Saturday, March 25, 2006

WHERE THE TRUTH LIES (ATOM EGOYAN, A+++++)

ตอบคุณ TARENCE

คิดว่าตั้งเป็นกระทู้ใหม่หลังครบ 100 หน้าก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะเวลาคลิกย้อนหลังดูหน้าเก่าๆจะได้ง่ายยิ่งขึ้น

เดาว่าคุณ TARENCE น่าจะชอบหนุ่มจีน ดิฉันก็เลยมอบของชำร่วยให้คุณ TARENCE เป็น TIAN LIANG นักกระโดดน้ำชาวจีนวัย 27 ปีค่ะ
http://images.qianlong.com/mmsource/images/2004/06/04/tyhy20040604037.jpg
http://www.flipnrip.com/Olympians/Bio_Pictures/Tian_Liang.jpg
http://www.flipnrip.com/db/pictures/Pictures/5_26_2004/IMG_2398.jpg
http://202.84.17.11/aoyun/enaoyun/htm/20001001/152993A_0.jpg
http://www.kellysue.com/images/imagestopost/TianLiang.jpg
http://www.french.xinhuanet.com/french/2004-08/29/xin_c3f044c29aa54065afd942e8b401becb.jpg
http://english.people.com.cn/200409/07/images/0906_C24.jpg

และ LIU XIANG นักวิ่งแข่งชาวจีน
http://trantor.bioc.columbia.edu/~jiang/Liu_xiang.jpg
http://img.stern.de/_content/52/89/528973/xiang_600_600.jpg
http://images.sports.cn/2005/04/15/1803525349.jpg
http://eur.news1.yimg.com/eur.yimg.com/ng/sp/ap_photo/20050919/all/l1568189.jpg


ตอบน้อง LOVEJUICE

--ดีใจเช่นกันค่ะที่น้องชอบ V FOR VENDETTA

ฉากที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ คือฉากที่นาตาลี พอร์ทแมนพูดคำว่า “NO” อย่างหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหว รู้สึกว่าจะมีอยู่ 2 ครั้งในหนังที่เธอทำอย่างนี้ รู้สึกว่าเธอเล่นได้ดีมากในฉากนั้น และแสดงให้เห็นว่าคำว่า NO ที่หลุดออกมาจากปากในเวลานั้น มันมาจากความมั่นใจ ความไม่ลังเลสงสัย ความไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดๆอีกต่อไป

เวลาที่ดิฉันรู้สึกอยากปะทะกับใครบางคน บางทีดิฉันจะรู้สึกลังเลสงสัยในใจตัวเองเป็นอย่างมาก ลังเลว่าควรปะทะกับเขาดีมั้ย หรือว่าควรศิโรราบให้กับความไม่ถูกต้องต่อไป ความหวาดกลัวในชีวิต ความหวาดกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียความมั่นคงในชีวิต ความหวาดกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียเงิน etc. ทำให้ดิฉันไม่สามารถพูดคำว่า NO ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ และด้วยจิตใจที่สงบนิ่งแน่วแน่อย่างที่นาตาลี พอร์ทแมนพูดในหนังเรื่องนี้ เห็นเธอในฉากนั้นแล้วทำให้รู้สึกว่าตัวเองจะต้องทำอย่างเธอให้ได้บ้าง และจะต้องเอาชนะความกลัวต่างๆในใจตัวเองให้ได้

รู้สึกว่า V FOR VENDETTA จะเป็นหนังที่เต็มไปด้วยการใช้ศัพท์แสงที่รุนแรงมากด้วย รู้สึกสงสารคนแปลซับไตเติลหนังเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
http://www.imdb.com/title/tt0434409/quotes

This visage, no mere veneer of vanity, is it vestige of the vox populi, now vacant, vanished, as the once vital voice of the verisimilitude now venerates what they once vilified. However, this valorous visitation of a by-gone vexation, stands vivified, and has vowed to vanquish these venal and virulent vermin van-guarding vice and vouchsafing the violently vicious and voracious violation of volition. The only verdict is vengeance; a vendetta, held as a votive, not in vain, for the value and veracity of such shall one day vindicate the vigilant and the virtuous. Verily, this vichyssoise of verbiage veers most verbose vis-a-vis an introduction, and so it is my very good honor to meet you and you may call me V.

รู้สึกว่าบทพูดตรงนี้เหมาะจะนำไปใช้ในการ AUDITION นักแสดงละครเวทีเนอะ

อยากได้บทพูดในหนังเรื่อง SMALL TIME CROOKS (2000, WOODY ALLEN, A+) ด้วยเหมือนกัน เพราะจำได้ว่าหนังเรื่องนี้มีฉากที่ ELAINE MAY พูดอะไรที่ฮามากๆ เพราะเธอจะเรียนคำศัพท์จากดิกชันนารี และศัพท์ที่เธอพูดก็จะเต็มไปด้วยคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A หรือ B เพราะเธอเพิ่งเรียนดิกชันนารีไปได้แค่ 2 ตัวอักษรแรก

สาเหตุที่ชอบ SMALL TIME CROOKS ในระดับ A+ ก็เป็นเพราะบทของ ELAINE MAY ในหนังเรื่องนี้นี่แหละ


--ชอบบทของ STEPHEN FRY ใน V FOR VENDETTA มากๆ ฉากที่เขาล้อเลียน V กับผู้นำประเทศว่าเป็นคนๆเดียวกัน ทำให้นึกถึงที่คุณเจ้าชายน้อยเขียนเอาไว้ว่า
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=27553

แต่เราไม่มีคนเช่น วี หรอก และแน่นอนเราไม่ควรเรียกหา คนเช่น วี ด้วย เมื่อ 5 ปีที่แล้วเราเคยหลงว่า วี ของเราในตอนนั้น จะเข้ามากู้เศรษฐกิจที่พังพินาศลงได้ ก่อนที่ในที่สุดก็จะต้องออกมาขับไล่ วี คนนั้น ที่หลังหน้ากาก กาย ฟอว์ค เป็นโฉมหน้าของทุนนิยมสมบูรณ์ การได้ วี คนใหม่มาไม่ช่วยอะไร เพราะบุคคลไม่ยืนยาว

การที่ “วีรบุรุษ” กลายสภาพเป็น “เผด็จการ” ได้ในภายหลัง ทำให้อยู่ดีๆก็นึกไปถึง “ดาบมังกรหยก” ด้วยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตัวเองจำอะไรผิดพลาดไปบ้างหรือเปล่า เพราะไม่ได้ดูละครเรื่องนี้มานาน 20 ปีได้แล้วมั้ง แต่จำได้รางเลือนว่า ก๊วยเจ๋งหล่อ “กระบี่อิงฟ้า” กับ “ดาบฆ่ามังกร” ขึ้นมา เพราะหวังจะให้ผู้ถือดาบฆ่ามังกร ใช้ “ตำราพิชัยสงคราม” ที่ซ่อนอยู่ในดาบเล่มนี้ในการเป็นผู้นำมวลชนกอบกู้ประเทศชาติ ขับไล่ศัตรูออกไปจากประเทศ แต่ก๊วยเจ๋งเดาไว้ล่วงหน้าเช่นกันว่า เมื่อการกอบกู้ประเทศชาติเสร็จสิ้น และคนๆนั้นได้เป็นผู้นำประเทศแล้ว เขาก็อาจใช้อำนาจในทางที่ผิดและสร้างความทุกข์เข็ญให้ประชาชนได้ ดังนั้นก๊วยเจ๋งจึงหวังว่าผู้ที่ถือกระบี่อิงฟ้า จะฝึกวิชาใน “คัมภีร์เก้าอิม” ที่ซ่อนอยู่ในกระบี่อิงฟ้า และช่วยกำจัดผู้นำที่ไม่ดีในเวลาต่อมา


ตอบภรรยา JAKE GYLLENHAAL + คุณกาฬวนาลัย

--พูดถึงหนังที่ตัวละครอยู่ในสภาพ “ทะลักจุดแตก” พร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมาใส่คนอื่นๆอย่างรุนแรง ก็นึกถึงหนังเรื่อง THE CRISIS (1992, COLINE SERREAU, A-) ซึ่งเป็นหนังที่สนุก, บันเทิง และตลกมากๆ แต่พลังของหนังอาจจะสู้ CRASH ไม่ได้ เพราะมันเป็นหนังตลก หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครที่อยู่ในสภาพอารมณ์ใกล้เคียงกับ MICHAEL DOUGLAS ใน FALLING DOWN (1993, JOEL SCHUMACHER, B+) นั่นก็คือพวกเขาพร้อมที่จะตะโกนออกมาว่า “ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
http://www.imdb.com/title/tt0104025/

(ต่อไปนี้เป็นรายการบ่นบ้าของดิฉัน)

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าเป็นวันซวยของตัวเองเหมือนกัน ดีที่ระงับอารมณ์ได้ ก็เลยไม่ได้ปะทะกับใคร

ลำดับความซวยในวันนั้น

1.รู้สึกหงุดหงิดกับปัญหาบางอย่างในที่ทำงาน ซึ่งจริงๆเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานเป็นปีแล้ว แต่อยู่ดีๆวันนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

2.ไปถึงโรงหนัง SF ที่มาบุญครองตั้งแต่ 14.30 และซื้อตั๋วหนังเรื่อง WHERE THE TRUTH LIES รอบ 16.25 น. แต่พอเข้าไปดูหนังตัวอย่างเสร็จ ปรากฏว่าหนังฉายเรื่อง MY GIRL & I ก็เลยออกไปถามพนักงานว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ตั๋วของเรามีชื่อเรื่องพิมพ์ไว้ชัดเจนว่า WHERE THE TRUTH LIES รอบ 16.25 น. โรง 4 พนักงานก็โบ้ยให้ไปติดต่อสอบถามคนโน้นคนนี้กันไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีพนักงานคนนึงบอกว่า “ข้างในเขาเปลี่ยนรอบฉายหนังเรื่อง WHERE THE TRUTH LIES ค่ะ” ดิฉันก็เลยขอเงิน 120 บาทคืน รู้สึกว่าแย่มากๆที่ตัวเองต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าสาเหตุที่เขาเปลี่ยนรอบฉายเพราะอะไร ดูเหมือนพนักงานก็ไม่เต็มใจจะบอกตรงๆ แต่ทำทีเป็นว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย ดิฉันคิดว่าถ้าหากมันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่ได้เกิดจากความผิดของทางโรง ก็น่าจะพอให้อภัยได้ แต่ถ้าหากการเปลี่ยนรอบฉายครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากเหตุสุดวิสัยอย่างที่ทางโรงว่าไว้แล้วล่ะก็ ก็ขอสาปแช่งให้ทางโรง SF มาบุญครองได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ให้สาสมก็แล้วกัน

3.หลังจากนั้นก็เลยไปดู EIGHT BELOW ที่โรง GRAND EGV SIAM DISCOVERY รอบ 16.40 น. ปรากฏว่าพอซื้อตั๋ว พนักงานชายที่เคาน์เตอร์ก็บอกว่าไม่มีรอบฉายรอบนี้ครับ แต่หลังจากนั้นเขาถึงก้มดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง แล้วบอกว่า “อ๋อ มีครับ” ไม่รู้ว่าพนักงานคนนั้นใจลอยหรืออะไร พอเจอลูกค้าถึงได้มีปฏิกิริยา REFLEX ด้วยการ “ปฏิเสธลูกค้าไว้ก่อน”

4.พอเข้าไปดู EIGHT BELOW ปรากฏว่าพอหนังเริ่มฉาย หนังก็ฉายผิดสเกล ภาพออกมาบิดเบี้ยวคล้ายๆจอสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซับไตเติลก็ไม่เห็น มันตกขอบจอไปเลย ดิฉันก็เลยวิ่งขึ้นมาบอกพนักงานหญิงตรงหน้าโรงว่า เขาฉายภาพผิดสเกล พนักงานหญิงคนนั้นกลับพูดในทำนองที่ว่า “อ๋อ มันเป็นที่ตัวหนังค่ะ ฉากแรกของหนังมันเป็นฉากที่ดูมัวๆอย่างนั้นอยู่แล้ว” ดิฉันก็เลยรอจนมีฉากที่ตัวละครพูด แล้วชี้ให้พนักงานดูว่า “เห็นมั้ยล่ะ (อีโง่) มันไม่มีซับไตเติลขึ้นมา” พนักงานหญิงคนนั้นถึงค่อยเชื่อในสิ่งที่ดิฉันพูด แล้วหลังจากนั้นอีกประมาณ 5 นาที ห้องฉายข้างบนถึงค่อยปรับภาพใหม่ให้ออกมาเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มจอ

5.พอ EIGHT BELOW จบ ending credit ของหนังเรื่องนี้จะเป็นภาพวาดหมาที่น่ารักน่าชังมากๆ ปรากฏว่าทางโรงไม่ยอมฉาย ENDING CREDIT จนจบ ฉายไปไม่กี่วินาทีก็ปิดจอไปเฉยเลย

6. หลังจากนั้นพอดิฉันเดินเข้าซอย ก็โดนรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวจนได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ

รู้สึกอารมณ์เสียกับสิ่งที่เจอที่โรงหนังในวันนั้นมากๆ แต่ก็ไม่ได้อารมณ์เสียมาก เพราะคิดว่าปัญหานี้แก้ได้ง่ายนิดเดียว นั่นก็คือตัดกิเลสความอยากดูหนังทิ้งไปซะ ถ้าหากดิฉันตัดกิเลสความอยากดูหนังทิ้งไปได้สำเร็จ ดิฉันก็จะไม่ต้องเจอกับความซวยที่โรงหนังเหล่านี้อีก

ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจตามโรงหนังบ้างเหมือนกัน อย่างเช่น

1.ตอนไปดู CRONICAS (2004, SEBASTIEN CORDERO, A+) ที่ GRAND EGV SIAM DISCOVERY ปรากฏว่าทางโรงฉายเพลงสรรเสริญ 2 รอบ

2.โรงเครือ APEX ก็มีสิ่งที่ดิฉันไม่ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะโรงสกาล่า เพราะรู้สึกว่าโรงสกาล่าจะไม่ค่อยเต็มใจฉาย ENDING CREDIT หรือไม่ก็ฉาย แต่เปิดให้ผู้ชมรอบต่อไปเดินเข้ามานั่งได้เลยขณะที่ฉาย ENDING CREDIT ยังไม่เสร็จ เจอมาหลายเรื่องและเจอมาหลายปีแล้ว นักวิจารณ์บางคนก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้กับทางโรง แต่ก็ไม่เห็นทางโรงคิดจะปรับปรุงแก้ไขเรื่องนี้เสียที มันยากลำบากนักหรือยังไงกัน กับการฉาย ENDING CREDIT ให้จบน่ะ

3.ไปดู THE TIGER AND THE SNOW ที่ PARAGON เมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะ PARAGON เป็นแห่งเดียวที่ฉายหนังเรื่องนี้ ปรากฏว่าที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นขายตั๋ว+นั่งรอ ดิฉันหาถังขยะไม่เจอ ดิฉันจำได้ว่ามีถังขยะอยู่อย่างน้อย 2 จุดตรงชั้นนี้ ดิฉันจำโลเกชั่นของถังขยะได้แน่นอนเพราะสิงสถิตย์อยู่ที่ชั้นนี้มานาน 1 สัปดาห์เต็มๆตอนช่วงเทศกาลหนัง ในที่สุดดิฉันก็เลยต้องเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อทิ้งขยะ (กระดาษห่อขนมเบเกอรีที่กินขณะนั่งรอดูหนัง) ไม่รู้เหมือนกันว่าช่วงที่ดิฉันไปดู THE TIGER AND THE SNOW ทาง PARAGON เอาถังขยะไปไว้ไหน และถังขยะจะกลับมาอีกหรือเปล่า แต่ถ้าถังขยะมันหายไปเลย ก็แสดงให้เห็นว่านโยบายของ PARAGON คือ “เรารักความสกปรกโสโครกค่ะ”

4.กะจะไปดู BUTTERFLY รอบ 14.50 น.ที่ EGV METROPOLIS แต่ไปถึงโรงตอน 15.00 น. และพนักงานบอกว่าทางโรงไม่ขายตั๋วให้แล้ว เพราะไม่มีคนดู เขาก็เลยงดการฉายหนังเรื่องนี้ไปเลย

ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้กับโรง MAJOR CINEPLEX รัชโยธินเหมือนกัน เพราะตอนนั้นจะไปดูเรื่อง WAIT TILL YOU’RE OLDER แต่ไปถึงโรงช้าไป 10 นาที เขาก็ไม่ยอมขายตั๋วให้

อย่างไรก็ดี ตอนช่วงต้นปีก็รู้สึกชอบโรง EGV METROPOLIS อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะทางโรงยอมฉายหนังเกาหลีหลายเรื่อง ทั้งๆที่มีดิฉันดูอยู่คนเดียวทั้งโรง

ตอนไปดู “แค่เพื่อนค่ะพ่อ” (B+) ที่โรงเซ็นจูรี่ เดอะ มูฟวี่ พลาซ่า ก็รู้สึกว่าจะมีดิฉันดูอยู่คนเดียวทั้งโรงเหมือนกัน ดีที่ทางโรงฉายให้ดูตามปกติ


ตอบน้อง MATT

เห็นน้อง MATT สนใจสารคดี ก็เลยขอรายงานข้อมูลว่าตอนนี้มีสารคดีทั้งเก่าและใหม่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น

1.UNKNOWN WHITE MALE (2005, RUPERT MURRAY)
http://www.imdb.com/title/tt0436864/
http://www.villagevoice.com/film/0608,hoberman,72260,20.html

หนังสารคดีเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่ความจำเสื่อม เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครและทำอะไรมาบ้าง แต่เขาก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการทำ VIDEO DIARY เกี่ยวกับชีวิตใหม่ของเขาไปด้วย และผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็เลยถือโอกาสนำวิดีโอที่ชายความจำเสื่อมคนนี้ถ่ายไว้มาใช้ในหนังของตัวเองด้วยเลย รวมทั้งนำโฮมมูฟวี่ที่บันทึกภาพชายคนนี้ก่อนความจำเสื่อมมาใช้ในหนังด้วยเช่นกัน

ชายคนนี้รู้สึกตัวเมื่อเขานั่งอยู่บนรถไฟ เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน และกำลังจะไปไหน เขาพบว่าตัวเองมีกระเป๋าตังค์ที่จดชื่อคนบางคนเอาไว้ และคนเหล่านั้นก็ช่วยให้เขารู้ว่าเขาคือ DOUG BRUCE อย่างไรก็ดี ถึงแม้เขาจะได้พบกับเพื่อนเก่า, แฟนเก่า, ครอบครัวของตัวเอง และได้รับรู้เกี่ยวกับอาชีพที่ตัวเองเคยทำ ความทรงจำของเขาก็ไม่กลับคืนมา

ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นเพื่อนเก่าของ DOUG BRUCE ตัวผกก.พบว่ายิ่งเขาได้คุยกับ DOUG BRUCE คนใหม่มากเพียงไร เขาก็ยิ่งพบว่า DOUG BRUCE ก่อนและหลังความจำเสื่อมแตกต่างกันมากเพียงนั้น DOUG BRUCE คนใหม่มีนิสัยดีกว่าเดิม และเขาก็มีความสุขมากๆกับการได้สัมผัสสิ่งต่างๆในชีวิตเป็นครั้งแรก อย่างเช่น การได้กินไอติมเป็นครั้งแรกในชีวิต หรือการได้สัมผัสกับน้ำทะเลครั้งแรกในชีวิต ความจำเสื่อมช่วยให้ชายคนนี้ได้เกิดใหม่อีกครั้ง และเขาก็เริ่มตั้งต้นชีวิตได้ใหม่ เขามีความสุขกับชีวิตใหม่มากจนกระทั่งเขาหวาดกลัวว่าความทรงจำเก่าของเขาอาจจะหวนกลับมา
http://www.unknownwhitemalemovie.com/
http://www.unknownwhitemalemovie.com/gallery/images/popUp/image04.jpg
http://www.unknownwhitemalemovie.com/gallery/images/popUp/image02.jpg
http://www.unknownwhitemalemovie.com/gallery/images/popUp/image05.jpg
http://www.unknownwhitemalemovie.com/gallery/images/popUp/image01.jpg
http://www.up4u.net/movie/galleries/U/UnknownWhiteMale/unknownwhitemale_poster.jpg


2.A BIGGER SPLASH (1974, JACK HAZAN)
http://www.imdb.com/title/tt0071219/usercomments
http://www.amazon.com/gp/product/B000E6ESQW/qid=1143273935/sr=11-1/ref=sr_11_1/102-6983084-0404922?n=130
http://images.amazon.com/images/P/B000E6ESQW.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
http://www.davidhockney.com/

หนังสารคดีเรื่องนี้จะมีวางขายในรูปแบบ DVD ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ปีนี้ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับ DAVID HOCKNEY ศิลปินชื่อดังที่เป็นเกย์ หนังเรื่องนี้ติดตามถ่ายทำชีวิตของ HOCKNEY ในช่วงที่ HOCKNEY กำลังจะเลิกกับสามีที่ชื่อ PETER SCHLESINGER โดยหนังเรื่องนี้บันทึกภาพการร่วมรักระหว่าง PETER SCHLESINGER กับชายหนุ่มอีกคนเอาไว้ด้วย

จุดเด่นของหนังสารคดีเรื่องนี้ก็คือการไม่ยิดติดกับความเป็นสารคดี แต่มีส่วนที่เป็นแฟนตาซีและละครน้ำเน่าแทรกเข้ามาในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ด้วย

ภาพ A BIGGER SPLASH (1967) ของ HOCKNEY
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hockney/splash/
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hockney/splash/hockney.splash.jpg

MAN TAKING SHOWER IN BEVERLY HILLS (1964) ของ HOCKNEY
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hockney/hockney.shower-beverly-hills.jpg

PORTRAIT OF AN ARTIST (POOL WITH TWO FIGURES) (1971) ของ HOCKNEY (เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่อง BAD EDUCATION อย่างมากๆ)
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hockney/hockney.pool-2-figures.jpg

PORTRAIT OF NICK WILDER (1966) ของ HOCKNEY
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hockney/hockney.nick-wilder.jpg

A LAWN BEING SPRINKLED (1967) ของ HOCKNEY
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hockney/hockney.lawn-sprinkled.jpg

MODEL WITH UNFINISHED SELF-PORTRAIT (1977) ของ HOCKNEY
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hockney/hockney.unfinished-self.jpg

ภาพ DAY POOL WITH 3 BLUES ของ DAVID HOCKNEY
http://www.artinaclick.com/images/mcg/mcgh240a_1_1164.jpg

NICHOLS CANYON ของ DAVID HOCKNEY
http://www.artinaclick.com/images/mcg/mcgh243a_1_3044.jpg

A BIGGER SPLASH ได้รับรางวัลเสือดาวเงินจากเทศกาลภาพยนตร์โลคาร์โนในสวิตเซอร์แลนด์ โดยได้รับร่วมกับภาพยนตร์โปแลนด์เรื่อง THE FINGER OF GOD (1974, ANTONI KRAUZE) ส่วนรางวัลเสือดาวทองคำในปีนั้นเป็นของภาพยนตร์ฮังการีเรื่อง 25 FIREMAN’S STREET ที่กำกับโดย ISTVAN SZABO ที่ทุกคนรู้จักกันดีจากหนังอย่าง BEING JULIA (A), HANUSSEN (1988, A) MEPHISTO (1981, A) และ FATHER (1966, A+/A)

DVD FATHER
http://images.amazon.com/images/P/B0002CHIBU.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

DVD 25 FIREMAN’S STREET
http://images.amazon.com/images/P/B0002CHICO.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


JACK HAZAN ผู้กำกับ A BIGGER SPLASH เคยกำกับหนังอีกเรื่องหนึ่งที่น่าดูมากๆ นั่นก็คือเรื่อง RUDE BOY (1980) ที่เขากำกับร่วมกับ DAVID MINGAY โดยหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดสภาพสังคมอังกฤษในยุคสมัยนั้น และแสดงให้เห็นว่าทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาต่างก็ปั่นหัวประชาชนเหมือนกันทั้งสองฝ่าย โดยตัวละครที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้คือแฟนเพลงวง THE CLASH คนหนึ่ง ซึ่งมีความโน้มเอียงที่จะเป็นฝ่ายขวา แต่เขากลับติดตามวง THE CLASH ซึ่งเป็นฝ่ายซ้าย นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังนำฟุตเตจงานคอนเสิร์ตวง THE CLASH ที่ยอดเยี่ยมมากๆมาใส่ไว้ในหนังด้วย อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับทั้งฝ่ายขวาและวง THE CLASH

RUDE BOY มีขายแล้วในรูปแบบดีวีดี
http://images-eu.amazon.com/images/P/B0000AQVJI.02.LZZZZZZZ.jpg

เพลงดังของ THE CLASH รวมถึง ROCK THE CASBAH, LONDON CALLING และ SHOULD I STAY OR SHOULD I GO
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00008GRB9.02.LZZZZZZZ.jpg


สิ่งที่ได้ดูระหว่างวันเสาร์ที่ 18 มี.ค.-วันศุกร์ที่ 24 มี.ค.

1.WHERE THE TRUTH LIES (2005, ATOM EGOYAN, A+++++)
http://wherethetruthliesfilm.com/

2.CRYING CENTURY (2006, ธีรวัฒน์ มุลวิไล, A) ละครเวที
http://www.bfloortheatre.com/home.htm

3.THE EDGE (2006, สินีนาฏ เกษประไพ, A) ละครเวที

4.EIGHT BELOW (2006, FRANK MARSHALL, A-)
http://www.imdb.com/name/nm0550881/

5.THE PINK PANTHER (2006, SHAWN LEVY, A-)

6.THE TIGER AND THE SNOW (2005, ROBERTO BENIGNI, B+)

7.สงครามเพลง (1983, ฉลอง ภักดีวิจิตร, B+)

คุณบัณฑิต ฤทธิ์ถกลร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

8.MY BOYFRIEND IS TYPE B (2005, CHOI SUK-WON, B)

9.NAVY BOYS (วรพจน์ โพธิเนตร, A-/C+ = B-)
http://www.thaifilmdb.com/th/tt04002

รวมทั้งได้ดูละคร DEADWOOD (A+) ทางช่อง HBO และละครเรื่อง “จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า” (2006, เติม ชนินทร ประเสริฐประสาตร์, A+) ทางช่อง 3 ด้วย รู้สึกว่า “จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า” เป็นละครที่น้ำเน่าสุดๆ แต่ดูแล้วชอบมาก
http://www.thaitv3.com/drama/49moon/moon.html


ความรู้สึกต่อสิ่งที่ได้ดูในช่วงนี้

NAVY BOYS หรือ “น้ำพริกลงเรือ” (A-/C+ = B-)

สาเหตุที่ให้อันดับความชอบหนังเรื่องนี้แปลกๆ เพราะรู้สึกชอบ “ความสามารถ” ของผู้กำกับหรือผู้ตัดต่อหนังเรื่องนี้ในระดับ A- รู้สึกชอบจังหวะของหนังเรื่องนี้มาก รู้สึกว่าหนังดูสนุกสนานครื้นเครงเฮฮา ดูแล้วหัวเราะได้อย่างไม่ติดขัด รู้สึกว่าจังหวะการปล่อยมุกตลกหรือจังหวะของหนังเรื่องนี้ลงตัวถูกต้องความความรู้สึกของตัวเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหนังไทยเรื่องอื่นๆอย่าง “ไฉไล” (C) และ “เพราะรัก ครับผม” (2005, ธนพล ธนังกูล, B-) ที่รู้สึกว่ามีปัญหาเรื่อง “จังหวะ” เป็นอย่างมาก

แต่สิ่งที่ตะขิดตะขวงใจในหนังเรื่องนี้ ก็คือท่าทีที่มีต่อเกย์และผู้หญิง ดูแล้วรู้สึกไม่ชอบตรงจุดนี้อย่างมาก จุดนี้ทำให้รู้สึกอยากให้หนังเรื่องนี้แค่ C+ เท่านั้น อย่างไรก็ดี ถ้าหากมองข้ามประเด็นเรื่องเกย์และผู้หญิงในหนังเรื่องนี้ไปแล้ว ก็คิดว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้น่าจะมีความสามารถพอสมควร น่าเสียดายจริงๆ นี่ถ้าหากไม่ติดใจตรงจุดนี้ ก็คิดว่าน่าจะชอบหนังเรื่องนี้ในระดับใกล้เคียงกับ “หมอเจ็บ” (2004, สมภพ เวชชพิพัฒน์, A-) ไปแล้ว

รู้สึกว่าวรพจน์ โพธิเนตร จะเคยกำกับหนังเรื่อง “ความรักของคุณฉุย 2 ตอนปัญญาชนคนกะลิง” (1993)
http://www.thaifilmdb.com/th/tt00308

รู้สึกว่ามีหนังไทยแนวตลกบ้าๆบอๆ ออกมาหลายเรื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจาก “หมอเจ็บ” แล้ว อีก 3 เรื่องที่ชอบมากๆก็คือ

1.ทวารยังหวานอยู่ (2004, พรชัย หงษ์รัตนาภรณ์, A+)
http://www.thaifilmdb.com/th/tt00427

2.191 1/2 มือปราบทราบแล้วป่วน หรือ CRAZY COPS 191 1/2 (2003, บุญส่ง นาคภู่, A)

จริงๆแล้วรู้สึกไม่ชอบการนำเสนอภาพของเกย์ในหนังของคุณบุญส่งเรื่อง “LIFE ACTUALLY” (2005, A) แต่ดีที่ในหนังเรื่อง 191 1/2 มือปราบทราบแล้วป่วนนี้ ไม่มีปัญหาเรื่องการนำเสนอภาพเกย์ในทางลบ ก็เลยทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

3.SARS WARS (2004, THAWEE WANTHA, A-)


นอกจาก NAVY BOYS แล้ว ก็มีหนังไทยอีกหลายเรื่องเช่นกันที่ความรู้สึกชอบลดลงเพราะการนำเสนอภาพเกย์หรือผู้หญิงในแบบที่ตัวเองไม่ชอบ โดยเฉพาะหนังของยุทธเลิศ สิปปภาค อย่าง “สายล่อฟ้า” (PATTAYA MANIAC) (2004, B) และหนังของกิตติกร เลียวศิริกุล อย่าง SAVING PRIVATE TOOTSIE (2002, B+) และ “อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม” (2005, A-) โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าคุณวรพจน์ โพธิเนตร, คุณยุทธเลิศ และคุณกิตติกรเป็นผู้กำกับที่มีความสามารถสูงมาก แต่อาจจะเป็นการดียิ่งขึ้นถ้าหากผู้กำกับเหล่านี้ทำหนังที่ไม่มีตัวละครเป็นกะเทย

ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันระหว่าง “ความชอบในพลังของหนัง” กับ “ความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงในทัศนคติของหนัง” เป็นสิ่งที่ปรากฏมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดิฉันรู้สึกเช่นนี้อย่างรุนแรงขณะที่ดู NAVY BOYS และก็เลยนึกถึงหนังหลายๆเรื่องในอดีตที่อาจจะมีคุณค่าอย่างสูงมากในทางศิลปะหรือในทาง “ความเป็นภาพยนตร์” แต่ในแง่ทัศนคติแล้ว หนังเหล่านี้ช่างน่าเคลือบแคลงเป็นยิ่งนัก

1.THE BIRTH OF A NATION (1915, D.W. GRIFFITH)
http://www.imdb.com/title/tt0004972/
หนังเรื่องนี้ได้รับข้อกล่าวหาว่าเหยียดผิว

2.TRIUMPH OF THE WILL (1935, LENI RIEFENSTAHL)

3.ON THE WATERFRONT (1954, ELIA KAZAN)
http://www.imdb.com/title/tt0047296/
หนังเรื่องนี้ได้รับข้อกล่าวหาว่าเข้าข้างคนที่ยอมก้มหัวให้กับกลุ่มปราบปรามคอมมิวนิสต์ในสหรัฐ

อ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3398
http://www.pbs.org/wnet/americanmasters/database/kazan_e.html

และหนังหลายๆเรื่องที่เหมือนเป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้กับคอมมิวนิสต์ หรือลำเอียงเข้าข้างคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง อย่างเช่น

4.I AM CUBA (1964, MIKHAIL KALATOZOV, A+)

5.STORM OVER ASIA (1928, VSEVOLOD PUDOVKIN, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0019286/


FAVORITE ACTRESS

1.พริมรตา เดชอุดม--จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า

2.ศรีริต้า เจนเซ่น—จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า

ก่อนหน้านี้เคยเห็นศรีริต้า เจนเซ่นจาก พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว (2003, เหมันต์ เชตมี, B-/C+) รู้สึกว่าเธอดูแย่มาก แต่พอมาเห็นเธอใน “จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า” ก็รู้สึกดีกับเธอขึ้นมาก รู้สึกว่าความแตกต่างระหว่างศรีริต้าใน “จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า” กับใน “พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว” เหมือนกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับนรก

คงต้องยกความดีความชอบให้กับ “เติม” ผู้กำกับละครเรื่อง “จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า” ที่ทำให้ดิฉันเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อศรีริต้าไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าจำไม่ผิด เมื่อหลายปีก่อนเคยดูละครช่อง 3 เรื่องนึงที่กำกับโดยคุณเติม รู้สึกว่าจะชื่อเรื่อง “แม่เลี้ยงคนใหม่” ที่นำแสดงโดยสิเรียม ละครเรื่องนั้นก็ทำให้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสิเรียมไปโดยสิ้นเชิงเหมือนกัน เพราะไม่เคยชอบเธอมาก่อนเลย แต่พอได้มาดูเธอใน “แม่เลี้ยงคนใหม่” แล้ว ก็รู้สึกว่าสิเรียมก็มีดีเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเธอต้องการ “ผู้กำกับ” ที่เก่งจริงๆที่จะดึงความสามารถที่แท้จริงในตัวเธอออกมาได้

3.ALISON LOHMAN—WHERE THE TRUTH LIES


FAVORITE ACTOR

KEVIN BACON—WHERE THE TRUTH LIES


FAVORITE SUPPORTING ACTRESS

1.AMY RYAN—CAPOTE
http://www.imdb.com/name/nm0752407/
ถ้าเข้าใจไม่ผิด เธอคือคนที่รับบทเป็นภรรยาตำรวจ (CHRIS COOPER) เธอเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนี่สาขาดารานำหญิงสองครั้งจาก UNCLE VANYA (2000) และ A STREETCAR NAMED DESIRE (2005)

2.KRISTIN ADAMS (ALICE IN WONDERLAND)—WHERE THE TRUTH LIES
http://www.imdb.com/name/nm0011134/

เธอเคยเล่นหนังเรื่อง CHILDSTAR (2004, DON MCKELLAR, A-) ที่เคยมาฉายในงาน BKKIFF ต้นปี 2005
http://images.amazon.com/images/P/B0009WPL5I.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

3.เจเน็ต เขียว—จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า

4.DEBORAH GROVER (MRS. O’FLAHERTY)—WHERE THE TRUTH LIES
http://www.imdb.com/name/nm0344010/

เธอเคยรับบทเป็นแม่ชีใน AGNES OF GOD (1985, NORMAN JEWISON, A+) และรับบทเป็นผู้พิพากษาในภาพยนตร์เรื่อง OUR FATHERS (2005, DAN CURTIS) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระที่มีเซ็กส์กับเด็กๆ

5.ANNA GUNN—DEADWOOD
http://www.hbo.com/deadwood/cast/
http://www.imdb.com/name/nm0348152/


FAVORITE SUPPORTING ACTOR

DAVID HAYMAN (REUBEN)—WHERE THE TRUTH LIES
http://www.imdb.com/name/nm0371342/

เขาเคยรับบทเป็น MALCOLM MCLAREN ใน SID AND NANCY (1986, ALEX COX, A)
http://www.imdb.com/title/tt0091954/
http://images.amazon.com/images/P/B00004ZBVO.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


FAVORITE ART DIRECTION
WHERE THE TRUTH LIES
ชอบสีฟ้าเหลือบเงินในหนังเรื่องนี้มากๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าสีฟ้าหลายๆเฉดสีในหนังเรื่องนี้มีชื่อเรียกกันว่าอะไรบ้าง


FAVORITE MUSIC
IMMORTEL (AD VITAM)—GORAN VEJVODA
http://www.amazon.fr/exec/obidos/ASIN/B0001HZ6N8/qid=1143261206/sr=1-1/ref=sr_1_8_1/171-2529580-4765027

ในอัลบัมนี้มีเพลงที่เพราะมากๆอย่าง
--MY DEAR FRIEND ของ JULIE DELPY

--JUNE IN JANUARY ของ JULIE LONDON

--NIGHTS IN WHITE SATIN ของ ALAIN BASHUNG


FAVORITE SCENE

WHERE THE TRUTH LIES
ฉากอลิซในแดนมหัศจรรย์ร้องเพลง


SPECIAL LIFETIME ACHIEVEMENT AWARD
สุมณฑา สวนผลรัตน์—THE EDGE และ CRYING CENTURY

ตอนนี้คุณสุมณฑา สวนผลรัตน์คงจะครองตำแหน่งหนึ่งในนักแสดงหญิงชาวไทยที่ดิฉันชอบมากที่สุดไปแล้ว (ส่วนนักแสดงหญิงคนอื่นๆที่ชอบมาก ก็มีเช่น ชไมพร จตุรภุช) เพราะได้ดูละครเวทีสองเรื่องที่เธอแสดงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็รู้สึกว่าฝีมือการแสดงของเธอสุดยอดมากๆ โดยก่อนหน้านั้นเคยดูผลงานของเธอ 2 เรื่อง ซึ่งก็คือละครเวทีเรื่อง QUARTET (A+) กับ THAILAND-JAPAN PERFORMANCE EXCHANGE PROJECT: WITH OM-2 FROM JAPAN (2004, SHIGE MAKABE + TEERAWAT MULVILAI, A+++++) ก็รู้สึกว่าเธอเล่นได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะใน QUARTET
http://www.bfloortheatre.com/profile/om2/om2.htm

คุณแฟรงเกนสไตน์แห่งเว็บบอร์ด SCREENOUT เคยเขียนถึงคุณสุมณฑาไว้ใน SCREENOUT หน้า 73 ขอก็อปปี้ข้อความมาให้อ่านกันนะคะ

>>ส่วนที่น้องอ้วนเล่ามาเรื่อง ควอเต็ท ซึ่งมีคุณ จุ๋ม สุมณฑา สวนผลรัตน์ ร่วมแสดงด้วยนั้น ต้องบอกว่าพี่อยากดูแบบสุดๆ เลยครับ เพราะคุณจุ๋ม เป็นหนึ่งในนักแสดงละครเวทีที่พี่ชื่นชอบผลงานมาก จำได้ว่ามีละครเรื่องนึงของกลุ่มหน้ากากนิมิต ชื่อ บุษบาฆาตกรรม เป็นละครที่ใช้นักแสดงราวยี่สิบห้าแคแร็คเตอร์มาแชร์บทกัน คุณจุ๋มโผล่มาแจมเป็นนักแสดงรับเชิญในเรื่องด้วย พอดีพี่ได้ดูในรอบที่คุณจุ๋มเกิดแอคซิเดนท์เล็กน้อย มาถึงสถานที่แสดงค่อนข้างกระชั้นชิด ผมเผ้ายังไม่ทันเซ็ทเป็นเรื่องเป็นราว ตอนแรกพี่คิดว่าเธอเป็นคนดูที่เข้าโรงละครช้าเสียด้วยซ้ำ แต่พอเธอปรากฏตัวในเรื่องเท่านั้น ก็ฉายแสง และโดดเด่น โดยไม่ขโมยซีน รักษาขนาดและพื้นที่ทางการแสดงไว้ในขอบเขตอันพอเหมาะพอควร ในฉากเดียวกันเธอไม่ข่มใครให้จมลงด้วยการแสดง ตรงกันข้ามกลับพยายามหนุนส่งเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าอย่างเต็มที่ แต่ช่วยไม่ได้ที่จังหวะและความชำนิชำนาญในทักษะละครของเธอจะทำให้เธอถูกจับจองทางสายตาขากคนดูได้มากที่สุด ครูแดง กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน กล่าวถึงการแสดงของเธอในเรื่องว่า “เขี้ยวลากมาตั้งแต่หน้าประตู” ครับ ละครเรื่องอื่นๆ ของคุณจุ๋ม ที่พี่จำได้ว่าเคยดู ได้แก่ วีนัสปาร์ตี้ (A) ... เรื่องนี้เป็นละคร Physical ที่นำเสนอร่วมกับศิลปะสื่อผสม คุณจุ๋มแสดงในหลายแคแร็คเตอร์มากครับ มีอยู่ฉากนึงที่เธอต้องแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการเกิดเป็นผู้หญิงที่ไม่สวยและอ้วน ตัวละครของเธอในช่วงนี้ทำให้พี่รู้สึกว่าที่เรเน่ เซลวีเกอร์ แสดงไว้ใน ไดอารี่ของบริดเจ็ท โจนส์ เป็นมือสมัครเล่นไปเลย ที่สำคัญเธอแสดงฉากนี้สั้นๆ เพียงไม่กี่นาที ด้วยภาษาท่าทางล้วนๆ ไม่มีไดอะล็อคแม้แต่ประโยคเดียว แต่กลับทำให้คนดูทั้งหลาย “รู้สึก” ไปกับเธอได้อย่างเต็มที่ สมค่ากับการเป็นละครที่สื่อสารด้วยภาษาท่าทางเป็นหลักล้วนๆ จริงๆ Alone (A) ... เรื่องนี้เป็นผลงานของพี่กั๊ก จากกลุ่ม ดอกไม้การบันเทิง เจ้าของงานแสดงเดี่ยวที่โด่งดังแซ่บหลาย อย่าง ไฉไลไปรบ, คืนนี้ที่คีนู รีฟ จูบฉัน ฯลฯ คุณจุ๋มรับบทบาทเป็นทอมสาวห้าว ที่ต้องเผชิญหน้ากับสองหนุ่ม ว่าด้วยเรื่องวุ่นๆ ของหัวใจ หนึ่งหนุ่มที่ร่วมแสดง พี่จำชื่อไม่ได้ จำได้แค่ว่าเคยถ่ายแบบโป๊ๆ เปลือยๆ ในหนังสือเกย์ๆ หลายเล่ม (น่าจะชื่อเวย์ หรืออะไรนี่) เขาคนนี้มีเรือนร่างที่น่าหลงใหลเอามากๆ แถมพี่กั๊กแอบพยายามหนุนส่งให้เขาดันเสน่ห์ความเป็นชายออกมาอย่างเต็มที่ด้วยการให้เขาใส่เสื้อยืดรัดรูปสีขาว เห็นกระทั่งหัวนม แต่ด้วยความอ่อนหัดอย่างรุนแรงทางการแสดง เขาเป็นจุดอ่อนที่สมควรอย่างยิ่งที่จะถูกจำกัดบนเวที แต่ก็อีกนั่นแหละครับ พี่กั๊กมักใจดีให้หนุ่มอ่อนหัดเหล่านี้ได้มีประสบการณ์อันน่าประทับใจบนเวทีละครอยู่เสมอ (ก่อนหน้านี้พี่กั๊ก เคยให้ ปราโมทย์ แสงศร ได้สัมผัสอะไรทำนองนี้มาแล้วใน When a man love a man ละครที่มีประโยคเด็ดที่พี่แฟรงค์อยากลุกขึ้นยืนปรบมือให้อย่างหนักหน่วง นั่นคือ “ใครไปโกหกคุณว่าผู้ชายต้องรักกับผู้หญิง” ...ละครเรื่องนี้พี่แฟรงค์ไปดูกับแฟนหนุ่มน้อยแสนน่ารักคนที่สองด้วยฮะ เลยจำได้ดี หุหุ) การแสดงของคุณจุ๋ม ในเรื่องนี้ ต้องใช้คำว่า “สุดยอดมืออาชีพ” เลยครับ นักแสดงส่วนใหญ่มักพุ่งความสนใจไปที่ตัวละครของตัวเองเป็นหลัก พยายามดันการแสดงของตัวเองไปให้สุดในทุกฉากเท่าที่จะทำได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อส่วนตัวของพี่อย่างมาก พี่เชื่อว่า การแสดงที่ดีคือการโต้ตอบไปกับนักแสดงคนอื่น เพราะตัวละครของเราไม่ได้เกิดความรู้สึก คิด ตัดสินใจ ไปอย่างลอยๆ ตามบทละคร หรือการวางแนวทางการแสดงของนักแสดง แต่ตัวละครเห็น คิด พูด ทำ และรู้สึก อันเนื่องจากการรับและส่ง จากตัวละครอื่นๆ คุณจุ๋มรักษาตัวละครของตัวเองไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง ขณะเดียวกันก็ช่วยรับส่งโอบอุ้มการแสดงของคุณเวย์ไว้ทั้งเรื่องเช่นกัน ไม่มีฉากไหนที่พลังของละครดรอปลงเพราะตัวละครของคุณจุ๋มขณะเดียวกันก็ไม่มีฉากไหนที่เธอจะไม่ “เต็มที่” ไปกับการรับส่ง และหนุนเสริม ให้กับนักแสดงมือใหม่ สิ่งที่ชี้วัดได้อย่างชัดเจนก็คือ ช่วงสั้นๆที่พี่กั๊กโดดออกมาแจมในบทรับเชิญ ประกบกับคุณจุ๋มตัวต่อตัว ถ้าเป็นสำนวนนิยายกำลังภายในก็ต้องบอกประมาณว่า “มือกระบี่อันดับหนึ่งได้คู่ประลองที่คู่ควรแก่การชักกระบี่ออกจากฝัก เป็นการประลองยุทธ์ที่หมดจดงดงาม” ละครอีกเรื่องหนึ่งของคุณจุ๋มที่พี่พลาดไปไม่ได้ดู แล้วยังเสียดายจนวันนี้ กระทั่งชื่อยังจำไม่ได้ คุ้นๆว่า “นางฟ้า...” หรืออะไรสักอย่าง ทราบมาว่าเรื่องนี้เธอรับบทที่แอบมีฉากเซ็กซี่อีโรติคด้วย อยากดูมากกกกกกกกกกก เอาเป็นว่าพี่แฟรงค์เอาหัวเป็นประกันแล้วกันครับว่า ละครเรื่องไหนก็ตามที่มีนักแสดง ชื่อ สุมณฑา สวนผลรัตน์ ร่วมแสดงอยู่ ควักกระเป๋าจ่ายตังค์ซื้อบัตรเข้าชมได้เลยครับ ดูแค่การแสดงของเธอก็แสนจะคุ้มเหลือหลาย สำหรับใครหลายคนที่ไม่ใช่คอละครเวที อาจพอคุ้นหน้าเธอจากสปอตโฆษณาพีซีทีเมื่อราวปีสองปีก่อน เธอรับบทเป็นอาม้าจอมจุ้นที่คอยโทร.ตามจิกอาตี๋ตลอดเวลา (การแสดงของเธอฮามากๆๆ ครับ) หรือในหนังไทยเรื่อง สยิว เธอก็โผล่มาแจมในบทสาวออฟฟิศจิตหงุดหงิดจนใกล้จิตแตก การแสดงในเรื่องนี้อาจจะดูเกินๆ ไปบ้าง แต่ผมมองว่าเป็นผลจากการที่ผู้กำกับไม่ชัดเจนมากพอกับตัวละครของเธอและดีไซน์ตัวละครของเธอออกมาแบบนี้ ประมาณว่า “มีกลองดีก็กระหน่ำตีมันเข้าไปจนเสียเสนาะ”<<


--รู้สึกว่า VENUS PARTY มีขายแล้วในรูปแบบดีวีดี

--นักแสดงละครเวทีหญิงอีก 2 คนที่ดิฉันชอบมากในตอนนี้ก็คือ พัชร์รุจา กาญจนโกศล จาก MISSING YOU (A), หมาตอน (A+) และตึกแดง (A) เพราะเธอเปลี่ยนบุคลิกได้เก่งมากๆ

ส่วนอีกคนก็คือภาวิณี สมรรคบุตร จาก “พระเจ้าเซ็ง” (2006, นิกร แซ่ตั้ง, A+/A) และ “เส้นด้ายในความมืด” (2005, พนิดา ฐปนางกูร, A+) ยังไม่แน่ใจว่าเธอมีความสามารถทางการแสดงสูงมากหรือเปล่า แต่คิดว่าถ้าหากเธอได้รับบท “ผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า” แล้วล่ะก็ เธอจะเปล่งพลังออกมาได้อย่างรุนแรงมากกับบทแบบนั้น


ตอบน้อง MERVEILLESXX

--ชอบหลี่เจียซินใน FALLEN ANGELS อย่างสุดๆ มาดเธอในหนังเรื่องนี้สุดยอดมาก หลี่เจียซินใน FALLEN ANGELS ดูสง่ากว่าบท “ศิษย์ผู้น้อง” ใน “เดชคัมภีร์เทวดาภาค 2” ประมาณ 100 เท่า

--FALLEN ANGELS ใช้เพลงประกอบของ MASSIVE ATTACK และ MARIANNE FAITHFULL ด้วย

อ่านข้อมูลเก่าเกี่ยวกับ MARIANNE FAITHFULL ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=5266

--ชอบมากที่หนังเรื่องนี้นำเพลงของ LAURIE ANDERSON มาใช้ในหนัง เพลงนั้นก็คือเพลง SPEAK MY LANGUAGE

Daddy Daddy,
it was just like you said
Now that the living outnumber the dead.
Where I come from
it's a long thin thread A
cross an ocean.
Down a river of red.
Now that the living outnumber the dead.
Speak my language.
Hello. Hello.
Here come the quick.
There go the dead.
Here they come.
Bright red.
Speak my language.

เพลงนี้อยู่ในอัลบัมชุด BRIGHT RED (1994, A+++++) ของ LAURIE ANDERSON ที่มี BRIAN ENO เป็นโปรดิวเซอร์
http://www.amazon.com/gp/product/B000002MP5/sr=8-9/qid=1143252800/ref=pd_bbs_9/102-6983084-0404922?%5Fencoding=UTF8

--จำเพลง ONLY YOU ในตอนจบของ FALLEN ANGELS ไม่ได้แฮะ จำไม่ได้แล้วว่าเวอร์ชันที่ได้ดูตอนจบเป็นเพลงอะไร

แต่ชอบเพลง ONLY YOU เวอร์ชันดั้งเดิมที่ร้องโดย ALISON MOYET อย่างมากๆ เพลงนี้อยู่ในอัลบัมชุด UPSTAIR AT ERIC’S ของวง YAZ หรือ YAZOO ซึ่งมี ALISON MOYET เป็นสมาชิก
http://www.amazon.com/gp/product/B000002KYC/qid=1143253721/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/102-6983084-0404922?s=music&v=glance&n=5174
http://images.amazon.com/images/P/B000002KYC.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

อัลบัมชุด UPSTAIRS AT ERIC’S (1982) มีเพลงชื่อเก๋ว่า “I BEFORE E EXCEPT AFTER C” ด้วย

http://www.mutelibtech.com/mute/yazoo/yazbiog.htm
นักวิจารณ์บอกว่า YAZOO ทำเพลงป็อปที่มีส่วนผสมของอิเล็กทรอนิกส์และบลูส์ โดยสมาชิกอีกคนหนึ่งของวงนี้คือ VINCE CLARKE โดยก่อนหน้าที่เขาจะมาร่วมวงนี้ เขาเคยเป็นสมาชิกวง DEPECHE MODE และหลังจากวง YAZOO ยุบไป VINCE CLARKE ก็ร่วมมือกับ ANDY BELL ในการก่อตั้งวง ERASURE

เพลงที่ดิฉันชอบมากที่สุดของ ALISON MOYET คือเพลง IT WON’T BE LONG ชอบเนื้อเพลงนี้มากๆ แม้จะไม่เข้าใจอย่างเต็มที่ว่ามันหมายถึงอะไร แต่รู้สึกว่ามันให้อารมณ์รุนแรงดี โดยเฉพาะท่อนที่ว่า “In the wallpaper stained by the cup that I threw at your head”

IT WON’T BE LONG อยู่ในอัลบัมชุด HOODOO (1991, A+)
http://www.amazon.com/gp/product/B0000AM78A/qid=1143254394/sr=1-4/ref=sr_1_4/102-6983084-0404922?s=music&v=glance&n=5174
http://images.amazon.com/images/P/B0000AM78A.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

One of these daysI'm waiting on a dayWhen nobody comes to trample my meadow (ชอบท่อนนี้)Biding my timeThere's gonna be a timeMight take a whileBut changes are coming
And it wont be longWhen everything you saidWon't sit around and pile up with the traffic in my headAnd when I wake upI wont see you on the bathroom floorIn the tangle of clothes we left lying thereIt wont be longOne of these nightsWith company I findI wont be inclined to leave before sunrise (ชอบท่อนนี้)When my eyes, my mouth, my hands, my headDon't tell me that nobody else will doAnd it wont be longWhen everything you saidWon't sit around and pile up with the traffic in my headAnd when I wake upI wont see you on the bedroom floorIn the tangle of rope we left lying there (ชอบท่อนนี้)It wont be longIt wont be long'Till it's all goneAnd it wont be longWhen everything you saidWon't sit around and pile up with the traffic in my headAnd when I wake upI wont see you by the bedroom doorIn the wallpaper stained by the cup that I threw at your head (กรี๊ดดดดดด ถูกใจสุดๆ)It wont be long

ส่วนเพลงที่ชอบที่สุดของ ERASURE คงจะเป็น A LITTLE RESPECT เพราะเคยโดนคุณป้าวาสนา วีระชาติพลีเปิดกรอกหูเกือบทุกวัน ส่วนเพลงที่ชอบรองลงมาอาจจะเป็น BLUE SAVANNAH และ TAKE A CHANCE ON ME ที่มีมิวสิควิดีโอที่คลาสสิคมากๆ
http://www.amazon.com/gp/product/B000002MHL/qid=1143254797/sr=2-2/ref=pd_bbs_b_2_2/102-6983084-0404922?s=music&v=glance&n=5174

--อัลบัมที่อยากได้ตอนนี้คือ FAB FOUR SUTURE ของ STEREOLAB ซึ่งออกวางแผงเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา
http://www.amazon.com/gp/product/B000E6GC7U/qid=1143255013/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/102-6983084-0404922?s=music&v=glance&n=5174
http://images.amazon.com/images/P/B000E6GC7U.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

STEREOLAB ยังคงทำเพลงชื่อแปลกอยู่เหมือนเดิม เพลงที่บรรจุอยู่ในอัลบัมนี้ก็มีเช่น
--KYBERNETICKA BABICKA PART I
--GET A SHOT OF THE REFRIGERATOR
--VISIONARY ROAD MAPS
--EXCURSIONS INTO ‘OH, A-OH’
--I WAS A SUNNY RAINPHASE
--WINDOW WEIRDO

อ่านข้อมูลเก่าเกี่ยวกับ STEREOLAB ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2904

เพลงที่ชอบมากของ STEREOLAB คือเพลง

1.REFRACTIONS IN THE PLASTIC PULSE ในอัลบัม DOTS AND LOOPS (1997, A++++++++++)
http://www.amazon.com/gp/product/B000002HQ3/ref=pd_bxgy_text_b/102-6983084-0404922?%5Fencoding=UTF8

2.CYBELE’S REVERIE ในอัลบัม EMPEROR TOMATO KETCHUP (1996, A+)
http://www.amazon.com/gp/product/B000002HK2/qid=1143255562/sr=2-2/ref=pd_bbs_b_2_2/102-6983084-0404922?s=music&v=glance&n=5174
http://images.amazon.com/images/P/B000002HK2.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

3.OUTER ACCELERATOR ในอัลบัม MARS AUDIAC QUINTET (1994, A+)
http://www.amazon.com/gp/product/B000002HG2/ref=pd_sim_m_3/102-6983084-0404922?%5Fencoding=UTF8&v=glance&n=5174

4.BLUE MILK ในอัลบัม COBRA AND PHASES GROUP PLAY VOLTAGE IN THE MILKY NIGHT (1999, A+)
http://www.amazon.com/gp/product/B00001P4OP/ref=pd_sim_m_5/102-6983084-0404922?%5Fencoding=UTF8&v=glance&n=5174

5.HALLUCINEX ในอัลบัม SOUND-DUST (2001, A+)
http://www.amazon.com/gp/product/B00005N5AA/ref=pd_sim_m_2/102-6983084-0404922?%5Fencoding=UTF8&v=glance&n=5174

6.SUGGESTION DIABOLIQUE ในอัลบัม SOUND-DUST

7.PAUSE ในอัลบัม TRANSIENT RANDOM NOISE BURSTS WITH ANNOUNCEMENTS (1993, A)
http://www.amazon.com/gp/product/B000002HDV/ref=pd_sim_m_2/102-6983084-0404922?%5Fencoding=UTF8&v=glance&n=5174


เนื้อเพลง GUS THE MYNAH BIRD ของ STEREOLAB ในอัลบัมชุด SOUND-DUST น่าสนใจดี

GUS THE MYNAH BIRD

A military regime in democratic disguisethat lies in all impunitytakes apart what it took people years to buildpublic institutionsthat promised a decent lifeself-determination should be fact not essentially a rightthere are the lobbies insurance companies (ประโยคนี้ทำให้นึกถึงฉากเปิด DARK HORSE (2005, DAGUR KARI, A))who want to change the whole countryinto a vast commercial counter for the pure consumerthe promise to give the generals a better placeself-determination should be fact in the face of corruption

เว็บไซท์
http://www.stereolab.co.uk/

อัลบัมชุด EMPEROR TOMATO KETCHUP ของ STEREOLAB รู้สึกว่าจะได้ชื่ออัลบัมมาจากภาพยนตร์ในปี 1971 ของ SHUJI TERAYAMA (FRUITS OF PASSION, “THROW AWAY YOUR BOOKS, RALLY IN THE STREETS”, PASTORAL – TO DIE IN THE COUNTRY) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กๆที่ยึดอำนาจการปกครองมาจากผู้ใหญ่ โดยมีฉากเด็กๆเปลือยกายข่มขืนผู้ใหญ่ด้วย
http://www.imdb.com/title/tt0066468/usercomments

The film is not pornographic in the least bit. Terayama was not interested in pornography, which he saw as a tool of state oppression, but in creating a vision of erotic utopia. So it has naked children raping adults, BIG deal. The film was made in answer to Nazi Holocaust camps, the atomic bomb, the rape of Nanking, the Vietnamese war etc. Terayama had lived through the firebombs that destroyed his town, leaving charred bodies of women and children littered about him when he was but 9 years old.


ตอบคุณเจ้าชายน้อย

ถึงแม้ในกรุงเทพจะมีดีวีดีหนังของ BUSTER KEATON ให้เราดูกันอย่างจุใจถึง 12 ชุด แต่ที่อเมริกาก็มีการออกดีวีดีหนังชุดใหม่ของ BUSTER KEATON ออกมาอีกแล้วค่ะ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา นั่นก็คือ DVD ชุด BUSTER KEATON – THE 60 TH ANNIVERSARY COLLECTION โดยดีวีดีชุดนี้เป็นการรวมหนังสั้น 10 เรื่องที่หาดูยากมากของ KEATON มาไว้ด้วยกัน โดยเป็นหนังของเขาในปี 1939-1941 ถ้าเข้าใจไม่ผิด หนังช่วงนี้เป็นหนังช่วงที่เขาตกต่ำ และผลงานในช่วงนี้ก็ไม่ใช่ผลงานที่ดีนัก นักวิจารณ์บอกว่า ผู้ชมที่ยังไม่มีความรู้เรื่องของ BUSTER KEATON ไม่ควรจะดูดีวีดีชุดนี้ เพราะเดี่ยวจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถของ BUSTER KEATON แต่ดีวีดีชุดนี้เหมาะมากสำหรับคนที่เป็นแฟนตัวจริงของ BUSTER KEATON และต้องการสะสมผลงานทั้งหมดของเขา

http://www.amazon.com/gp/product/B000E1EHQI/qid=1143258213/sr=8-2/ref=sr_1_2/102-6983084-0404922?%5Fencoding=UTF8&v=glance&n=130
http://images.amazon.com/images/P/B000E1EHQI.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังในดีวีดีชุดนี้ได้แก่เรื่อง

1.PEST FROM THE WEST (1939, DEL LORD)
2.GENERAL NUISANCE (1941, JULES WHITE)
3.HIS EX MARKS THE SPOT (1940, JULES WHITE)
4.SHE’S OIL MINE (1941, JULES WHITE)
5.MOOCHING THROUGH GEORGIA (1939, JULES WHITE)
6.THE TAMING OF THE SNOOD (1940, JULES WHITE)
7.THE SPOOK SPEAKS (1940, JULES WHITE) ชอบชื่อหนังเรื่องนี้จัง

When a magician, Mordini (Lynton Brent) becomes fearful of his magic secrets being stolen, he hires Buster (Buster Keaton) and Elsie (Elsie Anes) to protect his props. They discover what they assume to be a murder and go into action as amateur detectives, without realizing they are the victims of one of the magician's tricks.

8.NOTHING BUT PLEASURE (1940, JULES WHITE)

To save money, Buster and his wife decide to drive to Detroit to buy a new car, then drive it home.

9.PARDON MY BERTH MARKS (1940, JULES WHITE) เข้าใจว่าชื่อหนังเรื่องนี้ล้อคำว่า BIRTHMARK
Buster, a reporter, takes a train trip and winds up innocently involved with a gangster's wife.

10.SO YOU WON’T SQUAWK (1941, DEL LORD)


--พูดถึงไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ จะนึกถึงหนังสารคดีเรื่อง ARTIST PARTY (2005, ภาณุวัฒน์ จิตติวุฒิการ, A-) ค่ะ ได้ดูหนังสารคดีเรื่องนี้ในงานประกวดหนังสั้นปีที่แล้ว รู้สึกว่าจะมีฉากที่คุณไกรศักดิ์ขึ้นไปพูดบนเวทีด้วย หนังเรื่อง ARTIST PARTY เป็นหนังที่ทำหน้าที่ “ให้ข้อมูล” ได้ดีมากๆ แต่วิธีการนำเสนออาจจะทำให้หนังน่าเบื่อสักเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ได้มีความสนใจในประเด็นนี้โดยตรง

No comments: