WHERE DOES YOUR HIDDEN SMILE LIE? (2001, Pedro Costa, documentary, France/Portugal,104min, A+30)
1.เนื่องจากเราเป็นแค่คนดูหนัง ไม่เคยทำงานผลิตภาพยนตร์อะไรมาก่อนเลย
เราก็เลยดูหนังสารคดีเรื่องนี้ด้วยความตื่นตะลึงมาก ๆ ไม่รู้มาก่อนว่า “งานตัดต่อ”
ภาพยนตร์เป็นอะไรที่โหดหินสุด ๆ ขนาดนี้
2.หนังสารคดีเรื่องนี้บันทึกช่วงเวลาการทำงานของ Daniele Huillet กับ Jean-Marie
Straub ขณะตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง SICILY! (1999, 66min) และมันช่วยให้ความรู้กับเราได้ดีมาก ๆ ในเรื่องการตัดต่อ
เพราะหนังแสดงให้เห็นว่า ในการตัดต่อแต่ละเฟรมนั้น
เราต้องดูทั้งองศาของใบหน้าของตัวละคร, การกะพริบตาของตัวละคร,
แสงสะท้อนในดวงตาของตัวละคร, แสงเงาที่เข้ากัน, ใบไม้ที่ไหว ๆ อยู่ลาง ๆ ใน background
ของฉาก, ปากของตัวละครแสดงให้เห็นถึงการออกเสียงพยัญชนะที่ต้องการหรือไม่
และแสดงให้เห็นว่า ถ้าหากเราทอดเวลาในบางฉากออกไปอีกเพียงแค่ไม่กี่วินาที
ก่อนจะตัดไปอีกฉากนึง อารมณ์มันจะเปลี่ยนไปเลย อย่างเช่น ถ้าหากตัวละครพูดอะไรที่ไม่น่าเชื่อถือ
แล้วเราทิ้งฉากนั้นไว้อีก 2-3 วินาที
มันจะเป็นหน้าที่ของผู้ชมในการพิจารณาความไม่น่าเชื่อถือของสิ่งที่ตัวละครพูด
แต่ถ้าหากเราตัดฉับไปที่อีกตัวละครนึงเลย (แทนที่จะทอดเวลาออกไป) มันจะกลายเป็นหน้าที่ของตัวละครที่สอง
(แทนที่จะเป็นผู้ชม) ในการพิจารณาความตอหลดตอแหลของสิ่งที่ตัวละครแรกพูด, etc.
3.ชอบสิ่งที่ Straub พูดในหนังเรื่องนี้อย่างสุด
ๆ เหมือนมี quote ที่น่าเก็บเอามาใช้ในหนังเรื่องนี้ประมาณ 100 quotes อย่างเช่น
3.1 หนังของเขาไม่แสดง psychology ของตัวละครผ่านทาง “การแสดงแบบสมจริง”
แต่ psychology สามารถถ่ายทอดผ่านทางอะไรอื่น ๆ ได้อีกมากมาย
อย่างเช่นผ่านทางการตัดต่อ และเขามองว่า “การแสดงแบบไม่สมจริง”
ก็สามารถถ่ายทอดอะไรที่ลึกซึ้งมาก ๆ ได้ และในบางครั้ง “การแสดงแบบไม่สมจริง”
(เรานึกถึงการแสดงในหนังของ Bresson) ก็อาจจะถ่ายทอดอะไรที่ลึกซึ้งได้ยิ่งไปกว่า
“การแสดงที่สมจริง” เสียอีก
3.2 เหมือนโลกนี้ขาดแคลน “ประวัติศาสตร์” ของเกษตรกรชาวไร่ชาวนา และคนงานโรงงาน
เพราะประวัติศาสตร์ไปบันทึกชีวิตของคนกลุ่มอื่น ๆ แทนที่จะบันทึกประวัติของคนกลุ่มนี้
ดังนั้น Cesare Pavese นักเขียนชาวอิตาลีก็เลยพยายามเขียนเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้
จนกระทั่งเขาฆ่าตัวตายไปในปี 1950 และก็มี Elio
Vittorini กับ Franco Fortini สองนักเขียนชาวอิตาลีที่พยายามเขียนงานแบบนี้เช่นกัน
“Peasans have no history. Workers have no history either. There was
a writer like Pavese who fought like hell against it, until he committed
suicide, and Vittorini, and Fortini. There were also some people in France.
Someone I like very much. His name was Charles Peguy.”
ลองเข้าไปดูใน IMDB แล้ว ไม่มีใครลง quotes
จากหนังเรื่องนี้เอาไว้เลย ทั้ง ๆ ที่ควรมีการจด quotes ไว้สัก 100 ประโยคจากหนังเรื่องนี้ 5555
4.ปกติแล้วเรานึกว่า Straub เป็นคนน่ากลัว
(เพราะเราเคยอ่านเรื่องที่เขาปะทะกับ Alexander Kluge
อย่างรุนแรง) แต่พอดูหนังเรื่องนี้ ปรากฏว่า Daniele Huillet น่ากลัวกว่าอีก เธอดุด่าผัวอย่างรุนแรงมาก ๆ
5.ชอบเรื่องราวตอนที่ Straub ตกหลุมรัก Huillet ในทศวรรษ 1950 ด้วย
6.สรุปว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้รู้สึกนับถือคนที่ทำงานตัดต่อภาพยนตร์อย่างรุนแรงมาก
เราดูหนังเรื่องนี้ที่
https://projectr.tv/category/movie-club/
เป็นการดูแบบจ่ายเงิน และมันกำลังจะหมดเขตวันพรุ่งนี้