LOVE STORY (1970, Arthur Hiller, A+30)
1.ชอบกว่าที่คาดไว้เยอะ ตอนแรกเห็นพล็อตเรื่องแล้วอี๋มาก เพราะมันทำให้นึกถึงหนังที่เราเกลียด อย่างเช่น THE LETTER ของไทย แต่พอดู LOVE STORY แล้วพบว่า มันฟูมฟายน้อยกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งตรงข้ามกับหนังและละครทีวีของเอเชียที่เราเกลียด
2.ชอบตัวละครนางเอกมาก ๆ ชอบที่เธอเป็นฝ่ายรุกจีบพระเอกก่อน แล้วพอพระเอกถามว่าทำไมถึงจีบเขา นางเอกก็ตอบว่า I LIKE YOUR BODY
3.ชอบปมระหว่างพระเอกกับพ่อมาก ๆ ด้วย ถึงแม้พระเอกจะหัวแข็งเกินไป แต่เราก็ชอบตัวละครพระเอกแบบนี้มากกว่าพระเอกที่เชื่อฟังพ่อแม่
4.เพิ่งเคยเห็น Tommy Lee Jones ในวัยหนุ่มเป็นครั้งแรก น่าสนใจมากๆ คือเขาหล่อ เล่นหนังมาตั้งแต่ปี 1970 แต่กว่าเขาจะโด่งดังสุดขีด เขาก็เหี่ยวเสียแล้ว ตอนที่เล่น THE FUGITIVE (1993, Andrew Davis)
จริง ๆ แล้วเราก็เคยดูเขาใน COAL MINER'S DAUGHTER (1980, Michael Apted), LONESOME DOVE (1989), JFK (1991, Oliver Stone) อะไรพวกนี้นะ แต่หนังเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาเป็น "ดาราที่โด่งดังไปทั่วโลก" น่ะ
I REMEMBER (2020, Nan Zhou, China, A+)
1.หนังจีนที่ remake จาก แฟนเดย์ (2016, Banjong Pisanthanakun) และพอเราเคยดูตัวต้นฉบับมาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ารู้เนื้อเรื่องหมดแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าเบื่อหน่อย ๆ
2.เวอร์ชั่นจีนตัดความ creepy ของพระเอกทิ้งไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่าที่ทำให้พระเอกดูเป็นคนดีมากขึ้น
3. พอดูหนังเรื่องนี้แล้วเลยเข้าใจว่า ทำไมเราถึงอินกับ อีหล่าเอ๋ย (2020, อาทิตย์ ศรีภูมิ, เอกชัย ศรีวิชัย) อย่างสุด ๆ เพราะ I REMEMBER กับ แฟนเดย์ นำเสนอ "สาวออฟฟิศ" ราวกับว่าเป็น ultimate object of desire ที่อยู่สูงกว่า mechanic/repairman ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับมุมมองของเรา
แต่ อีหล่าเอ๋ย นำเสนอ mechanic/repairman ว่าเป็น ultimate object of desire ที่ใคร ๆ ก็อยากเสย he ใส่ ซึ่งนี่แหละตรงกับความปรารถนาของเราที่สุด 55555
BRITANNICUS (2018, Stephane Braunschweig, France, filmed stage, A+30)
ละครเวทีที่สร้างจากบทประพันธ์ของ Racine เข้าใจว่าดัดแปลงจากเรื่องจริงของแม่กับลูกชายที่แย่งอำนาจกันเองในจักรวรรดิโรมัน ระหว่าง Nero ทรราชย์ชั่วชาติอำมหิต กับ Agrippina ที่เป็นแม่ของเขาเอง หนักมาก ๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเคยมีการแย่งชิงอำนาจบัลลังก์กันอย่างรุนแรงสุดขีดระหว่างแม่กับลูกชายด้วย
‐------
ไม่รู้เป็นเพราะเราเพิ่งดู "วัยระเริง" (1984, Piak Poster, A+30) มาหรือเปล่า ความทรงจำบางอย่างตอนเราอยู่มัธยมก็เลยหวนคืนมา 555 อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนเราอยู่มัธยม ประมาณปี 1988 เพื่อนคนนึงเคย "บรรยายความโง่" ของเพื่อนอีกคนนึงให้พวกเราฟังว่า "มิสนี่เป็นคนที่โง่มากน่ะ โง่แบบที่เรียกว่า ถ้าเจอใครถามว่า "-1 ยกกำลัง 100 มีค่าเท่ากับเท่าไหร่" มิสนี่ก็เอา -1 ไปคูณกันเรื่อย ๆ จนครบ 100 ทีเพื่อหาคำตอบน่ะ"
มันเป็นการบรรยายความโง่ที่เราประทับใจมาก ๆ ก็เลยขอจดบันทึกไว้หน่อย หวังว่าความทรงจำอื่น ๆ สมัยมัธยมจะหวนคืนมาอีก
-------
HAPPIEST SEASON (2020, Clea DuVall, A+30)
1.หนังเลสเบียนที่งดงามมาก ๆ แต่เสียดายที่หนังดูโลกสวยไปหน่อยในช่วงท้าย แต่ก็ให้อภัยได้เมื่อคิดว่ามันอยู่ใน genre "หนังพาฝันวันคริสต์มาส"
2.แต่ชอบ HOLY MESS (2015, Helena Bergstrom, Sweden) มากกว่าเรื่องนี้นะ เหมือน HOLY MESS มัน "เจ็บปวด" กว่า
THE END OF THE STORM (2020, James Erskine, UK, documentary, A+15)
----
ชอบ ANIMAL FARM (1954, Joy Batchelor, John Halas, UK, animation, A+30) ที่ฉายที่ Bangkok Screening Room อย่างสุด ๆ แต่ตอนดูก็คิดในใจตลอดเวลาว่า ทำไม Disney หรือ Pixar ไม่ทำหนังการ์ตูนแบบนี้บ้างวะ นี่เป็นหนังที่เด็ก ๆ ทุกคนควรดู และเหมาะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับเด็กม. 1 มาก ๆ แล้วพอเราได้มาอ่าน trivia ของหนังเรื่องนี้ใน imdb เราก็หัวเราะจนหยุดไม่ได้ 55555
---
BREAKING NEWS IN YUBA COUNTY (2020, Tate Taylor, A+30)
1. ตอนแรกชอบแค่ในระดับ A+15 แต่พอเวลาผ่านไปหลายวันก็ชอบหนังเรื่องนี้มากถึงระดับ A+30 55555 เพราะตอนที่ดู เราจะรู้สึกไม่ชอบ "ความเป็นหนังตลกร้าย" ของมันน่ะ เพราะเรามักจะไม่อินกับหนังที่มีการฆาตกรรมโหด ๆ โดยมองว่ามันเป็นเรื่องตลก เหมือนกับว่า "ความเจ็บปวดทางร่างกายของตัวละคร" เป็นเรื่องตลก (และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราเกลียดบางฉากใน DETECTIVE CHINATOWN 3 อย่างสุด ๆ)
เรามองว่าจุดนี้คือความแตกต่างสำคัญระหว่างหนังตลกร้ายกับหนังสยองขวัญนะ เพราะถึงแม้หนังทั้งสอง GENRES นี้จะ exploit ความโหดและการทำร้ายร่างกายตัวละครเหมือนกัน แต่หนังสยองขวัญโดยทั่วไป treat การทำร้ายร่างกายตัวละครว่าเป็นเรื่องจริงจัง, เป็นความเจ็บจริง, ไม่ใช่เรื่องตลก, ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นน่ะ เราก็เลยอินกับหนังสยองขวัญอย่างรุนแรง และไม่ค่อยอินกับหนังตลกร้าย
เพราะฉะนั้นพอเราเจอความตลกร้ายในหนัง YUBA นี้ เราก็เลยถอยห่างจากหนังในระดับนึง แต่พอเวลาผ่านไปนานหลายวัน เราก็ยังคงคิดถึงจุดอื่น ๆ ที่เราชอบในหนังเรื่องนี้อยู่ เราก็เลยพบว่า ยิ่งผ่านไปนาน ๆ เราก็จะยิ่งลืมจุดที่ไม่ชอบในหนังเรื่องนี้ แต่จะยังคงจดจำจุดที่ชอบได้ และทำให้ชอบหนังเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
2.จุดที่ชอบที่สุดในหนัง ก็คือการสร้างตัวละครหญิงแรง ๆ 10 กว่าตัวมาปะทะกันอย่างรุนแรงน่ะ ไม่รู้คิดได้ยังไง คือมันอาจจะไม่ลงตัวแบบ "ผู้หญิงแย่งสับ" (1989, David Chung, Hong Kong) ละครทีวีแบบ MELROSE PLACE หรือ WOMEN ON THE VERGE OF A NERVOUS BREAKDOWN (1988, Pedro Almodovar, Spain) นะ แต่เราว่ามันสนุกกว่า 8 WOMEN (2002, Francois Ozon) น่ะ และมันตอบสนอง fantasy ของเรามาก ๆ เพราะเราก็อยากให้มีคนสร้างหนังที่นำตัวละครหญิงแรง ๆ มาปะทะกันเหมือนกัน
3.ตัวละครที่ชอบมากๆ ในหนัง มีตั้งแต่ตัวละครธรรมดา และตัวละครประกอบที่โผล่มาแค่ 10 วินาที คือเราว่ามีหนังไม่กี่เรื่องน่ะที่สร้างตัวละครประกอบที่โดนใจเราได้หลายตัว ทั้งๆ ที่โผล่มาแค่ไม่กี่วินาทีในหนัง
ตัวละครที่ชอบ
3.1 นางเอก (Allison Janney)
3.2 น้องสาวนางเอก Mila Kunis
3.3 ตำรวจสาว Regina Hall
3.4 มาเฟียสาว Akwafina
3.5 สาวดำประสาทแดก Wanda Sykes
3.6 คู่รักเลสเบียนของสาวประสาทแดก Ellen Barkin
3.7 พิธีกรรายการทีวีชื่อดัง Juliette Lewis
3.8 น้องสะใภ้นางเอก Samira Wiley
3.9 เมียน้อย Bridget Everette
3.10 เพื่อนร่วมงานนางเอกที่ดูตอแหลมาก
3.11 พนักงานธนาคารผิวดำที่กล่าวขอโทษคนตาย
3.12 พนักงาน supermarket หน้าตาบอกบุญไม่รับ (โผล่มา 5 วินาทีช่วงต้นเรื่อง)
3.13 แต่มีสิทธิตัวละครที่จริง ๆ แล้วแรงที่สุดในเรื่อง คือ "เด็กสาวที่หายตัวไป" 555 อยากให้มีการสร้างภาคสองเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้มาก ๆ
4.ดูแล้วก็เลยกราบหนังมาก ๆ ตรงจุดนี้ เหมือนเป็นการทำตามความฝันในการเอาตัวละครหญิงแรง ๆ มาปะทะกันหลายตัว และเราว่าหนังมี "sense ความกะหรี่กะหล่ำ" ที่ตรงกับเรามาก ๆ น่ะ เพราะถึงเราจะดูหนังเรื่องนี้มานานหลายสัปดาห์แล้ว เรายังอดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึงฉาก "พนักงานธนาคารผิวดำกล่าวขอโทษคนตาย" น่ะ ทั้ง ๆ ที่ตัวละครตัวนี้โผล่มาแค่ 60 วินาที คือเราว่าผู้สร้างหนังมี sense of humour ที่ตรงกับเรามากพอสมควรถึงสร้างตัวละครชิบหาย ๆ แบบนี้ออกมาได้เยอะมาก ๆ
5.เราก็เลยรู้สึกว่า Tate Taylor แก้ตัวได้อย่างน่าพึงพอใจ หลังจากทำ AVA (2020) เพราะเราว่า AVA ล้มเหลวมากในแง่การใช้ประโยชน์จาก Joan Chen และ Geena Davis คือเหมือน Tate Taylor คงอยากเอาดาราหญิงพวกนี้มาปะทะกัน แต่ AVA ไม่เปิดโอกาสให้ดาราเหล่านี้ใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่ YUBA นี่แก้ตัวในจุดนี้ได้ดีมาก โดยเฉพาะการใช้ศักยภาพของ Allison Janney และ Wanda Sykes ได้อย่างเต็มสตีม
6.ทำไมดูแล้วนึกถึงละครทีวีช่อง 3 เรื่อง "จิตไม่ว่าง 24" (1981) 5555 ที่มีมาลี เวขประเสริฐ, กรรณิการ์ ธรรมเกษร, สุทธิจิต วีระเดชกำแหง และดาราหญิงมากมายมาปะทะกันในร้านทำผม ถ้าจำไม่ผิด อยากให้มีคนไทยทำหนังไทยแบบ "จิตไม่ว่าง 24" ออกมามาก ๆ