Sunday, February 24, 2019

COLUMBUS (2017, Kogonada, A+30)


COLUMBUS (2017, Kogonada, A+30)

1.งดงามมากๆ รู้สึกเหมือนได้เดินทอดน่องยามบ่ายแก่ๆ คุยกับเพื่อนที่เป็นไกด์ และเขาพาเราชมสถาปัตยกรรมในเมืองต่างจังหวัดแห่งนึงที่มีความเจริญพอสมควร ขอบอารมณ์สบายๆในหนังเรื่องนี้มากๆ ในแง่นึงมันทำให้นึกถึงอารมณ์ "คุยกับเพื่อน" แบบในหนัง Eric Rohmer แต่ในหนังเรื่องนี้มันให้อารมณ์ “เดินเล่นกับเพื่อน”

2.ชอบที่หนัง focus ไปที่สถาปัตยกรรม modern มากๆ คือจริงๆแล้วเราเป็นคนที่ไม่มีความรู้และไม่มีความสนใจในเรื่องสถาปัตยกรรมเลย แต่หนังเรื่องนี้เหมือนกับบอกเราว่า “ลองสังเกตอาคารบ้านเรือนต่างๆดูสิ คุณมองเห็นความงามของมันมั้ย คุณรู้สึกอะไรเมื่อคุณมองเห็นอาคารบ้านเรือนเหล่านี้”  มันเหมือนกับหนังเรื่องนี้สอนให้เรามองเห็นความงามของสิ่งที่เรามักจะมองข้ามไปในชีวิตประจำวันน่ะ เหมือนกับที่หนังอย่าง TIME WITHIN TIME (2009, Menno Otten) สอนให้เรามองเห็นความงามของใบหน้าผู้คนตามท้องถนน,หนังอย่าง NIGHT (2013, Teeranit Siangsanoh) ที่สอนให้เรามองเห็นความงามของแสงไฟนีออนในยามค่ำคืน หรือหนังอย่าง “จิตและใจ” (2013, Teeranit Siangsanoh) ที่ทำให้เรารู้จัก appreciate ลมและเสียงของลม ขณะนั่งรถมอเตอร์ไซค์ คือหนังกลุ่มนี้มันเหมือนกับมอบดวงตาใหม่ๆหรือประสาทสัมผัสใหม่ๆให้แก่เรา

3.ชอบที่หนังเอาสถาปัตยกรรมมาใส่ในความเป็น narrative ชีวิตตัวละครด้วย มันทำให้อารมณ์ในหนังดูละมุน มีชีวิตมากขึ้น คือถ้าหากถอดชีวิตตัวละครออกไป มันก็อาจจะได้หนังอย่าง VACANCY (1999, Matthias Müller) ที่พูดถึงสถาปัตยกรรมในกรุงบราซิเลีย หรือหนังอย่าง GIBELLINA – THE EARTHQUAKE (2007, Joerg Burger, documentary, Austria/Italy) ที่พูดถึงงานประติมากรรมในเมืองหนึ่งในอิตาลีน่ะ คือหนังแบบนี้มันทำให้เราได้ชื่นชมงานประติมากรรม, สถาปัตยกรรมยุคใหม่ก็จริง แต่พอมันไม่ผูกพันกับชีวิตตัวละคร อารมณ์มันก็จะดูไม่ละมุนเท่า COLUMBUS คือมันเหมือนเราต้องสัมผัสกับ “อิฐ หิน ดิน ปูน กระจก” โดยตรง แต่หนังอย่าง COLUMBUS เราไม่รู้สึกว่าเราต้องสัมผัสกับวัสดุก่อสร้างโดยตรง เพราะมันมีชีวิตตัวละครที่นุ่มละมุนมาเป็นสื่อกลางระหว่างเรากับตัวอาคาร

4.ชอบที่มันเลือกพูดถึงสถาปัตยกรรม modern ด้วย เพราะเหมือนเวลามีการพูดถึงอาคาร หลายคนมักจะ focus ไปที่อาคารเก่าๆที่อยู่มาเป็นร้อยปี มันมีประวัติความเป็นมายังไง มันเคยรองรับชีวิตคนเมื่อร้อยกว่าปีก่อนยังไงบ้าง คืออาคารเก่าๆเหล่านี้มันมีคุณค่าในแง่การสะท้อนอดีต ชีวิตคนในอดีต ประวัติศาสตร์อะไรพวกนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคน หลายโครงการทำกันอยู่แล้ว อย่างเช่นเทศกาลภาพยนตร์ยุโรปปี 2018 ที่เลือกไปจัดตามอาคารโบราณหลายแห่งในกรุงเทพ

เราก็เลยชอบมากที่ COLUMBUS มันเน้นอาคารยุคใหม่ มันเป็น focus ที่แปลกออกไป

คือดูเสร็จแล้วอยากให้มีคนไทยทำหนังแบบนี้บ้าง โดยเปลี่ยนมาเป็นเมืองอื่นๆในไทยแทน หรือในกรุงเทพก็ได้ มีตัวละครหนุ่มสาวไปชื่นชม “เสาโรมัน” ของห้าง SOGO/อัมรินทร์พลาซ่า อะไรทำนองนี้ 555 คือคิดว่าจริงๆแล้วหนังแบบนี้อาจจะทำไม่ยากมากก็ได้ คือเลือกสถาปนิกหนุ่มหล่อสักคนมาเป็นพระเอก แล้วเขาก็พานางเอก/พระเอกอีกคน ไปเดินเที่ยวสังเกตดูอาคารอะไรต่างๆในเมือง ผู้ชมดูหนังแบบนี้แล้วก็ได้รับ “ความรู้” ตามไปด้วย

5.ตกหลุมรัก John Cho อย่างรุนแรงจากหนังเรื่อง SEARCHING (2018, Aneesh Chaganty) แต่ปรากฏว่ารู้สึกเฉยๆกับเขาในหนังเรื่องนี้ แสดงว่าเราไม่ได้ชอบหน้าตาของเขามากเท่าที่คิดแฮะ เพราะหน้าตาของเขาเหมือนเดิม มันคงเป็นเพราะ “บุคลิก” ของตัวละครต่างหาก เราคงชอบความเป็น family man ของเขาใน SEARCHING แต่ใน COLUMBUS เขาดูเหมือนเป็นผู้ชายที่วางมาดเท่ๆ เราก็เลยไม่ชอบ

6.ดีใจที่ Parker Posey ยังมีงานทำ 555

No comments: