึงวันอังคารที่ 27 ก.ค.เป็นวันสุดท้ายนะ

https://vimeo.com/showcase/8657183/video/572430073

 


THE X-FILES AND MY IMAGINARY TV SERIES

 

THE X-FILES AND MY IMAGINARY TV SERIES

 

พอเห็นเพื่อน ๆ พูดถึง THE X-FILES เราก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า สาเหตุที่ทำให้เราชอบ THE X-FILES อย่างสุด ๆ เป็นเพราะว่า

 

1.เราเป็นแฟนนิตยสาร “มิติที่ 4” และ “ต่วยตูนพิเศษ” ตั้งแต่เด็ก ๆ โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 1980 เราชอบอ่านเรื่องลี้ลับต่าง ๆ ในทั้งสองนิตยสารนี้มาก ๆ แล้ว THE X-FILES นี่มันเหมือนทำมาจากบทความในต่วยตูนพิเศษเลย เหมือนแทนที่ “เรื่องลี้ลับ” หนึ่งเรื่องในต่วยตูนพิเศษ จะกลายมาเป็น “หนังหนึ่งเรื่อง” THE X-FILES ก็เหมือนเป็นการรวมฮิตเอาเรื่องลี้ลับหลายร้อยเรื่องในต่วยตูนพิเศษมาทำเป็นละครทีวีเรื่องเดียว

 

2. THE X-FILES มีส่วนคล้ายละครทีวีในจินตนาการของเราในวัยเด็กด้วยแหละ เพราะในทศวรรษ 1980 เราชอบอ่านนิยายของจินตวีร์ วิวัธน์ กับการ์ตูนเรื่อง “อาซูกะ สาวน้อยปาฏิหาริย์” ของ Shinji Wada มาก ๆ เพราะฉะนั้นในช่วงทศวรรษ 1980 เราก็เลยจินตนาการว่า อยากให้มีละครทีวีที่เป็นแนวคล้าย ๆ นิยายของจินตวีร์ วิวัธน์ ผสมกับ “อาซูกะ สาวน้อยปาฏิหาริย์” คือนิยายของจินตวีร์ส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องของ “นางเอก เผชิญกับเรื่องลี้ลับในสถานที่เดียว แล้วก็ไขปริศนาได้ แล้วก็จบ” แต่เราอยากให้มันมีละครทีวีที่เป็นเรื่องของนางเอก “เผชิญกับเรื่องลี้ลับในสถานที่นึง แล้วก็ไขปริศนาได้ แล้วก็ไปเผชิญกับเรื่องลี้ลับในสถานที่ใหม่ แล้วก็ไขปริศนาได้ แล้วก็ไปสถานที่ใหม่ ต่อไปเรื่อย ๆ” คล้าย ๆ กับอาซูกะ สาวน้อยปาฏิหาริย์

 

3.เพราะฉะนั้นพอมี THE X-FILES เราก็เลยรู้สึกว่ามันคล้ายกับละครทีวีในจินตนาการของเราในวัยเด็กมาก ๆ

 

แต่ THE X-FILES อาจจะแตกต่างจากละครทีวีในจินตนาการของเราในวัยเด็กนิดนึงตรงที่ว่า ในละครทีวีในจินตนาการของเรานั้น

 

3.1 ตัวละครหญิง A สืบเรื่องลี้ลับ ได้พบรักกับหนุ่ม B ได้รับความช่วยเหลือจากสาว C ไขปริศนาได้

 

3.2 ตัวละคร A, B, C, D, E, etc. ร่วมมือกันสืบคดีลี้ลับไปเรื่อย ๆ ในตอนต่าง ๆ แล้วตัวละครหญิง A ที่คนดูทุกคนนึกว่าเป็นนางเอก ก็ถูกผู้ร้ายฆ่าตายไปเลย

 

3.3 ตัวละครสาว C ก็เลยเหมือนกลายเป็นนางเอกในตอนต่อ ๆ มา เธอร่วมมือกับ B, E, F, G, etc. สืบคดีไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะถูกผู้ร้ายฆ่าตาย

 

3.4 ตัวละครสาว G ก็เลยเหมือนกลายเป็นนางเอกในตอนต่อ ๆ มา ก่อนที่จะถูกผู้ร้ายฆ่าตาย แล้วก็เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ

 

คือปัญหาที่เรามีกับละครทีวีส่วนใหญ่ (หรือการ์ตูนอย่าง โคนัน) ก็คือว่า พอเรารู้ว่าตัวละครตัวไหนเป็น “พระเอก” หรือ “นางเอก” ความสนุกมันก็ลดลงไปเยอะน่ะ เพราะเรารู้ว่าตัวละครตัวนั้นจะรอดตาย 5555 เราก็เลยชอบละครทีวี HUNTER (1984-1991) ช่วงปีท้าย ๆ มาก ๆ ที่มันเหมือนเปลี่ยนนางเอกไปเรื่อย ๆ เพราะมันมีบางตอนที่มีตำรวจสาวหน้าใหม่เข้ามาแทนที่นางเอกคนเดิม (Stepfanie Kramer) แต่พอตำรวจสาวหน้าใหม่สืบคดีไปได้ไม่กี่ตอน เธอก็ถูก “สาวฆาตกรโรคจิต” ฆ่าตาย เราก็เลยช็อคมาก ๆ แล้วละครทีวีเรื่องนี้ก็เปลี่ยนไปใช้นางเอกคนที่สามในการดำเนินเรื่องต่อไป (แต่ตัวละครพระเอกยังคงเป็น Fred Dryer เหมือนเดิม)

 

สรุปว่าใน “ละครทีวีในจินตนาการของเรา” นั้น มันจะต้องเป็นโลกที่ “ไม่มีตัวละครตัวไหนมั่นใจได้แม้แต่นิดเดียวว่า ตัวเองจะมีชีวิตรอด” น่ะ เพราะฉะนั้นละครทีวีที่มอบความมั่นใจให้แก่ผู้ชมว่า “พระเอกกับนางเอกจะมีชีวิตรอด” ก็เลยอาจจะไม่เข้าทางเราซะทีเดียว 55555

 

แต่เราก็ชอบ THE X-FILES ตรงจุดนี้เหมือนกันนะ ที่มีการเปลี่ยนมาใช้ตัวละครของ Robert Patrick ในการดำเนินเรื่องในปีท้าย ๆ ถือเป็นสิ่งที่เข้าทางเราเหมือนกัน

Sunday, July 25, 2021

THE LIGHT OF THE CHOSEN LOCATION

 

น่าสนใจมาก ๆ เราเองก็ไม่เคยสังเกตเรื่องนี้มาก่อน คนเขียนบทความในลิงค์ข้างล่างนี้เขาบอกว่าเขาไม่ชอบ look ของ THE X-FILES ซีซัน 6 เพราะมันเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำจากแวนคูเวอร์ใน 5 ซีซั่นแรก มาเป็นที่ลอสแองเจลิส แล้ว “แสงอาทิตย์” ในซีซัน 6 มันเลยสูญเสียมนตร์ขลังไปหมด เขาบอกว่าแสงอาทิตย์ที่แวนคูเวอร์มันมีมนตร์ขลังสูงกว่ามาก ๆ แล้วแวนคูเวอร์มันเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำ TWILIGHT ZONE ด้วย (ไม่รู้เวอร์ชั่นของปีอะไร เพราะ TWILIGHT ZONE นี่มีการสร้างหลายรอบมาก  ๆ แต่เราชอบเวอร์ชั่นปี 1985 อย่างสุด ๆ)

 

How can we forget November 8, 1998? On that day, the TV show X-Files opened its sixth season with a look that was totally wrong. The light lost its spell because the program's production had moved from Vancouver B.C. to Los Angeles. The fall of the light in the former is, for much of the year, sharply slanted; with the latter, it falls almost directly. The mood of slanted light, which is often diffused by droplets, is significantly different from that of dry and direct light. The mood of the X-Files for the first five seasons was that of an exquisite gloom (or stimmung, in the German Expressionist sense). 

 

อ่านบทความได้ที่นี่

https://www.e-flux.com/video/409156/zia-moharjerjashi-the-charcoal-sky-chapter-5/

 

เราเองก็สงสัยเหมือนกันว่า แสงอาทิตย์ในแต่ละประเทศมันดูแตกต่างกันไป แสงอาทิตย์ในหนังญี่ปุ่นมันดูมีมนตร์เสน่ห์แบบแปลก ๆ แล้วหนังสารคดีเรื่อง DUTCH LIGHT (2003, Pieter-Rim de Kroon) ก็เคยตั้งข้อสังเกตว่าลักษณะเฉพาะของแสงอาทิตย์ในเนเธอร์แลนด์มันมีผลต่อจิตรกรเนเธอร์แลนด์ในยุค Rembrandt, Vermeer, etc.

 

เราว่าละครทีวีเรื่อง TWIN PEAKS ก็อาจจะได้มนตร์ขลังบางอย่างมาจากการเลือกใช้ location ถ่ายทำด้วย

WHO WEBSITE

 

เนื่องจากเราเพิ่งฉีดวัคซีน ASTRAZENECA ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ก.ค. วันนี้ก็เลยขอลองเข้าไปดูเว็บไซท์ของ WHO ซะหน่อย ว่าเขาพูดถึงวัคซีนแต่ละตัวว่าอย่างไรบ้าง 

 

How efficacious is the vaccine?

 

SINOVAC (2 JUNE)

A large phase 3 trial in Brazil showed that two doses, administered at an interval of 14 days, had an efficacy of 51% against symptomatic SARS-CoV-2 infection, 100% against severe COVID-19, and 100% against hospitalization starting 14 days after receiving the second dose.

https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/the-sinovac-covid-19-vaccine-what-you-need-to-know

 

ASTRAZENECA (11 FEB)

The AZD1222 vaccine against COVID-19 has an efficacy of 63.09% against symptomatic SARS-CoV-2 infection.
Longer dose intervals within the 8 to 12 weeks range are associated with greater vaccine efficacy.

https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/the-oxford-astrazeneca-covid-19-vaccine-what-you-need-to-know

 

JOHNSON & JOHNSON (29 MARCH)

28 days after inoculation Janssen Ad26.CoV2.S was found to have an efficacy of 85.4% against severe disease and 93.1 % against hospitalization.

A single dose of Janssen Ad26.COV2.S was found in clinical trials to have an efficacy of 66.9% against symptomatic moderate and severe SARS-CoV-2 infection.

https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/the-j-j-covid-19-vaccine-what-you-need-to-know

 

SINOPHARM (10 MAY)

A large multi-country Phase 3 trial has shown that 2 doses, administered at an interval of 21 days, have an efficacy of 79% against symptomatic SARS-CoV-2 infection 14 or more days after the second dose. Vaccine efficacy against hospitalization was 79%.

https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/the-sinopharm-covid-19-vaccine-what-you-need-to-know

 

MODERNA (26 JAN)

The Moderna vaccine has been shown to have an efficacy of approximately 94.1 per cent in protecting against COVID-19, starting 14 days after the first dose.

https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/the-moderna-covid-19-mrna-1273-vaccine-what-you-need-to-know

 

PFIZER (20 APRIL)

The Pfizer BioNTech vaccine against COVID-19 has an efficacy of 95% against symptomatic SARS-CoV-2 infection.

https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/who-can-take-the-pfizer-biontech-covid-19--vaccine


 

Saturday, July 24, 2021

FAVORITE FILM SOUNDTRACK SONGS

FAVORITE FILM SOUNDTRACK SONGS

 

พอดีมีเพื่อนถามมา เราก็เลยทำลิสท์นี้ เรียงตามลำดับการออกฉายของหนังอย่างคร่าว ๆ บางเพลงเป็นเพลงในหนังสั้นนักศึกษาที่ไม่ได้ขอลิขสิทธิ์เพลงมานะ  55555

 

1.A MAN AND A WOMAN – Francis Lai from A MAN AND A WOMAN (1966, Claude Lelouch, France)

 

2.ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง – เกศิณี วงศ์ภักดี from TONE (1970, Piak Poster)

 

3.THE WAY WE WERE – Barbra Streisand from THE WAY WE WERE (1973, Sydney Pollack)

 

4.เพลงเปิดของ “คนกินเมีย” (1974, Dokdin Gunyamal)

 

5.ชายคืองูพิษ – สุดา ชื่นบาน จาก  “ล่า” (1977, Pairach Kasiwat)

https://www.youtube.com/watch?v=3G1ychbDLL0

 

6.เพลงที่ Nina Hagen ร้องว่าเธอถูกตำรวจข่มขืนใน TICKET OF NO RETURN (1979, Ulrike Ottinger, West Germany)

 

7.SOMEWHERE IN TIME – John Barry from SOMEWHERE IN TIME (1980, Jeannot Szwarc)

 

8.FOR YOUR EYES ONLY – Sheena Easton from FOR YOUR EYES ONLY (1981, John Glen)

 

9.เพลงที่สาวที่ถูกตรึงกางเขนร้องใน FREAK ORLANDO (1981, Ulrike Ottinger, West Germany)

 

10.EACH MAN KILLS THE THINGS HE LOVES – Jeanne Moreau from QUERELLE (1982, Rainer Werner Fassbinder, West Germany)

 

11.เพลงที่สามสาวโอเปร่าร้องใน DORIAN GRAY IN THE MIRROR OF THE YELLOW PRESS (1984, Ulrike Ottinger, West Germany)

 

12.LIVE TO TELL – Madonna from AT CLOSE RANGE (1986, James Foley)

 

13.BLUE VELVET – Isabella Rossellini from BLUE VELVET (1986, David Lynch)

 

14.GABRIEL’S OBOE – Ennio Morricone from THE MISSION (1986, Roland Joffe)

 

15.RAKUEN NO DOOR – Yoko Minamino from SUKEBAN DEKA THE MOVIE (1987, Hideo Tanaka)

 

16.GIVE ME YOUR HEART – Denette Hoover and Sherwood Ball from ALWAYS (1989, Steven Spielberg)

https://www.youtube.com/watch?v=M_aJVtG7K7k

 

17. LICENSE TO KILL – Gladys Knight from LICENSE TO KILL (1989, John Glen)

 

18. กลกามแห่งความรัก – Chantana Kitiyapun from TWILIGHT IN TOKYO กลกามแห่งความรัก (1989, Toranong Srichue)

ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ แต่เป็นหนึ่งในเพลงที่ชอบที่สุดในชีวิต เพราะเนื้อเพลงมันตรงกับเรามาก ๆ

https://www.youtube.com/watch?v=qF83Yi1uLTo

 

19. IT MUST HAVE BEEN LOVE – Roxette from PRETTY WOMAN (1990, Garry Marshall)

 

20. SUMMER KISSES, WINTER TEARS – Julee Cruise from UNTIL THE END OF THE WORLD (1991, Wim Wenders)

 

21. THIS USED TO BE MY PLAYGROUND – Madonna from A LEAGUE OF THEIR OWN (1992, Penny Marshall)

 

22. LOVE IS IN THE AIR – John Paul Young from STRICTLY BALLROOM (1992, Baz Luhrmann, Australia)

 

23. NO ORDINARY LOVE – Sade from INDECENT PROPOSAL (1993, Adrian Lyne)

 

24. IT CAN’T RAIN ALL THE TIME – Jane Siberry from THE CROW (1994, Alex Proyas)

 

25. เพลงที่หญิงชราร้องใน COLD HOMELAND (1995, Volker Koepp, Germany, documentary)

 

26. SPEAK MY LANGUAGE – Laurie Anderson from FALLEN ANGELS (1995, Wong Kar Wai, Hong Kong)

 

27. HELPLESS (I DON’T KNOW WHAT TO DO WITHOUT YOU) – Urbanized featuring Silvano from JEFFREY (1995, Christopher Ashley)

https://www.youtube.com/watch?v=doE6CUMwBxE

 

28. COLORS OF THE WIND – Vanessa Williams from POCAHONTAS (1995, Mike Gabriel, Eric Goldberg)

 

29. RÊVE DE COMPAGNIE – Enzo Enzo from UP, DOWN, FRAGILE (1995, Jacques Rivette, France)

 

30. YOUNG HEARTS RUN FREE – Kym Mazelle from ROMEO + JULIET (1996, Baz Luhrmann)

 

31.THE WHITE CLIFFS OF DOVER – Vera Lynn from DÉJÀ VU (1997, Henry Jaglom)

 

32. I SAY A LITTLE PRAYER – Diana King from MY BEST FRIEND’S WEDDING (1997, P.J. Hogan)

 

33. JE NE SUIS PAS BIEN PORTANT – Gaston Ouvrard from SAME OLD SONG (1997, Alain Resnais, France)

https://www.youtube.com/watch?v=mluu9VIGifQ

 

34. LA MER – Charles Trenet from THE WAY WE LAUGHED (1998, Gianni Amelio, Italy)

 

35. LLORANDO (CRYING) – Rebekah Del Rio from MULHOLLAND DRIVE (2001, David Lynch)

 

36. BLUE MOON – Yuri Naumov from BLUE MOON (2002, Andrea Maria Dusl, Austria)

 

37.I PUT A SPELL ON YOU – Natacha Atlas from DIVINE INTERVENTION (2002, Elia Suleiman, Palestine)

 

38. TAKE ON ME – A-HA from FREE RADICALS (2003, Barbara Albert, Austria)

 

39. CRAZY FOR YOU – Madonna from 13 GOING ON 30 (2004, Gary Winick)

 

40. MOON RIVER from ODETE (2005, João Pedro Rodrigues, Portugal)

 

41. LE CHALE from MY BROTHER…NIKHIL (2005, Onir, India)

 

42. SORA MO TOBERU HAZU – Spitz จาก HANABI (2010, Sudchana Matkaran)

 

43. ฝันลำเอียง ละอองฟอง จาก อย่างน้อย/อย่างกลาง/อย่างมาก (LEASTWAYS/MODERATE WAYS/EXTREME WAYS) (2011, Tritos Termarbsri)

 

44. NA NA HEY HEY KISS HIM GOODBYE from MAPS TO THE STARS (2014, David Cronenberg)

 

45. PREM RATAN DHAN PAYO from the film PREM RATAN DHAN PAYO (RECEIVE A TREASURE CALLED LOVE) (2015, Sooraj R. Barjatya, India)

https://www.youtube.com/watch?v=bPk9bSvQQoc

 

46. หลง พัณนิดา เศวตาสัย จาก นางพราย (NYMPH) (2016, Teeranit Siangsanoh)

 

 

47. ประวัติศาสตร์ ลลิตา ปัญโญภาส จาก ไร้กาล (SUBCONSCIOUSNESS) (2016, Tani Thitiprawat)