Thursday, January 19, 2006

SHE IS READING NEWSPAPER (A+++++)

ตอบคุณ bungalowzen

(I hope you can read Thai.)

--ได้ดู I AM A S-E-X ADDICT ในเทศกาลภาพยนตร์ที่จัดฉายในกรุงเทพในเดือนต.ค.ปี 2005 ค่ะ

น่าอิจฉามากเลยค่ะที่ได้เรียนหนังสือกับ CAVEH ZAHEDI คิดว่าเขาคงเป็นอาจารย์ที่ช่วยให้นักเรียนได้เปิดกว้างทางความคิดมากขึ้นแน่ๆ

รู้สึกว่าผู้กำกับเก่งๆหลายคนได้หันมาทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในช่วงต่อมา แล้วก็ไม่ได้ทำหนังอะไรออกมาอีกเลย แต่ CAVEH ZAHEDI ยังโชคดีที่ได้ทำหนังออกมาเรื่อยๆ

ได้ดู STALKER, THE IDIOTS, BREAKING THE WAVES และ L’ARGENT แล้ว รู้สึกชอบ L’ARGENT มากที่สุด (ดู L’ARGENT แล้วทำให้ไม่กล้าทำบาปแม้บาปนั้นจะเป็นเพียงอะไรเล็กๆน้อยๆ) ส่วน A WOMAN UNDER THE INFLUENCE กับ MY LIFE TO LIVE ยังไม่ได้ดู

รู้สึกว่า CAVEH ZAHEDI เป็นคนที่สร้างปฏิกิริยาแปลกๆบางอย่างต่อตัวดิฉัน เหมือนกับเขาถือกระจกให้ดิฉันได้เห็นอะไรบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่ในตัวเอง เพราะแค่ได้ดูหนังของเขาเรื่องแรก ดิฉันก็ได้ข้อคิดที่สำคัญบางอย่างที่สามารถนำมาใช้ปรับปรุงชีวิตของตัวเอง ทั้งๆที่หนังของเขาไม่ใช่หนังที่ตั้งหน้าตั้งตาจะสั่งสอนผู้ชมอย่างชัดเจน และพอได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในลิงค์บทความข้างต้น ที่เขาพูดถึงเรื่อง EGO ของมนุษย์ ก็รู้สึกว่าคำให้สัมภาษณ์ของเขาทำให้ดิฉันต้องหันมาทบทวนเรื่อง ego ของตัวเองเหมือนกัน


--Blog ของคุณ bungalowzen เต็มไปด้วยภาพถ่ายที่สวยงามน่าสนใจมากๆเลยค่ะ ตอนเห็นชื่อ bungalow ก็ยังสงสัยอยู่ในใจว่าจะใช่ผู้กำกับหนังเรื่อง BUNGALOW-ZEN: THE AMERICAN TRILOGY หรือเปล่า ปรากฏว่าใช่จริงๆด้วย

ได้ดู BUNGALOW-ZEN: THE AMERICAN TRILOGY ในงานประกวดหนังสั้นของมูลนิธิหนังไทยเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว ได้ดูเพียงรอบเดียว เป็นหนังที่ชอบมากพอสมควร ตอนนี้จำรายละเอียดอะไรในหนังไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าชอบดนตรีประกอบอันรื่นหู, การถ่ายภาพที่สวยงามและให้ความรู้สึกโล่งว่าง และรู้สึกเพลิดเพลินที่ได้ดู ชอบหนังที่ไม่มีเนื้อเรื่องแบบนี้นี่แหละ (หรือมันมีเนื้อเรื่อง แต่ดิฉันเองนี่แหละที่ “ไม่รู้เรื่อง” ไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันแฮะ) บางอารมณ์ในหนังทำให้นึกถึง ALABAMA: 2000 LIGHT YEARS FROM HOME (1969, WIM WENDERS, A+++++) เพราะหนังสองเรื่องนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนัง ROAD MOVIE ขนานแท้ เพราะมีแต่ “ถนน” แต่แทบไม่มี “คน” อยู่ในเรื่องเลย (ฮา)

หวังว่าคุณ TAIKI จะทำหนังออกมาอีกเรื่อยๆนะคะ ดูจากภาพที่ถ่ายไว้ใน blog ของคุณ รู้สึกว่าถ้าหากคุณทำหนังอีก หนังของคุณจะต้องน่าสนใจมากๆ ดูจาก blog ของคุณแล้ว ไม่แน่ใจว่าตอนนี้คุณกำลังทำงานในกองถ่ายหนังหรือทำงานศิลปะด้านอื่นๆอยู่หรือเปล่า

รู้สึกว่าถ้าหากเอาภาพถ่ายของคุณมาจัดเรียงใหม่ แล้วแต่งเนื้อเรื่องเข้าไป บางทีอาจจะได้หนัง 1 เรื่องแล้วก็ได้ (แบบ LA JETEE ของ CHRIS MARKER ที่มีแต่ภาพนิ่งเกือบทั้งเรื่องไง)

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจใน blog ของคุณก็คือการได้เห็นชื่อของ JEAN-LUC GODARD อยู่ในหมวด FAVORITE MUSIC เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า GODARD ทำงานด้านนี้ด้วย (แต่แกก็ใช้ดนตรีประกอบในหนังของแกได้อย่างเฮี้ยนมากๆเลยนะ โดยเฉพาะใน Week-End)


--การที่ CAVEH ZAHEDI ทำหนังที่มีความเป็นส่วนตัวมากๆ และดัดแปลงมาจากประวัติชีวิตของตัวเอง ทำให้นึกถึงหนังของผู้กำกับอีกหลายๆคนที่ดิฉันอยากดู แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ดู รู้สึกว่าจะมีผู้กำกับกลุ่มนึงที่ชอบบันทึกชีวิตของตัวเองลงในหนังโดยตรงในรูปแบบ “ไดอารี่” หนังกลุ่มนี้จะมีความเป็นสารคดีค่อนข้างสูง ในขณะที่ผู้กำกับอีกกลุ่มนึงจะหยิบยกเอาชีวิตในอดีตของตัวเองมาสร้างเป็นหนัง โดยอาจให้ดาราบางคนมารับบทเป็นตัวเองในอดีต หนังกลุ่มนี้จะค่อนไปในทางเป็น autobiography รู้สึกว่าหนังเรื่อง I AM A S-E-X ADDICT ของ CAVEH ZAHEDI น่าจะจัดอยู่ในข่าย AUTOBIOGRAPHY ได้ด้วยเหมือนกัน

การที่ CAVEH ZAHEDI หยิบยกชีวิตของตัวเองมาสร้างเป็นหนัง ทำให้นึกถึงสิ่งที่ FRANCOIS TRUFFAUT เคยเขียนไว้ในปี 1957 ที่ว่า
http://www.sensesofcinema.com/contents/01/12/garrel.html

"The film of tomorrow appears to me as even more personal than an individual and autobiographical novel, like a confession or a diary. The young filmmakers will express themselves in the first person and will relate what has happened to them: it may be the story of their first love or their most recent; of their political awakening; the story of a trip, a sickness, their military service, their marriage, their last vacation.and it will be enjoyable because it will be true.the film of tomorrow will be an act of love."

MAXIMILIAN LE CAIN นักวิจารณ์วัย 22 ปี เขียนไว้ในเว็บไซท์ SENSES OF CINEMA ว่า ผู้กำกับกลุ่มที่ชอบสร้างหนังที่ดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของตัวเอง รวมถึงผู้กำกับ 3 คนในกลุ่ม POST NEW WAVE ของฝรั่งเศส ซึ่งได้แก่

1.MAURICE PIALAT

2.JEAN EUSTACHE (THE MOTHER AND THE WHORE, MY LITTLE LOVE, NUMERO ZERO)

3.PHILIPPE GARREL (THE BIRTH OF LOVE, REGULAR LOVERS, I DON’T HEAR THE GUITAR ANYMORE)
http://www.imdb.com/name/nm0308042/


ส่วนผู้กำกับที่ทำหนังแนวสารคดี-ไดอารี่ รวมถึง

1.JONATHAN CAOUETTE (TARNATION)

2.JONAS MEKAS (AS I WAS MOVING AHEAD OCCASIONALLY I SAW BRIEF GLIMPSES OF BEAUTY)

3.ROBERT FRANK (HOME IMPROVEMENTS, ME AND MY BROTHER, C’EST VRAI)
http://www.imdb.com/name/nm0291071/
http://www.villagevoice.com/film/0530,halter2,66234,20.html

4.MICHEL AUDER
http://www.imdb.com/name/nm0041536/
http://www.michelauder.com/

5.ALAIN CAVALIER (LE FILMEUR, LIVES, THIS ANSWERING SERVICE TAKES NO MESSAGES)
http://www.imdb.com/name/nm0146760/


--รู้สึกว่าหนังเรื่อง ENDLESS STORY (2005, THUNSKA PANSITTIVORAKUL, A+) ก็มีอะไรบางอย่างใกล้เคียงกับหนังแนว AUTOBIOGRAPHY, DIARY เหมือนกันนะ


ตอบน้อง merveillesxx

ใช่แล้วจ้า GABRIELLE กำกับโดย PATRICE CHEREAU น้อง merveillesxx ช่างสังเกตมากๆเลยจ้ะ โฮะๆๆๆ นี่ขนาดลอกมาจากเว็บไซท์ของ FILM COMMENT โดยตรงนะเนี่ย


ขอบคุณคุณ ar เป็นอย่างยิ่งค่ะสำหรับข้อมูลหนังจีน


ตอบน้อง merveillesxx

แล้วเดี๋ยวจะมาตอบอีกทีแบบยาวๆนะคะ ช่วงนี้ยังไม่หายดีจากหวัด ก็เลยทำให้แทบไม่ได้เข้าโรงหนังและแทบไม่ได้เข้าอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เลย

ยินดีกับน้อง merveillesxx ด้วยนะคะที่ได้ตำแหน่ง “ปรียานุช ปานประดับ” (รองอันดับ 1) แห่งวงการ BLOG ภาพยนตร์ นับจากนี้เป็นต้นไป เวลาน้อง merveillesxx ไปไหนมาไหน น้องต้องทำเหมือนกับว่าตัวเองมี “มงกุฎ” สวมอยู่บนศีรษะนะคะ โฮะๆๆๆๆ

วันอาทิตย์ที่น้อง merveillesxx ไม่ได้ไปดูหนังที่ธรรมศาสตร์น่ะ ดิฉันกับเพื่อนๆนินทาน้อง merveillesxx กันใหญ่เลยค่ะ นินทากันสนุกมาก เวลานินทา บางทีคนแถวๆนั้นก็หันมามอง ยังนึกอยู่ในใจเลยว่าคนแถวนั้นบางคนเป็นเพื่อนของน้อง merveillesxx หรือเปล่า และอาจจะพยายามเงี่ยหูฟังว่าพวกเรากำลังนินทาน้องว่ายังไงบ้าง

แต่จริงๆแล้วการนินทาที่ว่าเป็นการ “พูดถึงในทางบวก” ทั้งหมดค่ะ

การดูหนังของคุณทศพล บุญสินสุขในวันนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันมีความสุขมากในขณะที่ดู (แต่ก็ร้องไห้อีกครั้งตอนดู AFTERNOON TIME) แต่รู้สึกทรมานมากขณะที่ดูจบแล้ว เพราะดูแล้วทำให้นอนไม่หลับ เหมือนประสาทมันตื่นตัวอย่างรุนแรงเหมือนตอนที่ได้ดูหนังในเทศกาลหนังทดลอง รู้สึกว่าอารมณ์มันแช่มชื่นเบิกบานแจ่มใสมาก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆแห่งอารมณ์เปี่ยมสุข และยากที่จะทำจิตใจให้สงบนิ่งและหลับลงได้

แต่พอวันอังคาร อยู่ดีๆพอดิฉันนึกถึงเหตุการณ์ในช่วงท้ายของ AFTERNOON TIME ดิฉันก็ร้องไห้ออกมาอย่างรุนแรงเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สรุปว่าการดูหนังของคุณทศพล บุญสินสุขทำให้ดิฉันกลายเป็นบ้า เพราะมันทำให้ดิฉันมีอาการ “ร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรง, “ร่าเริงเบิกบานแจ่มใส”, “ร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรง” สลับกันไปมา เดี๋ยวยิ้มร่า, เดี๋ยวสะอื้นไห้ รู้สึกว่าตัวเองมีอาการไม่ต่างอะไรจากคนบ้าแม้แต่นิดเดียว

No comments: