Sunday, December 12, 2004

JAMES PUREFOY IS HANDSOME

ชอบ FAR FROM HEAVEN (A+/A) มากเหมือนกันค่ะ พอดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้อยากดูหนังต้นฉบับของ DOUGLAS SIRK อย่างมากๆ ก็เลยไปหามาดู และก็พบว่าตัวเองชอบ ALL THAT HEAVEN ALLOWS (1955, DOUGLAS SIRK, A+) อย่างมากๆเลยค่ะ ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่า ROCK HUDSON ในหนังเรื่องนี้ดูน่ารักอบอุ่นมากๆ แหม อยากมีคนสวนอย่างนี้บ้างจัง โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ ฮิ
http://www.wolfsden3.homestead.com/rockhudson.html

ตอนนี้ได้ดูหนังของ DOUGLAS SIRK ไปแค่ 3 เรื่องเองค่ะ ซึ่งก็คือ ALL THAT HEAVEN ALLOWS (A+), WRITTEN ON THE WIND (1956, A+/A) และ LA HABANERA (1937, B+/B) แต่ก็อยากดูหนังของเขาอีกหลายๆเรื่อง เพราะรู้สึกว่าฌอง-ลุค โกดาร์ด จะชื่นชอบหนังบางเรื่องของดักลาส เซิร์คมาก
http://www.imdb.com/name/nm0802862/

ยังไม่ได้ดู ICHI THE KILLER เลยค่ะ ตอนนี้ดิฉันได้ดูหนังของ TAKESHI MIIKE ไปแค่ 3 1/3 เรื่องเท่านั้นเอง ซึ่งได้แก่เรื่อง

1.AUDITION (1999) A
2.BLUES HARP (1998) A- หนังเกย์ นำแสดงโดย HIROYUKI IKEUCHI ที่เคยแสดงใน CHARISMA (1999, KIYOSHI KUROSAWA, A+)
3.THREE…EXTREMES (2004) A- หนังสั้นของ MIIKE ดูหลอนดี ส่วนตอนของฟรุต ชานดูแร่ดๆดี ในขณะที่ตอนที่เป็นหนังเกาหลีดูสนุกดี
4.THE BIRD PEOPLE IN CHINA (1998) B+

น่าอิจฉาจังเลยค่ะที่ได้ดู MOUCHETTE แล้ว ดูตัวละครพระเอกใน JEALOUSY IS MY MIDDLE NAME แล้วนึกไปถึงตัวละครแวน โก๊ะห์ (Jacques Dutronc) ใน VAN GOGH (1991, MAURICE PIALAT, A+) กับตัวละคร ซูซานน์ (SANDRINE BONNAIRE) ใน TO OUR LOVES (1983, MAURICE PIALAT, A) ค่ะ เพราะสีหน้าสีตามันดูไปกันได้ดี มันเป็นตัวละครที่อมทุกข์ แต่อมทุกข์ในแบบที่ดิฉันดูแล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วยอย่างรุนแรงค่ะ

ฉากที่ชอบมากใน JEALOUSY IS MY MIDDLE NAME รวมถึงฉากที่พระเอกเช็ดปัสสาวะของตัวเอง กับฉากที่พระเอกโทรศัพท์คุยกับแฟนเก่า แล้วมีเรื่องขัดใจกับแฟนเก่า, หลังจากนั้นสาวเจ้าของบ้านเช่าก็เข้ามากวนใจพระเอก ก็เลยถูกพระเอกระเบิดอารมณ์โมโหใส่อย่างรุนแรง, แล้วเจ้านายพระเอกก็โทรมากวนใจพระเอก ทำให้อารมณ์ของพระเอกยิ่งทวีความกดดันมากขึ้นไปอีก, แต่คนที่ซวยต้องมารองรับอารมณ์ทุกข์ของพระเอก กลับเป็นสาวอ้วนที่ถูกพระเอกจอดรถขวางทางเอาไว้ โดยที่พระเอกไม่ยอมเลื่อนรถหลีกทางให้ แต่กลับนอนอยู่เฉยๆแล้วเอาทรายโรยหน้าตัวเอง

ดูฉากนี้ใน Jealousy Is My Middle Name แล้วก็นึกถึงตัวเองเหมือนกัน ในบางครั้งดิฉันก็อารมณ์เสียเพราะการกระทำของนางสาว A หรือนางสาว B แล้วดิฉันก็เผลอไประบายอารมณ์เสียใส่นางสาว C ที่เผอิญซวยผ่านเข้ามาพอดี

อีกอย่างนึงที่ติดใจในหนังเรื่องนี้ ก็คือการที่หนังจงใจปกปิดหน้าตาแฟนเก่าของพระเอกตลอดเวลา เธอมักจะอยู่ในเงามืด, ปรากฏมาแค่เสียง หรือไม่ก็ถูกประตูลิฟท์เลื่อนมาบังหน้าเอาไว้พอดี ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร

ชอบตัวละครสาวเจ้าของบ้านเช่าในหนังเรื่องนี้มากเหมือนกันค่ะ ตอนแรกจะรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้น่ารำคาญมาก แต่พอได้เห็นปัญหาชีวิตของเธอ ก็รู้สึกเห็นใจตัวละครตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าถ้าเป็นในหนังเกาหลีเรื่องอื่น ตัวละครตัวนี้ต้องกลายเป็นนางเอกไปแล้ว เพราะปัญหาชีวิตเธอรุนแรงกว่าตัวละครอื่นๆในเรื่องหลายเท่า ไหนจะพ่อเป็นบ้า, พี่ชายเป็นบ้า, ต้องดูแลร้าน, รักพระเอกแต่พระเอกก็ไม่รัก, อยากตรวจครรภ์ แต่ถ้าหากหนังเรื่องนี้ให้ตัวละครตัวนี้เป็นนางเอกจริงๆ หรือถ้าหากหนังเรื่องนี้พยายามทำให้ตัวละครตัวนี้เป็นเพียง “นางรองธรรมดาๆที่ไม่มีปัญหาชีวิตเป็นของตัวเอง” หรือเป็นเพียง “นางอิจฉาที่ไม่มีความทุกข์ใจในด้านอื่นๆของชีวิต” ดิฉันคงชอบหนังเรื่องนี้ลดลงกว่าเดิมประมาณ 10 เท่า การที่หนังเรื่องนี้ให้ตัวละครตัวนี้เป็นเพียงตัวละครตัวหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจความทุกข์ความรักความสมหวังความผิดหวังความสิ้นหวังเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ “นางเอก” ไม่ใช่ “นางรองธรรมดาๆ” ไม่ใช่ “นางอิจฉาธรรมดาๆ” และไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาชีวิตของเธอในระดับที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป คือสิ่งที่ทำให้ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้มากๆค่ะ ตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่ดิฉันแทบไม่ค่อยพบในหนังเรื่องอื่นๆ มันคือตัวละครประกอบที่มีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเองในแบบที่ดิฉันชอบมากๆ

ตัวละครนางเอกใน JEALOUSY IS MY MIDDLE NAME ก็เป็นตัวละครนางเอกหนังเกาหลีที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิตคนนึงค่ะ เพราะเธอดูเป็นผู้ใหญ่ดี ปกติแล้วในหนังเกาหลีดิฉันมักเจอนางเอกอยู่สองประเภท ซึ่งก็คือประเภทสาวสวยน่ารัก ซึ่งเป็นประเภทที่ดิฉันเกลียดมาก (เพราะดิฉันตรงข้ามกับพวกเธอ) และประเภทสาวโรคจิต ซึ่งเป็นประเภทที่ดิฉันชอบมาก แต่ก็อยากเจอตัวละครนางเอกหนังเกาหลีที่เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ไม่สวยและก็ไม่เป็นโรคจิตบ้าง และนางเอก JEALOUSY IS MY MIDDLE NAME คือนางเอกที่ตรงสเปคดิฉันมากที่สุดค่ะ

ไม่ค่อยประทับใจกับ THE MAN WITHOUT A PAST (B+) เหมือนกันค่ะ ถ้าดิฉันเป็นกรรมการเมืองคานส์ปีนั้น ดิฉันอาจจะลงคะแนนให้ปาล์มทองกับ DIVINE INTERVENTION และมอบรางวัลสเปเชียล จูรี ไพรซ์ให้ SPIDER ของเดวิด โครเนนเบิร์ก แต่จริงๆแล้วดิฉันเพิ่งได้ดูหนังชิงปาล์มทองปีนั้นไปเพียงแค่ 8 เรื่องเองค่ะ

หนังของ AKI KAURISMAKI ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ

1.THE MATCH FACTORY GIRL (1990) A+ รู้สึกว่าเรื่องนี้จะได้อิทธิพลจาก ROBERT BRESSON มา ก็เลยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ชอบเรื่องนี้มากที่สุด
2.DRIFTING CLOUDS (1996) A-
3.JUHA (1999) A-
4.SHADOWS IN PARADISE (1986) A-/B+
5.THE MAN WITHOUT A PAST (2002) B+

หนึ่งในเพลงเกี่ยวกับหน้าหนาวที่ดิฉันชอบที่สุดก็คือเพลง WINTER SONG ของวง DREAMS COME TRUE จากญี่ปุ่นค่ะ
http://www.lyricsdownload.com/dreams-come-true-winter-song-lyrics.html
http://www.japan-zone.com/modern/dct.shtml


ชอบหลี่เจียซินใน FALLEN ANGELS มากเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะในช่วงต้นเรื่องตอนที่เธอออกไปสำรวจสถานที่ ท่าเดินของเธอแสดงถึงความ “ไม่ยี่หระ” อย่างมากๆ

ชอบเพลงของลอรี แอนเดอร์สันใน FALLEN ANGELS มากๆเลยค่ะ เมื่อเร็วๆนี้เห็นนิตยสาร INTERVIEW เล่มหน้าปก GAEL GARCIA BERNAL มีบทสัมภาษณ์บียอร์คด้วย ซึ่งจริงๆแล้วบทสัมภาษณ์บียอร์คอาจไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้นในระดับสุดขีด แต่สิ่งที่ทำให้บทสัมภาษณ์นี้น่าตื่นเต้นสุดขีดก็คือการที่ผู้สัมภาษณ์คือ “ลอรี แอนเดอร์สัน” เรียกได้ว่าเป็นการปะทะกันครั้งสำคัญของนางสิงห์สองตัวแห่งวงการเพลงพิสดารเลยทีเดียว น่าเสียดายที่บทสัมภาษณ์นี้มีแค่ไม่กี่หน้า ก็เลยตัดสินใจไม่ซื้อนิตยสารเล่มนี้มา รู้สึกว่าจะหมดแล้วด้วย เพราะเห็นเล่มใหม่มาวางแผงแล้ว

ชอบเพลงเจงกิสข่านใน PLATFORM มากเหมือนกันค่ะ ดิฉันดูหนังเรื่องนี้ในโรงใหญ่ ดูแล้วยังแยกหน้าตัวละครไม่ออกเหมือนกันว่าตกลงใครเป็นใครกันแน่ ฉากที่จำได้ดีที่สุดฉากนึงในหนังเรื่องนี้คือฉากที่สองสาวโดนหลอกให้เต้นระบำฟรี

นอกจาก PLATFORM แล้ว ยังมีหนังอีก 2 เรื่องที่ดิฉันดูแล้วงงๆค่ะว่าตกลงใครเป็นใครกันแน่ในเรื่อง และหนังสองเรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับ “ยุคสมัย”, “สถานการณ์ในยุคสมัยนั้นๆ” และ “ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมหรือวัฒนธรรมในยุคสมัยนั้นๆ” เหมือนกับเรื่อง PLATFORM เหมือนกัน ซึ่งหนังสองเรื่องนี้ก็คือเรื่อง A BRIGHTER SUMMER DAY (1991, EDWARD YANG, A-)
http://www.filmref.com/directors/dirpages/yang.html

กับ A CITY OF SADNESS (1989, HOU HSIAO-HSIEN, A-) ค่ะ สรุปว่าหนัง 3 เรื่องนี้เป็นหนังที่ดูเผินๆเหมือนจะดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า แต่ดิฉันกลับตามเนื้อเรื่องในหนังไม่ทันเลยแม้แต่นิดเดียว
http://www.filmref.com/directors/dirpages/hou.html#city

ดีใจมากๆๆๆค่ะที่คุณอ้วนชอบหนังเรื่อง THE SILENCE ของอิงมาร์ เบิร์กแมน เป็นหนังที่แสดงอารมณ์เหงาออกมาในแบบที่ตรงใจดิฉันมากๆ

พูดถึงหนังญี่ปุ่นที่มีฉากรถไฟ ดิฉันมีที่ชอบอย่างสุดใจขาดดิ้นอยู่ 2 เรื่องค่ะ ซึ่งก็คือเรื่อง HARU (1996, A+++++) กับ AND THEN (1985, A++++++) และหนังสองเรื่องนี้ก็กำกับโดย YOSHIMITSU MORITA เหมือนกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรผู้กำกับคนนี้ถึงสามารถทำให้ฉากรถไฟประทับอยู่ในความทรงจำได้อย่างไม่มีวันลืมเลือนเช่นนี้ แต่ฉากรถไฟในหนังสองเรื่องนี้แตกต่างกันมาก เพราะฉากรถไฟใน AND THEN เป็นฉากเซอร์เรียลที่เหมือนกับหลุดมาจากมิวสิควิดีโอ RUNNING UP THAT HILL ของ KATE BUSH ส่วนฉากรถไฟใน HARU เป็นฉากที่โรแมนติคซาบซึ้งกินใจมาก
http://www.imdb.com/name/nm0605741/

รู้สึกชอบ AMELIE ในระดับประมาณ A/A- ค่ะ จริงๆชอบแค่ A- แต่เนื่องจากพระเอกตรงสเปคมากก็เลยให้คะแนนพิเศษเพิ่มขึ้นมาหน่อย รู้สึกอยู่เหมือนกันว่า Amelie มีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยตรงใจตัวเอง ชอบ DELICATESSEN มากกว่าค่ะ

ฉากนั้นใน THE THIN RED LINE เป็นฉากที่ดูแล้วแทบร้องไห้ค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นฉากที่มีหมอกโรยตัวลงมาด้วย ดูแล้วเศร้ามาก อีกฉากนึงที่จำติดตามากในหนังเรื่องนี้คือฉากที่จิม คาวีเซลเปลือยท่อนบนเล่นน้ำ โฮะ โฮะ โฮะ

FROM HERE TO ETERNITY ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ เคยดูแค่แว่บๆทางช่องเคเบิลทีวี รู้สึกว่าต้องเป็นคนที่ชอบหนังเก่าๆหรือเข้าใจอารมณ์หนังเก่าๆถึงจะชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีความพิสดารเหมือน THE THIN RED LINE และก็ไม่ได้เร้าอารมณ์เต็มที่แบบหนังฮอลลีวู้ดยุคปัจจุบัน แต่มีความงามในแบบคลาสสิค ส่วนตัวดิฉันนั้น ดิฉันอยากดูหนังเรื่องนี้มากๆเพราะ MONTGOMERY CLIFT ค่ะ

เพิ่งเจอบทความวิจารณ์หนังเรื่อง CLEO FROM 5 TO 7 (1961, AGNES VARDA, A+) ในหนังสือ POSITIF 50 YEARS ที่มีวางขายอยู่ในถนนข้าวสาร ดิฉันชอบชื่อบทความนี้มากเลยค่ะ เพราะชื่อบทความนี้คือ “CLEO FROM HERE TO ETERNITY” เพราะดิฉันรู้สึกว่าหนังเรื่อง CLEO FROM 5 TO 7 นี้เป็นหนังที่ควรค่ากับคำว่า ETERNITY จริงๆ


ชอบ MIKE LEIGH ซึ่งเป็นผู้กำกับของ ALL OR NOTHING มากๆค่ะ เขาสร้างตัวละครได้ดูมีเลือดมีเนื้อมีชีวิตจิตใจมากๆ และก็มักเป็นตัวละครที่ไม่ร่ำรวยด้วย ไม่น่าแปลกใจที่เรย์ คาร์นีย์จะชื่นชมเขามากๆ

ดูหนังของเขาแล้วรู้สึกว่าตัวละครในหนังของเขาช่างเต็มไปด้วยข้อบกพร่องและนิสัยเสีย แต่กลับไม่รู้สึกเกลียด
ตัวละครพวกนี้เลย ดูแล้วกลับทำให้รู้สึกเห็นใจตัวละครพวกนี้อย่างมากๆ ตัวละครในหนังของเขามีความเลวแตกต่างกันไปในตัวละครแต่ละตัว แต่ดูหนังของเขาแล้วทำให้รู้สึกรักเพื่อนมนุษย์และเห็นใจเพื่อนมนุษย์เพิ่มขึ้นอีกมาก

หนังของไมค์ ลีห์ เรียงตามลำดับความชอบในตอนนี้

1.ABIGAIL’S PARTY (1977) A+ หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบละครเวทีเกี่ยวกับผู้หญิงค่ะ
2.SECRETS & LIES (1996) A+
3.TOPSY-TURVY (1999) A+
4.MEANTIME (1984) A+
PETER WIGHT รับบทประกอบในหนังเรื่องนี้ เขาเล่นได้อย่างสุดยอดมากๆ และดิฉันหวังว่าหนังเรื่อง VERA DRAKE ของไมค์ ลีห์จะทำให้ดาราชายคนนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง
http://www.imdb.com/name/nm0927835/

5.NAKED (1993) A+/A
6.CAREER GIRLS (1997) A
7.LIFE IS SWEET (1990) A
8.NUTS IN MAY (1976) A-


เพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังที่เพิ่งได้ดู

ชอบ CHERRY JONES ใน OCEAN’S TWELVE (A) มากๆเลยค่ะ เธอได้รับบทที่สง่ามากๆในหนังเรื่องนี้ จริงๆแล้วเคยดูเธอในหนังหลายเรื่องก่อนหน้านี้ แต่เธอไม่ได้รับบทที่โดดเด่นติดตาเหมือนอย่างใน OCEAN’S TWELVE มาก่อน

ก่อนหน้านี้ CHERRY JONES (เกิดปี 1956) เคยแสดงหนังเรื่อง
1.THE VILLAGE (A)
2.JULIAN PO (1997, ALAN WADE, A-)
3.ERIN BROCKOVICH (A-)
4.SIGNS (B+)
5.DIVINE SECRETS OF THE YA-YA SISTERHOOD (2002, CALLIE KHOURI, B)

ส่วนหนังของ STEVEN SODERBERGH เรียงตามลำดับความชอบได้ดังนี้ค่ะ
1.FULL FRONTAL (2002) A++++++++ หรือในชื่อภาษาไทยว่า “พวกเราบานฉ่ำ”
2.OUT OF SIGHT (1998) A+
3.SEX, LIES, AND VIDEOTAPE (1989) A ดูตอนเด็กๆ คิดว่าคงต้องเอามาดูใหม่อีกรอบ
4.OCEAN’S TWELVE (2004) A
5.KAFKA (1991) A/A- เรื่องนี้ก็ดูตอนที่ยังเด็กเกินไปเหมือนกัน
6.KING OF THE HILL (1993) A- เอเดรียน โบรดี้ในหนังเรื่องนี้น่ารักมากๆ
7.ERIN BROCKOVICH (2000) A-
8.TRAFFIC (2000) A-
9.OCEAN’S ELEVEN (2001) B-

ส่วน VANITY FAIR นั้นก็เป็นหนังที่เต็มไปด้วยดาราหญิงที่ชอบมากหลายคนค่ะ ซึ่งรวมถึง

1.GERALDINE MCEWAN ในบทของเลดี้เซาธ์ดาวน์ที่เรียกเสียงฮาได้ทุกครั้งที่เธอเอ่ยปากพูด ก่อนหน้านี้เธอเคยรับบทเป็นเลสเบียนมาแล้วใน THE LOVE LETTER (1999, PETER CHAN) และเคยฝากฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมอย่างสุดๆไว้ในละครทีวีชุด THE PRIME OF MISS JEAN BRODIE (1978, A+) นอกจากนี้ เธอยังเคยเล่นหนังเลสเบียนเรื่อง ORANGES ARE NOT THE ONLY FRUIT (1990) ที่กำกับโดย BEEBAN KIDRON จาก BRIDGET JONES: THE EDGE OF REASON ด้วย
http://www.imdb.com/name/nm0568603/

2.NATASHA LITTLE ในบทของเลดี้ เจน ชีพแชงค์ ผู้ชอบช่วยเหลือน้องชายสุดหล่อของสามี ก่อนหน้านี้นาตาชา ลิตเติลเคยรับบทเป็นเบคกี้ ชาร์ปมาแล้วใน VANITY FAIR (1998, MARC MUNDEN) เวอร์ชันที่มีความยาว 5 ชั่วโมงเต็ม
http://www.imdb.com/title/tt0159090/

นาตาชา ลิตเติลกำลังจะเล่นหนังเรื่องใหม่ในบทของผู้หญิงที่อยากมีผัวอย่างมากๆ ซึ่งก็เรื่อง THE DAY I RAN INTO ALL MY EX-BOYFRIENDS (2005, PETER PAMELA ROSE) สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกก็คือผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นผู้หญิง แต่มีชื่อว่า PETER ค่ะ และเธอก็มีแม่ชื่อ PETER เหมือนกัน ตอนแรกดิฉันนึกว่า PETER เป็นเฉพาะชื่อของผู้ชายซะอีก

อ่านประวัติของ PETER PAMELA ROSE ได้ที่
http://www.imdb.com/name/nm0741612/bio

3.EILEEN ATKINS ในบทของมาทิลดา ครอว์ลีย์ ยายแก่ปากร้าย เธอเป็นตัวละครยายแก่ที่ขโมยซีนในหนังย้อนยุคแนว COSTUME DRAMA ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ตัวละครทำนองนี้ที่ดิฉันชอบมากอีกคนนึงคือตัวละครมาดาม เดอ โรสมองด์ในหนังเรื่อง VALMONT (1989, MILOS FORMAN) ที่ชอบผล็อยหลับอยู่ตลอดเวลา (ถ้าจำไม่ผิด) น่าเสียดายที่ FABIA DRAKE ที่รับบทเป็นมาดาม เดอ โรสมองด์เสียชีวิตหลังจากแสดงหนังเรื่องนี้
http://www.imdb.com/name/nm0236902/

4.KELLY HUNTER ในบทของ LADY STEYNE
http://www.imdb.com/name/nm0402901/

5.CAMILLA RUTHERFORD ในบทของเลดี้ กอนท์ เธอดูสวยดีค่ะ และก่อนหน้านี้เธอก็เคยรับบทเป็นสาวผู้ดีมาแล้วใน GOSFORD PARK
http://www.imdb.com/name/nm0751950/

6.KATHRYN DRYSDALE ในบทของโรดา สวอร์ทซ์ หญิงสาวที่ต้องการใช้เงินล้านซื้อชายหนุ่มรูปหล่อมาเป็นผัว

7.HELEN COKER ในบทของสาวใช้ที่ชิงดีชิงเด่นกับนางเอก เธอเล่นหนังเรื่อง ALL OR NOTHING กับ VERA DRAKE ด้วย

8.MEG WYNN OWEN ในบทของเลดี้ ครอว์ลีย์ที่มีสภาพเหมือน “ไม่ใช่ชีวิตแต่เป็นซากชีวิต”


ดูหนังเรื่อง VANITY FAIR แล้วทำให้นึกถึงหนังย้อนยุคเกี่ยวกับผู้หญิงที่เน้นเครื่องแต่งกายสวยๆงามๆอีกหลายเรื่องค่ะ โดยเฉพาะหนังที่สร้างจากบทประพันธ์คลาสสิค

หนังย้อนยุคแนวนี้ที่ชอบมากกว่า VANITY FAIR ได้แก่เรื่อง
1.ONEGIN (1998, MARTHA FIENNES, A+) สร้างจากงานเขียนของ ALEXANDER PUSHKIIN การถ่ายภาพในหนังเรื่องนี้งดงามมากๆ
2.UNE VIE (1958, ALEXANDRE ASTRUC, A+)
3.SAINT-CYR (2000, PATRICIA MAZUY, A+) สร้างจากนิยายของ YVES DANGERFIELD
4.DANGEROUS LIAISONS (1988, STEPHEN FREARS, A+) สร้างจากงานเขียนของ CHODERLOS DE LACLOS
5.THE AGE OF INNOCENCE (1993, MARTIN SCORSESE, A+) จากงานของ EDITH WHARTON

ส่วนหนังย้อนยุคแนวนี้ที่ชอบน้อยกว่า VANITY FAIR ได้แก่เรื่อง

1.MANSFIELD PARK (1999, PATRICIA ROZEMA, A) จากงานของเจน ออสเตน โดยมี JAMES PUREFOY เล่นหนังเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ JAMES PUREFOY ยังเคยเล่น RESIDENT EVIL (A-) ด้วยค่ะ แต่รู้สึกว่าเขาจะดูดีที่สุดตอนที่เล่น VANITY FAIR (2004) นี่แหละ

2.EMMA (1996, DOUGLAS MCGRATH, A-) จากงานของเจน ออสเตน

3.SENSE AND SENSIBILITY (1995, ANG LEE, A-) จากงานของเจน ออสเตน เพิ่งรู้ว่า IMELDA STAUNTON เล่นหนังเรื่องนี้ด้วย

4.MADAME BOVARY (1991, CLAUDE CHABROL) A- จากงานของกุสตาฟ โฟลแบร์

5.PRIDE AND PREJUDICE (1995, SIMON LANGTON, A-) จากงานของ JANE AUSTEN หนังเรื่องนี้ได้คะแนน 9.2/10 จากการโหวตของผู้ชม 5,162 คน

6.THE EARRINGS OF MADAME DE… (1953, MAX OPHULS) A- นำแสดงโดย DANIELLE DARRIEUX จาก 8 WOMEN สร้างจากนิยายของ LOUISE DE VILMORIN
http://www.ecinemacenter.com/earringsofde.html

7.ELINE VERE (1992, HARRY KUMEL, A-) จากนิยายของ LOUIS COUPERUS

8.ANNA KARENINA (1997, BERNARD ROSE, A-/B+) จากงานของ LEO TOLSTOY ชอบฉากที่นางเอกเดินผ่านห้องหลายๆห้องค่ะ

รู้สึกว่าในบรรดาหนังที่สร้างจากงานเขียนของตอลสตอย หนังที่ได้รับคำชมอย่างสุดๆก็คือเรื่อง KREUTZER SONATA (1987, MIKHAIL SCHWEITZER + SOFIA MILKINA) ค่ะ เป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตสมรสที่เลวร้ายและนักวิจารณ์นำไปเปรียบกับละครเวทีของ EDWARD ALBEE และหนังของอิงมาร์ เบิร์กแมนด้วย

9.JANE EYRE (1995, FRANCO ZEFFIRELLI, A-/B+) จากงานของชาร์ลอตต์ บรอนเต

10.THE MARQUISE OF O (1976, ERIC ROHMER) A-/B+ จากงานของ HEINRICH VON KLEIST

และก็มีหนังย้อนยุคแนวนี้ที่อยากดูแต่ยังไม่ได้ดูอีกหลายเรื่องค่ะ ซึ่งรวมถึง

1.หนังที่สร้างจากงานเขียนของ WILLIAM MAKEPEACE THACKERAY เหมือน VANITY FAIR ซึ่งได้แก่เรื่อง

1.1 BARRY LYNDON (1975, STANLEY KUBRICK)
1.2 BECKY SHARP (1935, ROUBEN MAMOULIAN) เรื่องนี้ท่าทางจะได้รับคำชมสูงกว่า VANITY FAIR (2004) อย่างมาก

2.THE HOUSE OF MIRTH (2000, TERENCE DAVIES) จากงานของ EDITH WHARTON

3.MOLL FLANDERS (1996, PEN DENSHAM) ที่สร้างจากงานของ DANIEL DEFOE

4.หนังที่สร้างจากงานเขียนของ HENRY JAMES ซึ่งรวมถึงเรื่อง THE PORTRAIT OF A LADY (1996, JANE CAMPION), THE WINGS OF THE DOVE (1997, IAIN SOFTLEY) และ THE EUROPEANS (1979, JAMES IVORY)

แต่หนังที่สร้างจากงานเขียนของ HENRY JAMES และได้รับคำชื่นชมอย่างรุนแรงสุดๆคือเรื่อง WHAT MAISIE KNEW (1975, BABETTE MANGOLTE) ค่ะ โดยมี YVONNE RAINER กับ PHILIP GLASS ร่วมแสดงหนังเรื่องนี้ด้วย

BABETTE MANGOLTE เป็นหนึ่งในผู้กำกับหญิงที่น่าสนใจที่สุดค่ะ เธอเคยร่วมงานกับ CHANTAL ACKERMAN, MICHAEL SNOW, SALLY POTTER, JACKIE RAYNAL และ JEAN-PIERRE GORIN
http://visarts.ucsd.edu/faculty/bmangolt.htm
http://www.chireader.com/movies/archives/2004/0404/040402.html

หนังเกย์ที่อยากดูที่สุดในตอนนี้

หนังเกย์ที่อยากดูที่สุดในตอนนี้คือ SHINER (2004, CHRISTIAN CALSON) ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่หนังเรื่องนี้จะมีเข้ามาในไทย เสียงวิจารณ์บอกว่านี่คือ IRREVERSIBLE หรือ TROUBLE EVERY DAY (2004, CLAIRE DENIS, A+) ในแบบของหนังเกย์ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์คู่หนึ่งที่ชอบทำร้ายร่างกายกันเพื่อกระตุ้นอารมณ์เพศ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักมวยหนุ่มหล่อรูปร่างบึกบึนที่ถูกชายหนุ่มสะกดรอยตาม
http://www.imdb.com/title/tt0368268/
http://www.shinermovie.com/
http://images.amazon.com/images/P/B0002TT0A0.01.LZZZZZZZ.jpg



No comments: