Friday, November 29, 2024

TOSHIO MATSUMOTO

CONNECTION (1981, Toshio Matsumoto, Japan, 9min, A+30)

 

เราเคยดู FUNERAL PARADE OF ROSES (1969, Toshio Matsumoto) กับ ATMAN (1975, Toshio Matsumoto) มาแล้ว ชอบหนังทั้งสองเรื่องนี้อย่างสุดขีดมาก ๆ โดย ATMAN นี่ติดอันดับ 7 ในลิสท์หนังที่เราชื่นชอบที่สุดที่ได้ดูในปี 2019 เลย

 

พอได้ดู CONNECTION แล้วก็ต้องกราบตีน Toshio Matsumoto จริง ๆ คนอะไรแค่ “ถ่ายท้องฟ้า” ก็สามารถทำให้มันกลายเป็นหนังที่ไม่ทราบชีวิตอะไรอีกต่อไปได้

 

ดูหนังเรื่องนี้ได้ถึงวันที่ 30 พ.ย.นะ

https://www.e-flux.com/film/637409/connection/

 

RELATION (1982, Toshio Matsumoto, Japan, 8min, A+30)

 

ดูหนังเรื่องนี้ได้ถึงวันที่ 30 พ.ย.นะ

https://www.e-flux.com/film/637418/relation-kankei/

 

SHIFT (1982, Toshio Matsumoto, Japan, 8min, A+30)

 

ทำไมดู “อาคาร” ในหนังเรื่องนี้แล้วเรานึกถึง “หอกลาง จุฬา” กับ “สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซอยสุขุมวิท 55” เหมือนตัวอาคารในหนังเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เรานีกถึงอาคารสองแห่งนี้ในกรุงเทพโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ดูหนังเรื่องนี้ได้ถึงวันที่ 30 พ.ย.นะ

https://www.e-flux.com/film/637410/shift/

 

 

 

 


Wednesday, November 27, 2024

FILM WISH LIST: BREATHLESS (2023, James Benning, 86min)

FILM WISH LIST: BREATHLESS (2023, James Benning, 86min)

 

เนื่องจากเราเคยดู BREATHLESS (1960, Jean-Luc Godard) และ BREATHLESS (1983, Jim McBride) ไปแล้ว เราก็เลยได้แต่หวังว่า จะมีคนนำ BREATHLESS ของ James Benning มาฉายให้พวกเราได้ดูกันบ้างนะคะ

 

https://www.viennale.at/en/film/breathless

Monday, November 25, 2024

HAEMORRHOIDS

 

บันทึกชีวิตว่า ซื้อผ้าอนามัยมา แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ใช้ค่ะ ซึ่งก็เป็นโชคดีของเราแล้ว

 

เรื่องก็คือว่า จริง ๆ แล้วดิฉันเจ็บปวดทุกข์ทรมานกับริดสีดวงทวารอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ค่ะ หรือวันแรกของเทศกาล WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK เหมือนดู ๆ หนังในวันนั้นไปแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดมาก ซึ่งดิฉันก็งงมาก เพราะดิฉันไม่มีอาการใด ๆ ของโรคริดสีดวงมาก่อนเลย แต่อยู่ดี ๆ วันนั้นก็เจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาเลย ลองคลำดูก็พบก้อนริดสีดวงที่โตมาก ๆ อยู่ข้างใน มันมาจากไหน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ดิฉันก็งงมาก เพราะดิฉันแทบไม่เคยเบ่งเลย เพราะดิฉันเป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนอยู่แล้ว ก็เลยไม่กล้าเบ่งแรง ๆ อยู่แล้ว เพราะมันจะทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนหนักมากกว่าเดิมอีก

 

เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.เป็นต้นมา ดิฉันก็เลยกิน daflon ซึ่งมันก็ช่วยให้อาการดีขึ้น แต่มันก็ยังไม่หายสนิทซะที ตอนแรกดิฉันก็อยากไปหาหมอที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.เลย แต่พอดีช่วงนั้นมันเป็นช่วง WORLD FILM FESTIVAL ดิฉันก็เลยกลัวว่า ถ้าหากไปหาหมอ แล้วโดนจับผ่าตัด มันจะทำให้ไม่ได้ดูหนังใน WORLD FILM FESTIVAL บางเรื่องหรือเปล่า 55555 แล้วการกิน daflon มันก็ช่วยให้อาการดีขึ้นได้บ้าง ก็เลยใช้วิธีกิน daflon ไปเรื่อย ๆ แทน แล้วคิดว่าค่อยไปหาหมอหลังจากเสร็จ WORLD FILM FESTIVAL กับ TAIWAN DOCUMENTARY FILM FESTIVAL ก็แล้วกัน จะได้ไม่กระทบการดูหนังเทศกาล 55555

 

ซึ่งจริง ๆ แล้วดิฉันก็เคยผ่าตัดริดสีดวงมาแล้วรอบหนึ่งในปี 2001 ตอนนั้นจำได้ว่าพอผ่าเสร็จแล้ว เลือดมันจะยังคงไหลซึมออกมาจากแผลผ่าตัดเรื่อย ๆ ช่วงนั้นดิฉันก็เลยต้องซื้อผ้าอนามัยของผู้หญิงมาใส่อยู่ราวสัปดาห์นึง เพื่อให้ผ้าอนามัยมันช่วยดูดซับเลือดที่ไหลซึมออกมาจากแผลผ่าตัด ไม่ให้มันไปเปรอะกางเกง เหมือนช่วงนั้นถือเป็นครั้งแรกในชีวิตมั้งที่ได้ใส่ผ้าอนามัยอยู่ราวสัปดาห์นึง

 

เพราะฉะนั้นก่อนไปหาหมอในวันนี้ ดิฉันก็มั่นใจว่าดิฉันคงโดนจับผ่าตัดอีกครั้งแน่ ๆ ดิฉันก็เลยซื้อผ้าอนามัยเตรียมไว้เลย เพราะดิฉันกลัวว่า ถ้าหากผ่าตัดเสร็จแล้ว ดิฉันนั่ง taxi กลับบ้าน แล้วน้ำเมนส์หยดติ๋ง  ๆ ใส่เบาะรถ taxi มันคงจะไม่งามแน่ ๆ เพราะฉะนั้นดิฉันก็เลยซื้อผ้าอนามัยเตรียมไว้เพื่อใส่หลังผ่าตัดเสร็จจะดีกว่า

 

แต่พอไปหาหมอวันนี้ หมอบอกในทำนองที่ว่า ริดสีดวงคราวนี้มันเกิดจากเส้นเลือดแตกหรืออะไรสักอย่าง แล้วมันจะค่อย ๆ ยุบกลับไปของมันเองได้ น่าจะยุบหมดในอีก 3 สัปดาห์ แล้วจริง ๆ จะกินยา daflon หรือไม่ก็ได้ เพราะถึงไม่กินยา มันก็จะค่อย ๆ ยุบของมันเอง

 

ก็เลยสรุปว่า วันนี้ไม่ได้โดนจับผ่าตัด แล้วก็ไม่ต้องใช้ผ้าอนามัยที่ซื้อมาเตรียมไว้แต่อย่างใด ก็ถือว่าเป็นโชคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนึงของชีวิตวันนี้

 

 

Friday, November 22, 2024

MY FACEBOOK COMMENTS

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดด พอเห็นชื่อ EL NORTE (1983, Gregory Nava, 141min) แล้วเราก็เลยเพิ่งจำได้ว่า อาจารย์แดงเคยฉายหนังเรื่องนี้ทางวิดีโอเทปในงานอะไรสักอย่างที่ "ศาลาเฉลิมกรุง" เหมือนฉายทางทีวีจอใหญ่ ๆ เมื่อราว 20 กว่าปีก่อน หรือในราวช่วงปลายทศวรรษ 1990 แล้วเราก็ไปดูในงานนั้น แต่เหมือนวิดีโอเทปมันเสียหรืออะไรสักอย่าง เราก็เลยได้ดูหนังเรื่องนี้แค่ใน 2 ชั่วโมงแรก แต่ไม่ได้ดูช่วง 21 นาทีสุดท้าย แล้วมันก็เลยกลายเป็น "หนังที่เรายังไม่มีโอกาสได้ดูให้จบ" มานานกว่า 20 ปีแล้ว กรี๊ดดดดดดดดด

 

I WORSHIP HERBERT ACHTERNBUSCH ชอบสุด ๆ ที่สถาบันเกอเธ่ในกรุงเทพเคยจัดงาน retrospective ให้ Herbert Achternbusch ในปี 2001 เป็นหนึ่งในงานฉายภาพยนตร์ที่ดีงามที่สุดในชีวิตของเรา

 

น่าดูสุดขีด อยากให้มีคนจัดงาน retrospective ของ John Huston มาก ๆ เพราะเราไม่เคยดูหนังที่เขากำกับเลย ยกเว้นหนังที่อาจจะเคยดูผ่าน ๆ ตาทางทีวีตอนเด็ก ๆ อย่างเช่น VICTORY (1981) และ ANNIE (1982)

Edit เพิ่ม: ไปค้นมาแล้ว ปรากฏว่าเราเคยดู MOULIN ROUGE (1952, John Huston)

 

อยากดู MONA LISA (1986, Neil Jordan) มาก ๆ Bob Hoskins ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ดารานำชายในปีนั้นด้วย แต่ผู้ชนะออสการ์ในปีนั้นคือ Paul Newman จาก THE COLOR OF MONEY (1986, Martin Scorsese)

 

หนังเรื่อง RAIN (1929, Joris Ivens, Netherlands, 12min) เคยมาฉายในเทศกาลหนังทดลองกรุงเทพในปี 1999 ด้วยนะ

 

ประทับใจเรื่องราวของ "ผีเด็ก" หรือ "วิญญาณเด็ก" ที่มาเข้าฝันคนในหนังสารคดีเรื่อง DIAMOND MARINE WORLD อย่างรุนแรงสุด ๆ ฉันเชื่อเลยว่า "ผีเด็ก" ในหนังสารคดีเรื่องนี้มีจริง

Thursday, November 21, 2024

TEARS OF A CINEPHILE

 

บันทึกชีวิตของ “CINEPHILE ที่โลกแกล้งให้แพงน้ำตา”

 

บันทึกว่า ดิฉันได้ซื้อตั๋ว THE REASON I JUMP (2020, Jerry Rothwell) กับ FROM ISLAND TO ISLAND (2024, Lau Kek Huat, Taiwan, documentary, 4hrs 50mins) รอบของวันพุธที่ 20 พ.ย.ไว้นะคะ แต่ก็ไม่ได้ออกไปดูค่ะ เพราะเช้าวันพุธดิฉันรู้สึกมึน ๆ หัว เหมือนอาการก่อนเริ่มเป็นหวัด ก็เลยตัดสินใจนอนพักไปเลย และก็ไม่ออกมาดูหนังข้างนอก แต่ก็ได้ดูหนังในเทศกาลหนังสั้นมาราธอนบางเรื่องแทน พอได้นอนพักแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาก เหมือนอาการกลับมาเป็นปกติ

 

วันนี้ลองตรวจ ATK ดู ก็คือยังไม่ติดโควิด แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะเห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าการติดโควิดรอบใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ทุก 4 สัปดาห์ หรือทุก 1 เดือน เหมือนภูมิคุ้มกันจากการติดโควิดแต่ละรอบมันอยู่ได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น แล้วช่วงนี้ก็ใกล้ครบ 4 สัปดาห์หลังจากการติดโควิดรอบที่แล้วพอดี

 

วันนี้ก็ไม่ได้ออกไปดู FROM ISLAND TO ISLAND เหมือนกัน เพราะหนังมันฉายเวลา 19.15-24.15 น. แล้วเช้าวันศุกร์เราต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ 07.00 น. ถ้าหากเราออกไปดูวันนี้ วันพรุ่งนี้เราคงทำงานไม่ได้แน่ ๆ เราก็เลยอยู่บ้านดูหนังสั้นมาราธอนบางเรื่องแทน

 

ก็เลยรู้สึกว่า ชีวิตของเราในปีนี้คือ “CINEPHILE ที่โลกแกล้งให้แพงน้ำตา” จริงๆ ค่ะ เพราะว่า

 

1.เราติดโควิดตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ทำให้พลาดดูหนังหลายเรื่องในเทศกาลภาพยนตร์ SIGNES DE NUIT และพลาดดู GRAVE TORTURE (2024, Joko Anwar, Indonesia)

 

2.เราติดโควิดอีกรอบตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. ทำให้พลาดดูหนังหลายเรื่อง โดยเฉพาะ THE RAPTURE (2023, Iris Kaltenbäck) ที่มาฉายที่ Alliance ในช่วงนั้น

 

3.เราเป็นคนเหงื่อออกง่ายมาก ก็เลยทำให้พลาดดู MONGREL (2024, Chiang Wei-liang, Taiwan) เพราะต้องกลับอพาร์ทเมนท์ไปอาบน้ำใหม่ ตามที่เคยเล่าไปแล้ว

 

4.เรามีอาการไม่สบาย ก็เลยตัดสินใจนอนพัก ไม่ออกมาดู THE REASON I JUMP กับ FROM ISLAND TO ISLAND

 

นึกถึงหนังหลาย ๆ เรื่องที่เคยพลาดดูในอดีต เพราะ “การล้มป่วย” อย่างเช่น STRAY DOGS (2013, Tsai Ming-liang, 138min) ที่เราไม่ได้ดูตอนที่มันมาฉายที่ SF central world เพราะเราป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนอย่างรุนแรงในช่วงนั้น และ HORSE MONEY (2014, Pedro Costa, Portugal) ที่เราไม่ได้ดูตอนที่มันมาฉายที่ SF CENTRAL WORLD เพราะเราป่วยเป็นหวัดในช่วงนั้น, etc.

 

รู้สึกเบื่อหน่ายกับอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตมาก ๆ แต่ก็ยังดีที่ได้ดูหนังใน WORLD FILM ไปแล้ว 40 กว่าเรื่อง และได้ดูเทศกาลหนังสั้นมาราธอน ช่วยปลอบประโลมจิตใจไปได้บ้าง

 

 

Wednesday, November 20, 2024

THE ARTIFICIAL HUMORS (2016, Gabriel Abrantes, Portugal, about Brazil, 30min, A+30)

 

ดีใจที่เราได้ดูหนังของ Hou Hsiao-hsien หลายเรื่องในโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพ

 

1. THE ASSASSIN (2015)

ดูที่ LIDO

 

2. THREE TIMES (2005)

ดูที่ DOC CLUB THEATRE (WAREHOUSE 30) ในวันที่ 23 ก.ย. 2018

 

3. CAFÉ LUMIERE (2003)

 ดูที่ LIDO

 

4. MILLENNIUM MAMBO (2002)

ดูที่ LIDO

 

5. FLOWERS OF SHANGHAI (1998)

ดูที่ HOUSE SAMYAN

 

6. A CITY OF SADNESS (1989)

ดูที่ห้องฉายหนังในห้องสมุดมหาลัย ธรรมศาสตร์

 

7. DUST IN THE WIND (1986)

ดูที่ SF CENTRAL WORLD ใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK

 

8. A TIME TO LIVE AND A TIME TO DIE (1985)

ดูที่ SF CENTRAL WORLD ใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK

 

ก็ได้แต่หวังว่าจะมีคนเอาหนังเรื่องอื่นๆ ของโหวมาลงโรงฉายให้พวกเราได้ดูกันอีกนะคะ

 

แต่ที่เราสงสัยมาก ๆ ก็คือว่า THE PUPPETMASTER (1993, Hou Hsiao-hsien) นี่มันเคยเข้าฉายในไทยด้วยหรือเปล่า เพราะเราเหมือนมีความทรงจำว่า เราเคยเห็นคุณ “ตีตั๋ว” เขียนชื่นชมหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงในนิตยสารเอนเตอร์เทนเมื่อ 30 ปีก่อน เราก็เลยไม่แน่ใจว่า เราจำผิดหรือจำถูก มีใครพอจะยืนยันได้บ้างคะว่า THE PUPPETMASTER ของโหว เคยเข้าฉายในไทยไหม แล้วตอนนั้นหนังตั้งชื่อภาษาไทยว่าอะไร

***

 

THE ARTIFICIAL HUMORS (2016, Gabriel Abrantes, Portugal, about Brazil, 30min, A+30)

 

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่ลิงค์นี้จนถึงราว ๆ เที่ยงวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.นะ

https://www.lecinemaclub.com/now-showing/os-humores-artificiais/

 

ก่อนหน้านี้เราเคยดู TAPROBANA (2014, Gabriel Abrantes) ในงาน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK และหนังเรื่องนั้นติดอันดับ 1 ในบรรดาหนังสั้นต่างชาติที่เราชื่นชอบที่สุดที่ได้ดูในปี 2014

 

 

REMEMBERING MILLENNIUM MAMBO

 

พอเห็น MILLENNIUM MAMBO (2001, Hou Hsiao-hsien, Taiwan, A+30) กับ THE WAYWARD CLOUD (2005, Tsai Ming-liang, Taiwan, A+30) กลับมาฉายใหม่ เราก็เลยขอรื้อฟื้นความทรงจำว่า เราเคยดูหนังสองเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อใด แล้วก็พบว่า

 

เราได้ดู MILLENNIUM MAMBO ในวันที่ 27 ส.ค. 2002 ที่โรงภาพยนตร์ LIDO จำได้ว่ายุคนั้นเราชอบฟังรายการวิทยุ “หนังหน้าไมค์” ของคุณนราและผองเพื่อนด้วย และเราจำได้ว่ารายการ หนังหน้าไมค์ วิเคราะห์หนังเรื่อง MILLENNIUM MAMBO ได้ดีมาก ๆ เหมือนมีการวิเคราะห์มุมกล้องและการวางเฟรมภาพในบางซีนในหนังเรื่องนี้ในแบบที่เราไม่ได้สังเกตมาก่อน

 

ส่วน THE WAYWARD CLOUD เราได้ดูในวันที่ 24 ต.ค. 2005 ที่โรงภาพยนตร์สยาม ดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งถ้าหากเราจำไม่ผิด เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในฐานะที่มันเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลภาพยนตร์ WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ที่จัดโดยคุณเกรียงศักดิ์ ศิลากอง โดยปีนั้นมีการจัดงาน RETROSPECTIVE ของ ULRIKE OTTINGER ด้วย และเทศกาล WORLD FILM ปีนั้นก็มีการจัดฉายหนังที่เราชื่นชอบสุดขีดมากมายหลายเรื่อง อย่างเช่น

 

1.CASE FOR A ROOKIE HANGMAN (1969, Pavel Juracek, Czechoslovakia)

 

2.AFTERNOON (2005, Poopaan Sornwismongkol)

 

3.MOTHERLAND HOTEL (1986, Omer Kavur, Turkey)

 

4.I AM A SEX ADDICT (2005, Caveh Zahedi)

 

5. ANGEL’S FALL (2005, Semih Kaplanoglu, Turkey)

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงไม่อยากดู MILLENNIUM MAMBO ซ้ำรอบสอง หลังจากเคยดูในโรงภาพยนตร์ไปแล้วในวันที่ 27 ส.ค. 2002 คือเราก็ชอบหนังเรื่องนี้มากนะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากดูมันซ้ำ ซึ่งแตกต่างจาก THE ASSASSIN (2015, Hou Hsiao-hsien) ที่เราดูซ้ำสองรอบที่โรงลิโด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราถึงอยากดู THE ASSASSIN ซ้ำไปซ้ำมา แต่ไม่ได้อยากดู MILLENNIUM MAMBO ซ้ำอีกรอบ 55555

 

แต่พอคิดทบทวนถึงหนังในยุคสมัยเดียวกับ MILLENNIUM MAMBO แล้วก็พบว่ามีหนังเรื่องนึงที่เราอยากดูซ้ำรอบสองมาก ๆ นั่นก็คือ LOVE WILL TEAR US APART (1999, Yu Lik-wai, Hong Kong) ที่เราเคยดูตอนมันมาฉายในเทศกาลภาพยนตร์อะไรสักอย่างในกรุงเทพในยุคนั้น ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากดูหนังเรื่องนี้ซ้ำอย่างรุนแรง เป็นปริศนาสำหรับตัวเราเองเช่นกันว่าทำไมหนังบางเรื่องเราถึงอยากดูซ้ำ แต่หนังบางเรื่องเราก็ไม่อยากดูซ้ำ แต่รู้แค่ว่า LOVE WILL TEAR US APART ของ Yu Lik-wai นี่แหละ เป็นหนังที่เราอยากดูซ้ำอีกรอบมาก ๆๆๆๆๆๆ

 

เมื่อไม่กี่วันก่อนเราเพิ่งเจอเพื่อนเก่าคนนึง เขาเล่าให้ฟังว่าพี่สาวของเขาไปดู FLOW (2024, Gints Zilbalodis, Latvia, animation, A+30) ทุกรอบที่ฉายที่ HOUSE ด้วย เหมือน FLOW ฉายเมื่อไหร่ก็ไปดูทุกครั้ง เราก็เลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจดี ที่ผู้ชมแต่ละคนก็จะมีหนังที่ “อยากดูซ้ำไปซ้ำมา” แตกต่างกันไปเป็นของตัวเอง

Sunday, November 17, 2024

GOLDEN INEXPLICABILITY OF LIFE AWARD

  

บันทึกชีวิตว่า ตอนนี้เรียนจบมหาลัยมา 30 ปีพอดี เพราะในใบจบมันบอกว่า เราเรียนจบวันที่ 16 พ.ย. 1994 (หรือพ.ศ. 2537) ตอนนั้นเราเรียน 3 ปีครึ่ง ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็สอบเทอมสุดท้ายเสร็จราว ๆ ต้นเดือนต.ค. 1994 แต่ในใบจบบอกว่า เรา graduate ในวันที่ 16 พ.ย. 1994 เราก็เลยถือว่าเราเรียนจบวันนั้นก็แล้วกัน

 

30 ปีผ่านไป ก็พบว่าตอนนี้ตัวเองเป็น loser อย่างสมบูรณ์แบบ ประสบความล้มเหลวทั้งเรื่องการงาน, การเงิน, สุขภาพ และ “หาผัวไม่ได้” กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

 

อยากย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองสมัยเรียนมหาลัยว่า “เรียนไปก็ปวดหัว หาผัวดีกว่า”

 

แต่ช่วงเรียนมหาลัยก็ถือเป็นหนึ่งในช่วงที่มีความสุขมาก ๆ จริง ๆ นะ เพราะได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ ถึงแม้ตอนนั้นจะจนมาก จำได้ว่าตอนนั้นเราแทบไม่เคยกินข้าวกลางวันเลย เพราะเราเก็บเงินค่าข้าวกลางวันวันละ 20 บาท เพื่อเอาไปซื้อเทปเพลง คือถ้าเรางดกินข้าวกลางวัน 5 วัน เราก็จะได้เงินราว 100 บาท เพื่อเอาไปซื้อเทปเพลงได้ 1 ม้วนพอดี ยุคนั้นเราก็เลยเน้นกินข้าวเช้ากับข้าวเย็นที่บ้าน ส่วนข้าวกลางวันเราไม่กิน เราจะได้มีเงินพอซื้อเทป

 

ถึงแม้ปัจจุบันเราจะเป็น loser อย่างเต็มตัว ชีวิตมีแต่ความล้มเหลวและพังพินาศ แต่ก็คิดซะว่า เรายังมี “อดีตที่งดงาม” ให้ย้อนรำลึกถึงก็แล้วกัน โดยเฉพาะอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน

*****

ประกาศผล “รางวัล ไม่ทราบชีวิต ทองคำ” หรือ “GOLDEN INEXPLICABILITY OF LIFE AWARD” สำหรับหนังที่ดิฉันได้ดูใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK 2024

 

สรุปว่าเราได้ดูหนังในงาน WORLD FILM ปีนี้แค่ 46 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังสั้นด้วย ทุกเรื่องชอบในระดับ A+30

 

และเราก็ขอประกาศมอบรางวัล GOLDEN INEXPLICABILITY OF LIFE AWARD หรือ “รางวัล ไม่ทราบชีวิต ทองคำ” สำหรับหนังที่เราชอบที่สุดที่ได้ดูในงาน WORLD FILM ปีนี้ ให้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง APRIL (2024, Dea Kulumbegashvili, Georgia, 134min) ค่ะ

หนังที่ได้ดูในงานเวิลด์ฟิล์มปีนี้ เรียงตามลำดับความชอบ

 

1.APRIL (2024, Dea Kulumbegashvili, Georgia, 134min)

 

2.UNIVERSAL LANGUAGE (2024, Matthew Rankin, Canada, 89min)


3.MISERICORDIA (2024, Alain Guiraudie, France, 102min)

4.YOUTH (SPRING) (2023, Wang Bing, documentary, 3hrs 32mins)

 

5.YOUTH (HARD TIMES) (2024, Wang Bing, documentary, 3hrs 47mins)

 

6.YOUTH (HOMECOMING) (2024, Wang Bing, documentary, 152min)

7.LOVE (2024, Dag Johan Haugerud, Norway, 119min)

8.SEX (2024, Dag Johan Haugerud, Norway, 125min)

9.VERMIGLIO (2024, Maura Delpero, Italy, 119min)

10.SNOW IN MIDSUMMER (2023, Keat Aun Chong, Malaysia, 116min)

 

11.AN ASIAN GHOST STORY (2023, Bo Wang, Hong Kong, Netherlands, 37 min)

 

12.BABY (2024, Marcelo Caetano, Brazil, 107min)

13.DAHOMEY (2024, Mati Diop, France/Senegal/Benin, documentary, 68min)

 

14.A TRAVELER’S NEEDS (2024, Hong Sang-soo, South Korea, 90min)

15. PEPE (2024, Nelson Carlo de Los Santos Arias, Dominican Republic, 122min)

16. DYING (2024, Matthias Glasner, Germany, 180min)

17. THE CATS OF GOKOGU SHRINE (2024, Kazuhiro Soda, Japan, documentary, 119min)

18. TO A LAND UNKNOWN (2024, Mahdi Fleifel, Palestine/Greece/Denmark, 105min)

 

19. MOTHER OF FOG (2023, Farah Al Qasimi, United Arab Emirates, 29 min)

 

20. BY THE STREAM (2024, Hong Sang-soo, South Korea, 111min)

21. YOU, MY, OMMA, MAMA (2024, Laure Prouvost, Belgium, France, Austria, 15 min)

 

22. LOOK ON THE BRIGHT SIDE (2023, Wang Yuyang, France, Italy, 17 min)

 

23. PHANTOSMIA (2024, Lav Diaz, Philippines, 4hrs 10mins)

 

24. SNOW LEOPARD (2023, Pema Tseden, China, 109min)

25. MALU (2024, Pedro Freire, Brazil, 100min)

26. VIET AND NAM (2024, Minh Quy Truong, Vietnam, 129min)

 

27. SANTOSH (2024, Sandhya Suri, India, 120min)


28. ABOVE THE DUST (2024, Wang Xiaoshuai, China, 123min)

29. POOJA, SIR (2024, Deepak Rauniyar, Nepal, 115min)

 

30. THE DAMNED (2024, Roberto Minervini, Italy/Belgium/USA, 89min)


31. PRACTICE, PRACTICE, PRACTICE (2024, Kevin Jerome Everson, 10 min)

 

32. SOME RAIN MUST FALL (2024, Qiu Yang, China, 98min)

33. REVOLVING ROUNDS (2024, Johann Lurf, Christina Jauernik, Austria, 11 min, 3D)

 

34. THE QUIET SON (2024, Delphine Coulin, Muriel Coulin, France/Belgium, 118min)

 

35. CU LI NEVER CRIES (2024, Pham Ngoc Lan, Vietnam, 93min)

 

36. MA -- CRY OF SILENCE (2024, The Maw Naing, Myanmar, 74min)

37. ARCHIPELAGO OF EARTHEN BONES – TO BUNYA (2024, Malena Szlam, Canada, Australia, 20 min)

38. MOTEL DESTINO (2024, Karim Aïnouz, Brazil, 115min)

 

39. HOW TO RUN A TROTLINE (2024, Carl Elsaesser, United States, 18 min)

 

40. BLUE SUN PALACE (2024, Constance Tsang, USA, 116min)

 

41. PIERCE (2024, Nelicia Low, Singapore/Taiwan/Poland, 109min)

42. GINKGO AND OTHER TIMES (2023, Tang Han, Germany, 15 min)

43. WHAT’S SOFTEST IN THE WORLD RUSHES AND RUNS OVER WHAT’S HARDEST IN THE WORLD (2024, Charmaine Poh, Singapore, Germany, 14 min)

 

44. BLINDED BY CENTURIES (2023, Parinda Mai, Thailand, 13 min)

45. I WOULD RATHER BE A STONE (2024, Ana Husman, Croatia, 24 min)

46. GROWING PILLARS (2023, Tromarama, Indonesia, 12min)


รูปสุดท้ายที่เราแปะคือรูปตั๋วหนังที่เราซื้อไว้แต่ไม่ได้เข้าไปดูนะ ซึ่งรวมถึงตั๋วหนังเรื่อง SMILE 2 ที่อยู่นอก FESTIVAL แต่เราซื้อไว้ในช่วงที่มีการจัดเทศกาลด้วย

APRIL


เห็นด้วยกับคุณเต้ ไกรวุฒิ จริง ๆ ที่บอกว่า APRIL (2024, Dea Kulumbegashvili, Georgia, A+30) นี่มาเพื่อปะทะกับ Philippe Grandrieux และ Sharunas Bartas ของจริง

 

อยากให้มีคนทำหนัง found footage เพื่อเอาหนังเหล่านี้มาปะทะกัน

 

1. APRIL (2024, Dea Kulumbegashvili, Georgia, A+30) นำแสดงโดย Ia Sukhitashvili

 

2. CHANGE NOTHING (2009, Pedro Costa, Portugal/France) นำแสดงโดย Jeanne Balibar

 

3. THE CORRIDOR (1995, Sharunas Bartas, Lithuania) นำแสดงโดย Yekaterina Golubeva

 

4. SOMBRE (1998, Philippe Grandrieux, France) นำแสดงโดย Elina Löwensohn

 

5. พญาโศกพิโยคค่ำ THE EDGE OF DAYBREAK (2021, Taiki Sakpisit) นำแสดงโดย Manatsanun Phanlerdwongsakul

 

รู้สึกว่าหนัง 5 เรื่องข้างต้นมี “สไตล์” ที่เหมาะจะนำมาเปรียบเทียบกันมาก ๆ

 

แต่ถ้าหากพูดถึงเนื้อหาของ APRIL แล้ว เรานึกไปถึงหนังเรื่อง PUSH! PUSH! (1997, Park Cheol-su, South Korea, A+30) ที่เคยมาฉายใน Bangkok Film Festival สมัยยังจัดที่ห้างเอ็มโพเรียมด้วย เพราะ PUSH! PUSH! เล่าเรื่องของหมอสูตินารีสาวที่ทำงานทั้งช่วยคนคลอดลูกและช่วยผู้หญิงทำแท้งด้วยเหมือนกัน แต่เหมือนในเกาหลีใต้นั้น การทำแท้งสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมายในบางกรณีมั้ง ถ้าจำไม่ผิด แต่ PUSH! PUSH! เป็นหนังที่เล่าเรื่องอย่างสมจริงเป็น fragments ไปเรื่อย ๆ เพื่อนำเสนอคนไข้รายต่าง ๆ ที่น่าสนใจเป็นจำนวนมากมายหลายคน เพราะฉะนั้น PUSH! PUSH! ก็เลยไม่ได้มีสไตล์ที่คล้ายกับ APRIL แต่อย่างใด

 

จำได้ว่าตอนที่ PUSH! PUSH! มาฉายที่ห้างเอ็มโพเรียม หนังเรียกเสียงฮือฮามาก ๆ เพราะบางฉากในหนังเกาหลีใต้เรื่องนี้ กล้องจะถ่ายจากมุมมองของ “อวัยวะเพศหญิง” คือเหมือนดวงตาของผู้ชม (หรือกล้องของหนัง) จะอยู่ตรงจุดเดียวกับอวัยวะเพศหญิง และเห็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ แยงเข้ามาที่กล้อง (หรือดวงตาของผู้ชม)

 

ส่วน APRIL นั้น ก็มีการเลือกใช้ตำแหน่งของกล้อง หรือการเฟรมฉากบางฉาก ได้อย่างสุดตีนมาก ๆ เช่นกัน

+++

สรุปว่าดู YOUTH ของ Wang Bing ไปแล้วทั้ง 3 ภาค ซึ่งมีความยาวรวมกันเพียงแค่ 590 นาที หรือ 9 ชั่วโมง 50 นาทีแล้วก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่า เราอยากได้ใครเป็นสามีมากกว่ากัน ระหว่าง “เสียวเว้ย” กับ “เฉินชิงเต่า” เพราะเราหลงรักแรงงานหนุ่มทั้งสองคนนี้มาก ๆ ปวดหัวมาก ๆ ไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี แต่ในที่สุดเราก็บอกตัวเองว่า เราไม่เห็นจำเป็นจะต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งระหว่างสองคนนี้เลย เพราะทั้งสองคนนี้เขาก็ไม่ได้เลือกเราอยู่ดี จบ

 

หวังว่าจะมีคนเอา CRUDE OIL (2008, Wang Bing, 14hrs) มาฉายให้เราได้ดูก่อนตายนะคะ

++++

การที่หนังเรื่อง SNOW LEOPARD ฉายต่อจาก THE CATS OF GOKOGU SHRINE (2024, Kazuhiro Soda, Japan, documentary, A+30) นี่มันคือ perfect double bill มาก ๆ

 

+++

 

ในที่สุดเราก็ขอน้อมนำหลักคำสอน “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือ “ทางสายกลาง” ของศาสนาพุทธมาใช้ ด้วยการดูหนังในวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.เพียงแค่ 4 เรื่องพอ

 

อย่างที่เราโพสท์ไปก่อนหน้านี้ว่า ตอนแรกเรากะจะดูหนัง 5 เรื่อง ซึ่งได้แก่

 

1. YOUTH (HOMECOMING) (2024, Wang Bing, documentary, 152min, A+30)

 

2.THE CATS OF GOKOGU SHRINE (2024, Kazuhiro Soda, Japan, documentary, 119min, A+30)

 

3. SNOW LEOPARD (2023, Pema Tseden, China, 109min, A+30)

 

4. APRIL (2024, Dea Kulumbegashvili, Georgia, 134min, A+30)

 

5. KANGUVA (2024, Siva, India, 152min) ที่ PARAGON รอบ 21.30 น.

 

แต่พอเราดู APRIL เสร็จ เราก็ลังเลใจว่าเราจะไปดู KANGUVA ต่อดีมั้ย แล้วก็เหมือนมีเสียงคนพูดในหัวเราว่า “ยึดหลักทางสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทา” ดีกว่า ดูหนังโรง 4 เรื่องต่อวัน มันก็น่าจะเป็นทางสายกลางสำหรับคนวัย 51 ปีอย่างเราแล้ว ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เราก็เลยตัดสินใจ ยึดหลักทางสายกลาง ด้วยการกลับอพาร์ทเมนท์เลย ไม่ได้ดูหนังเรื่องที่ 5 ต่อ

 

นึกถึงสมัย 20 กว่าปีก่อน ตอนนั้นการดูหนังโรง 6 เรื่องต่อวันในช่วงเทศกาลภาพยนตร์ ถือเป็นเรื่องปกติ และก็มีวันนึงที่เราเคยดู 7 เรื่องต่อวันด้วย ซึ่งก็คือวันที่ 30 ก.ย. 2000 ซึ่งวันนั้นเราได้ดูหนังเรื่อง

 

1. WILLOW AND WIND (1999, Mohammad Ali-Talebi, Iran, 81min, A+30)

2. SANTA FE (1997, Andrew Shea, 97min, A+15)

3. RETURN OF THE IDIOT (1999, Sasa Gedeon, Czech, 99min, A+30)

4.THE NINTH GATE (1999, Roman Polanski, France/Spain, 133min, A+30)

5.MY FIRST MISTER (2000, Christine Lahti, 109min, A+15)

6. THE CORNDOG MAN (1999, Andrew Shea, 83min, A-)

7.RHYTHM THIEF (1994, Matthew Harrison, 88min, A+20)

 

วันนั้นเราได้ดูหนังทั้ง 7 เรื่องที่ Emporium ในเทศกาล Bangkok Film Festival

 

แต่ตอนนั้นเราก็อายุแค่ 27 ปีนะ การดูหนังโรง 7 เรื่องต่อวันมันก็เป็นสิ่งที่ทำได้สบายอยู่แล้วสำหรับคนอายุ 27 ปี แต่ตอนนี้เราอายุ 51 ปีแล้ว คิดว่า “ทางสายกลาง” สำหรับเราในวัยนี้ ก็คงเป็น 4 เรื่องต่อวันนี่แหละ จบ

 

 

Friday, November 15, 2024

HEAVEN AND HELL TOUR

 

ประสบการณ์ WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ประจำวันที่ 14 NOV 2024 = พระมาลัย ท่องแดนนรกและสวรรค์

วันนี้ดูหนัง 4 เรื่อง ซึ่งได้แก่  SANTOSH (2024, Sandhya Suri, India, 120min, A+30), PEPE (2024, Nelson Carlo de Los Santos Arias, Dominican Republic, 122min, A+30), BY THE STREAM (2024, Hong Sang-soo, South Korea, 111min, A+30) และ LOVE (2024, Dag Johan Haugerud, Norway, 119min, A+30)

 

พอดู 4 เรื่องเรียงตามลำดับข้างต้น แล้วรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นลูกทัวร์ของพระมาลัย มีพระมาลัยเป็นไกด์ทัวร์ พาไปดู “อเวจีชั้นต่ำสุด” ก่อน ซึ่งได้แก่ อินเดียที่เต็มไปด้วยปัญหาสังคมอย่างร้ายแรงมาก ๆ ดูแล้วนึกถึงหนังสารคดีของ Anand Patwardhan หลายๆ เรื่องที่เคยมาฉายในกรุงเทพมาก ๆ แล้วหลังจากนั้นพระมาลัยก็พาลูกทัวร์ขึ้นจากอเวจีชั้นต่ำสุด มาเยือนประเทศโคลอมเบียในหนังเรื่อง PEPE ที่สภาพบ้านเมืองอาจจะอยู่ในระดับเท่ากับหรือแย่กว่าไทยนิดหน่อย โดยหนังเรื่อง PEPE อาจจะไม่ได้พูดถึงปัญหาสังคมการเมืองโดยตรงเท่ากับ SANTOSH ยกเว้นในฉาก “ประกวดนางงาม” แต่หนังก็สะท้อนสภาพสังคมออกมาโดยอ้อมอยู่ดี

 

แล้วหลังจากนั้นพระมาลัยก็พาลูกทัวร์ มาเยือนเกาหลีใต้ในหนังเรื่อง BY THE STREAM ที่สภาพบ้านเมืองในหนังดูดีกว่า SANTOSH และ PEPE มาก ๆ แต่ก็ใช่ว่าประเทศของเขาจะไม่มีปัญหาการเมือง เพราะตัวละครใน BY THE STREAM ก็มีสถานะเป็น “เหยื่อทางการเมือง” อย่างเห็นได้ชัดมาก ๆ เช่นกัน เพียงแต่ว่าสภาพความเป็นอยู่อย่างอื่น ๆ ของตัวละครดูดีกว่าในอินเดีย, โคลอมเบีย และไทยมากๆ

 

แล้วหลังจากนั้นพระมาลัยก็พาลูกทัวร์ไปเยือน “สวรรค์ชั้นเจ็ด” ใน LOVE เพราะมันเป็นหนังนอร์เวย์ที่นำเสนอประเทศของตัวเองราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์จริง ๆ โดยเฉพาะจากมุมมองของคนไทยจนๆ อย่างเรา 55555

 

ดู LOVE แล้วชอบมากกว่า SEX (2024, Dag Johan Haugerud, Norway, A+30) นะ เพราะ SEX เหมือนมันเล่าผ่านมุมมองของผู้ชายสองคนที่มีความเป็น straight สูงมาก หรืออาจจะมีความ bisexual อยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่มุมมองที่จูนเข้ากับเรามากนัก แต่พอ LOVE มันเล่าผ่านมุมมองของตัวละครที่เป็นผู้หญิงกับเกย์ เราก็เลยจูนติดได้ง่ายกว่าเยอะเลย คล้าย ๆ กับความรุ้สึกของเราที่มีต่อหนังชุด SIX MORAL TALES ของ Eric Rohmer กับหนังชุด COMEDIES AND PROVERBS ของ Eric Rohmer เพราะหนังชุด SIX MORAL TALES มันเป็น “ผู้ชายมองผู้หญิง” แต่หนังชุด COMEDIES AND PROVERBS มันเป็น “ผู้หญิงมองผู้ชาย” เราก็เลยจะจูนติดกับหนังชุด COMEDIES AND PROVERBS มากกว่าหนังชุด SIX MORAL TALES

 

อีกจุดที่ทำให้นึกถึงหนัง Rohmer มาก ๆ ก็คือการที่เนื้อหาใน LOVE มันเกิดใน “เดือนสิงหาคม” เพราะเนื้อเรื่องในหนังของ Rohmer หลาย ๆ เรื่องก็มักจะเกิดในฤดูร้อนเหมือนกัน โดยเฉพาะ THE GREEN RAY (1986)

 

พอดู LOVE แล้วก็จะนึกถึงหนังเรื่อง WHAT I LOVE THE MOST (2010, Delfina Castagnino, Argentina, A+30) ด้วย เราได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนมันมาฉายใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ในวันที่ 9 พ.ย. 2010 และถ้าเราจำไม่ผิด ตอนนั้นหนังเรื่อง WHAT I LOVE THE MOST ฉายควบกับหนังไทยเรื่อง “ตู้เย็นบิน” (2010, Nathan Homsup, A+30)

 

รู้สึกราวกับว่า เทศกาล WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK มีความสัมพันธ์อันดีกับ “ตระกูล DIOP” เพราะว่า เราได้ดูหนัง 3 เรื่องของตระกูลนี้ในเทศกาลนี้ 555555 ซึ่งหนัง 3 เรื่องนี้ประกอบด้วย

 

1.เราได้ดู HYENAS (1992, Djibril Diop Mambety, Senegal, A+30) ที่โรงภาพยนตร์ในห้างบิ๊กซี ราชดำริ ในวันที่ 23 ต.ค. 2004 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน

 

2. เราได้ดู ATLANTIQUES (2010, Mati Diop, Senegal/France, 16min, A+30) ที่โรงภาพยนตร์ สยาม พารากอน ในวันที่ 9 พ.ย. 2010 หรือเมื่อ 14 ปีก่อน

 

3. เราได้ดู DAHOMEY (2024, Mati Diop, France/Senegal/Benin, documentary, 68min, A+30) ที่ Central World ในวันเสาร์ที่ 9 พ.ย. 2024

 

Mati Diop เป็น niece ของ Djibril Diop Mambety

 

 

 

Thursday, November 14, 2024

HELL OF A DAY FOR A CINEPHILE

 

อันนี้คือตัวอย่างว่า ทำไมทุกวันนี้เราถึงฟังเทป cassette อยู่ เพราะ tape cassette มันบันทึกเสียงของ DJ เมื่อ 30 กว่าปีก่อนเอาไว้ อันนี้เป็นเสียงของ DJ อลิสรา ในรายการ HI NRG ในช่วง “21 นาทีก่อนตี 5” เวลาเราได้ฟังเทปพวกนี้ มันก็เลยทำให้รำลึกถึง “วันชื่นคืนสุขในอดีต” ได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะในยุคที่เราเรียนมหาลัย และต้องฟังรายการวิทยุตอน 24.00-05.00 น

 -----------

บันทึกความทรงจำว่า วันนี้เป็นวันที่กูต้องทิ้งตั๋วหนังไป 3 เรื่องค่ะ

 

1.ตั๋วอันแรกที่ทิ้งไปคือ BY THE STREAM เพราะกูกดซื้อตั๋วผิดวันเอง คือเราตั้งใจจะดู BY THE STREAM ในวันที่  14 แต่เราดันกดซื้อตั๋วผิดวันเป็นของวันที่ 13 เราก็เลยต้องทิ้งตั๋ว BY THE STREAM ไป 555

 

2.ตั๋วอันที่สองคือ MONGREL รอบ 13.30 น. ซึ่งอันนี้เกิดจาก “ความซวยตั้งแต่เกิด” ของเราเอง คือเราเป็นคนที่ “เหงื่อออกง่ายมาก ๆ” คือถ้าหากอุณหภูมิสูงเกิน 29 องศาเซลเซียสเมื่อไหร่ เหงื่อกูจะเริ่มออก

 

แล้ววันนี้ กูก็รีบกระหืดกระหอบออกจากอพาร์ทเมนท์มาดู MONGREL ท่ามกลางอากาศตอน 12.00-13.00 น.ของกรุงเทพ ซึ่งถึงแม้นี่จะเป็นกลางเดือนพ.ย. แต่อากาศก็ร้อนแบบหาความปรานีแทบไม่ได้ แล้วกูก็กระหืดกระหอบ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง พยายามจะมาให้ทัน ผลปรากฏว่า พอมาถึง CENTRAL WORLD ชั้น 7 เหงื่อเราก็แตกพลั่กหนักมาก ๆ เราก็เลยคิดว่าจะหาไอติมกิน เพื่อให้เหงื่อหยุดไหลโดยเร็วที่สุด แต่กว่าอีร้านขายไอติมจะตักไอติมให้กูเสร็จ เหงื่อเราก็ท่วมตัวแล้ว เราก็เลยคิดว่า ไม่ไหวแล้วล่ะ ถ้าหากเราไม่อยากนั่งติดคนตัวเหม็น เราก็ต้องไม่ทำแบบนั้นกับคนอื่น ๆ ด้วย เราก็เลยตัดสินใจกลับอพาร์ทเมนท์ไปอาบน้ำใหม่ แล้วก็ทิ้งตั๋ว MONGREL ไปเลย

 

ก็เลยกลับอพาร์ทเมนท์ มาอาบน้ำใหม่อีกรอบ แล้วก็ออกเดินทางใหม่โดยยึดถือคติว่า “เราจะต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเชื่องช้า เพื่อไม่ให้เหงื่อเราแตก” เราก็เลยเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเชื่องช้า จนมาถึง CENTRAL WORLD ใหม่ แล้วก็ดูโปรแกรม WINDOWS 4: SOMEWHERE IN THE LAND OF IMAGINATION กับ YOUTH (HARD TIMES) (2024, Wang Bing, China, documentary, 3hrs 47mins, A+30) ไปค่ะ

 

3.ตั๋วอันที่ 3 ที่เราทิ้งไปคือ SMILE 2 รอบ 21.50 น. เพราะแผนเราผิดพลาด คือตอนแรกเรานึกว่าโปรแกรม WINDOWS 4 มันจะเสร็จราว ๆ 17.30 น. แล้วเราก็จะมีเวลาแดกขนมปังเบเกอรี่สัก 15 นาที แล้วค่อยดู YOUTH (HARD TIMES) ตอน 17.45 น. แล้วก็ดู SMILE 2 ตอน 21.50 น.

 

แต่โปรแกรม WINDOWS 4 มันเลิกเลท เพราะฉะนั้นเราก็เลยไม่มีเวลาแดกขนมปังอะไรทั้งสิ้น ก็เลยได้ดื่มแค่น้ำเปล่า 1 ขวด แล้วก็ต้องรีบเข้าไปดู YOUTH (HARD TIMES) เลย ซึ่งตอนแรกเราก็รู้สึกสบาย ๆ เพราะตอน 17.45 น. กูยังไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด

 

แต่ YOUTH (HARD TIMES) มันยาว 3 ชั่วโมง 47 นาที เพราะฉะนั้นระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ จากที่รู้สึกสบาย ๆ ก็กลายเป็นรู้สึกหิวจนแทบเป็นลมในเวลาต่อมา แต่เราก็ไม่อยากพลาดฉากแรงงานหนุ่ม ๆ ชาวจีนถอดเสื้อในหนังเรื่องนี้ ก็เลยดูไปจนจบ แล้วก็กลับอพาร์ทเมนท์ดีกว่า คิดว่าคงดู SMILE 2 ต่อไม่ไหวแล้ว

 

ก็เลยสรุปวิบากกรรมของวันนี้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ 555

Wednesday, November 13, 2024

I WISH I HAD A HEART ATTACK IN A FILM FESTIVAL

 

วันนี้ดูหนัง 4 เรื่องติดกันใน WORLD FILM หาเวลาแดกข้าวอย่างจริง ๆ จัง ๆไม่ได้เลย ได้กินแค่ข้าวเช้าตอน 10 โมง แล้วก็ได้กินขนมเบเกอรี่เล็ก ๆ น้อย ๆ ในระหว่างรอบฉายแต่ละเรื่อง แต่เวลาในระหว่างรอบฉายก็ไม่มากพอที่จะแดกขนมได้หมด สรุปกูเพิ่งมีเวลามาแดกขนมเบเกอรี่ที่ซื้อตุนไว้จนหมดได้ก็ต่อเมื่อกลับถึงอพาร์ทเมนท์ในเวลา 23.05 น.

 

แต่ถึงจะไม่ได้มีเวลาแดกข้าวเลยในระหว่างวัน แต่ก็อิ่มทิพย์จากหนังที่ได้ดูมาก ๆ ถือเป็นวันที่มีความสุขสุดขีดอยู่ดี

 

ถ้าเราหัวใจวายตายขณะดูหนัง บางทีอาจจะเป็นการตายที่เหมาะสมกับเราที่สุดแล้ว 55555

Tuesday, November 12, 2024

SNOW IN MIDSUMMER

 

บางครั้ง “สถานที่ฉาย” ก็มีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อ “ความรู้สึกของตัวเราที่มีต่อหนังที่ได้ดู” จริง ๆ ซึ่งกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเราก็คือ SNOW IN MIDSUMMER (2023, Keat Aun Chong, Malaysia, A+30) ที่เราเพิ่งได้ดูในวันที่ 11 พ.ย.ที่ “CENTRAL WORLD”

 

คือถ้าหากเราไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงฉายที่ CENTRAL WORLD เราก็คงไม่ได้รู้สึกกับหนังเรื่องนี้แบบนี้ คือถ้าหากเราได้ดูหนังเรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์อื่นๆ เราก็คงชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุด ๆ เหมือนเดิมแหละ แต่ “ความรู้สึกระหว่างที่ดูหนัง” ก็คงแตกต่างไปจากที่เรารู้สึกกับมันตอนดูที่ CENTRAL WORLD

 

คือหนังเรื่องนี้เล่าถึงเหตุการณ์เดียวกับในหนังเรื่อง THE TREE REMEMBERS (2019, Lau Kek Huat, Taiwan, about Malaysia, documentary, A+30) ที่หลายคนคงเคยดูไปแล้ว นั่นก็คือเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวจีนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ในปี 1969 ที่อาจจะมีผู้เสียชีวิตราว 600 คน โดยตัวหนัง SNOW IN MIDSUMMER นั้นนำเสนอทั้งเหตุการณ์สังหารหมู่ในปี 1969 และนำเสนอภาพปัจจุบันของ “สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่” ด้วย ว่าพอเวลาผ่านมานานราว 50 ปีแล้ว สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่มันกลายสภาพไปเป็นอะไรแล้วในยุคปัจจุบัน

 

แล้วพอเราดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ที่ CENTRAL WORLD ตอนดูหนังเราก็จะรู้สึกหลอนสุดขีดมาก ๆ น่ะ เพราะถึงแม้หนังเรื่องนี้มันไม่ได้ตั้งใจ ใจเราก็จะนึกไปถึงเหตุการณ์สังหารหมู่เสื้อแดงที่ราชประสงค์ในปี 2010 ในหลาย ๆ นาทีขณะที่เราดูหนังเรื่องนี้

 

มันเหมือนคราบเลือดที่อยู่ในจอภาพยนตร์ มันไม่ได้อยู่แค่ในจอภาพยนตร์ แต่มันอยู่ใต้เท้าของเราในขณะที่กำลังนั่งดูหนังเรื่องนี้อยู่ด้วย

 

ก็เลยรู้สึกว่าประสบการณ์การชมหนังเรื่อง SNOW IN MIDSUMMER ในโรงภาพยนตร์ที่ CENTRAL WORLD มันเป็นอะไรที่สุดขีดมาก ๆ สำหรับเรา ซึ่งถ้าหากเราได้ดูหนังเรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์อื่น ๆ เราก็คงไม่รู้สึกอะไรแบบนี้

Saturday, November 09, 2024

TO A LAND UNKNOWN (2024, Mahdi Fleifel, Greece/Palestine, A+30)

 

เมื่อวานดู TO A LAND UNKNOWN (2024, Mahdi Fleifel, Greece/Palestine, A+30) แล้วเราก็บอกเพื่อน ๆ ว่า มันเหมือนเขาเอาหนังสารคดีที่เขาเคยทำมาแล้วมาดัดแปลงเป็น fiction เพราะเนื้อหาในหนังเรื่องนี้มันเหมือนสารคดีที่เขาเคยทำมาแล้วมาก ๆ พอดูเสร็จก็เลยต้องค้นว่าเนื้อหาใน TO A LAND UNKNOWN มันเหมือนสารคดีเรื่องอะไร ซึ่งก็คือเรื่อง XENOS (2013, Mahdi Fleifel, documentary, A+30) นั่นเอง

 

ประเด็นหลักที่คุยกับเพื่อน ๆ cinephiles เมื่อวานคือ “เราคิดถึง จอห์นนี่ เหงียน” เพราะพอได้ดู VIET AND NAM (2024, Truong Minh Quy, Vietnam, A+30) แล้วก็เลยทำให้รำลึกขึ้นมาได้ว่า พวกเราเคยดู “หนังเลสเบียนเวียดนาม” เรื่อง ADRIFT (2009, Bui Thac Chuyen) ในเทศกาลภาพยนตร์อะไรสักอย่างในกรุงเทพ ซึ่งเป็นหนังที่นำแสดงโดย “จอห์นนี่ เหงียน” แล้วก็เลยจำได้ว่า เหมือนจอห์นนี่ เหงียนจะเป็นสามีในฝันของขาประจำเทศกาลภาพยนตร์ในกรุงเทพอยู่ช่วงนึง แต่ไม่รู้เขาหายไปไหนแล้ว แทบไม่ได้ดูหนังที่เขาเล่นเลยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

 

ชอบ PHANTOSMIA อย่างรุนแรง แต่อยากดู A TALE OF FILIPINO VIOLENCE (2022, Lav Diaz, 6hrs 49mins) กับ ESSENTIAL TRUTHS OF THE LAKE (2023, Lav Diaz, 3hrs 35min) มาก ๆ เพราะเหมือนหนังสองเรื่องนี้ยังไม่ได้เข้าโรงฉายในไทย

Wednesday, November 06, 2024

WFFBKK FIRST YEAR

 

เทศกาลภาพยนตร์ WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว วันนี้ดิฉันก็เลยขอรำลึกความหลังถึงวันแรกที่ดิฉันได้ดูเทศกาลนี้ในปีแรก ซึ่งก็คือวันที่ 18 ต.ค. 2003 หรือเมื่อ 21 ปีก่อน และหนังเรื่องแรกที่ดิฉันได้ดูในเทศกาล WFFBKK ครั้งแรกก็คือหนังเรื่อง THE NAME OF THE RIVER (2001, Anup Singh, India, A+30) ที่ดิฉันชอบอย่างสุดขีดมาก โดยในครั้งนั้นเทศกาลนี้จัดขึ้นที่ห้าง SIAM DISCOVERY

 

มีหนังที่ดิฉันชอบอย่างสุดขีดมากมายหลายเรื่องใน WFFBKK ปีแรก อย่างเช่นเรื่อง

 

1.DAYS AND NIGHTS IN THE FOREST (1969, Satyajit Ray, India)

 

2.RUSSIAN ARK (2002, Alexander Sokurov, Russia)

 

3.IT’S EASIER FOR A CAMEL (2003, Valeria Bruni-Tedeschi, France)

 

4.THAT DAY (2003, Raúl Ruiz, France/Switzerland)

 

5.ARIMPARA (2002, Murali Nair, India)

 

6.THE WIND BIRD (2002, Inoka Sathyangani Keerthinanda, Sri Lanka)

 

7.SALTIMBANK (2003, Jean-Claude Biette, France)

 

ถึงเวลาจะผ่านมานาน 21 ปีแล้ว ก็ยังจดจำได้ดีว่ามีความสุขสุดขีดในเทศกาลนี้ทั้งในปี 2003 และในปีต่อ ๆ มาค่ะ

***

ช่วงนี้เราก็ยังคงเจอมรสุมชีวิตอยู่เหมือนเดิม ทำให้แทบไม่มีเวลาออกไปดูหนังโรง และก็แทบไม่มีเวลาดูหนังในเทศกาลหนังสั้นมาราธอนเลยด้วย แต่ยังไงก็ขอจดรายชื่อหนังที่เข้าโรงฉายในกรุงเทพในช่วงที่ผ่านมา แต่เรายังไม่ได้ดูเอาไว้ก่อน

 

1.ABSOLUTION (2024, Hans Petter Moland, 112min)

 

2.BHOOL BHULAIYAA 3 (2024, Anees Bazmee, India, 158min)

 

3.CANARY BLACK (2024, Pierre Morel, UK, 101min)

 

4.DON’T SLEEP มึงนอน มึงตาย (2024, กฤตณัฐ วัชรานันทกุล, 90min)

 

5.DORAEMON THE MOVIE: NOBITA’S EARTH SYMPHONY (2024, Kazuaki Imai, Japan, animation, 115min)

 

6.A LEGEND (2024, Stanley Tong, China/Hong Kong, 129min)

 

7. 1946: THE MISTRANSLATION THAT SHIFTED CULTURE (2022, Sharon Roggio, documentary)

เราซื้อตั๋วหนังเรื่องนี้ไว้แล้วล่วงหน้า แต่พอดีเราติดโควิดในสัปดาห์ที่มีการฉายหนังเรื่องนี้ เราก็เลยไม่ได้ออกไปดูหนังเรื่องนี้

 

8.THE RAPTURE (2023, Iris Kaltenbäck, France) ฉายที่ Alliance ในช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา แต่เราไม่ได้ออกไปดู เพราะเราติดโควิดในช่วงนั้น

 

9.SINGHAM AGAIN (2024, Rohit Shetty, India, 144min)

 

10.SMILE 2 (2024, Parker Finn, 127min)

 

11.SUPER/MAN: THE CHRISTOPHER REEVE STORY (2024, Ian Bonhôte, Peter Ettedgui, documentary, 104min)

 

12.TERRIFIER 3 (2024, Damien Leone, 125min)

 

13.VENOM: THE LAST DANCE (2024, Kelly Marcel, 109min)

 

14.WHITE BIRD (2023, Marc Forster, 121min)

 

15.YOU WILL DIE IN 6 HOURS (2024, Lee Yun-seok, South Korea, 91min)

 

16.วัยเป้ง นักเลงขาสั้น 2 (2024, อานนท์ มิ่งขวัญตา, 115min)

 

แล้วยังมีหนังในเทศกาลหนังสเปน, เทศกาลหนังไอร์แลนด์ และเทศกาลหนังเยอรมันในกรุงเทพที่ดิฉันไม่ได้ออกไปดูอีก กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ชีวิตมีแต่หนังดี ๆ จำนวนมากเข้าโรงฉายใกล้บ้านคุณ แต่ไม่สามารถหาเวลาว่างออกไปดูได้ค่ะ

 

เดี๋ยวรายชื่อ “หนังโรงที่กูพลาดดู” นี้จะยาวขึ้นไปเรื่อย ๆ อีกในช่วงเทศกาล WORLD FILM และเทศกาลหนังสารคดีไต้หวัน 55555

Tuesday, November 05, 2024

MARGARIDA GIL

 

เห็นคุณ Warut เขียนชื่นชมภาพยนตร์โปรตุเกสที่กำกับโดย Margarida Gil เราก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เราเคยดูหนังเรื่อง ADRIANA (2005, A+30) ที่กำกับโดย Margarida Gil พอค้นดูก็พบว่าเราได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันที่ 25 ต.ค. 2008 ในเทศกาลภาพยนตร์ World Film Festival of Bangkok เรายังจำได้เลยว่า คืนวันนั้นเรากับเพื่อน ๆ cinephiles ไปนั่งเมาท์มอยถกกันต่อเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE HEADLESS WOMAN เป็นเวลานานมากที่ร้านแมคโดนัลด์ในห้างโซโก้

 

เทศกาลภาพยนตร์ WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK เป็นเทศกาลแห่งความทรงจำที่น่าประทับใจจริง ๆ ค่ะ ขนาดเวลาผ่านมานานหลายปีมาก ๆ แล้ว หนังในเทศกาลนี้ก็ยังคงประทับใจเราอย่างไม่รู้เสื่อมคลาย และเทศกาลนี้ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่กูจะทำงานเสร็จทันหรือเปล่า กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด

***

ช่วงที่โควิดระบาดเราเคยซื้ออาหารกระป๋องมาตุนไว้ พอตอนนี้เราก็เลยต้อง “รับกรรมให้พอ ตัวก่อไว้เอง” ด้วยการแดกอาหารกระป๋องเหล่านี้ก่อนที่มันจะหมดอายุ 555

Monday, November 04, 2024

HEAVY SNOW

 

HEAVY SNOW ฤดูหนาว เรารักกัน (2023, Suik Yun, lesbian film, South Korea, A+30)

 

หนักที่สุด กราบตีนที่สุด อินที่สุด ดูแล้วแหลกสลายตายห่าคาโรงไปเลย ชอบหนัง surreal แบบนี้มาก ๆ

 

จริง ๆ แล้วเราชอบ LOVE IN THE BIG CITY (2024, E.oni, South Korea, queer film, A+30) ที่กำลังลงโรงฉายในไทยในตอนนี้เหมือนกันมากนะ แต่ชอบ HEAVY SNOW มากกว่าอย่างรุนแรงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะเรารู้สึกว่า LOVE IN THE BIG CITY นั้น ถึงแม้มันจะนำเสนอตัวละครเกย์ที่มีประสบการณ์ชีวิตตรงกับเราในบางจุด แต่หนังเรื่องนี้มันก็ทำได้เพียงแค่สะท้อน “ภายนอก” ของเราน่ะ แต่ HEAVY SNOW ที่เป็นหนังเลสเบียน กลับสะท้อน “ภายใน” ของเราได้อย่างไม่ทราบชีวิตอะไรอีกต่อไป

 

รู้สึกเหมือน “ดวงจิต” ของเราในบางส่วน ยังคงหลงทางอยู่ในหนังเรื่อง HEAVY SNOW ยังหาทางออกจากหนังเรื่องนี้ไม่ได้

 

ดู HEAVY SNOW แล้วแอบนึกถึง Michelangelo Antonioni ด้วย ในฐานะหนังที่สะท้อน LANDSCAPE OF THE SOUL

Sunday, November 03, 2024

THE WAR OF SOFT POWER HAS ALREADY BEGUN

 

ตอนนี้เริ่มสังหรณ์ใจว่า เราอาจจะทำงานเสร็จไม่ทัน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ในวันแรก ๆ ของเทศกาล เพราะฉะนั้นตารางทุกอย่างที่เราเคยวางไว้อาจจะรวน ๆ ไปหมด เพราะฉะนั้นตอนนี้เราก็เลยต้องเตรียมทางหนีทีไล่ของชีวิตเอาไว้ก่อน

 

PLAN A ดูหนังใน World Film Festival

https://web.facebook.com/worldfilmbangkok/posts/pfbid02KLitbRcRT4sGaMSN1NNwTSMNgdpvAPtEUPozhFBr3gkh7soY5HyQ5TtXPis5EFYyl

 

PLAN B ดูเทศกาลภาพยนตร์เยอรมันในกรุงเทพ

https://www.goethe.de/ins/th/en/kul/sup/okf/ssv/doc.html

 

PLAN C ดูเทศกาลหนังสั้นมาราธอน

https://web.facebook.com/ThaiShortFilmVideoFestival/posts/pfbid036XDfZCqVqerp8GeCfzzqALRrG68HNpPJi7bEBZwmYuokPLKEi79ZMxzKHqBLJoNEl

 

รู้สึกเหมือนช่วงนี้ตัวเองเป็นคนประเภท “สวยเลือกได้” มาก ๆ เลยค่ะ อยู่ดี ๆ ก็มีหนังที่อยากดูหลายร้อยเรื่องเข้ามาฉายให้คนสวยคนนี้เลือกดูในเวลาเดียวกัน 55555 ถือว่าเดือนพฤศจิกายนปีนี้เป็นเดือนที่มีหนังเข้าฉายในกรุงเทพที่พีคที่สุดในชีวิต เพราะต้นเดือนพ.ย.ก็มีเทศกาลหนังไอร์แลนด์ที่ดิฉันไม่มีเวลาไปดู แถมปลายเดือนพ.ย.ก็มีเทศกาลหนังจีนแผ่นดินใหญ่ตบตีกับเทศกาลหนังไต้หวันอีก THE WAR OF SOFT POWER HAS BEGUN จริง ๆ ค่ะ

 

Saturday, November 02, 2024

FROM THE FIRST TIME WE MET, THE SEPARATION HAS ALREADY BEGUN

 

FAVORITE QUOTE: “From the first time we met, the separation has already begun.”

เมื่อเราได้เจอใครก็ตามเป็นครั้งแรก วินาทีนั้นมันก็คือการเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่วันที่เรากับเขาจะไม่ได้พบเจอกันอีกในอนาคต

 

เป็นประโยคที่เราดัดแปลงมาจากเนื้อเพลง YUME NO NAKADE GRADUATION ของ Midori Karashima

https://www.youtube.com/watch?v=t1cg8Bw0lyw

 

คือเราไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นนะ แต่ google translate มันแปลเนื้อเพลงนี้ออกมาทำนองนี้ 55555 แล้วเราก็เลยเอาประโยคทำนองนี้ที่อยู่ในเนื้อเพลงนี้มาดัดแปลงใช้เป็นหลักธรรมประจำใจเรา ซึ่งจริง ๆ แล้วเราอาจจะเข้าใจเนื้อเพลงนี้ผิดก็ได้ เพราะเราไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น

 

คือพอเราดูหนังเรื่อง SOMETIME SOMEWHERE SOMEONE (2024, ธันยวีร์ ทองดีพันธ์ Thanyawee Thongdeephan, A+30) เราก็ร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงมาก ๆ ร้องไห้แบบไม่ทราบชีวิตอะไรอีกต่อไป แล้วเราก็นึกถึงประโยคนี้ในเนื้อเพลงของ Midori Karashima มาก ๆ แล้วเราก็เลยพูดถึงประเด็นนี้อย่างละเอียดยิบในคลิป “ดูหนังกับมาเหม่ยจำบัง 7”

https://www.youtube.com/watch?v=rrkhSqbTV7A

 

แต่ไหน ๆ เราพูดถึงเรื่องนี้ในคลิปไปแล้ว ก็เลยมาขอมาจดไว้ในนี้นิดนึงแล้วกัน คือเรารู้สึกว่าหนังเรื่อง SOMETIME SOMEWHERE SOMEONE มันทำให้เรานึกถึงสัจธรรมข้อนี้น่ะ สัจธรรมที่ว่า คนหลาย ๆ คนที่เรารักมาก ๆ เขาไม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดไป บางคนก็ตายจากเราไปก่อนด้วยโรค, ด้วยอุบัติเหตุอย่างฉับพลัน, บางคนก็ห่างเหินกันไปด้วยปัจจัยต่าง ๆ อย่างเช่นไปมีลูกมีผัว, ย้ายไปต่างประเทศ, งานยุ่ง หรือทะเลาะกันด้วยเรื่องต่าง ๆ หรืออยู่ดีๆ ก็ค่อย ๆ ห่างกันไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าหากใครคนใดก็ตาม “เคยทำให้เรามีความสุขสุดขีดในอดีต” ระดับความทุกข์ที่เกิดจากการห่างเหินกับคน ๆ นั้นก็จะยิ่งทบเท่าทวีคูณตามไปด้วยในอนาคต คือยิ่งสุขมากเพียงใดเพราะคนคนใดในอดีต ก็จะยิ่งทุกข์มากเพียงนั้นเมื่อคนคนนั้นจากไปในอนาคต

 

และในเมื่อทุกอย่างเป็นอนิจจัง คนจำนวนมากที่เคยให้ความสุขแก่เรา ไม่สามารถอยู่กับเราไปได้จนถึงวันตายของเรา สักวันนึงคนแต่ละคนก็จะค่อย ๆ ห่างออกไปจากชีวิตเรา หรือหายไปจากชีวิตเรา เพราะฉะนั้นเราก็เลยรู้สึกว่านี่มันเป็นความเศร้าอย่างนึงของชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะชีวิตเราเอง หนังเรื่อง SOMETIME SOMEWHERE SOMEONE  ก็เลยกลายเป็นหนังเรื่องนึงที่ทำให้เราร้องห่มร้องไห้หนักที่สุดในชีวิต และก็เลยทำให้เราฟังเพลงของ Midori Karashima วนไปเรื่อย ๆ ในช่วงนี้

 

 “From the first time we met, the separation has already begun.”

เมื่อเราได้เจอใครก็ตามเป็นครั้งแรก วินาทีนั้นมันก็คือการเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่วันที่เรากับเขาจะไม่ได้พบเจอกันอีกในอนาคต

FILMS MENTIONED IN MAMEIJAMBANG 6,7

 

หนังที่เราเอ่ยชื่อถึงในคลิป “ดูหนังกับมาเหม่ยจำบัง 6”

 

เพื่อความสะดวกของตัวเราเองในอนาคตเวลาต้องการจะค้นข้อมูล เราก็เลยจดไว้ก่อนดีกว่าว่า เราเอ่ยถึงชื่อหนัง/ละครทีวีเรื่องใดบ้างในแต่ละคลิป

 

FILMS OR TV SERIES MENTIONED IN THE CLIP “WATCHING FILMS WITH MAMEIJAMBANG 6”

https://youtu.be/2pMOYDTIgnU

 

1. PHOTOSYNTHESIS (2024, Athiwat Summart อธิวัฒน์ สุ่มมาตย์, 21min, A+25)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 2-11

 

2. THE ETERNITY นิรันดร์ (2022, Athiwat Summart อธิวัฒน์ สุ่มมาตย์, 10min, A+30)

 

3. HANABI (2010, Sudchana Matkaran, 17min, A+30)

 

4. BEFORE THE EMBRACE IS GONE FOREVER ก่อนที่โอบกอดจะหายไปตลอดกาล (2016, Denchai Khaesingh เด่นชัย แขสิงห์, 17min, A+25)

 

5. THANK YOU FOR CRYING (2024, Samittanun Suwansukroj สมิตานัน สุวรรณสุขโรจน์, 36min, A+20)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 11-20

 

6. ERIKO, PRETENDED (2016, Akiyo Fujimura, Japan, A+30)

 

7. CRYING LADIES (2003, Mark Meily, Philippines)

 

8. BUNNY (2000, Mia Trachinger, USA, A+30)

 

9. KAMMARUAY (2024, Katyzapp ธนกร สุทธิเรือง, 30min, A+)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 20-24

 

10. FAMILY PLOT (1976, Alfred Hitchcock)

 

11. SON OF RAMSES (2022, Clément Cogitore, France, A+30)

 

12. KOBY, STAR BOY (2024, Nachanont Sudprasert ณชนนท์ สุดประเสริฐ, 6min, A+25)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 25-36

 

13. IN A PAST LIFE THEATER (2022, Nachanont Sudprasert ณชนนท์ สุดประเสริฐ, 12min, A+25)

 

14. A TOFU IN THE LAST KARAOKE NIGHT (2022, Nachanont Sudprasert ณชนนท์ สุดประเสริฐ, 17min, A+25)

 

15. VOICES OF A DISTANT STAR (2002, Makoto Shinkai, Japan, animation, 25min)

 

16. DECODINGS (1988, Michael Wallin, USA, 15min)

 

17. BON VOYAGE! MISS SPACE TRAVELLER ขอให้คุณเดินทางโดยสวัสดิภาพ (2024, Manassanan Pimman มนัสนันท์ พิมพ์แมน, 32min, A+25)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 36-44

 

18. THE KARMAN LINE (2014, Oscar Sharp, UK, 24min)

 

19. UP TO THE STARS (1968, Klaus Wyborny, West Germany, 14min)

 

20. IN THE SAME BREATH ในลมหายใจเดียวกัน (2024, Natcha Sanpawichu ณัชชา สรรพวิชุ, 23min, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 44-51

 

21. I CRY SEVERAL TIMES (2023, Natcha Sanpawichu ณัชชา สรรพวิชุ, 4min, A+30)

 

22. BLIND ธรรมดาสู่สามัญ (2008, Kanjana Akasin กาญจนา เอกสินธ์, 30min, A+30)

 

23. A YEAR AGO (2016, Shanya Jiwachotkamjorn ชัญญา จิวโชติกำจร, queer film, 20min, A+25)

 

24. MERMAID MIMICRY นางเงือกจำแลง (2024, Chitpon Paengwiengjan ชิตพล แพงเวียงจันทร์, 25min, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 51-62

 

25. PORTRAIT OF THE NATION’S HAPPINESS (2022, Chitpon Paengwiengjan ชิตพล แพงเวียงจันทร์, 8min, A+25)

 

26. MUNDANE HERSTORY ชีหลง (2022, Chitpon Paengwiengjan ชิตพล แพงเวียงจันทร์, 8min, A+5)

 

27. MEKHONG MON AMOUR ลำนำ, แม่โขงที่รัก (2023, Chitpon Paengwiengjan ชิตพล แพงเวียงจันทร์, 13min, A+30)

 

28. GRAY (2022, Sorawit Sitthisan, 20min, A+30)

 

29. EIKA KATAPPA (1969, Werner Schroeter, West Germany, 144min)

 

30. THE DEATH OF MARIA MALIBRAN (1972, Werner Schroeter, West Germany, 104min)

 

31. RUSTY THREESOME (2024, Intouch Suntichaikul อินทัช สันติไชยกุล, 18min, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 62-70

 

32. WHEN THE WIND TOUCHES (2022, Intouch Suntichaikul อินทัช สันติไชยกุล, 9min, A+10)

 

33. SA, (2022, Intouch Suntichaikul อินทัช สันติไชยกุล, 6min, A+)

 

34. A LULLABY FOR A METAL ANT  (2022, Intouch Suntichaikul อินทัช สันติไชยกุล, 5min, A+30)

 

35. RAIN ON THE GREY SKY (2023, Intouch Suntichaikul อินทัช สันติไชยกุล, 9min, A+25)

 

36. HUU หู (2015, Theerapat Wongpaisarnkit, 24min)

 

37. IN MY SKIN (2002, Marina de Van, France)

 

38. TO KILL THE LONELY DRAGON (2024, Jittinont Sujjakulvanich จิตตินนท์ สัจจกุลวนิชย์, 61min, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 70-83

 

39. BEAU IS AFRAID (2023, Ari Aster, 179min)

 

40. CHULASPHERE จุฬาธิปไตย (2021, Kulapat Aimmanoj, 94min, A+30)

 

41. COME HERE ใจจำลอง (2021, Anocha Suwichakornpong, 69min)

 

42. FROLICKED IN THE AUTUMN MIST (2023, Hathaitat Kraiklang)

 

43. STILL GOT THE BLUES (2018, Pakorn Yooin, 54min)

 

44. MY SON (2006, Martial Fougeron, France)

 

45. FAR FROM OWN ในบ้าน (2021, Piyanat Lamor, 28min)

 

46. LINN LINN LINN แม่ลินเป็นร่างทรง (2024, Lalita Thawisakulrat ลลิตา ทวิสกุลรัตน์, 48min, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 83-94

 

47. WAY OF US เราและรอย (2023, Chinnaphat Sukchanya, 55min)

 

48. PERSONAL SHOPPER (2016, Olivier Assayas, France, 105min)

 

รูปจาก MERMAID MIMICRY, EIKA KATAPPA, RUSTY THREESOME และ IN MY SKIN

 

หนังที่เราเอ่ยชื่อถึงในคลิป “ดูหนังกับมาเหม่ยจำบัง 7

 

เพื่อความสะดวกของตัวเราเองในอนาคตเวลาต้องการจะค้นข้อมูล เราก็เลยจดไว้ก่อนดีกว่าว่า เราเอ่ยถึงชื่อหนัง/ละครทีวีเรื่องใดบ้างในแต่ละคลิป

 

FILMS OR TV SERIES MENTIONED IN THE CLIP “WATCHING FILMS WITH MAMEIJAMBANG 7

 

https://youtu.be/rrkhSqbTV7A

 

1. ESAN COW TRADER นายฮ้อยสิน (2024, เพ็ญพิชญา พร้อมวงศ์ Penpitchaya Phromwong, documentary, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 1-8

 

2. NAM OU RIVER (2024, Penpitchaya Promwong, documentary, 4min, A+15)

 

3. HOW MUCH WOOD WOULD A WOODCHUCK CHUCK… (1976, Werner Herzog, West Germany, documentary, 44min)

 

4. 23.98 FAME RATE เกลียดประวัติ (2024, ณัฐธิดา หลิมไชยกุล Natthida Hlimchaikul, A+15)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 8-18

 

5. CINDY: THE DOLL IS MINE (2005, Bertrand Bonello, France, 15min)

 

6. OUR MARCH (2024, ธัญวลัย สังขะภูติ Thanwalai Sungkaphuti, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 18-29

 

7. SOUND! EUPHONIUM: ENSEMBLE CONTEST (2023, Tatsuya Ishihara, Japan, animation, 58min)

 

8. THE COMPANY (2003, Robert Altman, 112min)

 

9. MEMORY LANE (2010, Mikhaël Hers, France)

 

10. LINN LINN LINN แม่ลินเป็นร่างทรง (2024, Lalita Thawisakulrat ลลิตา ทวิสกุลรัตน์, 48min, A+30)

 

11. IN THE SAME BREATH ในลมหายใจเดียวกัน (2024, Natcha Sanpawichu ณัชชา สรรพวิชุ, 23min, A+30)

 

12. TO KILL THE LONELY DRAGON (2024, Jittinont Sujjakulvanich จิตตินนท์ สัจจกุลวนิชย์, 61min, A+30)

 

13. MERMAID MIMICRY นางเงือกจำแลง (2024, Chitpon Paengwiengjan ชิตพล แพงเวียงจันทร์, 25min, A+30)

 

14. SOMETIME SOMEWHERE SOMEONE (2024, ธันยวีร์ ทองดีพันธ์ Thanyawee Thongdeephan, A+30)

เราพูดถึงหนังเรื่องนี้ในนาทีที่ 33-64 แต่จริง ๆ แล้วเน้นพูดถึงชีวิตตัวเอง ไม่ได้พูดถึงตัวหนัง 55555

 

15. PERFECT DAYS (2023, Wim Wenders, Japan)

 

16. KACHUA MEE PEEK กะจั๊วมีปีก (2022, Wairun Akarawinake, 60min)

 

17. LONGLEGS (2024, Osgood Perkins, 101min)

 

18. HOW TO MAKE MILLIONS BEFORE GRANDMA DIES หลานม่า (2024, Pat Boonnitipat, 124min)

 

19. WITHIN RELATION ขอบคุณที่อยู่ด้วยกัน (2018, Tinnapat Lertutsahapan, 22min)

 

20. THE INVISIBLE (2020, Gracia Querejeta, Spain, 84min)

21. TEA TIME (2014, Maite Alberdi, Chile, documentary, 80min)

 

แล้วก็มีพูดถึงเพลง “กว่าจะรัก” ของ XYZ

https://www.youtube.com/watch?v=KOC7Oo66bgY

 

กับเพลง YUME NO NAKADE GRADUATION ของ Midori Karashima

https://www.youtube.com/watch?v=t1cg8Bw0lyw

 

รูปจาก SOMETIME SOMEWHERE SOMEONE, Music Video YUME NO NAKADE GRADUATION ของ Midori Karashima, TEA TIME, HOW MUCH WOOD WOULD A WOODCHUCK CHUCK…

Friday, November 01, 2024

HYSTERICAL FILM SCHEDULE

 

ตารางชีวิตฮิสทีเรีย

 

อันนี้เป็นตารางคร่าว ๆ ที่อาจจะทำไม่ได้จริง เพราะตอนนี้งานยุ่งหัวฟูมาก ๆ ถ้าทำงานเสร็จไม่ทันก็คงไม่ได้ออกไปดู World Film ครบทุกวัน

 

FRIDAY 8 NOV

11.30 MEETING WITH POL POT (2024, Rithy Panh, Cambodia/France, 112min)

 

13.45 VIET AND NAM (2024, Minh Quy Truong, Vietnam, 129min)

 

16.15 TO A LAND UNKNOWN (2024, Mahdi Fleifel, Palestine/Greece/Denmark, 105min)

หนังเรื่อง A WORLD NOT OURS (2012, Mahdi Fleifel, UK/Lebanon/Denmark/UAE) ของผู้กำกับคนนี้เคยติดอันดับ 58 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2017 ด้วย

 

19.00 PHANTOSMIA (2024, Lav Diaz, Philippines, 4hrs 10mins)

 

SATURDAY 9 NOV

 

11.30 DAHOMEY (2024, Mati Diop, France/Senegal/Benin, documentary, 68min)

 

13.30 WINDOWS 2 (ARCHAEOLOGY OF MEMORIES) (80min)

---What’s softest in the world rushes and runs over what’s hardest in the world

Director: Charmaine Poh
Year: 2024
Countries: Singapore, Germany
Language: English
Runtime: 14 min

 

---Practice, Practice, Practice 

Director: Kevin Jerome Everson
Year: 2024
Country: United States
Language: English
Runtime: 10 min

 

---You, My, Omma, Mama

Director: Laure Prouvost
Year: 2024
Countries: Belgium, France, Austria
Languages: English with Eng sub
Runtime: 15 min

 

---Growing Pillars

Director: Tromarama 
Year: 2023
Country: Indonesia
Language: No dialogue
Runtime: 12min

 

---Mother of Fog

Director: Farah Al Qasimi
Year: 2023
Country: United Arab Emirates
Languages: Arabic, English with Eng sub
Runtime: 29 min

 

 

15.10 SEX (2024, Dag Johan Haugerud, Norway, 125min)

 

17.35 MISERICORDIA (2024, Alain Guiraudie, France, 102min)

 

19.40 MOTEL DESTINO (2024, Karim Aïnouz, Brazil, 115min)

เหมือน  Karim Aïnouz กำกับหนังเยอะมาก แต่เราได้ดูแค่ LOVE FOR SALE (2006) ตอนมันมาฉายที่ SF CENTRAL WORLD กับ FUTURO BEACH (2014) ตอนมันมาฉายที่เอสพลานาด รัชดา

 

SUNDAY 10 NOV

11.30 WINDOWS 3 (OF OTHER TOMORROWS NEVER KNOWN) 69min

---for here am i sitting in a tin can far above the world 

Director: Gala Hernández López
Year: 2024
Country: France
Language: English
Runtime: 18 min

 

---The Electric Kiss

Director: Rainer Kohlberger
Year: 2024
Country: Austria
Language: English intertitles
Runtime: 18 min

 

---Dull Spots of Greenish Colours

Director: Sasha Svirsky 
Year: 2024
Country: Germany
Language: English
Runtime: 11 min

 

---Of Other Tomorrows Never Known

Directors: Natasha Tontey
Year: 2023
Countries: Indonesia, Germany
Languages: Bahasa Indonesia, English, Tontemboan with Eng Subtitles
Runtime: 15 min

 

---I Saw Something on the Mountain

Director: Anon Chaisansook
Year: 2024
Country: Thailand
Language: No dialogue
Runtime: 7 min

 

13.00 YOUTH (SPRING) (2023, Wang Bing, documentary, 3hrs 32mins)

 

17.00 UNIVERSAL LANGUAGE (2024, Matthew Rankin, Canada, 89min)

 

18.50 DYING (2024, Matthias Glasner, Germany, 180min)

 

 

MONDAY 11 NOV

13.15 THE END (2024, Joshua Oppenheimer, Denmark/Ireland/Germany, 148min)

 

16.00 SNOW IN MIDSUMMER (2023, Keat Aun Chong, Malaysia, 116min)

 

18.00 MA -- CRY OF SILENCE (2024, The Maw Naing, Myanmar, 74min)

หนังเรื่อง THE MONK (2014, The Maw Naing, Myanmar)   ของผู้กำกับคนนี้เคยติดอันดับ 41 ในลิสท์หนังที่เราชื่นชอบที่สุดที่ได้ดูในปี 2017

 

19.35 CU LI NEVER CRIES (2024, Pham Ngoc Lan, Vietnam, 93min)

หนังเรื่อง ANOTHER CITY (Pham Ngoc Lan, 2016) เคยติดอันดับ 16 ในลิสท์หนังที่เราชื่นชอบที่สุดที่ได้ดูในปี 2016  และเราก็ชอบหนังเรื่อง THE UNSEEN RIVER (2020, Pham Ngoc Lan) อย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน

 

 

TUESDAY 12 NOV

12.20 FINDING BLISS: FIRE AND ICE (2022, Kim Chan + Dee Lam, Hong Kong, 80min)

 

14.00 THE QUIET SON (2024, Delphine Coulin, Muriel Coulin, France/Belgium, 118min)

 

16.20 VERMIGLIO (2024, Maura Delpero, Italy, 119min)

 

18.40 A TRAVELER’S NEEDS (2024, Hong Sang-soo, South Korea, 90min)

 

20.30 BABY (2024, Marcelo Caetano, Brazil, 107min)

 

 

WEDNESDAY 13 NOV

11.30 EDGE OF THE WORLD (2021, Michael Haussman, USA, 104min)

 

13.30 MONGREL (2024, Wei Liang Chiang, You Qiao Yin, Taiwan, 128min)

 

16.15 WINDOWS 4 (SOMEWHERE IN THE LAND OF IMAGINATION) 72min

---Archipelago of Earthen Bones – To Bunya

Director: Malena Szlam
Year: 2024
Countries: Canada, Australia
Language: No dialogue
Runtime: 20 min

 

---Look On the Bright Side

Director: Wang Yuyang
Year: 2023
Countries: France, Italy
Language: English
Runtime: 17 min

 

---Revolving Rounds

Directors: Johann Lurf, Christina Jauernik
Year: 2024
Country: Austria
Language: No dialogue
Runtime: 11 min

ก่อนหน้านี้ผู้กำกับคนนี้เคยมีหนังเรื่อง ENDEAVOUR (2010, Johann Lurf, Austria, A+10) เข้ามาฉายในเทศกาลหนังทดลองในกรุงเทพในปี 2012 ด้วย

 

---I Would Rather Be a Stone

Director: Ana Husman
Year: 2024
Country: Croatia
Languages:Croatian with Eng sub
Runtime:  24 min

 

17.45 YOUTH (HARD TIMES) (2024, Wang Bing, documentary, 3hrs 47mins)

 

 

THURSDAY 14 NOV

11.00 CITY OF WIND (2023, Lkhagvadulam Purev-Ochir, Qatar/Mongolia, 104min)

 

13.05 SANTOSH (2024, Sandhya Suri, India, 120min)

 

15.35 PEPE (2024, Nelson Carlo de Los Santos Arias, Dominican Republic, 122min)

 

18.00 BY THE STREAM (2024, Hong Sang-soo, South Korea, 111min)

 

20.30 LOVE (2024, Dag Johan Haugerud, Norway, 119min)

 

 

FRIDAY 15 NOV

11.45 IF ONLY I COULD HIBERNATE (2024, Zoljargal Purevdash, Mongolia, 99min)

 

14.15 SOME RAIN MUST FALL (2024, Qiu Yang, China, 98min)

 

16.15 WINDOWS 5 (THE WONDERLAND PARABLES) 83min

---An Asian Ghost Story

Director: Bo Wang
Year: 2023
Countries: Hong Kong, Netherlands
Languages: English, Cantonese with Eng sub
Runtime: 37 min

หนังเรื่อง MIASMA, PLANTS, EXPORT PAINTINGS (2017, Lu Pan, Bo Wang, Hong Kong, 28min) ของผู้กำกับคนนี้ เคยติดอันดับ 29 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2019

 

---How to Run a Trotline

Director: Carl Elsaesser
Year: 2024
Country: United States
Language: English
Runtime: 18 min

 

---Blinded by Centuries

Director: Parinda Mai
Year: 2023
Country: Thailand
Languages: Thai, English with Eng sub 
Runtime: 13 min

หนังเรื่องนี้เราเคยดูแล้ว ชอบมาก ๆ

 

---Ginkgo And Other Times

Director: Tang Han
Year: 2023
Country: Germany
Language: English
Runtime: 15 min

 

18.00 POOJA, SIR (2024, Deepak Rauniyar, Nepal, 115min)

 

20.20 SHAMBHALA (2024, Min Bahadur Bham, Nepal, 150min)

 

 

SATURDAY 16 NOV

11.00 YOUTH (HOMECOMING) (2024, Wang Bing, documentary, 152min)

 

14.40 THE CATS OF GOKOGU SHRINE (2024, Kazuhiro Soda, Japan, documentary, 119min)

เราเคยดูหนังของ Kazuhiro Soda เรื่อง CAMPAIGN (2007) กับ CAMPAIGN 2 (2013) ตอนมันมาฉายใน Salaya Documentary Film Festival แล้วชอบมากๆ

 

17.00 SNOW LEOPARD (2023, Pema Tseden, China, 109min)

ชอบ Pema Tseden อย่างรุนแรงมาก เราเคยดูหนังของเขาแค่ 3 เรื่อง ซึ่งก็คือ THE SEARCH (2009), OLD DOG (2011) และ BALLOON (2019) ตอนที่หนัง 3 เรื่องนี้มาฉายที่ SF CENTRAL WORLD

 

19.00 APRIL (2024, Dea Kulumbegashvili, Georgia, 134min)

 

 

SUNDAY 17 NOV

 

11.00 BRIEF HISTORY OF A FAMILY (2024, Jianjie Lin, China, 99min)

 

13.30 ABOVE THE DUST (2024, Wang Xiaoshuai, China, 123min)

เราชอบหนังของเขามาก ๆ แต่เราเพิ่งได้ดูหนังของเขาไปแค่ 3 เรื่อง ซึ่งก็คือ SHANGHAI DREAMS (2005), SO LONG, MY SON (2019) และ THE HOTEL (2022)

 

16.00 MALU (2024, Pedro Freire, Brazil, 100min)

 

WEDNESDAY 20 NOV

15.00 FROM ISLAND TO ISLAND (2024, Lau Kek Huat, Taiwan, documentary, 4hrs 50mins) @DOC CLUB

 

FRIDAY 22 NOV

18.00 DIAMOND MARINE WORLD (2022, Huang Hsiu-yi, Taiwan, documentary, 155min) @DOC CLUB

 

 

SATURDAY 23 NOV

14.00 A JOURNEY IN SPRING (2023, Peng Tzu-hui, Wang Ping-wen, Taiwan, documentary, 90min) @HOUSE

 

15.40 PARALLEL WORLD (2022, Hsiao Mei-ling, Taiwan, documentary, 177min) @HOUSE

 

19.05 DIDI (2024, Sean Wang, Taiwan, 93min) @HOUSE

 

20.50 DUST OF ANGELS (1992, Hsu Hsiao-ming, Taiwan, 110min) @HOUSE

 

 

SUNDAY 24 NOV

12.25 PERFORMANCE IN THE CHURCH (2024, Hsu Chia-wei, Taiwan, documentary, 78min) @HOUSE

 

15.55 AND MILES TO GO BEFORE I SLEEP (2022, Tsai Tsung-lung, Taiwan, documentary, 90min) @DOC CLUB

 

 

17.35 ALL AND NOTHING (2024, LIAO I-ling, CHU Po-ying, Taiwan, documentary, 95 min) @DOC CLUB

 

19.25 XIXI (2024, Fan Wu, Taiwan, documentary, 100 min) @DOC CLUB

 

ปีนี้เป็นปีที่สาหัสที่สุดปีนึงสำหรับเรา เพราะมรสุมชีวิตต่าง ๆ ทำให้เราพลาดเทศกาลหนังสเปนกับเทศกาลหนังไอร์แลนด์ไป และก็อาจจะพลาดเทศกาลหนังเยอรมันในสัปดาห์หน้าด้วย และภารกิจต่าง ๆ ที่รัดตัวเราในตอนนี้ก็ทำให้เราแทบไม่มีเวลาดูเทศกาลหนังสั้นมาราธอนเลย ก็ได้แต่หวังว่าหนังสั้นเหล่านี้จะมีให้ดูที่ห้องสมุด หอภาพยนตร์ ศาลายาในเวลาต่อมานะ

 

ส่วนหนังโรงที่เข้าฉายในตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลาดูมากน้อยแค่ไหน มรสุมชีวิตจริง ๆ ค่ะ 55555

 

 

รูปจาก “หนังสั้น ๆ” ในเทศกาลค่ะ อันประกอบด้วย

 FROM ISLAND TO ISLAND (4hrs 50mins)

PHANTOSMIA (2024, Lav Diaz, Philippines, 4hrs 10mins)

YOUTH (HARD TIMES) (2024, Wang Bing, documentary, 3hrs 47mins)

DYING (2024, Matthias Glasner, Germany, 180min)

---

BHOOL BHULAIYAA 3 (2024, Anees Bazmee, India, 158min) จะลงโรงฉายในกรุงเทพวันศุกร์ที่ 1 พ.ย.นะ เหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้ทำขึ้นเพื่อเทศกาล Diwali แต่จริง ๆ แล้วแอบร่วมฉลองเทศกาล Halloween ด้วยหรือเปล่า 55555