Wednesday, August 28, 2024

MANY THING IN AUGUST

 อยากให้ตัวละครเกย์หนุ่มเหล่านี้ได้สนทนา แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตกัน 555


คู่แรก  ทองคำ (Jeff Satur) จาก THE PARADISE OF THORNS คุยกับ Franz Biberkopf จาก FOX AND HIS FRIENDS (1975, Rainer Werner Fassbinder, West Germany, A+30)

คู่สอง จิ่งนะ (Harit Buayoi) จาก THE PARADISE OF THORNS คุยกับ Alec Scudder (Rupert Graves) จาก MAURICE (1987, James Ivory, UK, A+30) ในฐานะชายหนุ่มชนชั้นแรงงาน ที่มาช่วยดามหัวใจให้กับเกย์หนุ่มที่ผิดหวังกับชีวิตรักเหมือนกัน ทั้งสองช่วยทำให้ชีวิตเกย์รันทดดูมีประกายริบหรี่แห่งความหวังขึ้นมาเหมือนกัน 55555

----
ชอบแม่ผัว-ลูกสะใภ้ที่เป็นเกย์คู่ไหนมากที่สุดคะ

1.Jeff Satur + สีดา พัวพิมล ใน THE PARADISE OF THORNS (2024, Naruebet Kuno)
2. Xavier Dolan + Lise Roy ใน TOM AT THE FARM (2014, Xavier Dolan, Canada)
3. Scott Neal + Linda Henry ใน BEAUTIFUL THING (1996, Hettie Macdonald, UK)

ดิฉันชอบคู่ “แม่ผัว-ลูกสะใภ้ที่เป็นเกย์” ใน BEAUTIFUL THING มากที่สุดค่ะ 55555

---
CONTENDERS FOR MY MOST FAVORITE MOTHER-DAUGHTER OF THE YEAR AWARD ( OR MOTHER-LIKE + DAUGHTER-LIKE in the case of THE PARADISE OF THORNS)

ชอบคู่ตัวละครแม่-ลูกสาว หรือ กึ่งแม่กึ่งลูกสาว ในหนัง 3 เรื่องนี้อย่างสุดขีดมาก ๆ

1.THE PARADISE OF THORNS (2024, Naruebet Kuno, A+30)

2.PEARL (2022, Ti wWest, A+30)

3. LONGLEGS (2024, Osgood Perkins, A+30)

ในบรรดา 3 คู่นี้ เราชอบตัวแม่  (Alicia Witt)  ใน LONGLEGS มากที่สุด และชอบตัวลูกสาว (Mia Goth) ใน PEARL มากที่สุด

แต่เราว่าตัวแม่ใน PEARL เป็นตัวร้ายแบบธรรมดาน่ะ คนเคร่งศาสนาจนบ้าแบบที่อาจพบได้ในหนังหลาย ๆ เรื่องและในชีวิตจริงด้วย ส่วนตัวนางเอกใน LONGLEGS ก็เป็น "คนดี"  ที่อาจไม่ได้มีนิสัยเฮี้ยน ๆ อะไร เราก็เลยไม่สามารถบอกได้ว่า เราชอบคู่ไหนมากที่สุดใน 3 คู่นี้

ส่วนบทลงเอยของแม่และลูกสาวทั้งสามคู่นั้น ต้องไปดูกันเองนะคะ 555555
---
DOUBLE BILL FILM WISH LIST

หนังสองเรื่องที่ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจ “ราคา” ของ “ความรัก”

1.THE PARADISE OF THORNS วิมานหนาม (2024, Naruebet Kuno, A+30)

2. LOVE LIES (2024, Ho Miu-Kei, Hong Kong, A+30)
"LOVE LIES" IS MY MOST FAVORITE ROMANTIC FILM OF THE YEAR
---
TRIPLE BILL FILM WISH LIST

THREE FILMS ABOUT THE TRAGEDY OF FARMING LIFE

1.THE PARADISE OF THORNS วิมานหนาม (2024, Boss Kuno or Naruebet Kuno, A+30)

ปัญหาเกิดจากอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งกฎหมาย, ความโลภ, การชิงรักหักสวาท,  ความยากจน, ถนนหนทาง, พายุ, etc.

2. DAYS OF HEAVEN (1978, Terrence Malick, USA, A+30)

ปัญหาเกิดจากความโลภของมนุษย์, การชิงรักหักสวาท และแมลงศัตรูพืช

3.THE LEMON TREE (2008, Eran Riklis, Israel)

นางเอกเป็นชาวสวนปาเลสไตน์ ที่เจอปัญหาเมื่อรัฐมนตรีคนหนึ่งของอิสราเอลย้ายมาอยู่ติดสวนของเธอ และมีคำสั่งให้เธอตัดสวนทิ้ง

ปัญหาเกิดจากความเหี้ยของรัฐบาลอิสราเอล, กฎหมายอิสราเอล และการที่อิสราเอลกดขี่ชาวปาเลสไตน์ แต่ความเห็นอกเห็นใจต่อกันในฐานะเพื่อนมนุษย์จะพอช่วยลดทอนปัญหาทางกฎหมายได้จริงหรือเปล่า ?
---
เพิ่งสังเกตว่า วันนี้มีหนังลงโรงฉาย 18 เรื่องที่  major ratchayothin ดีงามมาก ๆ บัตร M PASS ในมือดิฉันสั่นระริกระรี้แล้ว 5555

แต่บัตร M PASS ยังใช้กับ  BOCCHI THE ROCK RECAP PART 1 (2024, Keiichiro Saito, Japan, animation) ในสัปดาห์นี้ไม่ได้นะ เขาบอกว่าบัตรจะใช้กับ BOCCHI THE ROCK ได้ในสัปดาห์หน้า
--
บาดแผลที่หลัง วันนี้ (จากอุบัติเหตุในวันที่ 15 ส.ค.ที่เราเคยเล่าไปแล้ว) เราให้พยาบาลถ่ายรูปให้ สีขาว ๆ น่าจะเป็นหนอง

---
ฉันรักเขา อู๋ฉี่หลง Lawrence Ng จาก “สตรีที่โลกแกล้งให้แพงน้ำตา” CENTER STAGE (1991, Stanley Kwan, Hong Kong, A+30) เราเพิ่งรู้ว่า อู๋ฉี่หลงเคยมีเมียเป็นคนไทยชื่อ Varintra ในปี 1992-1995 อยากรู้มาก ๆ ว่า Varintra คนนี้คือใคร มีใครเคยไปสัมภาษณ์สตรีผู้นี้มาแล้วบ้าง (ข้อมูลจาก imdb)
----
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด HALO JAMES นี่ถือเป็น one of my most favorite bands of all time รักวงนี้มาก ๆ หล่อมาก ๆ เพลงก็เพราะสุด ๆ
---
เห็นด้วยกับเพื่อนมาก ๆ ที่บอกว่า หน้าตาของ Parker Posey ในช่วงท้ายของคลิปให้สัมภาษณ์ครั้งสำคัญนี้มันหนักมาก ๆ อยากฝึกทำสีหน้าแบบนี้มาก ๆ 55555
---
จำได้ว่า  A FISHY STORY (1989, Anthony Chan)  เข้าฉายที่โรงหนังในห้าง SIAM CENTER แล้วเราไม่ได้ไปดู แล้วก็เลยเป็นบาปผิดในใจเรามาตลอด 34 ปีที่ผ่านมา เพราะว่า จางม่านอวี้ ได้รับรางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมของฮ่องกงจากหนังเรื่องนี้
---
RIP ALAIN DELON (1935-2024)
 
หนึ่งในดาราที่หล่อที่สุดตลอดกาลสำหรับเรา

หนังของเขาที่เราเคยดู

1.CHRISTINE (1958, Pierre Gaspard-Huit)

2.ROCCO AND HIS BROTHERS (1960, Luchino Visconti, Italy, 179min)

3.THE ECLIPSE (1962, Michelangelo Antonioni, Italy)

4.THE LEOPARD (1963, Luchino Visconti, Italy)

5.ANY NUMBER CAN WIN (1963, Henri Verneuil)

6.LE SAMOURAI (1967, Jean-Pierre Melville)

7.SPIRITS OF THE DEAD: WILLIAM WILSON (1968, Louis Malle)

8.THE SWIMMING POOL (1969, Jacques Deray)

9.THE RED CIRCLE (1970, Jean-Pierre Melville)

10.THE WIDOW COUDERC (1971, Pierre Granier-Deferre)

11.A COP (UN FLIC) (1972, Jean-Pierre Melville)

12.MR. KLEIN (1976, Joseph Losey)

13.THREE MEN TO KILL (1980, Jacques Deray)

14.TO KILL A COP (1981, Alain Delon)

15.OUR STORY (1984, Bertrand Blier)

16.THE RETURN OF CASANOVA (1992, Edouard Niermans)

---
ชื่อหนังฮ่องกงที่เราชอบมาก ๆ ในยุคนั้น ก็รวมถึง

1.ผู้หญิงแย่งสับ (WEB OF DECEPTION) ที่นำแสดงโดยหลินชิงเสียกับหวังจู่เสียน

2. สวยประหาร (THE HEROIC TRIO) ที่นำแสดงโดยเหมยเยี่ยนฟาง + จางม่านอวี้ + Michelle Yeoh

3. โอม สู้แล้วอย่าห้าม (GOLDEN SWALLOW) ที่นำแสดงโดยจงฉู่หง

4.  "ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้"  (SAVIOUR OF THE SOUL) ที่นำแสดงโดยเหมยเยี่ยนฟาง กับกั๊วะฟู่เฉิง

5."พรุ่งนี้สวรรค์ช่วย" (GIRLS WITHOUT TOMORROW) (1988, David Lam, Chi Wong) ที่นำแสดงโดย จางม่านอวี้

6.“น้ำฝน น้ำค้าง น้ำร้อน “ (MOON, STAR, SUN) (1988, Michael Mak) ที่นำแสดงโดย จงฉู่หง, จางม่านอวี้ และเจิ้นอี้หลิง

7. หัวใจเธอมันน่ากราบ (BLACK CAT) (1991, Stephen Shin)
---
มาเยือน CENTURY MOVIE PLAZA, VICTORY MONUMENT เป็นครั้งแรกในรอบ 5-6 ปี ถ้าจำไม่ผิด ครั้งสุดท้ายที่เรามาที่นี่อาจจะเป็นตอนที่เรามาดู MY PERFECT YOU (2018, Cathy Garcia-Sampana  Philippines, A+30)
---
ฉันรักเขา Raymond Lam from TWILIGHT OF THE WARRIORS: WALLED IN (2024, Soi Cheang, Hong Kong, A+30)

ฉันรักเขา Terrance Lau or Lau Chun-him from TWILIGHT OF THE WARRIORS: WALLED IN (2024, Soi Cheang, Hong Kong, A+30) and ANITA (2021, Lok Man Leung)

เพื่อน ๆ คงตอบได้ว่า ดิฉันนั่งอยู่ที่จุดใดในสมการชีวิตนี้ 555

คำเฉลยอยู่ใน comment

อันนี้เป็นหนังเรื่อง
STREE 2 (2024, Amar Kaushik, India, 147min, A+30) รอบ 2130 คืนวันศุกร์ที่  16 AUG ซึ่งตอนแรกเราไม่อยากดูรอบที่คนดูเยอะ ๆ แต่ปรากฏว่าคราวนี้ "การได้ดูหนังร่วมกับคนดูชาวอินเดียจำนวนมาก" กลับทำให้หนังสนุกขึ้นอีก 10 เท่า เพราะมันเป็น "หนังตลก" ที่เล่นกับภาษาและวัฒนธรรมเฉพาะของอินเดียในหลาย ๆ มุกน่ะ คือเหมือนมีมุกตลกราว 100 มุกในหนังเรื่องนี้ที่เราไม่เข้าใจ แต่ผู้ชมชาวอินเดียเข้าใจและหัวเราะกันน้ำหูน้ำตาไหล และเสียงหัวเราะแบบ SENSURROUND  รอบทิศทางตลอดเวลาแบบนี้มันช่วยทำให้อารมณ์ในการดูหนังครื้นเครงขึ้นมาก เพราะถ้าหากเราดูเองคนเดียวเราจะไม่เข้าใจมุกตลกราว 100 มุกในหนังเรื่องนี้

STREE 2 (2024, Amar Kaushik, India, 147min) รอบ 2130 คนดูเยอะมาก กรี๊ดดดดดด
---
THE BODY (1970, Roy Battersby, documentary, 112min) นึกว่า prequel ของ DE HUMANI CORPORIS FABRICA (2022, Lucien Castaing-Taylor, Verena Paravel, France, documentary, A+30)

Favorite Actor: Ben Gazzara from HUSBANDS (1970, John Cassavetes, A+30)  นึกว่าพ่อของ Ralph Fiennes

One of my most favorite characters of all time: The Countess (Dolores Delmar) in HUSBANDS (1970, John Cassavetes, A+30)

Favorite Actress: Emma Corrin from DEADPOOL & WOLVERINE (2024, Shawn Levy, A+)

Favorite Actress: Maika Monroe from LONGLEGS (2024, Osgood Perkins, A+30)

Favorite Actress: Bae Doona from NEXT SOHEE (2022, July Jung, South Korea, A+30)

DONKEY SKIN (1970, Jacques Demy, France)

ชอบสีสันในหนังเรื่องนี้มาก ๆ

THE TRIP (1967, Roger Corman, A+30)

ชอบสีสันในหนังเรื่องนี้มาก ๆ

---
PHA DAM KHAM AI ผาดำ คำไอ่ ซินเดอเรลล่าสตอรี่ (2024, บั้งไฟทีม Bung Fai Team, C+ )

1.เสียดายที่เนื้อเรื่องมันไม่สนุก และตอนแรกเราก็งงว่า จะดัดแปลง ซินเดอเรลล่า มาทำไม ในเมื่อไทยก็มีนิทานอย่าง "ปลาบู่ทอง" ที่สนุกกว่า ซินเดอเรลล่าหลายร้อยเท่า แต่พอดูหนังแล้วก็ได้คำตอบว่า เป้าหมายของหนังคือ "การสร้างความตลก" "การทำให้ผู้ชมหัวเราะ" เราก็เลยเดาว่า พอมันตั้งใจจะสร้างเป็นหนังตลก การเอาซินเดอเรลล่ามาดัดแปลงให้เป็นไทยมันก็เลยเกิดความฮาในตัวมันเองอยู่แล้ว และการจะดัดแปลงเนื้อเรื่องของ "ปลาบู่ทอง" ให้เป็นหนังตลก อาจจะเป็นเรื่องที่ยากกว่า

2.คือเราก็ไม่ได้ตลกไปกับหนังนะ แต่มีผู้ชมคนอื่น ๆ ในโรงหัวเราะหนักมาก ก็เลยคิดว่าหนังมันก็คงเข้าใจผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง

3.รักพระเอก ยุทธนา เปื้องกลาง

4.แต่ชอบไอเดียหนึ่งในหนังเรื่องนี้ นั่นก็คืออิสระทางจินตนาการแบบแฟนตาซี รวมทุกยุคทุกสมัยทุกพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์เข้าด้วยกัน มีทั้งความนิทานพื้นบ้านไทยโบราณ, ตำนานกรีก, งานแต่งงานแบบคริสต์, ชุดแบบมารี อังตัวเน็ตต์, ชุดผ้าซิ่น ชอบการหลอมรวมทุกยุคทุกสมัยทุกชาติทุกภาษาเข้าด้วยกันแบบนี้มาก ๆ

คือไอเดียแบบนี้ ถ้ามันมี art direction ดี ๆ, costume design ดี ๆ มันจะเข้าทางเรามาก ๆ 555

รูปจาก ผาดำ คำไอ่, FREAK ORLANDO (1981, Ulrike Ottinger, West Germany, A+30), THE TEMPEST (1979, Derek Jarman, UK, A+30), TITUS (1999, Julie Taymor)
---
THE CONSTANT FACTOR (1980, Krzysztof Zanussi, Poland, A+30)

กราบตีนจริง ๆ ฉันคือสานุศิษย์ของ Zanussi

ดูได้ใน MUBI

จริง ๆ แล้วหนังของ Zanussi มันอาจจะมีความ “คริสต์” มาก ๆ นะ แต่พอมันพูดถึงประเด็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย ความหมายของชีวิต ชีวิตคนเรามีความหมายอะไร ถ้าหากทุกคนอยู่ดี  ๆ ก็อาจจะตายได้ทุกเมื่อ, ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี, etc. อะไรพวกนี้ ดูแล้วก็เลยนึกถึงหลักคำสอนทางศาสนาพุทธด้วยเหมือนกัน 55555

สรุปว่าตอนนี้เราเพิ่งได้ดูหนังของ Zanussi ไปเพียงแค่ 8 เรื่องเท่านั้น ซึ่งจุดหนึ่งที่เราชอบสุด ๆ ในหนังของเขา ก็คือเรารู้สึกว่า หนังของเขามันมีความ “โลกุตระ vs. โลกียะ” มาก ๆ โดยไม่มีการสั่งสอนคนดูเลยแม้แต่นิดเดียว ขอกราบนมัสการเขาอย่างถึงที่สุด

อ่านบทสัมภาษณ์ Zanussi ที่มีความยาวราว 30 หน้าได้ในหนังสือ FILMVIRUS 2 นะ

---
THE ILLUMINATION (1973, Krzysztof Zanussi, Poland, A+30)

กราบตีนจริง ๆ ฉันคือสานุศิษย์ของ Zanussi

ดูได้ใน MUBI

เหมือนมีฉากคลาสสิคราว 100 ฉากในหนังเรื่องนี้ ฉากเปิดของหนังเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในฉากเปิดที่เราชอบที่สุดตลอดกาลเลย ที่ให้ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งมาพูดถึง Saint Augustine (ค.ศ. 354-430) และทฤษฎีของ Augustine ที่มีต่อ illumination คือการที่ฉากเปิดของหนังเป็นการสาธยายถึงประเด็นที่เราสนใจอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้นี่มันเข้าทางเราอย่างถึงที่สุด

อ่านบทสัมภาษณ์ Zanussi ที่มีความยาวราว 30 หน้าได้ในหนังสือ FILMVIRUS 2 นะ
---
DOUBLE BILL FILM WISH LIST

FAMILY LIFE (1971, Krzysztof Zanussi, Poland, A+30)
+ PERFECT DAYS (2023, Wim Wenders, A+30)

เพิ่งได้ดู FAMILY LIFE ทาง MUBI เมื่อวานนี้ พอดูจบเราก็หวีดร้องตายคา laptop ไปเลย ฉันคือสานุศิษย์ของ Zanussi จริง ๆ กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

คิดว่า FAMILY LIFE เหมาะฉายควบกับ PERFECT DAYS มาก ๆ เพราะเรานึกว่าพระเอกของหนังสองเรื่องนี้คือตัวละครคนเดียวกัน หรือตัวละครที่ทาบทับกันได้ใกล้เคียงกันมาก ๆ คือถ้าหากใครสงสัยว่า ชีวิตของพระเอก PERFECT DAYS ก่อนที่หนังจะเริ่มต้นขึ้น มีความเป็นมาอย่างไร เราก็อาจจะดูได้จากหนังเรื่อง FAMILY LIFE นี่แหละ

และถ้าหากใครสงสัยว่า ชีวิตของพระเอก FAMILY LIFE หลังหนังจบไปแล้วเป็นอย่างไร เราก็สามารถดูได้จากหนังเรื่อง PERFECT DAYS เช่นกัน

หรือถ้าหากใครสงสัยว่า ถ้าหาก “บ้านทรายทอง” ไปตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออกในยุคคอมมิวนิสต์ แล้วชีวิตของตัวละครใน “บ้านทรายทอง” จะเป็นอย่างไร ก็สามารถดูได้จาก FAMILY LIFE เช่นกัน สาแก่ใจกูยิ่งนัก

รายงานผลประกอบการประจำวันอาทิตย์ที่ 4  aug 2024

1.A FEW MOMENTS OF CHEERS (2024, Popreq, Japan, animation, A+30)

ดูที่ MBK รอบ 1100

รู้สึกว่า หนังญี่ปุ่นนี่เต็มไปด้วย subgenres ที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น "หนังทำอาหาร", "หนังเกี่ยวกับแมว" และอีก subgenre หนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ "หนัง animation เกี่ยวกับดนตรี"  ซึ่งหนังในกลุ่มนี้ที่เราเคยดู ก็มีเช่น

1.1 IDOLISH 7 MOVIE: LIVE 4 BIT -- BEYOND THE PERIOD (2023, Hiroshi Nishikiori)

1.2 SOUND! EUPHONIUM: ENSEMBLE CONTEST (2023, Tatsuya Ishihara, A+30)

2. DETECTIVE CONAN: THE LOST SHIP IN THE SKY (CONAN 14) (2010, Yasuichiro Yamamoto, Japan, animation)

ดูที่ MBK รอบ 1250

3. DETECTIVE CONAN: THE PRIVATE EYES' REQUIEM (2006, Yasuichiro Yamamoto, Japan, animation)

ดูที่ MBK รอบ 1515

4. DETECTIVE CONAN: THE LAST WIZARD OF THE CENTURY (1999, Kenji Kodama, Japan, animation)

ดูที่ MBK รอบ 1750
---
โบราณท่านว่า "ผัวสองต้องห้าม ผัวสามตามตำรา"

SF แจกโปสเตอร์ผัวสามคนจากหนังชุด CONAN ค่ะ ซึ่งได้แก่ จอมโจรคิด, ฮัตโตริ เฮย์จิ และโอกิตะ โซชิ
---
รายงานผลประกอบการประจำวันที่ 1-2 august 2024

พอเราติดโควิด เราก็กักตัว ไม่ได้ออกไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 21-31  july เป็นเวลารวมกัน 11 วัน

เมื่อวันที่ 1  aug  ก็เลยได้ออกไปดูหนังในโรงเป็นครั้งแรกค่ะ ดูไป 2 เรื่อง ซึ่งได้แก่

1. TWISTERS (2024, Lee Isaac Chung, A+30)

ดูที่ SF Terminal 21 รอบ 19.00

เหมือนเราเฉย ๆ กับ TWISTER (1996, Jan de Bont) นะ คือชอบแต่ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก จำได้แต่ว่า ชอบฉาก "วัวลอย" ขึ้นไปในอากาศ

แต่เหมือนเราอินกับเวอร์ชั่นใหม่มากกว่าที่คาด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่าง อย่างเช่น "ความโหด" ของฉากเปิด นึกว่าโหดพอ ๆ กับฉากเปิดของ SCREAM ภาคแรก และ MISSION:IMPOSSIBLE ภาคแรก  และอีกปัจจัยที่ทำให้อินมาก คือเราตกหลุมรักบุคลิกของ Glen  Powell ในเรื่องนี้ รู้สึกว่าในเรื่องนี้เขาน่ารับประทานเป็นอาหารมากกว่าใน ANYONE BUT YOU (2023, Will Gluck), HIT MAN (2023, Richard Linklater, A+30) และ TOP GUN: MAVERICK (2022, Joseph Kosinski) และเราก็ชอบ "ความเก่ง" ของนางเอกในหนังเรื่องนี้มาก ๆ ด้วย

2.ASPHALT CITY (2023, Jean-Stephane Sauvaire, A+30)

ดูที่ SF TERMINAL 21 รอบ 21.40

ชอบทุกอย่าง ยกเว้นช่วงท้ายที่มันดูสูตรสำเร็จและไม่ค่อยทรงพลังมากเท่าช่วงอื่น ๆ ของหนัง

ชอบ "พลังด้านภาพ" ของหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง พอเห็นขึ้นตอนท้ายว่า ขอบคุณ Gaspar Noe และ Terrence Malick  ก็เลยไม่ประหลาดใจ

*****

FRIDAY 2 AUG

1.ESCAPE (2024, Lee Jong-pil, South Korea, A+30)

ดูที่ Icon Siam รอบ 1200

2. BLACKPINK WORLD TOUR (BORN PINK) IN CINEMAS (2024, Min Guen, Oh Yoon-dong, South Korea, documentary, concert film, watched in Screen X, A+30)

ดูที่ Icon Siam รอบ 14.00

3. AURON MEIN KAHAN DUM THA (WHERE WAS THE COURAGE IN OTHERS) (2024, Neeraj Pandey, India, A-)

ดูที่  Icon Siam รอบ 1630

ครึ่งแรกน่าเบื่อสุดขีด ครึ่งหลังค่อยดีขึ้นมานิดหน่อย


4. GIVEN HIIRAGI MIX (2024, Hikaru Yamaguchi, Japan, animation, queer film, A+30)

ดูที่ Paragon รอบ 2100

อยากดู "ฉากนั้น" อีกหลาย ๆ รอบ 555555
---
พอช่วงนี้มีกระแสโอลิมปิก ก็เลยนึกถึงหนึ่งในหนังกีฬาที่ชอบที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือ STRONG SHOULDERS (2003, Ursula Meier, Switzerland) ที่เคยมาฉายที่ Alliance เมื่อราว 20 ปีก่อน หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของสาววัยรุ่นที่เป็นนักวิ่งแข่ง เธอต้องการจะชนะการแข่งขันมากๆ เธอก็เลยพยายามจะเย็ดนักกีฬาหนุ่มหล่อคนนึงให้ได้ เพื่อที่เธอจะได้ตั้งครรภ์กับเขา แล้วพอเธอตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเอสโตรเจนของเธอก็จะหลั่งมากขึ้น ทำให้เธอวิ่งได้เร็วขึ้น แล้วพอเธอวิ่งแข่งชนะเลิศเสร็จแล้ว เธอค่อยไปทำแท้ง
https://www.imdb.com/title/tt0342280/?ref_=nm_flmg_dr_10

เราเคยดูหนังของ Ursula Meier อีกสองเรื่อง ซึ่งก็คือ SISTER (2012) กับ HOME (2008)  ชอบหนังทั้งสามเรื่องของเธออย่างสุดขีด

อยากให้มีคนจัดงาน retrospective ของเธอมาก ๆ เพราะเธอกำกับหนังมา 15 เรื่องแล้ว

พอ Switzerland ไม่ได้เป็นสมาชิกอียู หนังของเธอก็เลยไม่เคยได้มาฉายในเทศกาลหนังอียูเลย
---
พอพูดถึงประเด็นเรื่อง intersex  ก็เลยนึกถึงหนังสองเรื่องที่เคยดู ซึ่งก็คือ

1.INTERSEXION (2012, Grant Lahood, New Zealand, documentary, A+25)

หนังสารคดีที่สัมภาษณ์คนหลายคนที่เป็น  intersex แต่กำเนิด

2. ERIK & ERIKA (2018, Reinhold Bilgeri , Austria, A+30)

หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของนักสกีแชมเปี้ยนชื่อ ERIKA ที่ถูกระบุว่าเป็นหญิงโดยกำเนิด แต่ในทศวรรษ 1960 มีการตรวจพบว่า จริง ๆ แล้วเธอเป็น intersex มี "inward growing genitals" หรือภาวะ pseudohermaphroditism (wikipedia บอกมา)
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Erik_Schinegger
---
WHERE DID OTHERS HAVE THE COURAGE (2024, Neeraj Pandey, India, 144min) จะลงโรงฉายในกรุงเทพตั้งแต่ศุกร์ 2 ส.ค. หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย Tabu หรือที่ดิฉันเรียกว่า "ชไมพร จตุรภุช แห่งวงการหนังอินเดีย" ดีใจมาก ๆ ที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายตอนที่ดิฉันหายจากโควิดพอดีค่ะ
---
พอเห็นว่ามันมีอาหารที่เรียกว่า FELLINI PIZZA เราก็ขอลองสั่งมาแดกซะหน่อย 55555 เพื่อเป็นการบูชา Federico Fellini ผู้กำกับภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องที่เราชื่นชอบอย่างสุด ๆ อย่างเช่น LA STRADA (1954), THE SWINDLE (1955), NIGHTS OF CABIRIA (1957), 8 ½  (1963), JULIET OF THE SPIRITS (1965), TOBY DAMMIT (1968), ETC.

พอลองกินแล้วก็พบว่าอร่อยดี ตอนเห็นครั้งแรกรู้สึกว่าขนาดมันใหญ่มาก เหมาะกับการกินสามคน แต่ปรากฏว่าไป ๆ มา ๆ เราก็แดกหมดคนเดียวภายในเวลา 15 นาที แต่ตอบไม่ได้หรอกว่าอะไรคือความเป็น Fellini ในพิซซ่านี้ 55555

ว่าแต่มีคนทำ Bene Pizza, Zurlini Pizza, Bolognini Pizza, Petri Pizza,  Monicelli Pizza,  Rossellini Pizza, Visconti Pizza, Bertolucci Pizza, Antonioni Pizza และที่สำคัญที่สุดก็คือ Pasolini Pizza ออกมาขายบ้างแล้วยัง อยากกิน Pasolini Pizza มากที่สุดค่ะ

Tuesday, August 27, 2024

AFTER THE PARADISE OF THORNS

 

จินตนาการต่อหลังหนัง วิมานหนาม จบ

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

หลังจากเนื้อหาใน THE PARADISE OF THORNS จบลง “ทองคำ” ก็เดินทางไปหาแม่ที่ทำงานที่ไต้หวัน แล้วเขาก็ได้เจอกับ Saito Kosuke (Ryohei Suzuki) จาก EGOIST (2022, Daishi Matsunaga) ที่เดินทางมาเที่ยวไต้หวันพอดี ทั้งสองพบรักกัน แล้วชีวิตของทองคำก็มีความสุขขึ้นมาก เพราะ Saito Kosuke คอยดูแลทั้งเขาและแม่ของเขาเป็นอย่างดี 55555

 

เหมือน EGOIST กับ THE PARADISE OF THORNS นี่เป็น “ขั้วตรงข้าม” กันเลยนะ ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่าง “แม่สามีกับลูกสะใภ้ที่เป็นเกย์” เหมือนเรื่องนึงเป็น HEAVEN แล้วอีกเรื่องนึงก็เป็น HELL และเราก็ชอบหนังสองเรื่องนี้อย่างสุดขีดทั้งคู่

 

แล้วเพื่อน ๆ จินตนาการว่า ชีวิตของ “ทองคำ” จะเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากเนื้อหาใน “วิมานหนาม” จบลงไปแล้ว

 

 

Sunday, August 25, 2024

I WORSHIP MIA GOTH

 

FAVORITE ACTRESS OF THE YEAR 2024 – MIA GOTH

 

พอวันนี้เราได้ดู INFINITY POOL (2023, Brandon Cronenberg, Canada/Croatia/Hungary, A+30) หลังจากที่เพิ่งได้ดู PEARL (2022, Ti West, A+30) และ MAXXXINE (2024, Ti West, A+30) ไปเมื่อไม่นานมานี้ เราก็ขอยกให้ Mia Goth เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงในดวงใจของเราไปเลย และก็เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่เราชอบมากที่สุดในปีนี้ด้วย ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “ฝีมือทางการแสดง” เลยแม้แต่นิดเดียวนะ เพราะเราเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องฝีมือทางการแสดง 55555 แต่มันขึ้นอยู่กับตัวละครที่เธอแสดงมากกว่า

 

คือก่อนหน้านี้เราก็ชอบ PEARL และ MAXXXINE อย่างสุดขีดคลั่งไปแล้ว แต่พอมันเป็นหนังของ Ti West ทั้งสองเรื่อง เราก็เลยไม่แน่ใจว่า “ความเฮี้ยน” ของ Mia Goth ในหนังสองเรื่องนี้มันเกิดจากตัวเธอมากน้อยแค่ไหน แล้วมันเกิดจากฝีมือของ Ti West มากน้อยแค่ไหน แต่พอวันนี้เราได้ดู INFINITY POOL มันก็เลยพิสูจน์ได้ว่า ถึงจะอยู่ในหนังของผู้กำกับคนอื่น เธอก็ยังเฮื้ยนในแบบที่เข้าทางเราสุด ๆ จริง ๆ

 

ชอบตัวละครของ Mia Goth ทั้งสามตัวในหนัง 3 เรื่องนี้มาก ๆ มันคือหญิงสาวประเภทที่ “มึงอย่าได้แหยม” ของจริงน่ะ คือถ้ามึงคิดจะแหยม มึงตายแน่นอน กูรับประกันได้ 55555

 

สาเหตุนึงที่ทำให้เรารักตัวละครประเภทนี้มาก ๆ เป็นเพราะมันทำให้เรารู้สึก “กลัว” คนประเภทนี้ได้จริง ๆ น่ะ คือเราจะชอบตัวละครประเภทนางเอก LA CEREMONIE (1995, Claude Chabrol), นางเอก BAISE-MOI (2000, Viriginie Despentes, Coralie Trinh-Thi) และนางเอก MAPS TO THE STARS (2014, David Cronenberg) อะไรทำนองนี้ เพราะมันทำให้เรา “กลัว” ที่จะพบเจอคนเหล่านี้ในชีวิตจริง และมันเป็นความกลัวที่ยังคงติดอยู่ในใจเราในชีวิตประจำวันหลังจากดูหนังจบไปแล้วนานหลายสิบปี คล้าย ๆ กับความกลัวผู้ร้ายในหนังชุด SCREAM ซึ่งแตกต่างจากตัวละครประเภทผู้ร้ายใน FRIDAY THE 13TH, HALLOWEEN, THE TEXAS CHAINSAW MASSACRE, ALIEN, หนังซอมบี้ ที่เหมือนพอหนังจบไปแล้ว “ความกลัว” มันไม่ได้ติดตามเรามาหลังจากหนังจบ (สำหรับตัวเราคนเดียวนะ แต่ผู้ชมคนอื่นๆ  อาจจะไม่เป็นแบบนั้น) ในขณะที่ความกลัวผู้ร้าย/เหตุการณ์/ตัวละคร ในหนังชุด SCREAM และตัวละครนางเอกในหนังกลุ่มที่เรากล่าวไปข้างต้น มันยังคงติดตามเรามาในชีวิตประจำวันหลังจากหนังจบ มันเหมือนคนแบบนี้อาจจะเดินสวนเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตามท้องถนน, ในซอย, บนรถไฟฟ้า, ใน food court, ใน Facebook ก็ได้

 

แต่มันมีส่วนที่เรา “ไม่เข้าใจ” ด้วยเหมือนกันนะ คือเราชอบ/หวาดกลัว ตัวละครของ Mia Goth ใน PEARL, MAXXXINE, INFINITY POOL มาก ๆ แต่เราไม่ได้หวาดกลัว หรือรู้สึกรุนแรงกับตัวละครหญิงแรง/หญิงร้าย อย่าง “โหม๋” (ขอสะกดผิด ๆ แบบนี้ คนจะได้อ่านชื่อเธอว่า MOW แทนที่จะอ่านว่า HOME 55555) ใน THE PARADISE OF THORNS, ตัวละครของ Sharon Stone ใน BASIC INSTINCT หรือตัวละคร femme fatales โดยทั่วไปในหนัง film noir น่ะ (อย่างล่าสุดคือตัวละครของ Cate Blanchette ใน NIGHTMARE ALLEY หรือนางเอก DECISION TO LEAVE) ซึ่งอันนี้เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเราไม่ได้รู้สึกอะไรรุนแรงกับตัวละครหญิงแรง/หญิงร้ายเหล่านี้ คือเราชอบหนังเหล่านี้อย่างสุด ๆ นะ ทั้ง THE PARADISE OF THORNS, BASIC INSTINCT, NIGHTMARE ALLEY, DECISION TO LEAVE etc. และก็ชอบตัวละครหญิงในหนังเหล่านี้มากในระดับนึง แต่มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกรุนแรงเท่ากับตัวละครของ Mia Goth ในหนัง 3 เรื่องนี้ ซึ่งอันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เราก็ไม่เข้าใจตัวเองในส่วนนี้เหมือนกัน

 

ก่อนหน้านี้เราเคยดู Mia Goth ใน EMMA. (2020, Autumn de Wilde), SUSPIRIA (2018, Luca Guadagnino) กับ MARROWBONE (2017, Sergio G. Sánchez) ซึ่งเราชอบหนัง 3 เรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก ๆ แต่เราไม่รู้สึกอะไรเลยกับ Mia Goth ในหนัง 3 เรื่องนี้ 55555 แต่พอเราได้เห็นบทบาทของเธอจาก PEARL, MAXXXINE และ INFINITY POOL เท่านั้นแหละ Mia Goth ก็กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงสุดโปรดตลอดกาลของเราไปเลย หวังว่าเธอจะได้รับบทบาทดี ๆ ที่เข้าทางเราอย่างสุดขีดแบบนี้ต่อไป

 

  

Saturday, August 24, 2024

THE PARADISE OF THORNS

 

TRIPLE BILL FILM WISH LIST

 

THREE SOUTHEAST ASIAN FRUIT FILMS

 

1. THE PARADISE OF THORNS วิมานหนาม (2024, Boss Kuno or Naruebet Kuno, Thailand, A+30)

 

เกี่ยวกับ “ทุเรียน”

 

2. BLESSING OF THE LAND (1959, Manuel Silos, Philippines, A+30)

 

เกี่ยวกับชีวิตการทำสวน “ลางสาด” เนื้อหาของหนังโหดร้ายมาก

 

3.THE PASSING OF SULTAN MAHMOOD (1961, K.M. Basker, Singapore, A+30)

 

“ขนุน” มีบทบาทสำคัญมาก ๆ ในหนังเรื่องนี้ เนื้อหาของหนังโหดร้ายมาก

 

สรุปว่าชอบหนังทั้งสามเรื่องนี้มาก ๆ และยังตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบหนังเรื่องไหนมากที่สุดในสามเรื่องนี้ แต่ถ้าหากตัดสินจาก “ความโหดเหี้ยม” ของเนื้อหาแล้ว THE PASSING OF SULTAN MAHMOOD มีเนื้อหาโหดเหี้ยมที่สุด แต่ถ้าหากตัดสินจาก “ผลไม้” แล้ว เราชอบทุเรียนมากกว่าขนุนและลางสาด 555555 แต่เราชอบ “ลองกอง” มากกว่าทุเรียนนะ

 

ส่วนตัวหนัง THE PARADISE OF THORNS นั้น เราชอบสุดขีดมาก เหมือนเราไม่รู้สึกติดอะไรเลยในหนังเรื่องนี้ ชอบความเป็น melodrama หรือความใกล้เคียงกับ melodrama ของมัน ชอบความเชือดเฉือนบทบาท ตัวละครผู้หญิงแรงสุดฤทธิ์สุดเดชแบบในละคร melodrama อะไรทำนองนี้

 

ดู THE PARADISE OF THORNS แล้วนึกถึงอารมณ์เวลาดูหนังอย่าง THE FAVORITE (2018, Yorgos Lanthimos) ที่ตัวละครมีการแข่งขันกันประจบประแจง “นายแม่” เหมือนกัน หรือนึกถึงละครทีวีอย่าง MASTER OF THE GAME (1984, Kevin Connor + Harvey Hart, 6hrs 53mins) ที่มีตัวละครหญิงแรง ๆ ทั้งรุ่นแก่และรุ่นสาวเหมือนกัน และก็นึกถึงละครทีวี “กุหลาบไฟ” VENGEANCE (1992, Hong Kong, 40 episodes) ที่นำแสดงโดย เวินปี้เสีย ด้วย ที่ตัวละครมันใช้ความอดทนมาก ๆ ในการพยายามจะแก้แค้นเหมือนกัน

 

แต่ยอมรับว่า พอดู THE PARADISE OF THORNS แล้วทำให้เรายิ่งชอบ PEARL (2022, Ti West) มากขึ้นไปอีกหลายเท่านะ 555555 คือเหมือนตัวละครใน THE PARADISE OF THORNS มันยังไม่เข้าทางเรามากเท่ากับตัวละครแบบใน PEARL น่ะ ตัวละคร “สาวบ้านไร่” แบบใน PEARL นี่แหละที่เข้าทางเรามากที่สุด คือตอนที่เราดู THE PARADISE OF THORNS เราจะจินตนาการตลอดเวลาว่า โหม๋ (อิงฟ้า) มึงต้องเจอกู กูคือ Pearl 55555

Wednesday, August 21, 2024

STANLEY KWAN

 

พอเราได้ดู “สตรีที่โลกแกล้งให้แพงน้ำตา” เป็นรอบที่สองใน version 150 min ก็เลยคิดว่าเราคงต้องจัดอันดับหนังของ Stanley Kwan ใหม่ 5555

 

หนังของ Stanley Kwan ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ

 

1. FULL MOON IN NEW YORK (1989)

ดูแบบพากย์ไทยทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7

 

2. CENTER STAGE สตรีที่โลกแกล้งให้แพงน้ำตา (1991, 150MIN)

ดูที่ HOUSE SAMYAN

 

3.ROUGE หนีหลุมมาล่าผัว (1987)

ดูที่หอภาพยนตร์

 

4.LAN YU (2001)

ดูที่โรงหนัง HOUSE RCA

 

5.RED ROSE WHITE ROSE กุหลาบแดงบูชารัก กุหลาบขาวริษยารัก (1994)

ดูในโรงภาพยนตร์ ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงภาพยนตร์ในห้าง “ฮอลลีวู้ด สตรีท” ตรงราชเทวีหรือเปล่า

 

6.HOLD YOU TIGHT (1998)

ดูในเทศกาลภาพยนตร์ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเทศกาลภาพยนตร์อะไร

 

แต่เรายังไม่ได้ดูหนังของเขาอีกหลาย ๆ เรื่องนะ ทั้ง WOMEN (1985), LOVE UNTO WASTE (1986), THE ISLAND TALES (2000),  EVERLASTING REGRET (2005), FIRST NIGHT NERVES (2018), etc.

 

สรุปว่าชอบ CENTER STAGE เวอร์ชั่น 150 นาทีอย่างรุนแรงมาก แต่เราก็ยังคงยกให้ FULL MOON IN NEW YORK เป็นอันดับหนึ่งในดวงใจของเราอยู่ดี เพราะใน FULL MOON IN NEW YORK นั้น เป็นการเอา “จางม่านอวี้” มาปะทะกับ “จางอ้ายเจีย” ได้อย่างดีงามที่สุด และเราขอยกให้ จางอ้ายเจียเป็นผู้ชนะในหนังเรื่องนี้ เพราะบทของเธอหนักกว่า เราชอบบทของจางอ้ายเจียใน FULL MOON IN NEW YORK อย่างสุดขีดคลั่งมาก ๆ

 

แน่นอนว่า ตอนที่เราได้ดู FULL MOON IN NEW YORK ทางโทรทัศน์เมื่อ 30 กว่าปีก่อนนั้น เรากับเพื่อน ๆ เกย์ในกลุ่มก็มีการ assign บทให้แต่ละคนกันไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยที่เราจองรับบทเป็นจางอ้ายเจีย สาวไต้หวันในหนังเรื่องนี้ ส่วนเพื่อนเกย์อีกสองคนในกลุ่มก็รับบทเป็นจางม่านอวี้ สาวฮ่องกง และ Siqin Gaowa สาวจีนแผ่นดินใหญ่ในหนังเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นพอพูดถึงหนังเรื่องนี้เราก็จะพลอยนึกถึงกลุ่มเพื่อน ๆ เมื่อ 30 กว่าปีก่อนไปด้วย 555

 

รูปประกอบมาจาก ROUGE, CENTER STAGE และ RED ROSE WHITE ROSE เราชอบ “ฉากหลัง” ในหนังพวกนี้มาก ๆ

++++

เพิ่งนึกออกว่า ตอนที่ RED ROSE WHITE ROSE (1994, Stanley Kwan, Hong Kong/Taiwan, A+30) ลงโรงฉายในไทยเมื่อราว 30 ปีก่อนนั้น หนังตั้งชื่อเรื่องเป็นภาษาไทยว่า “กุหลาบแดงบูชารัก กุหลาบขาวริษยารัก” ซึ่งก็ถือเป็นหนึ่งในการตั้งชื่อหนังต่างประเทศให้เป็นภาษาไทยได้อย่างน่าจดจำมาก ๆ

 

อยากให้มีคนฉาย RED ROSE WHITE ROSE ที่สร้างจากบทประพันธ์ของ Eileen Chang (LUST, CAUTION) ควบกับหนังเรื่อง AND THEN (1985, Yoshimitsu Morita, Japan, A+30) ที่สร้างจากบทประพันธ์ของ Natsume Soseki เรารู้สึกว่าหนังสองเรื่องนี้มันเหมือนเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ได้ตั้งใจมาก ๆ 555

+++

แอบสงสัยว่า ตัวละคร “ป้าสาม” THIRD AUNTIE ใน TWILIGHT OF THE WARRIORS: WALLED IN (2024, Soi Cheang, Hong Kong, A+30) นี่คือการ tribute ให้ “เจ๊สี่” ใน KUNG FU HUSTLE (2004, Stephen Chow) หรือเปล่า 55555

 

ไม่รู้ว่าเราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า แต่ตัวละคร “ป้าสาม” นี่โผล่มาแค่ฉากเดียวใช่ไหม หรือว่าจริง ๆ แล้วโผล่มาหลายฉาก คือในฉากที่ Chan Lok-kwan (Raymond Lam) ต่อสู้กับ Cyclone (กู่เทียนเล่อ) เป็นครั้งแรกในร้านทำผม แล้วหลังจากทั้งสองต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง “ป้าสาม” ที่มาพร้อมกับโรลม้วนผมเต็มหัว (เหมือนกับ “เจ๊สี่” ใน KUNG FU HUSTLE) ก็โผล่ขึ้นมาในเฟรมภาพ แล้วถามกู่เทียนเล่อในทำนองที่ว่า “มีอะไรให้ช่วยไหม” ซี่งกู่เทียนเล่อก็ตอบว่า เขาสู้กันเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หรืออะไรทำนองนี้

 

คือเราชอบตัวละครตัวนี้ในฉากนี้มาก คือถ้าหากเธอโผล่มาแค่ฉากนี้ฉากเดียว ก็เป็นไปได้ว่า จริง ๆ แล้วเธออาจจะมีวรยุทธ์สูง แต่หนังยังไม่ได้ให้เธอแสดงฝีมือออกมา แต่ถ้าหากเธอโผล่มาในฉากอื่น ๆ ด้วยในฐานะประชาชนชาวบ้านธรรมดาในเมืองพญายม เราก็อาจจะเข้าใจผิดไปเองว่า จริง ๆ แล้วเธอมีวรยุทธ์สูง 55555

 

เราก็เลยสงสัยว่า ตัวละคร “ป้าสาม” ในเมืองพญายมมันอาจจะเป็นการ tribute ให้ “เจ๊สี่” ใน KUNG FU HUSTLE ก็ได้ แต่เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

ป้าสาม คือผู้หญิงที่อยู่มุมขวาสุดของรูปนี้

Tuesday, August 20, 2024

BACK HOME VS. THE TENANT

 

เพิ่มเติมรายชื่อหนังที่มีอะไรบางอย่างคล้ายกันโดยบังเอิญแล้วออกฉายในเวลาไล่เลี่ยกัน

 

73. BACK HOME (2023, Nate Ki, Hong Kong, A+30)

+ THE TENANT ผู้เช่า (2024, Anant Rasamee อนันต์ รัศมี, A-)

 

รู้สึกว่าหนังสองเรื่องนี้เหมาะฉายควบกันมาก ๆ อันนึงเป็นหนังด่ารัฐบาลจีน ส่วนอีกอันหนึ่งเป็นหนังด่ารัฐไทย โดยทำออกมาเป็นหนังสยองขวัญที่เกี่ยวข้องกับ “อาคารที่พักอาศัย” เหมือนกัน แต่เราชอบ BACK HOME อย่างรุนแรง ในขณะที่รู้สึกเฉย ๆ กับ “ผู้เช่า”

Sunday, August 18, 2024

A WOUND ON MY BACK

 

เราเคยเขียนถึง  THE LAST HOLE ไว้ใน IMDB ในวันที่ 6 พ.ย. 2001 นะ เป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบอย่างสุดขีดคลั่งมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

https://www.imdb.com/review/rw0186989/?ref_=tt_urv

 

+++

“ได้ข่าวว่า ตัวละครเมียพระเอกใน TIME STILL TURNS THE PAGES (2023, Nick Cheuk, Hong Kong, A+30) มีนิสัยชอบคุยกับตุ๊กตาเหรอครับ แม่หมีรู้สึกไหมว่า ตัวละครแบบนี้มันคุ้น ๆ นะครับ” ลูกหมีถามแม่หมี

++++

ช่วง “สัปดาห์นี้อีจิตรซวยอะไรอีก”

 

หลังจากป่วยเป็นโควิดจนทำให้ออกไปดูหนังไม่ได้ 11 วัน, แล้วก็ท้องเสียจนต้องเดินออกจากโรงหนังกลางคัน และก็เลยทำให้เราตัดสินใจไปทำ gastroscopy + colonoscopy แล้วพอเราหายท้องเสีย ก็มีเรื่องซวยใหม่มาอีกแล้ว 5555

 

คือคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เราขัดห้องน้ำ แล้วระหว่างที่เราขัดอยู่นั้น เราก็ลุกขึ้นยืน แต่ตอนนั้นเราไม่ทันระวังเอง หลังของเราก็เลยไปกระแทกกับอ่างล่างหน้า เราก็เจ็บ แต่คิดว่ามันเป็นแค่แผลฟกช้ำ เราก็เลยขัดห้องน้ำต่อไปจนเสร็จ แต่หลังจากนั้นเราก็พบว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นแผลเลือดออก เราก็ใส่ alcohol ไป

 

แต่พอคืนวันศุกร์ เราก็พบว่า แผลตรงนั้นมันเกิดเป็นรอยผื่นแดงนูนวงใหญ่มากล้อมรอบตัวแผล เราก็เลยกลัวว่ามันจะเป็นแผลติดเชื้อ แล้วมันเกิดขึ้นใกล้ ๆ กระดูกสันหลังด้วย เราก็เลยยิ่งกลัวหนักไปอีก วันเสาร์เราก็เลยไปโรงพยาบาลเพื่อให้ดูว่าแผลมันติดเชื้อหรือเปล่า

 

แต่ก็โชคดีที่คุณหมอบอกว่าแผลมันไม่ติดเชื้อ แต่มันเป็น “แผลไม่สะอาด” เพราะมันเป็นรอยครูด เนื้อเปิดเหวอะหวะออกมา กลายเป็น “อีวัวสันหลังหวะ” ก็เลยต้องทำแผลวันเว้นวัน แต่พอมันเกิดขึ้นกลางหลัง เราก็เลยทำเองไม่ได้ แล้วเราก็ไม่มีสามีมาช่วยทำแผลให้ด้วย เราก็เลยคงต้องไปคลินิกเพื่อให้เขาทำแผลให้ แล้วคุณหมอก็ให้ยา Mupirocin กับ Clindamycin มา ส่วนช่วงนี้เราก็คงไม่กล้าทำอะไรที่ทำให้เหงื่อออกมาก ๆ (แต่แค่กูเดินออกจากซอย เหงื่อกูก็ท่วมแล้ว)

 

ก็เลยแอบเซ็ง ที่เหมือนชีวิตไม่กลับมาเป็นปกติเสียที พอหายจากโควิด ก็ท้องเสีย พอหายจากท้องเสีย ก็กลายเป็นอีวัวสันหลังหวะ แต่พยายามคิดในแง่ดีว่า ก็ยังดีที่มันทยอยเป็นทีละอย่าง ไม่ได้เป็น 3 อย่างพร้อมกัน แล้วการเป็นอีวัวสันหลังหวะก็ไม่ได้กระทบการดูหนังของเรามากเท่ากับการเป็นโควิดและท้องเสีย

 

สรุปว่า การไม่มีสามีเป็นทุกข์ยิ่งนัก จบ 55555

Thursday, August 15, 2024

RIP GENA ROWLANDS (1930-2024)

 

RIP GENA ROWLANDS (1930-2024)

 

หนังของเธอที่เคยดู

 

1.FACES (1968, John Cassavetes, A+30)

 

2.MINNIE AND MOSKOWITZ (1971, John Cassavetes)

 

3.GLORIA (1980, John Cassavetes, A+30)

 

4.LOVE STREAMS (1984, John Cassavetes, A+30)

 

5.LIGHT OF DAY (1988, Paul Schrader)

Gena ปะทะ Joan Jetts

 

6.ANOTHER WOMAN (1988, Woody Allen, A+30)

Gena ปะทะ Mia Farrow, Sandy Dennis, Frances Conroy, Martha Plimpton, Blythe Danner (แม่ของ Gwyneth Paltrow)

 

7.ONCE AROUND (1991, Lasse Hallström)

 

8.THE NEON BIBLE (1995, Terence Davies, A+30)

Gena ปะทะ Diana Scarwid

 

9.SOMETHING TO TALK ABOUT (1995, Lasse Hallström, A+30)

 

10.TAKING LIVES (2004, D.J. Caruso)

Gena ปะทะ Angelina Jolie

 

11.THE NOTEBOOK (2004, Nick Cassavetes)

 

12.THE SKELETON KEY (2005, Iain Softley, A+25)

Gena ปะทะ Kate Hudson

 

13.PARIS, I LOVE YOU – SEGMENT “QUARTIER LATIN” (2006, Gerard Depardieu)

 

ในบรรดาหนัง 13 เรื่องของเธอที่เราเคยดูนั้น เราชอบบทของเธอใน ANOTHER WOMAN มากที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้วบทนี้อาจจะไม่ได้ดีไปกว่าบทของเธอใน GLORIA และ LOVE STREAMS เพียงแต่ว่า “ตัวละคร” ที่เธอแสดงใน ANOTHER WOMAN เป็นตัวละครที่เรา identify ด้วยได้มากกว่าน่ะ คือบทของเธอใน GLORIA มันแข็งแกร่งมาก แต่มันดูจะห่างไกลจากชีวิตประจำวันของเราในระดับนึง ส่วนบทของเธอใน LOVE STREAMS ก็ประสาทแดกเกินกว่าที่เราจะ identify ด้วยได้ แต่บทของเธอใน ANOTHER WOMAN นั้น ถ้าหากเราจำไม่ผิด เธอเป็นคนที่นึกว่าตัวเองเป็นคนปกติธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วเธอมีปัญหาทางจิตหรือมีความประสาทแดกซ่อนอยู่ภายใต้ฉากหน้าที่ดูเหมือนคนปกติ และนี่แหละคือบทที่เรา identify ด้วยได้อย่างรุนแรง

 

 คือถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็คือว่า บทของเธอใน LOVE STREAMS มันประสาทแดกแบบเห็นได้ชัดเหมือนตัวละครของ “เปียทิพย์ คุ้มวงศ์” ใน “ประสาท” (1975, Piak Poster) แต่บทของเธอใน ANOTHER WOMAN มันเป็นบทของ “ผู้หญิงที่มีภาพลักษณ์เหมือนเป็นคนดีที่น่านับถือ แต่จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนประสาทแดก” แบบบทของ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ใน “ประสาท” (1975, Piak Poster)

 

ฉากที่ Gena Rowlands ปะทะ Sandy Dennis ใน ANOTHER WOMAN นี่ถือเป็น ONE OF MY MOST FAVORITE SCENES OF ALL TIME เลย

 

พอได้ข่าว Gena Rowlands ถึงแก่กรรม เราก็นึกขึ้นมาได้ว่า เรายังไม่ได้ดู A WOMAN UNDER THE INFLUENCE (1974, John Cassavetes) เลย เราเคยดูแต่หนังไทยเรื่อง A WOMAN UNDER CONSCIOUSNESS (2000, Samart Imkham, 40min, A+30) ซึ่งเราเดาเอาเองว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ A WOMAN UNDER THE INFLUENCE แต่อย่างใด เพราะว่า A WOMAN UNDER CONSCIOUSNESS มีเนื้อหาเกี่ยวกับ “นักฆ่าหญิงที่หลงรักนักฆ่าชายในองค์กรเดียวกัน แต่เธอได้รับคำสั่งให้ฆ่านักฆ่าชายคนนั้น”

 

อันนี้เป็นที่เราเคยเขียนถึง A WOMAN UNDER CONSCIOUSNESS ในปี 2007
https://celinejulie.blogspot.com/2007/11/woman-under-consciousness-2000.html

 

Wednesday, August 14, 2024

MANA MAN VS. THE REUNION

 

DOUBLE BILL FILM WISH LIST

MANA MAN (2024, Piyapan Choopetch, A+15)

+ THE REUNION (2013, Anna Odell, Sweden, A+30)

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

กลายเป็นว่า ในแง่หนึ่งเราก็อินหรือเอาใจช่วย ทั้ง “พระเอก” และ “ผู้ร้าย” ในมานะแมน พร้อม ๆ กัน 55555 คือเราเอาใจช่วยพระเอก ถ้าหากเรามองว่า สิ่งที่เขาเจอมันคล้าย ๆ กับ “เจ้ากรรมนายเวร” จากกรรมเลวที่เขาเคยทำเอาไว้ในอดีตชาติ และมันมาคอยขัดขวางไม่ให้เขาประสบความสำเร็จเสียที คือถ้าหากเรามองว่ามันเป็นตัวละครที่ต้องเจอกับ “เจ้ากรรมนายเวร” เราก็จะพอเห็นใจพระเอกได้ในระดับนึง

 

แต่ในเวลาเดียวกัน เราก็อินหรือเอาใจช่วยตัวละคร “เผือก” ซึ่งถูก treat ว่าเป็น “ผู้ร้าย” และ “ตัวตลก” ในหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะเรามักจะอินกับตัวละครที่ถูก bully และต้องการแก้แค้น และเราก็รู้สึกว่าจริง ๆ แล้วเราอาจจะชอบหนังเรื่องนี้ในระดับ A+30 ก็ได้ ถ้าหากมัน treat ตัวละครเผือกเป็นพระเอก, หรือเป็นพระเอกคนที่สอง หรืออย่างน้อยก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แทนที่จะเป็นผู้ร้าย หรือตัวตลก

 

แต่ถึงแม้เราจะมีปัญหากับการ treat ตัวละคร “เผือก” ในหนังเรื่องนี้ในระดับนึง เราก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจดี ที่หนังเรื่องนี้สร้าง dilemma ด้วยการให้ตัวละครมานะที่เคย bully คนอื่นในวัยเด็ก เติบโตขึ้นมาเป็นคนจน ปากกัดตีนถีบ แทนที่จะเป็นคนรวย snobbish แบบในหนังทั่ว ๆ ไป และก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่กลับตัวกลับใจได้แล้วด้วย แต่เขาจะสำนึกผิดจริง ๆ ในสิ่งที่ตัวเองเคยทำในวัยเด็กหรือเปล่า นั่นก็เป็นอีกปัญหานึง

 

แต่เราก็ชอบหนังเรื่องนี้มากในระดับนึงนะ เพราะเราโอเคกับตอนจบของหนัง ทั้งในเรื่อง “นางเอก” 555555 และในเรื่องที่ว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ตัวละคร “เผือก” กลับประสบความสำเร็จไปหมดทุกอย่าง ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับการลงโทษใดๆ เราก็เลยรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้ค่อนข้างแฟร์กับตัวละครเผือกในช่วงท้ายของหนัง

 

ก็เลยรู้สึกว่า ถ้าหากฉายมานะแมน ควบกับ THE REUNION มันก็อาจจะเกิดการปะทะกันที่น่าสนใจขึ้นมา เพราะหนังสองเรื่องนี้พูดถึงการตอบโต้ของคนที่เคยถูก bully ในวัยเด็กเหมือนกัน แต่ก็เป็นหนังที่แตกต่างกันอย่างรุนแรงในหลาย ๆ ด้านด้วย

Monday, August 12, 2024

A GOOD DREAM

ก่อนที่จะมีร้านแว่นวิดีโอในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เวลาที่เราจะดูหนังหลาย ๆ เรื่องจากต่างประเทศที่ไม่มีวิดีโอลิขสิทธิ์ในไทย เราก็มักจะได้ดูหนังเหล่านั้นจาก “ร้านลูกแมว ที่มาบุญครอง”, จากร้านแมงป่อง, จากร้าน AVS และจากร้านเฟม วิดีโอที่คลองสานกับท่าพระจันทร์

 

อันนี้คือหนึ่งในวิดีโอที่เคยซื้อจาก “ร้านลูกแมว” เป็นหนังเรื่อง VITAL SIGNS (1990, Marisa Silver, A+30) ที่นำแสดงโดย Diane Lane กับ Adrian Pasdar ที่หล่อตรงสเปคเรามาก ๆๆๆๆๆๆๆ สาเหตุที่เราซื้อวิดีโอม้วนนี้มาเก็บไว้ก็เพราะความหล่อของ Adrian Pasdar นี่แหละ แต่พอเราดูหนังเรื่องนี้ไปแล้ว 4-5 รอบเราก็ลบตัวหนังทิ้ง แล้วก็ใช้มันเป็นวิดีโอเปล่า อัดอะไรอื่น ๆ ทับไปแทน

 

ล่าสุดเพิ่งเห็น Adrian Pasdar โผล่มาประมาณ 5 นาทีใน THE EXORCISM (2024, Joshua John Miller, A+15)

 

+++

SHERMAN’S MARCH (1985, Ross McElwee, documentary, 158min, A+30)

 

หนังเรื่องนี้ฉายออนไลน์ให้ดูฟรีจนถึงราว ๆ เที่ยงวันศุกร์ที่ 16 ส.ค.นะ เราเคยดูหนังเรื่องนี้เมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ชอบหนังอย่างสุดขีดมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังสารคดีที่คลาสสิคที่สุดตลอดกาลเลย หนังสารคดีเรื่องนี้เล่าเรื่องของผู้กำกับหนังที่พยายามเดินทางตามรอย “การเดินทัพของนายพลเชอร์แมนในช่วงสงครามกลางเมืองสหรัฐ” พร้อมกับที่ตัวผู้กำกับก็จีบสาวไปเรื่อย ๆ ในระหว่างการเดินทางด้วย

 

คือเราชอบสุดขีดที่หนังมันไม่ได้จะพยายามทำตัวเป็น “หนังสารคดีประวัติศาสตร์” เพียงอย่างเดียว แต่มันใส่เรื่องส่วนตัวของผู้กำกับ, การจีบสาวไปเรื่อย ๆ ในระหว่างการเดินทาง, ความรักความใคร่ของตัวผู้กำกับ พร้อมกับเล่าเรื่องสารคดีประวัติศาสตร์ไปด้วย เพราะนี่แหละมันคือมุมมองในแบบที่เราชอบ ที่ไม่ได้พยายามจะนำเสนอประเด็นอะไรเพียงประเด็นเดียว แล้วตัดประเด็นอื่น ๆ ในความเป็นมนุษย์/ความซับซ้อนของโลก ทิ้งไป แต่หนังเลือกที่จะเล่าอะไรหลาย ๆ อย่างที่ดูเหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องกันในหนังเรื่องเดียวกัน

https://www.lecinemaclub.com/now-showing/shermans-march/

 ++++

เมื่อคืนฝ้นดี ก็เลยขอจดบันทึกไว้หน่อย

 

คือเมื่อคืนฝันว่าเรานั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างในถนนนึง แล้วพอนั่งไปเรื่อย ๆ ก็เจอ “ด่าน” ที่ห้ามนั่งรถต่อไป เราต้องลงจากรถ แล้วเดินเท้าต่อไปในถนนนั้น แล้วด่านนั้นมีการคัดกรองผู้คนด้วยเกณฑ์อะไรที่เราไม่เข้าใจ เรารู้แต่ว่าคนขับมอเตอร์ไซค์ถูกแยกไปแถวนึง แล้วเราก็ถูกแยกไปอีกแถวนึง แล้วพอเราเดินต่อไปเรื่อย ๆ เราก็มาถึงประตูรั้วนึง แล้วเราก็เลยรู้ว่า “เราตายไปแล้ว” เราประสบอุบัติเหตุขณะนั่งมอเตอร์ไซค์ คนขับมอเตอร์ไซค์รอดชีวิต แต่เราตายไปแล้ว แล้วพอมาถึงประตูรั้วนี้ วิญญาณของเราก็สามารถไปร่ำลาคนต่าง ๆ ที่เราผูกพันที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ ก่อนที่วิญญาณของเราจะเดินทางต่อไป เราก็เลยไปร่ำลาแม่ของเรา บอกกับแม่ว่า “เราแทบไม่เจ็บอะไรเลยนะตอนที่เราตาย” แล้วเราก็ตื่นนอนขึ้นมา

 

เราก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นฝันที่ดีสุดขีดสำหรับเรา เพราะความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของเราก็คือการตายโดยไม่เจ็บปวดอะไรนี่แหละ ซึ่งถ้าหากเราสามารถตายโดยแทบไม่รู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายอะไรเลยแบบในฝันนี้ได้จริง ๆ มันก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ อยากให้เกิดขึ้นจริงอย่างสุด ๆ แต่จริง ๆ แล้วคืออยากนอนหลับแล้วตายไปเลยมากกว่านะ อันนั้นน่าจะไม่เจ็บปวดอะไรเลย 555555

+++

ตอนนี้คิดว่าเราคงต้องส่องกล้องตรวจดูกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่แล้วล่ะ เพราะเราท้องเสียบ่อยมากในปีนี้ คือพอเราท้องเสีย กิน Ciprofloxacin แล้วหายก็จริง แต่จะให้เรากิน Ciprofloxacin ทุกเดือน เดือนละ 10 เม็ด มันก็ไม่น่าจะใช่วิธีการที่ดีนะ เราเดาเอา

 

ล่าสุดคือเราดูหนัง THE HILL WHERE LIONESSES ROAR (2021, Luana Bajrami, Kosovo) ที่ Alliance ปรากฏว่าดูไป 1 ชั่วโมงแล้วปวดท้องหนักมาก ก็เลยต้องออกจากโรงหนังไปกลางคัน

 

ก็เลยจะถามเพื่อน ๆ ว่า ในเดือนก.ย.มันมีเทศกาลหนังอะไรวันไหนบ้าง นอกจากเทศกาลหนัง SILENT FILM FESTIVAL เพราะเราจะต้องรีบนัดวันส่องกล้องล่วงหน้า และกะว่าอยากจะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ในเดือนก.ย. แต่เราก็ไม่อยากส่องกล้องในวันที่ตรงกับเทศกาลหนังใดๆ 555 ไม่ใช่ว่าเรานัดวันส่องกล้องไปแล้ว จ่ายตังค์ไปแล้ว แล้ววันนั้นดันตรงกับวันจัดงาน retrospective ของ Philippe Grandrieux อะไรทำนองนี้

 

รูปจาก THE HILL WHERE LIONESSES ROAR ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นผู้หญิงที่มีอายุแค่ 20 ปีเองตอนที่กำกับหนังเรื่อง

+++++

สรุปความเสียหายจากการติดโควิดรอบสอง

 

การที่เราติดโควิดรอบสอง ทำให้เราไม่ได้ออกไปดูหนังโรงเป็นเวลา 11 วัน ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค. ที่เราตรวจ ATK เจอสองขีดวันแรก จนถึงวันพุธที่ 31 ก.ค.

 

ก็เลยขอจดบันทึกเอาไว้ดีกว่าว่า การติดโควิดรอบนี้ทำให้เราไม่ได้ดูหนังเรื่องไหนในโรงภาพยนตร์บ้าง

 

1. GRAVE TORTURE (2024, Joko Anwar, Indonesia)

เสียดายสุดขีด ฮือ ๆ

 

2.MARINETTE (2023, Virginier Verrier, France)

ฉายที่ ALLIANCE

 

3.SUMMER WARS (2009, Mamoru Hosoda, Japan, animation)

ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ออกไปดูไม่ได้

 

4.TRAPEZIUM (2024, Masahiro Shinohara, Japan, animation)

ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ออกไปดูไม่ได้

 

5.X: THE MAN WITH THE X-RAY EYES (1963, Roger Corman, 79min)

ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ออกไปดูไม่ได้

 

แล้วก็หนังในเทศกาล SIGNES DE NUIT ที่หอภาพยนตร์ ดังต่อไปนี้

 

6.Bald Sleep (2024,Binjie Hao, China) 33.20 mins

 

7.I look into the mirror and repeat to myself (2023, Giselle Lin, Singapore ) 18.17 mins

 

8. La Panadella (2023 , Joel Jiménez Jara, Spain) 17 MINS

 

9.Memories of an Unborn Sun (2024, Marcel Mrejen, Algeria, France, Netherlands) 22 mins

 

10.The Shore (2023, Eron Sheean , Netherlands)20.15 mins

 

11.Waiting (2023, Volker Schlecht, Germany) 15 MINS

 

12.Dusk (Timis) (2023, Awa Moctar Gueye , Senegal)23 mins

 

13.Souvenir ( 2023, Heidi Hassan, Cuba) 11 mins

 

14.The Exception of History (2024, Yo-Wen Mao, Taiwan)

 

15.Eviction (2023, Ian Gibbins, Australia) 11.39 mins

 

16.Forest (2022, Simon Plouffe, Canada) 16.22mins

 

17.In the Noise of the Downpour ( 2024, Oleksandr Stupak, Ukraine) 11.47mins

 

18.Memory Replica (2024, Thao Nguyen Dang, Vietnam) 23.11 mins

 

19.The Great Basin! Or: How I Learned to Stop Worrying and Love the Desert (2023, Eric Weeks , US) 15 mins

 

20.Silent Chirping of Invisible Digits (2023, Vera Sebert, Germany) 10.10 mins

 

21.ymoR (2023, Julien Lahmi, France) 9mins

 

การพลาดดูหนัง 21 เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ ก็เลยทำให้เราตัดสินใจประชดชีวิต ด้วยการสมัครสมาชิก MUBI แต่ตอนนี้เราก็มีเวลาดูหนังใน MUBI ไปแค่ 7 เรื่องเอง ซึ่งได้แก่ DAUGHTERS OF THE DUST, QUARTET, THE STRUCTURE OF CRYSTAL, THE ILLUMINATION, THE CONSTANT FACTOR, FAMILY LIFE (1971, Krzysztof Zanussi, Poland) และ LA JETEE (1962, Chris Marker, France, 28min, A+30)

 

แต่ก็คิดว่าจะพยายามหาเวลาดูหนังใน MUBI อีกแหละ แต่อาจจะหาเวลาว่างดูได้ไม่เกิน 4 เรื่องต่อเดือน

 

 

 

LOVE STREAMS

 

รายงานผลประกอบการประจำวันที่ 11 AUG 2024

 

1. FLY ME TO THE MOON (2024, Greg Berlanti, A+30)

 

ดูที่ HOUSE รอบ 10.30

 

ดูช่วง 30 นาทีแรกของหนังแล้วนึกถึง ONLY ANGELS HAVE WINGS (1939, Howard Hawks) โดยไม่ได้ตั้งใจ 55555

 

2.NEXT SOHEE (2022, July Jung, South Korea, A+30)

 

ดูที่ HOUSE รอบ 12.55

 

นี่ถ้ากูเป็น Sohee นะ หึหึหึ

 

3. LOVE STREAMS (1984, John Cassavetes, third viewing, A+30)

 

ดูที่ DOC CLUB & PUB รอบ 17.00

 

สรุปว่าตอนนี้เราได้ดูหนังของ Cassavetes ไปเพียงแค่ 6 เรื่อง เรียงตามลำดับความชอบได้ดังนี้

 

3.1 SHADOWS (1959)

3.2 GLORIA (1980)

ต้นแบบของตัวละครหลินชิงเสียใน CHUNGKING EXPRESS (1994, Wong Kar-wai)

3.3 HUSBANDS (1970)

3.4 LOVE STREAMS

3.5 FACES (1968)

เราดูจากวิดีโอเทปร้านแว่นแบบไม่มี subtitles แต่คาดว่าถ้าหากได้ดู FACES แบบมี subtitles เมื่อไหร่ หนังอาจจะขึ้นมาครองอันดับ 1 ก็ได้

3.6 MINNIE AND MOSKOWITZ (1971)

 

ชอบ “ความเป็นมนุษย์ปุถุชน” ของตัวละครในหนังของเขาอย่างสุด ๆ รู้สึกว่าเขาเจาะลึกจิตวิญญาณของมนุษย์ปุถุชนได้อย่างกลมมาก ๆ ซับซ้อนมาก ๆ เหมือนตัวละครในหนังของเขามันมีความซับซ้อนทางใจ/ทางอารมณ์/ทางจิตวิญญาณในแบบที่เข้าทางเราจริง ๆ อาจจะเรียกได้ว่าในระดับมากกว่าหรือเท่ากับตัวละครผู้ชายในหนังของ Philippe Garrel และ Claude Sautet

 

พอได้ดู LOVE STREAMS อีกรอบแล้วก็เลยยิ่งทำให้ชอบ ANOTHER WOMAN (1988, Woody Allen, A+30) มากยิ่งขึ้นไปอีก เหมือน ANOTHER WOMAN มันเป็นการ “สานต่อความเฮี้ยนของ Gena Rowlands” ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดจริง ๆ

 

4. DEADPOOL & WOLVERINE (2024, Shawn Levy, A+)

 

ดูที่ PARAGON รอบ 20.30

 

น้ำตาจะไหลกับ Elektra และ Blade

Saturday, August 10, 2024

FAVORITE SCENE IN SUKEBAN DEKA

 

พอได้ข่าวว่าจะมี GODZILLA มาฉาย 4 ภาค เราก็เลยขอเช็คเพื่อความแน่ใจว่าเราเคยดูภาคแรกไปแล้วไหม ซึ่งก็ปรากฏว่าเราเคยดู GODZILLA (1954, Ishiro Honda, Japan, A+25) ไปแล้วในวันที่ 23 ก.ย. 2016 ที่ BANGKOK SCREENING ROOM ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตที่เราได้ดูที่ BANGKOK SCREENING ROOM ด้วย

++++

ONE OF MY MOST FAVORITE SCENES OF ALL TIME ฉากที่สิงห์สาวนักสืบต่อสู้กับมือสังหารที่เป็นนักเรียนหญิงไฮสกูลเหมือนกัน แต่เสียดายที่ในคลิปนี้ไม่ได้รวม moment ที่เราชอบสุด ๆ เอาไว้ด้วย ซึ่งก็คือ moment ที่นางเอก (Yoko Minamino) พูดกับ "หน้ากากเหล็ก" ของตนเองว่า "แม่คะ การต่อสู้ของลูกเริ่มต้นขึ้นแล้วนะคะ" ก่อนที่เธอจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปต่อสู้กับมือสังหารสาวและลูกสมุน 6 คน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราถึงชอบ moment นั้นมาก ๆ

https://www.youtube.com/watch?v=o3MaCvi_mIw

 

QUOTE FROM A FRIEND

 

10. “เหมือนเวลาอาจารย์สอน อาจารย์สอนให้เรานั่งพับเพียบ แต่พออาจารย์ออกข้อสอบ อาจารย์บอกให้เราตีลังกา 18 ตลบ”

 

ประโยคประทับใจที่เพื่อนคนนึงพูดไว้ในปี 1989 หลังจากพวกเราสอบวิชาคณิตศาสตร์ตอนม.5

Friday, August 09, 2024

FAME FROM HORROR

 

ตอนเด็ก ๆ เราทันดูละคร "เงา" เวอร์ชั่นปี 1982 นี้ จำได้ว่าชอบมากในระดับนึง ละครเรื่องนี้สร้างมาจากนิยายของ "โรสลาเรน" หรือ "ทมยันตี" และเราจำได้ว่า ตอนนั้นมีคนบอกว่า นิยายเรื่องนี้ของโรสลาเรน ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง THE SORROWS OF SATAN (1895) ของ Marie Corelli ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่า ทมยันตีลอกหรือดัดแปลงมาจริงหรือเปล่า เพราะเรายังไม่เคยอ่าน THE SORROWS OF SATAN มีใครบอกได้ไหมคะว่า "เงา" ของทมยันตี นี่ลอกหรือดัดแปลงมาจาก THE SORROWS OF SATAN จริงหรือเปล่า

++++

หน้าปกอัลบัม THE VOICE OF LOVE (1993) ของ Julee Cruise

VS. LONGLEGS (2024, Osgood Perkins, A+30)

 

ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนถ่ายหน้าปกอัลบัมของ Julee Cruise แต่เราเดาว่าน่าจะเป็น David Lynch

 

***

ตอนที่ดู MAXXXINE (2024, Ti West, A+30) มีฉากที่ตัวละครคุยกันว่า ดาราหลายคนโด่งดังมาจากหนังสยองขวัญ อย่างเช่น Jamie Lee Curtis, John Travolta, Brooke Shields และ Demi Moore เราก็เลยสงสัยว่า Demi Moore ดังมาจากหนังสยองขวัญเรื่องไหน ก็เลยต้องไปค้นใน IMDB ดู แล้วก็พบว่า มันน่าจะเป็นหนังเรื่อง PARASITE (1982, Charles Band) ที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วน John Travolta นั้นเราพอรู้อยู่แล้วว่า เขาเคยเล่นใน CARRIE (1976, Brian de Palma) ส่วน Brooke Shields นั้นเคยแสดงใน ALICE, SWEET ALICE (1976, Alfred Sole) แต่เราก็ยังไม่เคยดูหนังสองเรื่องนี้เหมือนกัน

 

จริง ๆ แล้วดาราหญิงหลายคนก็เหมือนจะเคยผ่านหนังสยองขวัญมาก่อนที่จะโด่งดังนะ อย่างเช่น Renee Zellweger ที่เคยเล่นหนังอย่าง  TEXAS CHAINSAW MASSACRE: THE NEXT GENERATION (1994, Kim Henkel) และ Naomi Watts ที่เคยเล่นหนังอย่าง CHILDREN OF THE CORN: THE GATHERING (1996, Greg Spence) เพียงแต่ว่าหนังพวกนี้ไม่ได้ทำให้เธอ “แจ้งเกิด” ไม่เหมือนอย่าง Sigourney Weaver ที่เราเดาว่าเธอดังเปรี้ยงขึ้นมาได้เพราะหนังอย่าง ALIEN (1979, Ridley Scott) นี่แหละ

 

 

Tuesday, August 06, 2024

THE STRUCTURE OF CRYSTAL

 

เพิ่งรู้ว่าการเมืองใน Bangladesh ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของ “ศึกสองนางพญา” ระหว่าง Khaleda Zia นายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ของ Bangladesh ที่เคยดำรงตำแหน่งในปี 2001-2006 กับ Sheikh Hasina นายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของ Bangladesh ที่เคยดำรงตำแหน่งในปี 2009-2024 อยากให้มีคนทำหนังเกี่ยวกับเรื่อง “ศึกสองนางพญา” นี้มาก ๆ เพราะเราแทบไม่เคยดูหนังที่พูดถึงการเมืองพวกนี้ใน Bangladesh เลย

 

เห็นเขาบอกว่า ความสำเร็จของการประท้วงใน Bangladesh ในตอนนี้ถือเป็นความสำเร็จของคนรุ่น GEN Z อย่างแท้จริงด้วย เพราะผู้นำการประท้วงมีอายุแค่ 26 ปีเท่านั้นเอง

 

เหมือนเอเชียใต้นี่เป็นภูมิภาคที่มีผู้นำหญิงน่าสนใจหลายคน ทั้งสองคนนี้ของ Bangladesh, อินทิรา คานธีของอินเดีย, เบนาซีร์ บุตโตของปากีสถาน และสิริมาโว บันดาราไนยเกของศรีลังกา

++++

THE STRUCTURE OF CRYSTAL (1969, Krzysztof Zanussi, Poland, A+30)

 

หนังฉายทาง MUBI อยู่ในตอนนี้ ถือเป็นหนังเรื่องที่ 6 ของ Zanussi ที่เราได้ดู และคิดว่าเป็นหนังที่ “ง่าย” ที่สุดของเขาที่เราเคยดู 55555

 

หนังเรื่องนี้เป็นหนังยาวเรื่องแรกของ Zanussi และเราคิดว่าเขา “ฉายแวว” เจิดจรัสตั้งแต่หนังเรื่องแรกเลย และเริ่ม “ส่อแวว” แล้วว่า อะไรจะเป็นจุดเด่นของเขาในหนังเรื่องต่อ ๆ ไป ซึ่งเราคิดว่าจุดเด่นของเขาที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ ก็คือการที่ตัวละครคุยกันยืดยาวถึงประเด็นเรื่อง “infinity” หรืออนันต์ โดยมีการถกกันถึงเรื่อง infinity ในทางปรัชญาและคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นอะไรที่งดงามสุด ๆ และเราคิดว่าอะไรแบบนี้นี่แหละที่เรามักจะไม่พบในหนังของผู้กำกับคนอื่น ๆ แต่จะพบได้ในหนังของ Zanussi 55555

 

สิ่งที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้พูดถึง แต่เราคิดต่อไปเองก็คือว่า โดยปกติแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับคำว่า “eternity” มากกว่า infinity เพราะคำว่า eternity หรือนิรันดร์ นั้นมักจะใช้ในทางศาสนาและ “ความรัก” เพราะฉะนั้นเวลาเราดูหนังไทยหรือหนังเมนสตรีม เราก็เลยมักจะได้ยินอะไร ๆ เกี่ยวกับ eternity อยู่บ้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะใน “ชื่อหนัง” แต่เรามักจะไม่ค่อยได้ยินคำว่า infinity มากเท่ากับ eternity

 

อย่างไรก็ดี เร็วๆ นี้จะมีหนังเรื่อง INFINITY POOL (2023, Brandon Cronenberg) เข้าฉายที่หอภาพยนตร์ ศาลายา ในวันอาทิตย์ที่ 25 ส.ค.นะ 55555

 

อ่านบทสัมภาษณ์ Zanussi ที่มีความยาวราว 30 หน้าได้ในหนังสือ FILMVIRUS 2 นะ

 

 

Sunday, August 04, 2024

JAPANESE ANIMATIONS ABOUT MUSIC

 

ชอบที่คุณ Sarunyoo Threesukon เขียนเกี่ยวกับ sound design ของ LONGLEGS บนวอลล์ของอาจารย์ Prawit TaengAksorn มาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับการใช้เสียงแบบ “ย้อนหลัง” เราก็เลยนึกถึง “การสวดอิติปิโส” แบบย้อนหลัง เพียงแต่ว่าการสวดอิติปิโสย้อนหลังไม่ใช่การปลุกภูตผีปีศาจ แต่เป็นการปราบภูตผีปีศาจ

https://www.thairath.co.th/horoscope/belief/2715667

 -----

รายงานผลประกอบการประจำวันอาทิตย์ที่ 4 aug 2024

 

1.A FEW MOMENTS OF CHEERS (2024, Popreq, Japan, animation, A+30)

 

ดูที่ MBK รอบ 1100

 

รู้สึกว่า หนังญี่ปุ่นนี่เต็มไปด้วย subgenres ที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น "หนังทำอาหาร", "หนังเกี่ยวกับแมว" และอีก subgenre หนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ "หนัง animation เกี่ยวกับดนตรี" ซึ่งหนังในกลุ่มนี้ที่เราเคยดู ก็มีเช่น

 

1.1 IDOLISH 7 MOVIE: LIVE 4 BIT -- BEYOND THE PERIOD (2023, Hiroshi Nishikiori, A+) ที่เกี่ยวกับวงบอยแบนด์

 

1.2 SOUND! EUPHONIUM: ENSEMBLE CONTEST (2023, Tatsuya Ishihara, A+30) ที่เกี่ยวกับวงดนตรีในโรงเรียนไฮสกูล

 

1.3 BLUE GIANT (2023, Yuzuru Tashikawa, A+30) ที่เกี่ยวกับวงดนตรี jazz

 

1.4 POLE PRINCESS THE MOVIE (2023, Hitomi Ezoe, Japan, animation, A+30) ที่เกี่ยวกับการเต้นแบบ pole dancing

 

1.5 YA BOY KONGMING! ROAD TO SUMMER SONIA (2024, Shu Honma, A+30)  ที่เกี่ยวกับวิธีการปั้นศิลปินให้โด่งดัง โดยเน้นไปที่ผู้จัดการวง

 

1.6 GIVEN HIIRAGI MIX (2024, Noriko Hashimoto, Japan, animation, queer film, A+30) ที่เกี่ยวกับวงดนตรีหนุ่มหล่อ ซี่งสิ่งที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือ gay sex

 

1.7 A FEW MOMENTS OF CHEERS ที่เกี่ยวกับการทำ music video

 

ก็เลยรู้สึกว่า subgenre ของหนังญี่ปุ่นกลุ่มนี้มันน่าสนใจสุด ๆ เพราะเหมือนแต่ละเรื่องก็อาจจะเจาะประเด็นที่แตกต่างกันไปเกี่ยวกับ “ดนตรี” หรือมีจุดขายที่แตกต่างกันไป ยกเว้นหนังแนว boybands/girlbands ที่อาจจะพัฒนามาจาก video games ที่อาจจะดูซ้ำซากหน่อย ๆ (แต่เราก็ไม่ได้ดูหนังกลุ่มนี้เยอะนะ)

 

และเราก็เลยสงสัยว่า หนังเหล่านี้ส่วนใหญ่มันใช้เพลงที่สร้างขึ้นมาเพื่อหนังเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะใช่ไหม ไม่ใช่การเอาเพลงที่มีอยู่แล้วมาใส่ในหนัง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า อุตสาหกรรมดนตรีญี่ปุ่นนี่มันคงต้องใหญ่มาก เพราะเหมือนมันต้องมีการสร้างเพลงใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อใช้รองรับ fictional artists, fictional boybands, fictional girlbands ในหนังจำนวนมากด้วย ถ้าใครมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มา comment ได้นะคะ

 

2. DETECTIVE CONAN: THE LOST SHIP IN THE SKY (CONAN 14) (2010, Yasuichiro Yamamoto, Japan, animation, A+30)

 

ดูที่ MBK รอบ 1250

 

แอบตกใจกับความโหดเหี้ยมของผู้ร้ายในหนังเรื่องนี้ ที่พยายามฆ่าเด็กตัวเล็ก ๆ ด้วยการโยนลงจากเรือเหาะ

 

3. DETECTIVE CONAN: THE PRIVATE EYES' REQUIEM (CONAN 10) (2006, Yasuichiro Yamamoto, Japan, animation, A+30)

 

ดูที่ MBK รอบ 1515

 

รู้สึกว่า “การแสดงความรัก” ของตัวละครบางตัวในหนังเรื่องนี้นี่มัน “วิปริต” มาก ๆ

 

4. DETECTIVE CONAN: THE LAST WIZARD OF THE CENTURY (CONAN 3) (1999, Kenji Kodama, Japan, animation, A+30)

 

ดูที่ MBK รอบ 1750

 

ชอบเรื่องนี้ที่สุดในบรรดา CONAN 3 ภาคที่ได้ดูในวันนี้ เพราะมันมีความ INDIANA JONES และหนังเรื่องนี้พูดถึงการฆ่าล้างโคตรพระเจ้าซาร์ของรัสเซีย

 

สรุปว่าวันศุกร์ได้ดูหนังโรงไปแค่ 4 เรื่อง, วันเสาร์ได้ดูหนังโรงไปแค่ 5 เรื่อง และวันอาทิตย์ได้ดูหนังโรงไปแค่ 4 เรื่องเท่านั้นค่ะ

LONGLEGS

 

รายงานผลประกอบการประจำวันเสาร์ที่ 3 ส.ค. 2024

 

1. MAXXXINE (2024, Ti West, A+30)

 

ดูที่ HOUSE รอบ 10.15

 

ชอบสุดขีด ตั้งแต่

 

1.1 texture ของภาพในฉากที่สองที่ทำให้นึกถึงยุค 1980 มาก ๆ ดูแล้ว nostalgia อย่างรุนแรงมาก

 

1.2 ตัวละครนางเอกที่ "ไม่มีความ helpless ใด ๆ ทั้งสิ้น" นึกถึงพวกตัวละครนางเอกในหนังของ Paul Verhoeven และ Wes Craven ที่ฤทธิ์แรงพอ ๆ กัน

 

2. PEARL (2022, Ti West, A+30)

 

ดูที่ HOUSE รอบ 13.55

 

นันทนา วีระชน มาก ๆ นึกว่า เธอมาเพื่อตบกับ "เพลิงพ่าย" ของนันทนา วีระชน เพียงแต่เป้าหมายของนางเอกหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ ผัว แต่เป็น "การเป็นดารา"

 

สาเหตุที่ดู PEARL แล้วทำให้นึกถึง "เพลิงพ่าย" นันทนา วีระชนมาก ๆ เป็นเพราะว่า

 

2.1 นางเอกมีพ่อป่วยเป็นอัมพาตเหมือนกัน

 

2.2เวฬุรีย์ มี "พี่สาว" ส่วน Pearl มี "น้องสะใภ้" ที่แสนดีและดูเหมือนจะได้ทุกอย่างที่นางเอกต้องการเหมือนกัน

 

2.3 นางเอกของทั้งสองเรื่องมีแง่มุมที่ "น่าสงสาร" ในตัวเหมือนกัน

 

2.4 นางเอกของ นันทนา วีระชน และ PEARL ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าเหมือนกัน นางเอกของทั้งสองยึดคติ "ใครเป็นตายไม่สน" เหมือน ๆ กัน

 

3.LONGLEGS (2024, Osgood Perkins, A+30)

 

ดูที่ House รอบ 1550

 

ติด top three หนังที่เราชอบที่สุดประจำปีนี้ไปเลย ร่วมกับ PERFECT DAYS (2023, Wim Wenders) และ "กะจั๊วมีปีก" (2022, Wairun Akarawinake)

 

บอกได้เลยว่า ทั้ง FEBRUARY (2015, Osgood Perkins) และ LONGLEGS คือ "ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ" สำหรับเรา ซึ่งมันไม่มีความเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียวกับประเด็นที่ว่า หนังสองเรื่องนี้ดีหรือไม่ดี แต่มันเป็นเรื่องของ wavelengths ของผู้กำกับที่ตรงกับเราอย่างที่สุด, gaze ของหนังสองเรื่องนี้ที่ตรงกับใจเรา, การที่หนังสองเรื่องนี้พูดถึงประเด็นที่เราสนใจได้อย่างถูกใจเรากว่าหนังเรื่องอื่น ๆ, การที่หนังสองเรื่องนี้สามารถทิ้งความเยียบเย็นบางอย่างไว้ในจิตใจเราได้หลังดูจบ และการที่หนังสองเรื่องนี้ล้วงลึกเข้ามาแตะจิตวิญญาณเราได้ในแบบที่หนังเรื่องอื่น ๆ ทำไม่ได้ โดยเฉพาะ FEBRUARY ที่โอบอุ้มจิตวิญญาณเรามาก ๆ

 

I WORSHIP OSGOOD PERKINS

 

4. TRAP (2024, M. Night Shyamalan, A+30)

 

ดูที่ HOUSE รอบ 1850

 

5. OPERATION UNDEAD (2024, Kongkiat Komesiri, A+30)

 

ดูที่ House รอบ 2045

 

มีฉากท้ายเครดิตนะ

 

5.1 สรุปว่าชอบหนังทั้ง 5 เรื่องในวันนี้มาก ๆ แต่ชอบ OPERATION UNDEAD น้อยสุด รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนุกสำหรับเรา ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า มันไม่มีตัวละครให้เราอินหรือเอาใจช่วย 55555 แต่ชอบไอเดียของหนังอย่างสุด ๆ ที่พลิกแพลงซอมบี้ของหนังเรื่องนี้ให้แตกต่างจากหนังซอมบี้ทั่ว ๆ ไป และพลิกให้ซอมบี้กลายเป็นฝ่ายดี และมนุษย์บางกลุ่มเป็นฝ่ายผู้ร้าย ซึ่งจุดนี้เราไม่ค่อยเจอในหนังเรื่องอื่น ๆ ยกเว้น THE GIRL WITH ALL THE GIFTS (2016, Colm McCarthy, UK, A+30)

 

5.2 อีกจุดที่ชอบใน OPERATION UNDEAD ก็คือการที่มันทำให้เราตั้งคำถามในหลาย ๆ ฉากเหมือนกันว่า ถ้าหากเราเป็นหนึ่งในซอมบี้ เราจะทำอย่างไรในแต่ละสถานการณ์นั้น ๆ

-+-+-+-

 

หนังทั้ง 5 เรื่องที่ดูในวันนี้เป็นหนังที่มีความ HORROR และ 4 เรื่องแรกเกี่ยวกับ SERIAL KILLERS และ 4 เรื่องแรกก็ทำให้นึกถึง ALFRED HITCHCOCK ด้วย 555 เพราะ MAXXXINE นั้นมีฉาก tribute ให้ PSYCHO อย่างชัดเจน, PEARL ก็มีบางฉากที่ทำให้นึกถึง PSYCHO ส่วนOsgood Perkins นั้นก็เป็นลูกชายของ Anthony Perkins และช่วงครึ่งแรกของ TRAP ก็เหมือนล่อให้เราเอาใจช่วยผู้ร้าย คล้าย ๆ กับหนังหลายเรื่องของ Hitchcock

 

ตอนนี้ชอบ LONGLEGS อันดับหนึ่ง, PEARL อันดับสอง, MAXXXINE อันดับสาม และ TRAP อันดับสี่ของวันนี้

 

คือรู้สึกว่า TRAP เขียนบทเก่งมาก ดูแล้วลุ้นระทึกมาก แต่ทำไมเราดูแล้วเราไม่รู้สึกว่า "มือเราเปื้อนเลือด" หรือ "จิตใจเราแปดเปื้อนด้วยบาป" ก็ไม่รู้ ถึงแม้หนังอาจล่อให้เราเอาใจช่วยคนร้ายในช่วงแรก ๆ ก็ตาม มันเหมือนกับว่า “ปีศาจที่ซ่อนอยู่ในจิตใจตัวละคร” ในหนังเรื่องนี้ เป็นปีศาจคนละตัวกับที่อยู่ในใจเรามั้ง เราก็เลยดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า ฉันเป็นคนดี ฉันไม่ได้มีอะไรเหมือนผู้ร้ายในหนังเรื่องนี้ 55555 หนังเรื่องนี้ก็เลยสนุกสุดขีด แต่ห่างไกลจากจิตวิญญาณของเราในระดับนึง

 

ส่วน PEARL กับ MAXXXINE นั้น เรารักตัวละครอย่างรุนแรงมาก เราก็เลยชอบมันมากกว่าหนังที่ “สนุกลุ้นระทึก” แบบ TRAP เพราะตัวละครของ PEARL กับ MAXXXINE มันเข้ามาครองใจเราแล้ว และการที่ตัวละครในหนังสองเรื่องนี้มันครองใจเราได้ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามือเราเปื้อนเลือด หรือจิตใจเราแปดเปื้อนด้วยบาปในระดับนึงด้วย ซึ่งเราชอบความรู้สึกแบบนี้ 55555

 

ส่วน LONGLEGS นั้น คือประสบการณ์ทางจิตวิญญาณของเราจริง ๆ คือพอเปรียบเทียบกับหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เราได้ดูในวันนี้ เรารู้สึกว่า OPERATION UNDEAD ดูไกลตัวเรามากที่สุด ถึงแม้มันเป็นหนังไทย ส่วน TRAP นั้น พูดถึงฆาตกรโรคจิตที่อาจจะพบได้ในชีวิตจริงก็จริง แต่มันดูเหมือนเป็น “ความชั่วร้าย” ที่ห่างไกลจากจิตใจเรายังไงไม่รู้ 5555 ในขณะที่ PEARL กับ MAXXXINE นั้น มันเข้าใกล้ความชั่วร้ายในใจเรามากกว่า คือเหมือนเรา “สะใจ” ที่ได้เห็นนางเอกในหนังสองเรื่องนี้ทำอะไรแรง ๆ แต่เราก็รู้สึก “ผิดบาปกับความสะใจ”ของเราในเวลาเดียวกัน ส่วน LONGLEGS กับ FEBRUARY นั้น มันทำให้เรารู้สึกราวกับว่า เราสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายในบรรยากาศ ในอณูของอากาศ ในแสงไฟสลัวราง ในสิ่งของธรรมดาต่าง ๆ ในบ้าน มันเหมือนมีความชั่วร้ายที่เรามองไม่เห็น ล่องลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเราตลอดเวลา ทั้งในยามมืดและยามสว่าง ยามหลับและยามตื่น ในคนต่าง ๆ รอบตัวเรา และในจิตวิญญาณของเราเอง เราก็เลย click กับ “มุมมองที่มีต่อความชั่วร้าย” ใน LONGLEGS และ FEBRUARY มากที่สุด เพราะเรารู้สึกราวกับว่า ความชั่วร้ายแบบที่อยู่ในหนังสองเรื่องนี้ มันอยู่ในบรรยากาศที่ล้อมรอบตัวเราตลอดเวลา หรือมันสอดคล้องกับจินตนาการของเรามากที่สุด 555