Thursday, December 21, 2006

SVEN VATH STILL LIVES

From filmsick’s blog
http://filmsick.exteen.com/20061220/distant-voices-still-lives?page=1#

ขอบคุณมากค่ะที่เขียนถึง DISTANT VOICES, STILL LIVES

TERENCE DAVIES จัดเป็นเกย์นักกำกับภาพยนตร์แถวหน้าคนนึงของอังกฤษค่ะ เขามักได้รับการเปรียบเทียบกับ DEREK JARMAN อยู่เป็นประจำ แต่แตกต่างกันตรงที่ TERENCE DAVIES มาจากชนชั้นแรงงาน และไม่ได้มีพื้นฐานความรู้ด้านศิลปะสูงมากแบบ DEREK JARMAN อย่างไรก็ดี ถึงแม้ TERENCE DAVIES ไม่ได้เรียนด้านศิลปะ แต่หนังของเขาก็ถ่ายภาพออกมาได้งามสุดๆ

เคยดูหนังของเขาแค่สองเรื่องค่ะ ซึ่งก็คือ THE NEON BIBLE (1995, A+) กับ THE LONG DAY CLOSES (1992, A++++++++++) โดย THE LONG DAY CLOSES นั้นมีการใช้เพลงประกอบที่เพราะสุดๆในช่วงท้ายเรื่อง และเป็นหนังแนวกึ่งอัตชีวประวัติของเขาเหมือนกับ DISTANT VOICES, STILL LIVES

The Long Day Closes is the story of eleven-year-old "Bud." A sad and lonely boy, Bud struggles through his days. With cinema as his main source of solace, he haunts the local movie-house. All the while, his family looms large in our peripheral vision as do the menacing bullies of his school, but Bud is the center of attention both from the camera's angle and from his doting family. With a gray background, the film fuses clips and audio from classic movies into Bud's dreary childhood and brings it to life with an elegance Bach would bring to your home movies. The overall effect is a montage of memory which seems to ignite flashes of recognition in the viewer.

เนื่องจาก DISTANT VOICES, STILL LIVES มีเนื้อหาเกี่ยวกับ “พ่อ” ก็เลยรวบรวมรายชื่อหนังเกี่ยวกับพ่อ-ลูกที่น่าสนใจมาไว้ในที่นี้ด้วยค่ะ

1.MUSIC BOX (1989, COSTA-GAVRAS, A++++++++++)
หนึ่งในหนังที่ชอบที่สุดในชีวิต เรื่องของลูกสาวที่ไม่รู้ว่าพ่อของเธอเป็นอาชญากรสงครามใจโหดหรือเปล่า
http://www.imdb.com/title/tt0100211/


2.FIELD OF DREAMS (1989, PHIL ALDEN ROBINSON, A++++++++)
เรื่องของลูกชายที่สร้างสนามเบสบอลให้วิญญาณของพ่อ ถ้าจำไม่ผิด คุณวาสนา วีระชาติพลีชอบ KEVIN COSTNER ในหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะเขาดูอบอุ่นมาก


3.PAPA (2005, MAURICE BARTHELEMY, A++++++++++)
เรื่องของพ่อกับลูกชายที่นั่งรถไปด้วยกัน


4.SECRET DEFENSE (1998, JACQUES RIVETTE, A+)
ลูกสาวที่พยายามแก้แค้นให้พ่อ


5.TRAGEDY OF A RIDICULOUS MAN (1981, BERNARDO BERTOLUCCI, A+)
เรื่องของพ่อที่พยายามแสวงหาผลประโยชน์จากการที่ลูกชายของเขาถูกลักพาตัว
http://www.imdb.com/title/tt0084813/


6.ACCUSED (2005, JACOB THUESEN, A+)
เรื่องของพ่อที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนลูกสาว


7.TRANSAMERICA (2005, DUNCAN TUCKER, A+)


8.LA PETITE MORT (2005, FRANCOIS OZON, A+)
เรื่องของลูกชายที่ถ่ายภาพพ่อขณะนอนแก้ผ้า
http://www99.epinions.com/content_242209033860

Paul is an artist, his current project is to take photos of the faces of men during orgasm. He lives with Martial, his lover. His sister Camille, who's running the family business, takes Paul to the hospital to see their father, who is dying. Paul hasn't seen him in six years, and all his life has believed his father thinks he's ugly and perhaps not even his child. There's no deathbed reconciliation, but subsequent exchanges of Paul with Martial and with Camille bring opportunities for growth and change to this temperamental and self-pitying young man.


9.THE SPIDER’S STRATAGEM (1970, BERNARDO BERTOLUCCI, A+)
เรื่องของลูกชายที่พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับพ่อของตัวเอง
http://www.imdb.com/title/tt0066413/


10.FATHER (1966, ISTVAN SZABO, A+)
เรื่องของผู้ชายที่พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับพ่อของตัวเอง
http://www.imdb.com/title/tt0060116/#comment


11.DON’T TELL (2005, CRISTINA COMENCINI, A+/A)
เรื่องของลูกสาวที่ถูกพ่อข่มขืน


12.FREQUENCY (2000, GREGORY HOBLIT, A)
พ่อลูกที่สื่อสารกันข้ามมิติเวลา


13.THE RIVER (1997, TSAI MING-LIANG, A/A-)


14.THE SUM OF US (1994, GEOFF BURTON + KEVIN DOWLING, A-)
เรื่องของคุณพ่อใจประเสริฐที่พยายามหา “ผัว” ให้ “ลูกชาย” (Russell Crowe)
http://www.imdb.com/title/tt0111309/


15.BLISS (1997, LANCE YOUNG, A-)
เรื่องของลูกสาวที่ถูกพ่อข่มขืน


16.THE FEAST OF THE GOAT (2005, LUIS LLOSA, B+)
พ่อที่กระทำบางอย่างที่ลูกสาวยากจะให้อภัย

From bioscope’s webboard
http://www.bioscopemagazine.com/web2006/webboard/index-in.php?id=51161


ตอบคุณน้องเต้

ขอบคุณมากค่ะสำหรับมิวสิควิดีโอของ U2 และรายชื่อศิลปินในนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ดิฉันจะจำหน้าไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร ขณะที่ดูมิวสิควิดีโอเพลงนี้ ดิฉันรู้สึกเหมือนตอนที่ดูหนังเรื่อง “HERO” (2006, A++++++++++) ของคุณทวีศักดิ์ ศรีทองดี เพราะในหนังเรื่องนั้นก็จะขึ้นภาพใบหน้าของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์มาหลายคน แต่มีที่ดิฉันรู้จักอยู่แค่ประมาณ 30 % เท่านั้น


ตอบคุณ pc

--พูดถึง FELLINI – SATYRICON (1969) ซึ่งเคยเข้ามาเปิดฉายในโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพในชื่อเรื่องว่า “เสื่อม” แล้ว ก็ทำให้นึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง CRYSTAL DRAGON ที่ดิฉันติดตามอ่านอยู่ในตอนนี้ เพราะถ้าเข้าใจไม่ผิด PETRONIUS ซึ่งเป็นเจ้าของบทประพันธ์ SATYRICON ได้กลายเป็นตัวละครตัวหนึ่งในการ์ตูนเรื่อง CRYSTAL DRAGON ด้วย รู้สึกว่าตอนนี้ CRYSTAL DRAGON ออกมา 16 เล่มแล้ว แต่ใช้เวลาแต่งราว 20 กว่าปี ดิฉันเคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 13 ปี จนตอนนี้ดิฉันอายุ 33 ปีแล้ว การ์ตูนของ ASHIBE YUHO เรื่องนี้ก็ยังไม่จบสักที

--พูดถึงศิลปินที่อาจจะได้ชื่อวงมาจากชื่อหนังแล้ว ก็นึกถึง DIRTY ROTTEN SCOUNDRELS ซึ่งเป็นรีมิกเซอร์ วงนี้ประกอบด้วย DAN BEWICK และ MATT FROST และเคยรีมิกซ์เพลง PEOPLE HOLD ON ให้ LISA STANSFIELD

ดูรายชื่อผลงานของ DIRTY ROTTEN SCOUNDRELS ได้ที่
http://www.discogs.com/artist/Dirty+Rotten+Scoundrels

ดิฉันไม่แน่ใจว่าชื่อวงนี้มาจากภาพยนตร์เรื่อง DIRTY ROTTEN SCOUNDRELS (1988, FRANK OZ) หรือเปล่า หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย STEVE MARTIN กับ MICHAEL CAINE ในบทของสองนักต้มตุ๋นที่พยายามพิชิตใจของ GLENNE HEADLY
http://www.amazon.com/Dirty-Rotten-Scoundrels-Steve-Martin/dp/B00005PJ6O/sr=8-1/qid=1166715568/ref=pd_bbs_sr_1/104-3287267-6364766?ie=UTF8&s=dvd
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00005PJ6O.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1056698532_.jpg


--ขอสารภาพว่าเสียงของ CLAUDIA BRUECKEN นั้น ตอนแรกดิฉันนึกว่าเป็นเสียงเทปยืดค่ะ เพราะดิฉันเคยยืมซีดี CLAUDIA BRUECKEN ของเพื่อนมาอัดลงเทปของตัวเอง แล้วพอเปิดเทปฟัง ดิฉันก็นึกว่าเทปยืด เพราะเสียงของเธอมันดูเพี้ยนๆในบางช่วง แต่พอได้มาดูมิวสิควิดีโอของเธอใน YOUTUBE เสียงของเธอใน YOUTUBE มันก็เหมือนนกับในเทปของดิฉันนี่นา งั้นเทปดิฉันก็ไม่ได้ยืดน่ะสิ แต่เสียงของเธอเป็นอย่างนั้นเอง


--ศิลปินเยอรมันอีกคนที่ดิฉันชอบมากคือ SVEN VATH ค่ะ เขาทำเพลงแนวเทคโน

เว็บไซท์ของ SVEN VATH
http://cocoon.net/

มิวสิควิดีโอของ SVEN VATH

1.FACE IT (1998)
http://www.youtube.com/watch?v=Tff05RG_VNQ
ชอบเพลงในระดับ A+ และชอบมิวสิควิดีโอในระดับ A

2.L’ESPERANZA (1993)
http://www.youtube.com/watch?v=DnhhiPallYo
ชอบเพลงและมิวสิควิดีโอในระดับ A-


--สำหรับความเห็นเรื่องวัฒนธรรมเยอรมันนั้นน่าสนใจมากค่ะ ตัวดิฉันเองไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ และก็แทบไม่เคยได้ฟังเพลงเยอรมันอย่างจริงๆจังๆด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหากถามว่าตัวเองชอบเพลงอะไร ก็คงตอบว่าชอบเพลงของประเทศอังกฤษมากที่สุดค่ะ เพราะแทบไม่เคยได้ฟังเพลงของชาติยุโรปชาติอื่นๆเลย

ส่วนภาพยนตร์นั้น ดิฉันคิดว่าตัวเองอาจจะชอบหนังเยอรมันมากกว่าหนังอังกฤษค่ะ แต่นั่นเป็นเพราะว่าหนัง “เฮี้ยนๆ” ของอังกฤษนั้นหาดูยากกว่าหนังเฮี้ยนๆของเยอรมันที่เคยมาฉายทางสถาบันเกอเธ่หลายต่อหลายเรื่อง ถ้าหากดิฉันไม่เคยไปดูหนังที่สถาบันเกอเธ่ ดิฉันก็อาจจะชอบหนังอังกฤษมากกว่าหนังเยอรมันไปแล้วก็ได้

สิ่งที่ชอบที่สุดในความเป็นเยอรมัน ก็คือความบ้าจนกู่ไม่กลับของผู้กำกับหนังเยอรมันในทศวรรษ 1970 และความบ้าจนกู่ไม่กลับของนักร้องอย่าง NINA HAGEN ค่ะ ดิฉันรู้สึกเหมือนกันว่าเยอรมันที่เห็นในหนังมีความแข็งๆและเย็นชา แต่พอดูหนังเยอรมันไปนานๆเข้า ก็รู้สึกชินและชอบความแข็งๆและเย็นชาแบบนี้

มีเพื่อนที่เคยไปเที่ยวเยอรมัน เขาก็บอกว่ามันดูเป็นประเทศที่เคร่งครัดกฎระเบียบมากค่ะ ซี่งมันก็ทำให้บ้านเมืองดูเรียบร้อยดี แต่มันก็ทำให้เขาเกร็ง เพราะเขาไม่รู้ตัวว่าเขาจะทำผิดกฎอะไรเข้าหรือเปล่า ไม่เหมือนเนเธอร์แลนด์หรือเดนมาร์กที่เขาบอกว่าเขารู้สึก “สบายใจ” เมื่อได้ไปเที่ยวประเทศนี้

อย่างไรก็ดี เพื่อนที่ไปเที่ยวเบอร์ลินก็ชอบคลับเซ็กส์รูปแบบต่างๆในเบอร์ลินมากค่ะ เห็นเพื่อนบอกว่าในเบอร์ลินมีคลับเซ็กส์แปลกๆที่ถูกกฎหมายตั้งอยู่มากมาย ก็เลยรู้สึกว่าประเทศของเขาอาจจะเคร่งครัดกฎระเบียบมากเกินไปในบางจุดก็จริง แต่เขาก็รู้จักผ่อนคลายกฎระเบียบในสิ่งที่ควรผ่อนคลายด้วยเหมือนกัน

ตอนนี้กำลังลุ้นให้ KLAUS WOWEREIT นายกเทศมนตรีเบอร์ลินสุดหล่อได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของเยอรมนีที่ประกาศตัวว่าเป็นเกย์ค่ะ

อ่านข่าวเกี่ยวกับ KLAUS WOWEREIT ได้ที่
http://www.365gay.com/Newscon06/09/091706gerrmany.htm

Many now within the party are looking at Wowereit as a future leader.

Wowereit is seen as a consensus builder who can unite the various factions of German politics.

Of his ambitions for the future he's playing his cards close to the vest, but acknowledged in a recent interview in the news magazine Stern that "I would like to have more say than I have had in the last five years."

But if he does have his sites on federal politics he'll have to wait until party leader Kurt Beck, who has little public recognition, bows out or is pushed out.

If he were to become chancellor it would make Wowereit the fist openly gay man to lead a country in modern times.

No comments: