Wednesday, October 20, 2021

SILENT VOICE (2020, Reka Valerik, Belgium, documentary, 51min, A+30)

 

RIFT FINFINNEE (2020, Daniel Kötter, Ethiopia, Germany, documentary, A+30)

 

1.VISUAL ของหนังมันทรงพลังสุด ๆ เหมือนแต่ละช็อตมันมีความ cinematic อย่างรุนแรง มีความทรงพลังด้านภาพมาก ๆ กราบมาก ๆ โดยเฉพาะฉากที่ subject คนนึงเดินไปในตึกที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

 

2.เนื้อหาของหนังก็น่าสนใจสุด ๆ ด้วย เพราะหนังถ่ายทอดปัญหาสังคมในเอธิโอเปียในยุคปัจจุบัน ทั้งเรื่อง

 

2.1 การเวนคืนที่ดิน ชาวบ้านที่เราเข้าใจว่าเป็นเกษตรกรหลายรายถูกรัฐบาลเวนคืนที่ดินไปสร้างอาคารสงเคราะห์ หรืออะไรทำนองนี้ แล้วรัฐบาลไม่ได้ให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมแก่ชาวบ้านที่ถูกเวนคืนที่ดินไป

 

2.2 การปะทะกันระหว่างเขตเมืองกับเขตชนบท เพราะเหมือนรัฐบาลสร้างตึกสูง ๆ เอาไว้เป็นแฟลตให้คนมาอยู่กัน แต่แฟลตเหล่านี้เหมือนถูกคั่นด้วย “ท้องไร่” แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ เพราะชาวบ้านบางคนไม่ยอมขายที่ดินให้รัฐบาล และยังคงทำไร่ต่อไปตามเดิม เราก็เลยได้เห็นภาพ landscape ที่แปลกประหลาด เหมือนเห็นแฟลตดินแดงกับท้องนาตั้งอยู่เคียงคู่สลับกันไปมา

 

2.3 ปัญหาเรื่องคนจนคนรวย

 

2.4 และที่เราสนใจมากที่สุด ก็คือปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างชนเผ่า เราเข้าใจว่าเป็นชนเผ่า Oromo กับ Amhara ซึ่งเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย หนักมาก ๆ คือดูหนังเรื่องนี้แล้วเรากลัวมากว่าจะเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันแบบใน Rwanda ขึ้นในเอธิโอเปีย

 

3.ดีใจที่เราได้ดูหนังเรื่องนี้ เพราะเราแทบไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับประเทศนี้มาก่อนเลย แต่เรารู้สึกว่ามันเหมือนประเทศต้องสาปจริง ๆ เพราะตอนเด็ก ๆ เราจะฝังใจว่าเอธิโอเปียเป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนอดอยากยากแค้นมากที่สุดในโลก โดยความฝังใจนี้มันมาจากเพลง WE ARE THE WORLD นี่แหละ แล้วหลังจากนั้น เราก็ได้รู้ว่ามันมีสงครามกลางเมือง แล้วก็เกิดการแยกประเทศ Eritrea ออกไปจาก Ethiopia แล้วเราก็นึกว่ามันจะสงบแล้ว นึกว่าพอแยกประเทศกันไป Ethiopia ก็คงกลายเป็นประเทศสงบ ๆ แล้วมั้ง แล้วเราก็แทบไม่ได้ยินชื่อ Ethiopia ในข่าวใด ๆ อีก

 

แต่พอมาดูหนังเรื่องนี้ เราถึงเพิ่งรู้ว่ามันหนักมาก เพราะเราเพิ่งรู้ว่าชาว Oromo กับชาว Amhara ในเอธิโอเปียเกลียดกันอย่างรุนแรงมาก เราก็เลยรู้สึกว่าประเทศนี้มันต้องสาปจริง ๆ ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่นองเลือดกัน

 

4.ตอนแรกจะงงกับ “ปี” ในหนังมาก ๆ เพราะพอ subject พูดถึงปีอะไรขึ้นมา อย่างเช่นพูดถึงปี 2000 ตัว subtitle ก็จะขึ้นว่า 2000 (2007) อะไรทำนองนี้ เราก็เลยงงมาก นึกว่า subject ในหนังจำปีผิด พูดปีคลาดเคลื่อนตลอดทั้งเรื่อง แต่ตอนหลังเราถึงเพิ่งรู้ว่า ชาวเอธิโอเปียนับปีของตัวเองต่างจากชาวโลกราว 7 ปี

 

#signesdenuit2021

 

SILENT VOICE (2020, Reka Valerik, Belgium, documentary, 51min, A+30)

 

1.สุดฤทธิ์ หนักมาก ๆ คือมันต้องเอามาสร้างเป็นหนัง fiction ในอนาคตได้แน่นอน หนังสารคดีเรื่องนี้ตามถ่ายเกย์หนุ่มหุ่นล่ำ เขาเป็น martial art fighter ที่เก่งมาก ๆ แต่เขาดันไปเกิดใน Chechnya เขารอดชีวิตจากสงครามกลางเมืองมาได้ แต่การที่เขาเป็นเกย์ทำให้เขาถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจากสังคมเชชเนีย และพี่ชายของเขาก็ประกาศว่าจะฆ่าเขา เขาก็เลยลี้ภัยมาอยู่เบลเยียม แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาเผชิญอะไรมาบ้าง เพราะกว่าจะมาถึงเบลเยียม เขาก็เกิดอาการทางจิต ทำให้เขาพูดไม่ได้ แบบตัวละครใน PERSONA ของ Ingmar Bergman คือเส้นเสียงของเขาปกติดี แต่เขาพูดไม่ได้ไปแล้ว

 

2.ส่วนนึงของหนังเรื่องนี้นำเสนอ therapist สาวที่พยายามช่วยให้เขาพูดให้ได้ เราเองก็พยายามลุ้นเอาใจช่วยตลอดเวลาให้เขาพูดให้ได้ เพราะการที่เขาพูดไม่ได้มันอาจจะทำให้เขาขอสถานะผู้ลี้ภัยได้ลำบาก

 

3.สิ่งที่หนักมาก ๆ ในหนังเรื่องนี้ คือการที่แม่ของเขาในเชชเนียยังคงโทรหาเขาบ่อยครั้งมาก แล้วสิ่งที่แม่พูดแต่ละอย่างก็ทรมานใจ ร้าวรานมาก ๆ

 

จุดนึงที่หนักมาก ๆ คือแม่ของเขาเล่าว่า พอเขาไม่อยู่ ทางบ้านก็เลยขาดรายได้ พี่ชายของเขาเลยหางานให้แม่ โดยให้แม่ไปทำงานในสวนน้ำหรืออะไรทำนองนี้มั้ง แม่ของเขาเลยได้ดูปลาโลมาในสวนน้ำเป็นประจำ แล้วแม่ของเขาเล่าว่า เธอรู้สึกว่า ปลาโลมาในสวนน้ำแห่งนี้ “เสแสร้งทำเป็นว่าตัวเองมีความสุข”

 

4.เขาต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในเบลเยียมด้วย เพราะในเบลเยียมมีชุมชนเชชเนียอยู่ แล้วคนพวกนี้ก็ต้องรู้จักเขาและพี่ชายของเขา โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในวงการกีฬา และเขาอาจจะถูกฆ่าตายได้ ถ้าหากเขาเปิดเผยตัว หรือถ้าหากเขาเผลอบอกแม่ไปว่าเขาอยู่ที่ไหน

 

5.หนังสารคดีเรื่องนี้ไม่ให้เราได้เห็นหน้าของเขาเลย เราก็เลยรู้สึกว่า มันเหมาะจะนำมาดัดแปลงเป็นหนัง fiction ในอนาคตมาก ๆ เพราะความเป็นหนังสารคดี มันเลยทำให้หนังเรื่องนี้ไม่สามารถถ่ายทอดอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ถ้าหากมันเป็นหนัง fiction มันจะถ่ายทอดได้

 

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้อย่างถูกต้อง ก็คือว่า พอหนังเรื่องนี้ถ่ายใบหน้าของเขาไม่ได้ หนังเรื่องนี้ก็เลยไปเน้นถ่ายมัดกล้ามหรือเรือนร่างของเขาแทน แล้วการที่เขาเป็น martial art fighter มันก็เลยทำให้จุดนี้ออกมาดูงดงามมาก ๆ

 

6.หนุ่มเบลเยียมสองคนในหนังเรื่องนี้ก็น่ารักน่ากินน่าเสยหีใส่อย่างสุด ๆ คนนึงเหมือนเป็นแฟนของ subject ชอบพา subject ไปท้องฟ้าจำลองด้วยกัน ส่วนอีกคนเป็นเหมือนเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่เป็นเกย์

 

7.ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงนึกถึงหนังสารคดีเรื่อง EKLEIPSIS (1998, Tran T. Kim-Trang) ที่เราชอบสุดๆ ด้วย โดยหนังสารคดีเรื่องนี้สำรวจหญิงกัมพูชาจำนวนมากในสหรัฐที่ ตาบอดเพราะอาการทางจิตหรือ hysterical blindness เพราะหญิงกัมพูชาเหล่านี้มีดวงตาที่สมบูรณ์ดี แต่กลับมองไม่เห็นอะไร ซึ่งหมอก็หาคำอธิบายไม่ได้ เหมือนหญิงกลุ่มนี้ตาบอดเพราะอาการทางจิต


 

ซึ่งหญิงทุกคนในกลุ่มนี้คือผู้ที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์เขมรแดง ก่อนที่พวกเธอจะอพยพมาอยู่สหรัฐ มันก็เลยเกิดทฤษฎีว่า หรือว่าผู้หญิงกลุ่มนี้เห็นเหตุการณ์เลวร้ายมามาก และอาจจะรู้สึกผิดที่ตัวเองรอดชีวิตมาได้หรืออะไรทำนองนี้หรือเปล่า ผู้หญิงกลุ่มนี้ก็เลย ตาบอดเพราะอาการทางจิตขึ้นมา

 

8.หนังเรื่องนี้เปิดฉายฟรีออนไลน์จนถึงเวลาตี 5 ของวันศุกร์ที่ 22 ต.ค.นะ

https://www.festivalscope.com/film/silent-voice/

 

No comments: