Thursday, December 10, 2020

CLOSING TIME (2018, Nicole Vögele, Taiwan/Switzerland, documentary, A+30)

 

CLOSING TIME (2018, Nicole Vögele, Taiwan/Switzerland, documentary, A+30)

 

1.งดงามมากๆ นึกถึงทั้ง MIDNIGHT DINER (2014, Joji Matsuoka) และร้านโคมแดง ชอบการใช้โลเกชั่นเป็นร้านอาหารตอนตีสามแบบนี้

 

2.เหมาะฉายควบกับ SOMETHING MORE THAN NIGHT (2003, Daniel Eisenberg, documentary, 72min) มากๆ เพราะ SOMETHING MORE THAN NIGHT เป็นหนังที่เรียงร้อยฉากชีวิตผู้คนในชิคาโกตอนกลางดึกเข้าด้วยกัน แต่ SOMETHING MORE THAN NIGHT จะ abstract กว่าเรื่องนี้มาก เพราะใน SOMETHING MORE THAN NIGHT เราจะไม่ได้ยินว่าคนในหนังคุยกันว่าอะไร เราได้แต่ลอบสังเกตมองกิจวัตรของผู้คนหลากหลายอาชีพในชิคาโกตอนกลางดึกไปเรื่อยๆ โดยไม่สามารถก้าวล่วงเข้าไปรู้จักพวกเขามากกว่านั้นได้ ส่วน CLOSING TIME ดูง่ายกว่าเยอะ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลัง ที่เหมือนเราจับได้แล้วว่า หนัง focus ไปที่ร้านข้าวต้มเป็นหลัก ส่วนใน SOMETHING MORE THAN NIGHT จะไม่มีจุดโฟกัสที่ใครคนใดคนหนึ่ง เพราะจุดโฟกัสคือชิคาโกตอนกลางดึก

 

3.ชอบ SOMETHING MORE THAN NIGHT กับ CLOSING TIME มากๆที่มันเลือกเวลากลางดึก เพราะเราก็หลงใหลช่วงเวลากลางดึกแบบนี้มากๆ แต่เสียดายที่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่ได้ใช้ชีวิตในเวลาตีสามอีกเลย เพราะสุขภาพไม่เอื้ออำนวย และเวลาในการทำงานไม่เอื้ออำนวย

 

4.นอกจาก SOMETHING MORE THAN NIGHT กับ CLOSING TIME แล้ว เราก็นึกไม่ค่อยออกนะว่า มีหนังเรื่องไหนอีกบ้างที่เน้นการร้อยเรียง “คนต่างๆกันในช่วงเวลาเดียวกัน” เข้าไว้ด้วยกันแบบหนังสองเรื่องนี้ เพราะหนังสารคดีเรื่องอื่นๆที่เราเคยดู มักจะเป็น

 

4.1 การร้อยเรียงคนที่ประกอบกิจวัตรหรืออาชีพที่ใกล้เคียงกันเข้าด้วยกัน อย่างเช่น OUR DAILY BREAD (2005, Nikolaus Geyrhalter, Germany/Austria) และ IN COMPARISON (2009, Harun Farocki, Austria/Germany)

 

4.2 การร้อยเรียงคนที่ประกอบอาชีพต่างกัน แต่อยู่ในสถานที่เดียวกันหรือสถานที่ที่ใกล้เคียงกัน เข้าด้วยกัน อย่างเช่น RAILWAY SLEEPERS (2016, Sompot Chidgasornpongse) กับ SIAM PARK CITY (2011, Chonlasit Upanigkit, 45min)

 

5.เศร้ากับหมาในเรื่องนี้มากๆ ที่เจ้าของหมาทิ้งมันไป แต่หมามันก็ยังเดินกลับมาดูที่เดิมทุกวัน เพื่อดูว่าเจ้าของจะกลับมารับมันไปด้วยหรือเปล่า

 

6.ตอนดูหนังเรื่องนี้ ใจเราก็ล่องลอยไปนึกถึงช่วงเวลาตีสามในชีวิตของตัวเอง 55555 เพราะเหมือนเราไม่ได้สัมผัสช่วงเวลาตีสามมานานราว 20 ปีแล้วน่ะ (หมายถึงเรามักจะหลับสนิทตอนตีสามในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา) ชอบมากที่หนังเรื่องนี้ทำให้เราได้สัมผัสความงดงามของช่วงเวลานี้อีก (แทนที่จะเป็นหนังผีที่มักจะนำเสนอช่วงเวลาตีสามในอีกแง่มุมนึง)

 

ช่วงเวลาตีสามในชีวิตของเรา

 

6.1 ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว ความใฝ่ฝันของเราคืออยากให้มีคืนนึงที่มีเพื่อนสนิทสักคนนึงโทรมาหาเรา แล้วนัดให้เราไปเจอที่ไหนสักที่ตอนตีสาม เพราะการนัดแบบนี้แสดงว่าต้องเกิดเหตุอะไรสักอย่าง และต้องมีการผจญภัยตามมาอย่างแน่นอน แบบฉากสองสาวไป Club Silencio ใน MULHOLLAND DRIVE (2001, David Lynch)

 

6.2 ตอนเรียนมหาลัย ตีสามคือเวลาที่เราเข้านอน เพราะตอนนั้นเราชอบฟังเพลงแดนซ์ แล้วรายการวิทยุที่เปิดเพลงแดนซ์แนวที่เราชอบ คือรายการของคุณอลิศรา ศิริชุมแสง ที่จัดตอน 24.00-03.00 น. เพราะฉะนั้นช่วงเรียนมหาลัย พอเรากลับถึงบ้าน เราก็จะรีบเข้านอนตั้งแต่ 2-3 ทุ่ม แล้วตื่นมาเที่ยงคืน มาฟังเพลงแดนซ์ของคุณอลิศรา แล้วพอตีสามก็เข้านอน แล้วตี 5 ก็ตื่นนอนไปมหาลัย ถือเป็นช่วงที่มีความสุขสุดๆ

 

จำได้ว่า ถึงแม้รายการนี้จะเป็นรายการเพลงแดนซ์ แต่คุณอลิศราก็จะปิดรายการ ด้วยการเปิดเพลงช้าของ Beverley Craven เกือบทุกคืน แล้วพอรายการจบ เราก็จะเปิดเทปเพลงของ Miki Imai ฟังต่อ แล้วเราก็เข้านอนหลับไป

 

6.3 พอเรียนมหาลัยจบ ตีสามสำหรับเราก็คือเวลาที่ DJ STATION ปิดหรือกำลังจะปิด เป็นเวลาสำหรับคนเที่ยวเธคที่กำลังจะแยกย้ายกลับบ้าน

 

6.4 ตีสามเคยเป็นช่วงเวลาหลังเลิกงานของเราด้วยเหมือนกัน เพราะเราเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในบาร์/ร้านอาหารเกย์ TELEPHONE ที่สีลมซอยสี่ ซึ่งร้านปิดตอนตีสอง แล้วตีสามก็มักจะเป็นเวลาที่เราขึ้นรถเมล์จากสีลมมาลงที่หน้า World Trade Center เพื่อต่อรถเมล์อีกสายตรงหน้า WTC เพื่อกลับเข้าอพาร์ทเมนท์

 

6.5 พอเราเริ่มดูหนังจริงจัง จำได้ว่ามีบางคืนที่เราดูหนังที่ Alliance จบ แล้วเรากับพี่สน และเพื่อนๆพี่สน ก็จะมานั่งเมาท์มอยกันที่ Burger King ตรงสีลมซอยสองต่อจนถึงตีสอง, ตีสาม, ตีสี่ ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆเช่นกัน

 

 แต่นั่นก็เมื่อราว 20 ปีผ่านมาแล้ว หลังจากนั้นเราก็พบว่า เมื่อใดก็ตามที่เราอยู่ดึกๆ เราจะป่วยเป็นหวัด เราก็เลยพยายามไม่อยู่ดีกอีก

 

7.สรุปว่าดู CLOSING TIME กับ MIDNIGHT DINER แล้ว คิดว่าควรต้องมีคนไทยสร้างหนังเกี่ยวกับร้านอาหารเปิดดึก แบบร้านโคมแดง (HONG TEONG LONG) ได้แล้วล่ะ 555 แน่นอนว่าในร้านอาหารแบบนี้ ลูกค้ากลุ่มนึงต้องเป็น cinephiles ที่เพิ่งดูหนังในเทศกาลภาพยนตร์มาอย่างแน่นอน

https://www.facebook.com/hongteonglongth

 

หรือถ้าไม่ใช่หนังที่โฟกัสที่ร้านอาหาร เราก็อยากรู้เหมือนกันนะว่า ถ้าหากเป็นหนังที่พูดถึงช่วงเวลาตีสามของคนหลากหลายอาชีพในไทย (ช่วงก่อนโควิด) มันจะออกมาเป็นยังไง คิดว่าบางอย่างคงคล้ายกับใน CLOSING TIME โดยเฉพาะร้านข้าวต้มกับตลาดสด

 

แต่ก็อยากให้มีหนังที่จับช่วงเวลาเหงาๆของพนักงาน 7-eleven ตอนตีสาม, โรงพยาบาลตอนตีสาม, คนที่ไปฟิตเนสตอนตีสาม (FITNESS FIRST บางสาขาเปิด 24 ชั่วโมง) หรือคนที่ไปร้านกาแฟหรือร้านอาหารที่เปิด 24 ชั่วโมงตอนตีสามด้วย หรือไม่ก็คนแถวอนุสาวรีย์ชัยตอนตีสาม อาจจะเป็นหนัง fiction ก็ได้ เราคิดว่าช่วงเวลานี้มันดูมี magic ดี

 

 

 

No comments: