Wednesday, February 02, 2005

TARNATION (A+)

ประทับใจกับ SHADOWS IN PARADISE เหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าหนังมันเหงาๆ ดี เคยดูหนังเรื่องนี้ที่ศาลาเฉลิมกรุงเมื่อหลายปีก่อน

แต่ THE MATCH FACTORY GIRL (A+) นี่ชอบสุดๆ ดูแล้วสะใจมาก

ถ้าพูดถึงหนังเกี่ยวกับชนชั้นแรงงานแล้ว มักจะนึกถึงชื่อของเคน โลชกับไมค์ ลีห์ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน แต่ผู้กำกับแต่ละคนก็จะนำเสนอตัวละครกลุ่มนี้ในแนวทางที่แตกต่างกันไป ตัวละครในหนังของบางคนก็พูดม้ากมาก ส่วนตัวละครในหนังของอีกคนก็แทบไม่ปริปากพูดอะไรเลย ผู้กำกับบางคนก็ทำให้ตัวละครชนชั้นแรงงานในหนังของตัวเองดูมีคุณธรรมและน่าปรารถนาอย่างมากๆ แต่ผู้กำกับบางคนก็นำเสนออารมณ์รักโกรธโลภหลงของตัวละครชนชั้นแรงงานออกมาอย่างเต็มที่

มีหนังโรแมนติกเกี่ยวกับชนชั้นแรงงานวัยกลางคนอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูแล้วรู้สึกว่าหนังพอใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ชอบมากนัก นั่นก็คือ MARIUS AND JEANNETTE (1997, ROBERT GUEDIGUIAN, B) บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมตัวเองรู้สึกไม่ค่อยถูกโฉลกกับผู้กำกับคนนี้ รู้สึกเหมือนเขาสร้างหนังแต่ละเรื่องด้วย “เจตนาดี” แต่ทำไมความรู้สึกที่ได้จากการดูหนังของเขามันกึ๋ยๆยังไงไม่รู้
http://www.imdb.com/title/tt0119620/

หนังเกี่ยวกับชนชั้นแรงงานที่ตัวเองดูแล้วรู้สึกโรแมนติกกับมันมากที่สุดในชีวิตเรื่องหนึ่งคงจะเป็น
MY NAME IS JOE (1998, KEN LOACH, A+) แต่สาเหตุที่ประทับใจกับมันมากๆอาจจะไม่ได้เป็นเพราะเนื้อเรื่องหรือประเด็นด้านชนชั้น แต่เป็นเพราะนางเอกหนังเรื่องนี้หน้าตาน่าเกลียดมากๆ แต่พระเอกน่ารัก (Peter Mullan ที่ต่อมากำกับหนังจนได้รางวัลสิงโตทองคำจากเวนิซ) ก็เลยดูแล้วรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มัน “พาฝัน” ดี ตอนดูหนังเรื่องนี้เสร็จ รู้สึกคลั่ง PETER MULLAN ไปเลย แต่พอไปเห็น PETER MULLAN ในหนังเรื่องอื่นๆ แล้วตกใจมาก รู้สึกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดูดีอะไรเลย แต่เคน โลชกลับทำให้ PETER MULLAN ดูเป็นผู้ชายที่น่าปรารถนามากๆเมื่อเขารับบทเป็น”โจ” ในหนังเรื่องนี้

AMY TAUBIN พูดถึงหนังเรื่อง MY NAME IS JOE ไว้ได้อย่างน่าประทับใจมากๆใน VILLAGE VOICE
http://www.villagevoice.com/film/9903,taubin,3612,20.html

ส่วนสวรรค์มืด, โรงแรมนรก, แพรดำ กับชั่วฟ้าดินสลาย ก็เคยดูที่เอยูเอเมื่อหลายปีก่อนเหมือนกันค่ะ ชอบทั้ง 4 เรื่อง แต่ชอบโรงแรมนรกกับชั่วฟ้าดินสลายมากที่สุด เพราะโรงแรมนรกสนุกดี ส่วนชั่วฟ้าดินสลายนี่พระเอกได้โชว์ความหล่อของตัวเองอย่างเต็มที่ โฮะโฮะโฮะโฮะโฮะ

ดูสวรรค์มืดแล้วทำให้อยากดูหนังอีกเรื่องนึงมากๆค่ะ นั่นก็คือเรื่อง SEVENTH HEAVEN (1927, FRANK BORZAGE) เพราะเดาว่าสวรรค์มืดอาจจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน แต่จนป่านนี้ดิฉันก็ยังไม่ได้ดูหนังที่กำกับโดย FRANK BORZAGE เลยแม้แต่เรื่องเดียว

เรื่องย่อของ SEVENTH HEAVEN
http://www.tvguide.com/Movies/database/ShowMovie.asp?MI=40230


ชอบโปสเตอร์หนังเรื่อง ABSOLUT มากๆเลยค่ะ

เนื้อหาบางส่วนของ ABSOLUT ทำให้นึกถึงหนังกลุ่ม PARANOID ที่สร้างกันออกมาเยอะในทศวรรษ 1960-1970 ด้วยเหมือนกัน ถ้ามีเวลาว่างๆก็อยากจะดูหนังแนวนี้หลายๆเรื่องด้วยเหมือนกัน

หนังในกลุ่ม PARANOID ที่อยากดูมากๆ แต่ยังไม่มีเวลาดูสักที ก็คือ

THE PARALLAX VIEW (1974, ALAN J. PAKULA)
http://www.imdb.com/title/tt0071970/

หนังที่ให้อารมณ์ PARANOID ที่น่าสนใจเรื่องอื่นๆก็อาจจะรวมถึง

1.THE CONVERSATION (1974, FRANCIS FORD COPPOLA)

2.BLOWUP (1966, MICHELANGELO ANTONIONI, A+)

3.KLUTE (1971, ALAN J. PAKULA) หนังภาคแรกในชุด paranoid trilogy ของ PAKULA ส่วนภาคสองคือ THE PARALLAX VIEW และภาคสามคือ ALL THE PRESIDENT’S MEN (1976, A-)

4.NIGHT MOVES (1975, ARTHUR PENN, A)
http://www.imdb.com/title/tt0073453/

5.I AS IN ICARUS (1979, HENRI VERNEUIL, A++++)

และอาจจะรวมไปถึงละครโทรทัศน์ฮ่องกงเรื่อง “นักข่าวหัวเห็ด” หรือ “การเคลื่อนไหวของเจ้าแม่หนี่ฮวา” ที่นำแสดงโดยหวีอันอันและมาฉายทางช่อง 3 เมื่อหลายปีก่อนด้วย ไม่รู้มีใครจำละครเรื่องนี้ได้หรือเปล่า เป็นละครที่สนุกๆสุดๆ รู้สึกว่าจะมี 10 ตอนจบ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักข่าวคนหนึ่งที่สงสัยว่าการเสียชีวิตของบุคคลสำคัญคนหนึ่งมีเงื่อนงำอยู่เบื้องหลัง เขาก็เลยพยายามไปตามหาคนกลุ่มหนึ่งที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมนี้ แต่พอเขาเข้าใกล้พยานรายใด พยานรายนั้นก็จะถูกฆ่าตายไปทีละคนๆ บางรายก็โดนระเบิดตาย, บางรายก็ลิฟต์ตกตาย, บางรายก็เจอน้ำหอมผสมยาพิษ etc. ดูตอนเด็กๆแล้วรู้สึกว่าละครเรื่องนี้มันทำให้เราหวาดกลัวมากๆ


จำได้ว่าเคยดู THE CROW (1994) ที่โรงไมโครแมค ซึ่งเป็นโรงหนังที่เล็กมากที่แทรกตัวอยู่ในโรงแมคเคนนา สิ่งที่ชอบมากๆในหนังเรื่องนี้ก็คือไป่หลิงที่เปรี้ยวและร้ายกาจมาก (อยากให้เธอได้เล่นหนังตบกับ LUCY LIU จังเลย) และก็ชอบเพลง IT WON’T RAIN ALL THE TIME ของ JANE SIBERRY ที่ใช้ประกอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ

ส่วน SHALL WE DANCE? (1996, MASAYUKI SUO) เคยดูในปี 1997 และตอนนั้นก็ชอบสุดๆเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยรู้สึกอยากดูซ้ำเท่าไหร่ แต่หนังของ MASAYUKI SUO ที่อยากดูซ้ำมากๆก็คือ ABNORMAL FAMILY (1983, A++++++) เพราะหนังมันฮาและแร่ดมากๆ หนังเรื่องนี้เหมือนกับเป็นการนำแนวทางหนังของ YASUJIRO OZU ที่พูดถึงความรักของผู้คนในครอบครัวที่ตัวละครชอบทำท่าทางสงบนิ่ง มาผสมกับแนวทางหนังของ NAGISA OSHIMA ที่ตัวละครเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงซาดิสม์มาโซคิสม์ ผลที่ได้ก็คือ ABNORMAL FAMILY เป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผู้คนในครอบครัว แต่คนในครอบครัวมั่วเซ็กส์กันเองอย่างรุนแรง
http://www.midnighteye.com/reviews/abnormfa.shtml


ท่าทางภาษาญี่ปุ่นจะเรียนยากมากๆจริงๆ ดิฉันเองก็ถนัดแต่ท่องจำเหมือนกันค่ะ เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเคยเรียนภาษาสเปนอยู่แป๊บนึง รู้สึกว่าคำกริยาตัวหนึ่งในภาษาสเปนนี่จะผันไปได้ประมาณไม่ต่ำกว่า 96 รูปแบบ (ตามประธานและ tense ของประโยค) พออ่านที่คุณแฟรงเกนสไตน์เขียนถึงภาษาญี่ปุ่นก็เลยนึกถึงอดีตตรงจุดนี้ขึ้นมา แต่รู้สึกว่าภาษาเยอรมันจะยากกว่าพวกภาษาสเปน, ฝรั่งเศสเสียอีก เพราะคำต่างๆในภาษาสเปน+ฝรั่งเศสยังแบ่งออกได้เป็นสองเพศเท่านั้น แต่คำต่างๆในภาษาเยอรมันแบ่งได้เป็นสามเพศ มิน่าล่ะ เยอรมนีถึงได้ผลิตหนังเกย์ออกมาเยอะ เพราะคนเยอรมันคงได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าสิ่งต่างๆรอบตัวมันแบ่งออกได้เป็นสามเพศ (ล้อเล่นค่ะ)

ทำงานมานาน 10 ปีแล้ว แทบจะจำบรรยากาศ,ความรู้สึกสมัยเรียนกับสมัยสอบไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ รู้สึกว่าบรรยากาศช่วงสอบตอนมัธยมกับช่วงสอบตอนมหาลัยมันแตกต่างกันอย่างสุดๆ ช่วงสอบตอนมหาลัยรู้สึกเครียดมาก แทบไม่มีเวลากะจิตกะใจทำอย่างอื่นๆเลย ต้องทุ่มเทจิตใจให้กับการสอบเพียงอย่างเดียว แต่ช่วงสอบตอนมัธยมเป็นช่วงที่มีความสุขยิ่งกว่าตอนไม่สอบเสียอีก เพราะตอนเรียนมัธยมคะแนนแต่ละวิชาดูเหมือนไม่มีความสำคัญอะไรกับชีวิตทั้งสิ้น และวันที่มีการสอบตอนเรียนมัธยมจะเป็นวันที่มีเวลาว่างเยอะมาก วันหนึ่งอาจจะมาสอบแค่สองวิชา วิชาละ 2-3 ชั่วโมง ส่วนเวลาว่างที่เหลือในวันสอบก็ใช้ไปใน “การเดินแบบ” ในห้องเรียน, เต้นระบำประกอบกระดาษทิชชูที่ระเบียงนอกห้องเรียน และไปดูหนังแถวสยามสแควร์ ช่วงก่อนสอบเอ็นทรานซ์ก็เป็นช่วงที่มีความสุขมาก เพราะในเดือนมี.ค.ดิฉันกับเพื่อนๆบอกกับทางบ้านว่าจะออกมาเรียนพิเศษที่โรงเรียน ซึ่งก็ออกมาเรียนจริงๆ แต่เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น นอกนั้นเวลาที่เหลือก็หมดไปกับการเต้นระบำประกอบเพลง RHYTHM NATION ของ JANET JACKSON และเพลงต่างๆของ PAULA ABDUL, KARYN WHITE และนักร้องหญิงอีกหลายคนในช่วงปี 1989 รู้สึกดีกับเพื่อนๆและชีวิตในตอนนั้นมากๆ เอ็นท์ติดก็ช่าง เอ็นท์ไม่ติดก็ช่าง พวกเราขอเต้นระบำไว้ก่อนเป็นลำดับแรก

ส่วน GOD AND DIVA หรือ L’IMMORTEL AD VITAM นั้น ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่อ่านประวัติของ ENKI BILAL คนเขียนการ์ตูนที่เป็นที่มาของหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกทึ่งมากๆ ประวัติของ BILAL สามารถอ่านได้จากหนังสือ “บุ๊คไวรัส 2” ค่ะ
http://www.lambiek.net/bilal.htm


--ชอบ CAPTURING THE FRIEDMANS ในระดับ A+ เหมือนกัน ประทับใจกับน้องชายของอาร์โนลด์ ฟรีดแมนค่ะ

ถ้าหากมีการนำหนังเรื่องนี้มาแปลงเป็น FICTION FILM คิดว่าวูดดี้ อัลเลนอาจจะมารับบทเป็นอาร์โนลด์ได้ค่ะ ส่วนบทเจสซี ฟรีดแมนอาจจะแสดงโดย JAKE GYLLENHAAL

--ประหลาดดีที่เหตุการณ์หัวตัวละครหายไปจากจอภาพยนตร์เกิดขึ้นกับหนัง INVESTIGATING SEX แทนที่จะเป็นหนังเรื่อง HEAD IN THE CLOUDS เพราะว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับหนังเรื่อง HEAD IN THE CLOUDS ผู้ชมอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่ามันเกิดจากความผิดพลาดของโรงฉาย แต่อาจจะนึกว่าผู้กำกับจงใจถ่ายให้หนังออกมาเป็นอย่างนั้นเองเพื่อให้เข้ากับชื่อเรื่อง

--จริงๆแล้วดิฉันก็ไม่ได้ชอบเอ็มมี รอสซัมจาก PHANTOM OF THE OPERA มากนัก แต่รู้สึกว่าบทของเธอในหนังเรื่องนี้มันทำให้เธอดูโดดเด่นเฉิดฉันติดตามากๆ ดิฉันจำไม่ได้เลยว่านี่คือผู้หญิงคนเดียวกับที่เคยแสดงใน THE DAY AFTER TOMORROW และ MYSTIC RIVER เพราะใน PHANTOM OF THE OPERA เธอได้ฉายแสงเรืองรองออกมาจริงๆ
http://www.imdb.com/name/nm0002536/

--พูดถึง THE DAY AFTER TOMORROW แล้วก็ต้องขอยอมรับว่าตัวเองรู้สึกประหลาดใจที่ปีนี้ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลหมีทองคำในเทศกาลหนังเบอร์ลินคือโรลันด์ เอ็มเมอริช ผู้กำกับ UNIVERSAL SOLDIER, GODZILLA และ THE DAY AFTER TOMORROW โดยมีไป่หลิงร่วมเป็นกรรมการในปีนี้ด้วย อยากรู้จังเลยว่าผลรางวัลปีนี้จะออกมาเป็นอย่างไร


--ความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆต่อหนังเกย์เรื่อง TARNATION (A+)

--ดู TARNATION ในหนังมีพาดพิงถึงโจนี่ มิตเชลล์ด้วย ถ้าจำไม่ผิด พระเอกบอกว่าอยากให้โจนี่ มิตเชลล์มาแสดงหนังเป็นแม่ของเขา ส่วนเคลาส์ โนมิกับนีน่า ฮาเกนมารับบทเป็นพ่อแม่บุญธรรมของเขา

นีน่า ฮาเกนเป็นนักร้องหญิงคนหนึ่งที่ดิฉันชอบอย่างสุดๆเลยค่ะ ดิฉันเคยฟังเพลงของเธอแค่ไม่กี่เพลง แต่ชอบบุคลิกของเธอมากๆ และเคยดูการแสดงของเธอในหนังเรื่อง TICKET OF NO RETURN (A+) ที่กำกับโดย ULRIKE OTTINGER แล้ว ก็รู้สึกว่าเธอสามารถรับมือกับบียอร์คได้อย่างสบายๆ ไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่พระเอกสุดหล่อของ TARNATION จะฝังใจกับนีน่า ฮาเกนตั้งแต่เด็กๆ

ULRIKE OTTINGER เป็นสุดยอดผู้กำกับหนังเลสเบียนคนหนึ่งค่ะ น่าเสียดายที่หนังเลสเบียนของเธอไม่ค่อยได้เข้ามาฉายในเมืองไทยสักเท่าไหร่

อยากดูหนังเรื่อง LAOKOON & SONS: THE STORY OF THE TRANSFORMATION OF ESMERALDA DEL RIO (1975) ที่กำกับโดย ULRIKE OTTINGER + TABEA BLUMENSCHEIN ค่ะ หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศที่มีชื่อแปลกประหลาดว่า “LAURA MOLLOY” และมีแต่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในประเทศลอร่า มอลลอยนี้ อย่างไรก็ดี เอสเมอรัลดา เดล ริโอ ผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างรุนแรง

เพลงของ NINA HAGEN ที่เคยฟังคือเพลง IN MY WORLD กับเพลง GET YOUR BODY ที่เธอร่วมงานกับอดัมสกีค่ะ

สมการประจำวัน
NINA HAGEN = SIOBHAN FAHEY (FROM SHAKESPEARE’S SISTER) + BJORK
http://www.beepworld.de/members77/ninahagendas/

--พูดถึง schoolplay แล้วก็นึกถึงฉาก BLUE VELVET THE MUSICAL ใน TARNATION ไม่รู้คิดขึ้นมาได้ยังไง เป็นอะไรที่เปรี้ยวและฮามากๆ

ละครโรงเรียนเรื่องนี้นำเอาเนื้อเรื่องจากหนังของเดวิด ลินช์ มาผสมกับเพลงของ MARIANNE FAITHFULL แถมยังให้สาวอ้วนมาทำท่าทำทางประหลาดๆบนเวที เดาว่าคงเป็นอะไรที่เริ่ดมากๆ น่าเสียดายที่ TARNATION ตัดฉากนี้มาให้ดูแค่นิดเดียว

--รู้สึกว่าชีวิตของพระเอก TARNATION น่าสนใจมากๆ ชีวิตของเขาสามารถเอามาดัดแปลงสร้างเป็นหนัง FICTION ได้ไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง โดยแต่ละเรื่องก็เจาะไปที่เสี้ยวชีวิตแต่ละเสี้ยวของเขา แทนที่จะครอบคลุมเรื่องราวตลอดทั้งชีวิตแบบในหนังสารคดีเรื่องนี้

ถ้ามีการนำเอาชีวิตพระเอก TARNATION มาสร้างเป็นหนังจริงๆ อยากให้เอา SELMA BLAIR มาเล่นเป็นพระเอกหนังเรื่องนี้ค่ะ เพราะรู้สึกว่าหน้าบางมุมของ JONATHAN CAOUETTE ดูแล้วนึกถึง SELMA BLAIR

--พระเอก TARNATION เคยกำกับหนังสั้นเล่นๆมาแล้วหลายเรื่องเหมือนกัน ซึ่งพอดูตัวอย่างแล้วก็รู้สึกว่ามันฮาและ cult มาก อยากดูหนังฉบับเต็มๆที่เขาถ่ายไว้ โดยเฉพาะเรื่อง THE ANKLE SLASHER

--ดิฉันกับเพื่อนเพิ่งคุยกันเรื่อง TRASH กับ HEAT ของพอล มอร์ริสซีย์ ปรากฏว่าพอไปดู TARNATION หนังเรื่องนี้ก็มีการตัดบางฉากจาก TRASH และ HEAT มาใส่ไว้ด้วย

--รู้สึกว่าผู้กำกับ/พระเอก TARNATION หน้าตาน่ารักดี อยากให้จริงๆแล้ว GUS VAN SANT กับ JOHN CAMERON MITCHELL ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมของหนังเรื่องนี้ มีการตบตีกันเพื่อแย่งชิงตัวผู้กำกับ
http://www.allocine.fr/film/galerie_gen_cfilm=55775&filtre=&page=4.html

--อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆใน TARNATION ก็คือแววตาของดาวิด (ไม่รู้ดำรงตำแหน่งเป็นสามีหรือภรรยาของผู้กำกับ) ขณะมอง เพราะแววตาของเขาไม่ได้เป็นแววตาของคนที่กำลังมองกล้องถ่ายภาพยนตร์ แต่เป็นแววตาของคนที่กำลังมอง “คนรัก”เพราะดาวิดคงไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังมองกล้องอยู่ในตอนนั้น แต่คงคิดว่าตัวเองกำลังมองโจนาธาน ชายคนรักของเขาที่กำลังถือกล้องอยู่ในตอนนั้น แววตาของเขามันจึงเปี่ยมด้วยความรักเป็นอย่างมาก

1 comment:

Anonymous said...

HOLA A TODOS LOS FANS DE EL GUAPISIMO GABRIEL SOTO Y NO SE SI ESTEN DE ACUERDO CON MIGO PERP YO OPINO QUE AL MENOS A MI Y AMI PRIMA NOS GUSTA SU FORMA DE ACTUAR APARTE DE QUE ES UN CUERASO BAY BESOS CHAU CUIDENCEN.