Sunday, May 25, 2014

KON KOM KWAN (2013, Wiroon Kingpaiboon, documentary, A+15)

 
KON KOM KWAN คนคมขวาน (2013, Wiroon Kingpaiboon, documentary, A+15)
 
1.ส่วนหนึ่งของหนังเป็นหนังสารคดีเกี่ยวกับชีวิตชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโขง และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ซึ่งส่วนนี้ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานหนังสารคดีชั้นดีเรื่องอื่นๆ และมีบางประเด็นน่าสนใจ
 
2.แต่ส่วนที่เราชอบมากเป็นพิเศษคือส่วนที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสในบ้านเก่าๆบางหลังริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งบ้านเหล่านี้มีอายุประมาณ 60-70 ปี เขาบอกว่าบ้านเก่าๆเหล่านี้สร้างโดยสถาปนิกชาวเวียดนาม มันเลยออกมาเป็นสไตล์ฝรั่งเศส และบางหลังเคยเป็นของพ่อค้ายาเสพติด
 
3.ส่วนที่ชอบสุดๆอีกส่วนในหนังเรื่องนี้คือการสัมภาษณ์ชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติมากมายริมฝั่งแม่น้ำโขง เราว่าส่วนนี้มันเหมือนเป็นวัตถุดิบที่เหมาะต่อการเอาไปสร้างเป็นหนังผี/หนังอาร์ตแบบหนังผีเจ้ยได้ มันมีทั้งเรื่องตำนานปรัมปราเกี่ยวกับพญานาคสู้กัน, ของวิเศษที่ถูกทิ้งไปในแม่น้ำโขง, ตำนานพระธาตุพนม, เรื่องของเจ้าศรีโคตรที่ฆ่าช้างตายไปร้อยตัว และเรื่องที่หนักที่สุดคือเรื่องของผีโขนน้ำ ซึ่งเป็นกลุ่มมนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่อาศัยอยู่ในถ้ำใต้แม่น้ำโขง โดยชายวัย 47 ปีที่เล่าเรื่องนี้เคยเห็นผีโขนน้ำกับตาตัวเองจริงๆ
 
งานด้านเพลงประกอบก็น่าสนใจดี และเราชอบงานด้านภาพมาก เราว่า texture ของภาพมันงามมากๆสำหรับเรา ตอนช่วง Q&A กับผู้กำกับ เขาเล่าว่าเขาใช้กล้องมินิดีวีถ่ายทำ เพราะมันเหมาะกับการถ่ายภาพแม่น้ำโขงโดยมีภูเขาฝั่งลาวเป็นฉากหลัง และเขาไม่ชอบภาพของกล้องดิจิตัล DSLR
 
แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีกลวิธีการเล่าเรื่องที่พิสดารแต่อย่างใด เราว่าสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนังเรื่องนี้ทำขึ้นเพื่อประกอบ “โครงการวิจัย” ก็เลยต้องทำตัวอยู่ในกรอบและเน้นเนื้อหาสาระมากหน่อย อย่างไรก็ดี จะมีภาคสองของหนังเรื่องนี้ ซึ่งอาจจะน่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะมันไม่ต้องใช้ประกอบโครงการวิจัยแล้ว และมันจะมีเรื่องเกี่ยวกับยูเอฟโอเหนือแม่น้ำโขงด้วย
 
พอเราดูหนังจบ เราเลยไปหาข้อมูลเรื่องท้าวศรีโคตรเพิ่ม พบว่ามันน่าสนใจมาก เราว่าถ้าหากเอาตำนานท้าวศรีโคตรมาสร้างเป็นหนัง มันอาจได้หนังที่ดีมากๆแบบ DIE NIBELUNGEN (1924, Fritz Lang) ก็ได้
 
(ส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับหนัง แต่พอเห็นคำว่า “โขงเจียม” ปรากฏขึ้นมาในหนังเรื่องนี้แล้ว มันทำให้รู้สึกเป็นกังวลถึงใครบางคนอย่างมากๆ)
 

No comments: