Sunday, May 12, 2019

NA HAN (2019, Chantana Tiprachart, A+30)


NA HAN หน่าฮ่าน (2019, Chantana Tiprachart, A+30)

SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
1.เจ้าของเพจ Filmvirus Program (พี่สนธยา ทรัพย์เย็น) เคยเขียนไว้ในเพจของเขาในวันที่ 29 พ.ย. 2018 ว่า

ความจริงชอบ ไทบ้าน มากกว่าหนังไทยคลาสสิกหลายเรื่อง
แต่ถ้ามีคำว่า จักรวาลไทบ้าน แล้ว น่าจะถึงเวลาที่ให้มุมมองของตัวละครผู้หญิงได้เป็นไทแก่ตัวเองมากกว่านี้หน่อย (มากกว่าแค่ทำท่าดุแบบสวย)
เหมือนทุกอย่างหมุนรอบตัวละครผู้ชายทุกภาค มีแต่ผู้ชายอกหัก ผู้ชายผิดหวัง รัก ธุรกิจ
ไหนๆ คนเขียนบทก็มีตั้ง 4 คน



พอเราดู “หน่าฮ่าน” เราก็เลยนึกถึงสิ่งที่พี่สนธยาเคยเขียนไว้ขึ้นมาเลย มันเหมือนกับว่า “หน่าฮ่าน” มันช่วยตอบโจทย์ที่พี่สนเคยเขียนเอาไว้ และมันก็เป็นจุดที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ เพราะเราว่า “หน่าฮ่าน” มันหมุนรอบตัวละครหญิงและเกย์น่ะ คือใน “ไทบ้าน” นั้น ตัวละครคุณหมอสาวสวยและครูสาวสวยเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชาย (แต่ตัวละครหญิงคนอื่นๆในไทบ้านเดอะซีรีส์ก็ดูเป็นมนุษย์ปุถุชนดีเหมือนกัน) แต่ใน “หน่าฮ่าน” นั้น ตัวละครสิงโต, พระรูปหล่อ และหม่ำ เหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองผู้หญิงและเกย์ ในขณะที่ “สวรรค์” ค่อนข้างดูเป็นมนุษย์ปุถุชนหน่อย และช่วยถ่วงดุลให้หนังเรื่องนี้ไม่ดูพาฝันมากเกินไป

2. หรือว่า “หน่าฮ่าน” ก็คือ SEX AND THE CITY เวอร์ชั่นสาวอีสานวัยมัธยม 555 คือจุดที่เราชอบที่สุดใน “หน่าฮ่าน” อาจจะคล้ายๆกับจุดที่เราชอบ SEX AND THE CITY น่ะ เพราะ SEX AND THE CITY นำเสนอ “ชีวิตผู้หญิง” และ “ความปรารถนาทางเพศของผู้หญิง” ในแบบที่ค่อนข้างสมจริง และมองว่าความปรารถนาทางเพศของผู้หญิงที่เป็นสิ่งที่ดีงาม ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเหนียมอาย

ตัวละครเพื่อนผู้หญิงสองคนในหน่าฮ่าน ก็เลยได้ใจเรามากๆ ทั้ง “แข่ว” ที่แสดงความ want ผู้ชายอย่างไม่ปิดบังในหลายๆครั้ง ซึ่งรวมถึงความ want พระ และหอยกี้ ที่ตั้งท้องกับฝรั่งหนุ่ม การที่หนังสร้างตัวละคร “เพื่อนผู้หญิงที่มีความปรารถนา และกล้าแสดงความปรารถนา” อย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ก็เลยเข้าทางเรามากๆ

3.จริงๆแล้วอาจจะแยกความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ ซึ่งก็คือส่วน “ชีวิตนางเอกกับเพื่อนๆ” และ “รักสามเส้าของนางเอก” ซึ่งเราจะชอบส่วน “ชีวิตนางเอกกับเพื่อนๆ” มากๆ เหมือนกับว่าจริงๆแล้วอันนี้มันคือแกนหลักของหนังน่ะ 555 ส่วน “รักสามเส้าของนางเอก” มันเหมือนแกนรองสำหรับเรา คือตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า หนังมันต้องสร้างพล็อตรัก 3 เส้าขึ้นมา เพื่อจะได้มีความเมนสตรีมอยู่บ้าง หรือเพื่อจะได้มีเส้นเรื่องที่ชัดเจน และเป็นเส้นเรื่องที่คนดูทั่วไปคุ้นเคย ทำความเข้าใจได้ง่าย แต่จริงๆแล้วอาจจะเป็นส่วนที่เราไม่ได้ชอบเป็นการส่วนตัวสักเท่าไหร่ 555

หรือจริงๆแล้วอาจจะเป็นเพราะเราไม่ค่อยมีประสบการณ์โรแมนติก รัก 3 เส้าอะไรแบบนี้ก็ได้มั้ง เราก็เลยไม่ได้อินกับส่วนนี้มากเท่ากับ “การตามจับดูชีวิตเพื่อนๆนางเอก”

4.นอกจาก “การเน้นนำเสนอความปรารถนาของตัวละครหญิง” แล้ว จุดที่ชอบสุดๆจุดที่สองในหนัง ก็คือการที่หนัง treat ตัวละครเพื่อนๆนางเอกทุกคนให้ดูเป็นมนุษย์จริงๆนั่นแหละ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่งดงามน้ำตาไหลสำหรับเรามากๆเลยน่ะ ตัวละครเพื่อนๆนางเอกแต่ละคนดูมีเลือดเนื้ออารมณ์ความรู้สึกเป็นของตัวเองมากๆ ปรบมือให้มากๆในจุดนี้

5.แน่นอนว่าเราอินกับส่วนของ “เติ้ลไม้” มากที่สุด ฉากที่เติ้ลไม้กับหม่ำคุยกันข้างถนนนี่โรแมนติกสุดๆเลย รักฉากนี้มากๆ ยกให้เป็นหนึ่งในฉากคลาสสิคในใจเราเลย

แต่ตัวละคร “หม่ำ” นี่เป็นปริศนามากๆสำหรับเราเลย ตกลงเขาเป็นเพศไหนกันแน่ คือเขาดูเป็น straight มากๆ แต่พอเรา identify ตัวเองกับเติ้ลไม้ไปแล้ว เราก็เลยพยายามจะลุ้นให้เขาเป็นเกย์ให้ได้ หรือถึงขั้นแอบสงสัยว่า หม่ำแอบหลงรักสิงโตอยู่หรือเปล่าด้วย 555

6.ในส่วนของ “รักสามเส้า” นั้น เราว่ามันจริงดีนะ มันดู “อิหลักอิเหลื่อ” ดี 555 คือเราก็ไม่แน่ใจว่ายุพินรู้สึกยังไงกันแน่นะ แต่เราเดาว่า จริงๆแล้วยุพินคงรักสิงโตมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่พอสิงโตจากไป และมี “สวรรค์” เข้ามา ซึ่งเขารักยุพินจริง ยุพินก็เลยลองคบกับสวรรค์ไปเรื่อยๆ ถึงแม้ในใจของเธอจะมองว่าสวรรค์เป็นเพียงแค่ “second best” หรือเป็นเพียงแค่ตัวสำรองก็ตาม

และสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ยุพินอาจจะมองว่าสวรรค์ไม่ใช่ “ที่หนึ่งในใจเธอ” ก็เป็นเพราะว่า สิ่งที่ทำให้ยุพินมีความสุขที่สุด คือการเต้นหน่าฮ่าน แต่สวรรค์กลับไม่ชอบสิ่งนี้ เขาต้องการให้ยุพินเลิกเต้นหน่าฮ่าน, ตั้งใจเรียนหนังสือ, สอบเข้ามหาลัย หรือ “ทำตัวเป็นกุลสตรีไทยที่ดีงาม ตามความเชื่อของชายไทย, สังคมไทย, หนังไทย” อะไรแบบนี้

คือจริงๆแล้วเราก็รำคาญ “ยุพิน” อยู่เหมือนกัน 555 โดยเฉพาะในช่วงกลางเรื่อง เหมือนเธอไม่ตัดสินใจเลือกใครสักที กูรำคาญ แต่คิดจริงๆแล้วเราก็เข้าใจเธอว่า ทำไมเธออยู่ในภาวะอิหลักอิเหลื่อแบบนั้น เพราะถึงแม้เธอจะรักสิงโตจริงๆ แต่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอ โดยเฉพาะถ้าหากเราเกิดมาจน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าสิงโตรักเรามากแค่ไหน จะเลี้ยงดูเราได้หรือเปล่า ส่วนสวรรค์นั้น ถึงแม้เขาจะเข้ากับเราไม่ได้ในจุดที่สำคัญ แต่เขาก็รักเราจริงมากๆ และอาจจะดูเป็นคนที่พึ่งพาได้ (อันนี้เราก็ไม่รู้ว่ายุพินคิดแบบนี้จริงๆหรือเปล่านะ แต่เราจินตนาการเอาเอง 555)

เพราะฉะนั้นส่วนที่เป็นพล็อตสามเส้านี้ เราก็เลยเหมือนทั้ง “ชอบมาก” แต่ก็รู้สึกเหมือนมีปัญหากับมันอยู่บ้าง คือชอบมากเพราะมันดูจริงดีในแง่ความไม่ลงตัวของชีวิต นางเอกมีผู้ชายมาชอบสองคน แต่สองคนนี้ก็ดูเหมือนมีปัญหาแตกต่างกันไป แต่ในแง่นึงเราก็รู้สึกเหมือนอารมณ์เราไม่ fit in กับพล็อตรักสามเส้านี้ยังไงไม่รู้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่านางเอกเก็บงำอารมณ์ความรู้สึกมากเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะว่า “เรารักตัวละครเพื่อนๆนางเอก” มากกว่า เราก็เลยอยากให้หนังไป focus ที่ชีวิตเพื่อนๆนางเอก แทนที่จะมาเล่าเรื่องพล็อตรักสามเส้า 555

7.เห็นด้วยกับเพื่อนคนนึงมากๆที่ว่า สาเหตุนึงที่ทำให้เรา identify อารมณ์ตัวเองเข้ากับนางเอกและพล็อตรักสามเส้าได้ยาก เป็นเพราะเราไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับสิงโตกันแน่ในช่วงต้นเรื่องน่ะ เขาจากไปเพราะอะไร มีเหตุจำเป็นมากน้อยแค่ไหน คือพอเราไม่เข้าใจตรงจุดนี้ เราก็เลยงงๆว่า เราควรจะรู้สึกยังไงกับการตัดสินใจของนางเอกในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต นางเอกมีเหตุผลสมควรที่จะโกรธสิงโตไหม หรืออะไรแบบนี้

คือพอ “การจากไปของสิงโต” ในช่วงต้นเรื่องมันเป็นอะไรที่ไม่ clear สำหรับเรา อารมณ์ของเราก็เลยต่อติดได้ยากกับพล็อตรักสามเส้าเหมือนกันน่ะ

8.ชอบ “การเดินทาง” ในหนังด้วย ทั้งสภาพถนนที่ดูทุลักทุเล, ทั้งยานพาหนะ

9.ชอบการเป็น “สาวเสิร์ฟ” ด้วย มันดู “นี่แหละชีวิตจริง” มากๆ

10.รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เหมาะฉายควบกับวิดีโอ MELANCHOLY OF A VIDEO (2013, Ukrit Sa-nguanhai)  มากๆ เพราะ MELANCHOLY OF A VIDEO นำเสนอภาพชายหนุ่มขี่รถมอเตอร์ไซค์ในชนบทไปเรื่อยๆ ถ้าจำไม่ผิด

คือในแง่หนึ่งเรารู้สึกเหมือนกับว่า ทั้ง หน่าฮ่าน และ MELANCHOLY OF A VIDEO นำเสนอชีวิตหนุ่มสาวในชนบทได้จริงดีน่ะ ซึ่งเป็นชีวิตที่ดูเหมือนไม่มีทางเลือกให้มากนัก และนั่นอาจจะเป็นเพราะโครงสร้างสังคมไทยมีส่วนในเรื่องนี้ด้วย

11.อย่างที่เขียนไปแล้วว่า ดู หน่าฮ่าน แล้วนึกถึงเนื้อเพลง GIRLS JUST WANT TO HAVE FUN ของ Cyndi Lauper มากๆ เพราะเราชอบสุดๆที่ “หน่าฮ่าน” นำเสนอ “ความต้องการเต้นหน่าฮ่าน” ของนางเอกกับเพื่อนๆเป็นหลักน่ะ นางเอกของเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งเป้าที่จะประสบความสำเร็จทางการเงินหรือหน้าที่การงาน (ซึ่งอาจจะเป็นเพราะโครงสร้างสังคมด้วย) และไม่ได้เน้นแสวงหารักแท้อย่างเอาเป็นเอาตาย คือเหมือนนางเอกต้องเลือกระหว่าง “รักแท้ที่สวรรค์มีให้กับเธอ” กับการเต้นหน่าฮ่าน และดูเหมือนเธอจะเลือกอย่างหลัง 555

เราก็เลยนึกถึงเนื้อเพลง GIRLS JUST WANT TO HAVE FUN มากๆ เพราะเนื้อเพลงนี้ก็ celebrate ความต้องการจะเต้นรำ, ปาร์ตี้ของผู้หญิงเหมือนกัน และเนื้อเพลงนี้ก็เลือก “ความต้องการจะเต้นรำ” มากกว่า “ความรักของผู้ชาย” ด้วย ดังท่อนที่ว่า

Some boys take a beautiful girl
And hide her away from the rest of the world
I want to be the one to walk in the sun
Oh girls they wanna have fun

ก็เลยชอบหนังเรื่องนี้มากๆตรงจุดนี้ ชอบมากๆที่หนังเลือกจะนำเสนอความปรารถนาของยุพินกับเพื่อนๆที่เพียงแค่ต้องการจะเต้นหน่าฮ่าน บางทีชีวิตมนุษย์เรามันก็เท่านี้

No comments: