SOUNDS OF SAND (2006, Marion Hänsel, Belgium, 96min, A+30)
1.ไม่เคยดูหนังเรื่องไหนแล้วรู้สึกกระหายน้ำเท่าหนังเรื่องนี้มาก่อน
ชอบสุด ๆ หนังเล่าเรื่องครอบครัวนึงในทวีปแอฟริกา ที่ไม่ได้เจาะจงว่าเหตุเกิดในประเทศอะไร
หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ประสบภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรง ก็เลยต้องอพยพกันทั้งหมู่บ้าน
พระเอกพาเมียกับลูกชายสองคน, ลูกสาวหนึ่งคน และเพื่อนบ้านอีกครอบครัวนึง
ระเหเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ เพื่อหาแหล่งน้ำ และก็ต้องเผชิญกับทั้งทะเลทรายที่โหดร้าย,
แมงป่อง, สงครามกลางเมือง, ทหารรัฐบาลที่ชั่วร้าย, กลุ่มกบฏที่โหดเหี้ยม และกับระเบิด
2.หนังทรงพลังมาก ๆ ฉากฝ่ากับระเบิดนี่หัวใจจะวายของจริง
3.ฉากที่ติดตาที่สุด คือฉากที่มีชายคนนึงเดินกะย่องกะแย่งตามครอบครัวนี้ไปเรื่อย
ๆ โดยที่ครอบครัวนี้อยู่ foreground ของภาพ แล้วชายคนนี้อยู่ background
เราจะเห็นเขาอยู่ไกล ๆ แล้วเขาก็ค่อย ๆ ล้มลงตายไป
หนังไม่ยอมตัดภาพไปโคลสอัพอะไรเขาเลย เราเห็นเขาอยู่ background ไกล ๆ
ตลอด จนกระทั่งเขาล้มลงตาย เราว่าการออกแบบช็อตนี้มันสุดขีดมาก ๆ
มันสะเทือนใจเราอย่างสุด ๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เราเดาว่าถ้าหากหนังตัดภาพไปโคลสอัพคนที่กำลังจะตาย
เราก็อาจจะรู้สึกเฉย ๆ แต่พอเราเห็นคนค่อย ๆ ล้มลงตาย โดยที่กล้องของหนังเหมือนเฉยชากับการตายนั้น
มันทำให้เรารู้สึกถึง “ความโหดร้ายของโลกและจักรวาล” ได้มากยิ่งขึ้นมั้ง
4.อันนี้เป็นหนังเรื่องที่สองของ Marion Hänsel ที่เราได้ดู
ต่อจาก THE CRUEL EMBRACE (1987) ที่เคยมาฉายที่ศาลาเฉลิมกรุง
เราชอบ THE CRUEL EMBRACE อย่างรุนแรงสุด ๆ เหมือนกัน คิดว่า
Marion Hänsel นี่น่าจะเป็นผู้กำกับที่ทำหนังเข้าทางเรามาก ๆ
เสียดายเรายังไม่ได้ดูหนังอีกสิบกว่าเรื่องที่เธอกำกับ เหมือนเราจะมีแผ่น
DVD หนังเรื่อง DUST (1985) ของเธอเก็บไว้ด้วย
เดี๋ยวว่าง ๆ คงต้องคุ้ยออกมาดู
https://www.imdb.com/name/nm0405578/?ref_=nv_sr_srsg_0
SOUNDS OF SAND เปิดฉายฟรีออนไลน์จนถึงวันที่ 22
ต.ค.นะ
https://www.festivalscope.com/film/sounds-of-sand/
SOL DEL LLANO (2019, Manuela Irene Espitia, Mexico, 20min, A+30)
ชอบฉากคุณแม่จมน้ำมาก ๆ
#signesdenuit2021
IMPRISONED LIGHT (2019, Chi Him Yuen, China/Hong Kong, 11min, A+30)
#signesdenuit2021
THE FORBIDDEN STRINGS (2019, Hasan Noori, Iran, documentary, A+30)
1.ดีมากที่มีการบันทึกสิ่งนี้เอาไว้
ก่อนที่ตาลีบันจะกลับมายึดครองอัฟกานิสถานอีกครั้ง
หนังสารคดีเรื่องนี้เล่าเรื่องของกลุ่มหนุ่มสาวชาวอัฟกานิสถานที่ลี้ภัยอยู่ในอิหร่าน
พวกเขาตั้งวงดนตรีร็อคกันขึ้นมา
และใฝ่ฝันที่จะได้กลับไปเปิดคอนเสิร์ตในอัฟกานิสถานกัน
แต่มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างสุดๆ มันเป็นเรื่องที่เสี่ยงตายถึงชีวิตกันเลยทีเดียวในการจะเปิดคอนเสิร์ตเพลงร็อคในอัฟกานิสถาน
2.ประโยคสนทนาอันนึงก็น่าสนใจดี เพราะมีตอนนึงที่ subjects คุยกันว่า
ถ้าพวกตาลีบันมาเจอเราในระหว่างการเดินทาง ตาลีบันก็จะมองออกทันทีว่าเราเป็นพวกนิกายชีอะห์
แต่หนังไม่ได้อธิบายว่า
ทำไมตาลีบันถึงจะมองออกทันทีว่านักดนตรีกลุ่มนี้เป็นชีอะห์
เป็นเพราะเครื่องแต่งกายหรือรูปร่างหน้าตาหรืออะไร เราก็เลยสงสัยตรงจุดนี้ว่าเขาแยกแยะระหว่างแต่ละนิกายกันอย่างไร
#signesdenuit2021
A QUIET PLACE PART II (2020, John Krasinski, A+30)
SERIOUS SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
1.ภาคแรกออกมาในปี 2018 ตอนที่โรงลิโดยังมี 3
โรงอยู่เลย
(เราจำได้ว่าเราเจอผู้ชายที่เราแอบหลงรักเดินออกมาจากโรงลิโดหลังดูภาคแรกจบ 55555)
แต่กว่าเราจะได้ดูภาคสองก็ต้องรอนานถึง 3 ปี แต่ปรากฏว่าเนื้อหาในภาคสองเหมือนจะเดินหน้าไปแค่ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ต่อจากภาคแรก
55555 เราก็เลยกลัวว่า ถ้ามึงจะสร้างภาคสาม มึงก็ต้องรีบ ๆ สร้างนะคะ คือถ้าต้องรออีก
3 ปีกว่าจะมีภาคสามออกมา ตอนนั้นนักแสดงเด็ก ๆ
ในเรื่องก็อาจจะโตเกินกว่าที่จะมารับบทเดิมได้แล้ว
2.รู้สึกว่าหนังสนุกตื่นเต้นดีมากสำหรับเรา
3.แต่สิ่งที่สะเทือนใจเรามากเป็นพิเศษก็คือการที่หนังสร้าง
“สถานที่ปลอดภัย” ขึ้นมา แล้วก็ทำลายมันลงอย่างโหดร้าย ซึ่งก็คือตัวเกาะแห่งนั้น
อย่างไรก็ดี หนังก็ไม่ได้ทำให้เราสะเทือนใจอย่างรุนแรงมากนัก เพราะหนังยังไม่ได้เปิดโอกาสให้เราทำความคุ้นเคยรู้จักผูกพันกับคนต่าง
ๆ ในเกาะ ก่อนที่คนเหล่านั้นจะถูกฆ่าตาย
จริง ๆ แล้วพล็อตการสร้างสถานที่ปลอดภัยขึ้นมา
แล้วก็ให้ตัวละครในนั้นถูกสังหารหมู่อย่างรุนแรงในภายหลัง
ก็เป็นสิ่งที่เราพบได้ในหนังหลาย ๆ เรื่อง นะ โดยเฉพาะในหนังซอมบี้ แต่มันก็สะเทือนใจเรามาก
ๆ ทุกที
ตัวอย่างของพล็อตแบบนี้ที่พบได้ในหนังเรื่องอื่น ๆ
3.1 BATTLE ROYALE (2000, Kinji Fukasaku)
ชอบตัวละครหญิงสาว 6 คนในประภาคารสีขาวมาก ๆ (ถ้าจำไม่ผิด)
เหมือนเป็นกลุ่มเด็กเรียนนิสัยดี (ซึ่งมักจะพบได้ในชีวิตจริงสมัยเรียนมัธยม)
คือตัวละครกลุ่มนี้ดู “สมควรรอดตาย” มาก ๆ
เพราะความนิสัยดีเรียบร้อยสามัคคีกันของพวกเธอ แต่ในที่สุดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันก็ทำให้ทุกคนต้องตาย
3.2 LAND OF THE DEAD (2005, George A. Romero)
สถานที่ปลอดภัยในหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ
เพราะการถูกทำลายของมันดูเหมือนจะสร้างความ “สะใจ” ให้ผู้ชมมากกว่าความสะเทือนใจ
คงเป็นเพราะสถานที่ปลอดภัยในหนังเรื่องนี้ดูเป็นเหมือนเมืองสำหรับคนรวย
หรืออภิสิทธิ์ชน
3.3 WORLD WAR Z (2013, Marc Forster)
เมืองในอิสราเอลก็ดูเหมือนว่าจะ “รอด” ในช่วงแรก แต่ก็นั่นแหละ
ตามสไตล์ของหนังซอมบี้
3.4 I AM A HERO (2015, Shinsuke Sato, Japan)
กลุ่มหนุ่มสาวบนดาดฟ้าก็ดูเหมือนว่าจะได้อยู่ในสถานที่ปลอดภัยเช่นกัน
3.5 SWORD MASTER (2016, Yee Tung-ching, China/Hong Kong)
ถ้าจำไม่ผิด
พระเอกได้ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านอะไรสักอย่างกับสาวคนรักในช่วงกลางเรื่อง
ก่อนที่หมู่บ้านนั้นจะถูกบุกทำลาย
3.6 BLOOD QUANTUM (2019, Jeff Barnaby, Canada)
เขตสงวนสำหรับชาวอินเดียนแดงก็ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ปลอดภัย
3.7 ZOMBIELAND: DOUBLE TAP (2019, Ruben Fleischer)
หนังเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ
เพราะสถานที่ปลอดภัยในหนังเรื่องนี้ “รอด”
อาจจะเป็นเพราะมันเป็นหนังตลกมากกว่าหนังสยองขวัญ
3.8 LIGHT OF MY LIFE (2019, Casey Affleck)
ชอบบ้านของชายชรา 3 คนมาก ๆ (ถ้าจำไม่ผิด)
3.9 แต่พล็อตแบบนี้ที่สะเทือนใจเราอย่างรุนแรงที่สุดในชีวิต
คงต้องยกให้ DON’T CRY NANKING (1995, Wu Ziniu, Taiwan/Hong Kong) ที่สร้างจากเรื่องจริง
เมื่อทหารญี่ปุ่นบุกเข้ากรุงนานกิงในเดือนธ.ค. 1937 และฆ่าข่มขืนประชาชนจำนวนมาก
ซึ่งรวมถึงเด็ก, ผู้หญิง และคนชรา
โดยตัวละครในหนังเรื่องนี้หนีเข้าไปอยู่ในเขตปลอดภัยของ “กาชาด”
แต่ในที่สุดทหารญี่ปุ่นก็บุกเข้าเขตปลอดภัยของกาชาด
และฆ่าข่มขืนชาวจีนจำนวนมากในเขตปลอดภัยนั้น
ASWANG (2019, Alyx Ayn G. Arumpac, Philippines, documentary, A+30)
สะเทือนใจกับเรื่องที่ตำรวจจับคนจำนวนมากไปเรียกค่าไถ่ด้วยการนำไปขังไว้ในซอกแคบ
ๆ มากๆ นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์มันจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้
แล้วปกติพอพูดถึงการจับคนไปเรียกค่าไถ่ เราก็มักจะนึกว่ามันจะเกิดขึ้นกับ “คนรวย”
เท่านั้นนะ แต่นี่ดูสภาพแต่ละคนที่ถูกจับไป ก็ดูเหมือนไม่ใช่คนรวยเลยนี่นา เป็นเหมือนชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น
เพราะฉะนั้นเหตุการณ์นี้มันก็เลยเหมือนหนักกว่าปกติใน 4 ระดับด้วยกัน ซึ่งได้แก่
1.เหยื่อเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ คุณไม่รวย คุณก็ซวยได้
2.สถานที่กักขังก็เลวร้ายสุด ๆ คือหนักกว่าติดคุกน่ะ
3.คนที่ทำคือตำรวจ ไม่ใช่อาชญากรธรรมดา
4.ตำรวจถูกเปิดโปงแล้วก็ยังเอาตัวรอดไปได้อีก
โดยอ้างว่าจับคนเหล่านี้มาสอบสวนคดียาเสพติด และการที่ตำรวจเอาตัวรอดแบบนี้ได้
เพราะโครงสร้างสังคม+กฎหมายภายใต้ปธน. Duterte มันเปิดโอกาสให้ทำแบบนั้น
-------------
Favorite quote from Gustav Deutsch’s website:
“Found footage
filmmaking has its roots in experimental and avant-garde traditions. Joseph
Cornell is often considered an important early pioneer of the art, Bruce Conner
the king during his lifetime, and now Deutsch is considered the living master
of this genre.”
https://www.gustavdeutsch.net/en/bibliography/47-bibliography/bibliografie-thematical/82-gustav-deutsch-and-the-art-of-found-footage
เราชอบหนังของ Bruce Conner กับ Gustav
Deutsch อย่างสุด ๆ แต่เรายังไม่เคยดูหนังของ Joseph Cornell เลย สงสัยคงต้องหาทางดูหนังของเขาบ้างแล้ว
รูปจาก TAKE THE 5:10 TO DREAMLAND (1976, Bruce Conner) ซึ่งเป็นหนังที่สร้างจาก
found footage ที่เราชอบที่สุดตลอดกาล
https://en.wikipedia.org/wiki/Take_the_5:10_to_Dreamland
NO TIME TO DIE (2021, Cary Joji Fukunaga, A+30)
1.ชอบฉากเปิดมาก ๆ นึกว่าเด็กหญิงในเรื่องต้องปะทะกับ HANNA (2011, Joe Wright) และ BLACK WIDOW ตอนเด็ก
2.เสียดายที่เรายังไม่ได้ดู SPECTRE เลย
3.ตัวละคร Nomi (Lashana Lynch) ก็พอใช้ได้
นึกว่าตัวละครตัวนี้ต้องปะทะกับ Jane Kano (Ella Balinska) ใน
CHARLIE’S ANGELS (2019, Elizabeth Banks), นางเอก COLOMBIANA
(2011, Olivier Megaton) และ May Day (Grace Jones) จาก A VIEW TO A KILL (1985, John Glen)
4.ก็โอเคกับหนังน่ะแหละ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังเจมส์
บอนด์มันสร้างเพื่อผู้ชมกลุ่มอื่น ๆ ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเราอย่างเฉพาะเจาะจง
เพราะเราเกิดมาเพื่ออินกับ “สิงห์สาวนักสืบ” (SUKEBAN DEKA) ค่ะ
55555 ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณภาพหรือความดีงามของหนัง/ละครแต่อย่างใด
เพราะสิงห์สาวนักสืบมัน “เว่อ”, “ไม่สมจริง” และ “ไร้สาระ” กว่า James Bond
หลายเท่า 555555 มันคงขึ้นอยู่กับโลกจินตนาการของเราว่ามันสอดคล้องกับจักรวาลของหนังชุดไหนมากกว่า
ไม่เกี่ยวข้องว่าหนังดีหรือไม่ดี
คือรู้สึกว่าหนังชุดเจมส์
บอนด์เป็นหนังที่สนุกและบันเทิงมากนะสำหรับเรา
เพียงแต่เราไม่ได้อินกับหนังมากนักจ้ะ
5.ตอบไม่ได้ด้วยนะว่าชอบภาคไหนมากที่สุด เพราะก็ไม่ได้อินกับหนังชุดนี้อยู่แล้ว
อาจจะชอบภาค ON HER MAJESTY’S SECRET SERVICE (1969, Peter R. Hunt) มากที่สุดมั้ง เราจำได้ว่าได้ดูทางช่อง 7 ตอนเด็ก ๆ แล้วรู้สึกว่ามันสนุกมาก
ๆ แต่ตอนนี้เราก็ลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าได้ดูอีกรอบจะยังชอบสุด ๆ เหมือนตอนเด็ก
ๆ หรือเปล่า
6.แต่ชอบ Daniel Craig ในลุคเจมส์ บอนด์นะ เพราะเราไม่ค่อยชอบผู้ชายเจ้าชู้
55555 และเราว่า Daniel Craig กับ Timothy Dalton ดูไม่ค่อยเจ้าชู้เท่าไหร่ตอนมารับบทเจมส์ บอนด์ ในขณะที่นักแสดงคนอื่น ๆ
ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มกว่าในบทนี้
7.ส่วนบทผู้ร้ายในดวงใจในหนังชุดนี้ เรายังคงยกให้ Necros (Andreas Wisniewski) จาก THE LIVING DAYLIGHTS (1987, John Glen) เพราะหล่อมาก
55555
8.ส่วนเพลงธีมของเจมส์ บอนด์ที่เราชอบมากที่สุด
ก็ยังคงเป็น
8.1 LICENSE TO KILL (1989) – Gladys Knight รู้สึกว่านี่แหละคือเพลงประจำตัวของเหล่าตัวละครหญิงในโลกจินตนาการของเรา
8.2 FOR YOUR EYES ONLY (1981) – Sheena Easton
8.3 ALL TIME HIGH (1983) – Rita Coolidge จาก OCTOPUSSY
8.4 NOBODY DOES IT BETTER (1977) – Carly Simon จาก THE
SPY WHO LOVED ME
8.5 GOLDFINGER (1964) – Shirley
Bassey
THE NEW HOUSE CELEBRATION OF NIMIT POOMTHAVORN (1978, Thada
Kerdmongkol, documentary)
งานขึ้นบ้านใหม่ของนิมิตร ภูมิถาวร (1978, ธาดา
เกิดมงคล)
เราไม่เคยอ่านนิตยสารฟ้าเมืองไทยนะ แต่ดูหนังเรื่องนี้แล้วแอบใจหาย
นึกถึงยุครุ่งเรืองของนิตยสารในไทย มันคืออดีตที่ไม่มีวันหวนคืนมาของจริง
คือดูแล้วนึกถึงชีวิตตัวเองในทศวรรษ 1980 น่ะ ชีวิตที่ใช้เวลาไปกับการอ่านนิตยสารสกุลไทย,
สตรีสาร, ตุ๊กตา, ลลนา, ขวัญเรือน, เปรียว, แพรว, สวิตา, ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์,
มิติที่ 4, ต่วยตูนพิเศษ (ซึ่งยังมีชีวิตอยู่) , etc. คือพอดูหนังเรื่องนี้แล้วเราก็จะจินตนาการไปถึงความสุขของนักเขียนในยุคนั้น,
วงการนักเขียนยุคนั้น
นักเขียนและคนทำนิตยสารในยุคนั้นเขาจะมีความสุขกันมากเพียงใดนะในทศวรรษ 1980
แล้วปัจจุบันนี้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร
THE HOME MOVIES OF ADOLF KRAJC (1979, Adolf Krajc, documentary)
1.ดีมากที่มีการบันทึกภาพภูเก็ตกับหาดใหญ่ในปี 1979 เอาไว้
พอดูหนังเรื่องนี้แล้วเราก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เหมือนเราแทบไม่ค่อยได้เห็นภูเก็ตในหนังไทยยุคก่อนทศวรรษ
1980 มั้ง เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คือเวลาดูหนังไทยยุคเก่า (ยุคก่อนทศวรรษ 1980) เราก็มักจะได้เห็นตัวละครไปเที่ยวทะเลกัน
แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาไปเที่ยวที่ไหน มันคือบางแสน, สัตหีบ, บางปู,
หัวหินอะไรพวกนั้นหรือเปล่า อันนี้เราก็ไม่มีความรู้นะ คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาตอบว่า
ชายหาดที่ตัวละครชอบไปเที่ยวในหนังไทยยุคเก่ามันคือชายหาดที่ไหน
2.ชอบเวลาเขาถ่ายพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ คือพอดูหนังเรื่องนี้แล้วเราถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า
ตอนเด็ก ๆ เราเจอพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่เยอะมาก (ในทศวรรษ 1980) แล้วเราก็แอบสงสารพวกเขา
เพราะมันคงหนักและลำบาก แต่ปัจจุบันนี้เหมือนเราแทบไม่เคยเจอพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แล้ว
เพราะปัจจุบันนี้เขาหันมาใช้รถเข็นกันเกือบหมด ซึ่งน่าจะสะดวกกว่าเดิมในระดับนึง
3.เหมือนสิ่งที่ต่างชาติมองไทย บางทีก็ตรงกับสิ่งที่เราสนใจ
และบางทีก็ไม่ตรงกับสิ่งที่เราสนใจ อย่างเช่นเขาคงสนใจ “วัด” เพราะมันคงเป็นสิ่งประหลาดสำหรับต่างชาติ
พบได้แค่ในไทยและไม่กี่ประเทศเท่านั้น
แต่วัดมันเหมือนเป็นสิ่งคงทนถาวรในระดับนึงน่ะ เพราะฉะนั้นภาพวัดไทยในปี 1979 มันก็เลยเหมือนไม่ได้ตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเราในปัจจุบัน
แต่พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่นี่แหละที่ตรงกับสิ่งที่เราสนใจ
ซึ่งต่างชาติก็อาจมองว่าพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่นี่เป็นสิ่งประหลาดสำหรับเขาเหมือนกัน และถึงแม้ว่าอาชีพนี้ไม่ใช่สิ่งประหลาดสำหรับคนไทยในยุคนั้น
แต่ในปัจจุบันนี้อาชีพนี้ก็ดูเหมือนเป็นสิ่งหายากไปแล้ว
รู้สึกว่าตัวเองชอบดู “มนุษย์” ในหนังพวกนี้น่ะ เพราะมนุษย์เป็นสิ่งไม่คงทนถาวร
มนุษย์มันแก่ตัวลงในทุก ๆ วินาทีที่ดำเนินไป การที่หนัง home movies,
หนังสารคดี หรือหนังอะไรก็ตามมันช่วยบันทึกมนุษย์ในห้วงขณะนึงเอาไว้
มันเลยเหมือนช่วยคว้าจับสิ่งที่ไม่มีวันหวนคืนมาได้เอาไว้ด้วย
ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=UopLJIyiwEY
---------------
เพลงไตเติลละครทีวีเรื่อง “โรงแรมวิปริต” (1984) ที่นำแสดงโดยอัศวิน
รัตนประชา จำได้ว่าฉากคลาสสิคฉากนึงในละครเรื่องนี้คือฉากที่นางตะเคียน, นางตานี
กับผีบ้านผีเรือนรวมพลังกันช่วยเหลือพระเอก
https://www.youtube.com/watch?v=70GP-cFzv9s&t=14s
--------------
วันนี้กิน Dahi Puri กับกุหลาบจามุน ขอยกให้กุหลาบจามุนเป็นหนึ่งในขนมที่หวานที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิต
หวานในระดับมากกว่าหรือเท่ากับทองหยิบหรือทองหยอดเลย รู้สึกว่ากุหลาบจามุนมันอร่อยสุด
ๆ แต่อยากรู้ว่ากี่กิโลแคลอรี่ 55555
พอคุยกันเรื่องขนมหวานแล้ว เราเลยนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนเด็กเราชอบกิน “น้ำตาลปึก”
อย่างสุด ๆ เราชอบเอาก้อน “น้ำตาลปึก” มาแทะกินเล่นทั้งก้อนอย่างเอร็ดอร่อย
แต่เหมือนเราไม่ได้เอาน้ำตาลปึกมาแทะกินเล่นราว ๆ 30 ปีได้แล้วมั้ง ไม่รู้ว่าเด็ก
ๆ ยุคใหม่เขายังเอาน้ำตาลปึกมาแทะกินเล่นแบบเราอยู่หรือเปล่า 5555
แล้วถ้าเราเอาน้ำตาลปึกมาแทะกินเล่นอีก มันจะกี่กิโลแคลอรี่ 555555