Wednesday, February 15, 2023

TAR (2022, Todd Field, A+30)

 

TAR (2022, Todd Field, A+30)

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

1.จริง ๆ ความเห็นของเราก็คล้าย ๆ กับของเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่เราเคยแชร์มาไว้แล้ว เราก็เลยขี้เกียจเขียนถึงหนังเรื่องนี้ 555 เพราะฉะนั้นเราก็จะข้ามไปเขียนแค่บางจุดเท่านั้นนะ

 

หนึ่งในสิ่งที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือหนังมันสร้างตัวละครที่เทาดีสำหรับเราน่ะ เหมือนโดยปกติเราชอบตัวละครผู้หญิงร้าย ๆ ที่มีพิษสงอยู่แล้ว เราก็เลยชอบมากที่หนังสร้างตัวละครนางเอกแบบนี้ขึ้นมา และมันไม่ใช่ตัวละครหญิงร้ายที่มีแค่ด้านมืดด้านเดียว แต่มันเป็นตัวละครที่เรารู้สึกทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับเธอในหลาย ๆ ฉากพร้อมกัน อย่างเช่น

 

1.1 ฉากที่เธอสอนลูกศิษย์ในทำนองที่ว่าไม่ควรมองข้ามผลงานศิลปะโดยใช้เกณฑ์ตัดสินจากประวัติชีวิตของตัวศิลปิน คือเหมือนเราเห็นด้วยกับหลาย ๆ สิ่งที่เธอพูด แต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำในฉากนั้น

 

1.2 ฉากที่เธอจัดการกับเด็กหญิงที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าทำร้ายร่างกายลูกบุญธรรมของเธอ คือเหมือนเราเห็นด้วยกับความต้องการของเธอในฉากนั้น แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่เธอใช้

 

 

1.3 ฉากที่ผู้ชายที่เหมือนเป็นรองหัวหน้าวง (ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด) มาเสนอความเห็นบางอย่าง แต่เธอไม่ได้คล้อยตามในทันที แต่เหมือนไปรับฟังความเห็นของคนอื่น ๆ ด้วยก่อนที่จะตัดสินใจ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ดี แต่การที่หลังจากนั้นเธอจะไล่เขาออกจากตำแหน่ง ก็เป็นสิ่งที่ดูน่าคลางแคลงใจเป็นอย่างมาก

 

2.อีกจุดที่เราชอบมาก ๆ เป็นการส่วนตัว คือการที่มันเป็นหนังที่มีตัวละครหญิงหลายตัวมาปะทะเชือดเฉือนกันน่ะ ดูแล้วนึกถึงความมันส์แบบตอนที่ดูละครทีวีเรื่อง MELROSE PLACE (1992-1999) บวกกับหนังเรื่อง PASSION (2012, Brian De Palma)

 

สาเหตุที่นึกถึง MELROSE PLACE เป็นเพราะว่า ตัวละครนางเอกของทั้งสองเรื่องเป็นตัวละครหญิงที่ "ร้ายมาก, เจ้าเล่ห์มาก, แข็งแกร่งมาก, เก่งมาก, ฉลาด" เหมือนกันน่ะ แต่แตกต่างกันตรงที่ MELROSE PLACE เป็นการตบตีเพื่อแย่งผู้ชายและความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน แต่นางเอกของ TAR เป็นเลสเบียน

 

เราก็เลยดูแล้วนึกถึง PASSION ด้วย เพราะมันเป็นหนังเกี่ยวกับผู้หญิงตบตีกันทั้งในทางหน้าที่การงาน และการชิงรักหักสวาทเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องของเลสเบียนเหมือน TAR อย่างไรก็ดี สิ่งที่แตกต่างกันก็คือว่า การตบตีเชือดเฉือนกันระหว่างตัวละครหญิงใน PASSION มันดูชั้นต่ำมาก 555 แต่การเชือดเฉือนกันใน TAR ดูมีคลาสกว่ามาก ๆ

 

ดูแล้วนึกถึงหนังเลสเบียนเรื่อง FEMALE PERVERSIONS (1996, Susan Streitfeld, A+30) ด้วย ที่มี Tilda Swinton รับบทเป็นอัยการสาวที่ประสบความสำเร็จทางหน้าที่การงานเป็นอย่างดี และกำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษา แต่เธอก็เหมือนมีปัญหาทางจิตอย่างรุนแรงอยู่ภายใน คือ FEMALE PERVERSIONS เหมือนเน้น “ภาวะทางจิต” ของตัวละครหญิง มากกว่าที่จะเน้นการตบตีกันในเชิงกายภาพเหมือนอย่าง MELROSE PLACE และ PASSION เราก็เลยรู้สึกว่า ในแง่หนึ่ง TAR ก็เลยเหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างหนังเลสเบียนเรื่อง FEMALE PERVERSIONS กับ PASSION เพราะหนังทั้ง 3 เรื่องพูดถึงการตบตีกันทางความรักและหน้าที่การงานของเลสเบียน แต่ FAMALE PERVERSIONS เน้น “จิต” ของตัวละคร, PASSION เน้น “ภายนอก” ของตัวละคร ส่วน TAR นำเสนอปัญหาทั้งภายในและภายนอกของตัวละคร

 

3. ชอบความหลอนและความไม่อธิบายอะไรหลาย ๆ อย่างของหนังมาก ๆ อย่างเช่น

 

3.1 ชอบความหลอนของฉากที่นางเอกเหมือนระแวงผู้หญิงคนหนึ่งที่หลบอยู่ในห้องส้วม และเห็นแต่รองเท้า, ระแวงรองเท้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะเดินเข้ามาในห้องของเธอ หรืออะไรทำนองนี้ คือเหมือนช่วงนั้นนางเอกคงระแวงว่า Krista อาจจะสะกดรอยตามเธอมั้ง

 

3.2 ถ้าหากเราดูไม่ผิด ในฉากที่นางเอกจะไปไล่รองหัวหน้าวงออกจากตำแหน่ง เหมือนนางเอกแอบขโมยของอะไรสักอย่างในห้องนั้นใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองด้วย ตอนช่วงที่รองหัวหน้าวงเผลอ ซึ่งเราก็นึกว่าเดี๋ยวในฉากต่อ ๆ มา มันจะมีการอธิบายว่านางเอกแอบขโมยอะไรติดมือมา แต่ปรากฏว่าหนังก็ไม่อธิบาย เราก็เลยสงสัยว่าเราตาฝาดไปเองหรือเปล่า 555 มีใครดูทันจุดนี้ในฉากนี้บ้าง

 

3.3 ฉากที่นางเอกได้ยินเสียงกรีดร้องในป่าก็หลอนมาก

 

3.4 ฉากนางเอกไล่ตาม Olga ไปแล้วเผชิญกับตึกร้างก็หลอนมาก

 

3.5 สรุปใครขโมยสมุดของนางเอกไป

 

3.6 หนังไม่ได้อธิบายด้วยว่า นางเอกกับ Krista มีปัญหาอะไรกันแน่ เราก็เลยไม่รู้ว่าเราสมควรจะเกลียดนางเอกได้มากน้อยแค่ไหนที่พยายามกลั่นแกล้ง Krista ให้หางานทำไม่ได้

 

3.7 ฉากจินตภาพต่าง ๆ ของนางเอกและฉากที่นางเอกตื่นมากลางดึกแล้วเห็น metronome แกว่งไกวไปมาอย่างรุนแรง ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นึกถึงหนังของ Brian De Palma ด้วยเช่นกัน และบรรยากาศของหนังก็ทำให้นึกถึง Roman Polanski ด้วยนิดนึง

 

4. เห็นชื่อของนางเอกแล้วนึกถึงคำว่า tarnish

 

5.ปัจจัยนึงที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว คือการที่นางเอก sensitive อย่างมากกับเสียงรบกวนต่าง ๆ เพราะเราก็มีอาการคล้าย ๆ อย่างนั้น ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดปกติของสมอง ดังเช่นที่บทความระบุไว้ว่า

 

https://intimexchiangmai.com/misophonia-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87/

 

 

โรคเกลียดเสียงหรือโรคไวต่อเสียงบางชนิด ถือเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ซึ่งมีเสียงเป็นสิ่งเร้า เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของหูหรือการได้ยินแต่อย่างใด แต่เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการทำงานของสมอง

         Dr.Sukhbinder Kumar นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ในคนที่มีภาวะเกลียดเสียงนั้น สมองส่วนอินซูล่าซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างประสาทสัมผัสกับอารมณ์ จะทำงานหนักกว่าคนทั่วไปในขณะที่ได้ยินเสียง ส่งผลให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด หรือวิตกกังวล หัวใจเต้นเร็ว และเหงื่อออกได้มากขึ้น ความผิดปกตินี้มีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง”

 

คือเราก็มีอาการคล้าย ๆ นางเอกน่ะ โดยเฉพาะตอนจะนอนในเวลากลางคืน แล้วเราจะรำคาญเสียงต่าง ๆ มาก ๆ ทั้งเสียงคนข้างห้องเปิดปิดประตู, เสียงท่อน้ำ, เสียงพลาสติกบิดตัว และแม้แต่ “เสียงนาฬิกาข้อมือเดิน” แล้วพอเราได้ยินเสียงอะไรมารบกวนตอนจะนอน เราก็จะต้องค้นหา “ที่มาของเสียง” ให้ได้ เพื่อจะได้ “แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ” เพราะฉะนั้นพอเราดู TAR เราก็เลยพบว่านางเอกมีอาการตรงกับเรามาก ๆ 5555 ซึ่งมันเกิดจาก “สมองส่วนอินซูล่าทำงานหนักกว่าคนทั่วไป” น่ะ เราก็เลยดีใจที่หนังเรื่องนี้นำเสนอตัวละครนางเอกที่มีปัญหาเหมือนกับเรา

 

6.อีกจุดนึงที่ชอบสุด ๆ ในหนังก็คือการพูดถึง pastiche ทางศิลปะน่ะ ในทำนองที่ว่างานศิลปะหลาย ๆ งาน มันเป็นการหยิบยืมหรือได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานศิลปะก่อน ๆ หน้านั้น

 

หรือในอีกแง่หนึ่งเราก็อาจจะกล่าวได้ว่า งานศิลปะหลาย ๆ งานมันก็ย่อมต้องมีอะไรที่ซ้ำไปซ้ำมากันบ้างในบางจุด เป็นเรื่องธรรมดา 5555

 

เพราะขณะที่เราดู TAR มันก็ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากโดยที่ผู้สร้างทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจเช่นกัน

 

โดยในส่วนที่ TAR พาดพิงถึงโดยตรงก็มีเช่น

 

6.1 APOCALYPSE NOW (1979, Francis Ford Coppola)

 

6.2 DEATH IN VENICE (1971, Luchino Visconti, Italy, A+30) นางเอกพูดถึง Visconti เป็นภาษาเยอรมัน เราก็เลยเดาว่าคงหมายถึงหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเรื่องนี้เน้นใช้ดนตรีประกอบของ Mahler

 

6.3 นางเอกกับผู้ช่วยเคยถกเถียงกันเรื่องประวัติชีวิตของ Mahler เราก็เลยนึกถึงหนังเรื่อง MAHLER (1974, Ken Russell, UK, A+30) ด้วย

 

และในส่วนของหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เรานึกถึงโดยที่ TAR ไม่ได้ตั้งใจพาดพิงนั้น นอกจาก PASSION กับ FEMALE PERVERSIONS แล้ว ก็มีเช่น

 

6.4 บทของ Cate Blanchette เหมือนเป็นการล้อตัวเองใน CAROL (2015, Todd Haynes)

 

6.5 บทของ Noemie Merlant เหมือนเป็นการล้อตัวเองใน PORTRAIT OF A LADY ON FIRE (2019, Céline Sciamma)

 

6.6 บทของ Noemie Merlant ทำให้นึกถึงบทของ Irm Hermann ใน THE BITTER TEARS OF PETRA VON KANT (1972, Rainer Werner Fassbinder, West Germany) อย่างมาก ๆ ด้วย

 

6.7 บทของ Nina Hoss เหมือนเป็นการล้อตัวเองใน THE AUDITION (2019, Ina Weisse, Germany)

 

6.8 การที่นางเอกเคยไปเรียนรู้วัฒนธรรมดนตรีพื้นบ้านในเปรู และนำความรู้นั้นกลับมาสู่โลกดนตรีคลาสสิค เหมือนเป็นการล้อ FITZCARRALDO (1982, Werner Herzog, West Germany) ที่เป็นเรื่องของชายผิวขาวที่พยายามจะสร้างโรงโอเปร่ากลางป่าลึกในเปรู

 

6.9 ฉากที่นางเอกไปจัดการเด็กหญิงที่มารังแกลูกบุญธรรมของเธอ ทำให้นึกถึงนางเอกโรคจิตในหนังเรื่อง FOREVER AND EVER (1997, Hark Bohm, Germany)

 

6.10 ชอบสุดขีดที่องก์สุดท้ายของหนังนั้นหนังเล่าเรื่องอย่างเร็วปรื๋อมาก ๆ  เหมือนเร่งจังหวะการเล่าเรื่องให้เร็วขึ้นเป็น 10 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงต้นเรื่อง ซึ่งนักวิจารณ์บอกว่ามันเป็นการทำตามโครงสร้างจังหวะดนตรีคลาสสิคหรืออะไรทำนองนี้มั้ง แต่เราไม่มีความรู้เรื่องดนตรีคลาสสิค เราก็เลยไม่มีความเห็นตรงจุดนี้

 

แต่ดูแล้วนึกถึงหนังบางเรื่องที่อยู่ดี ๆ ก็เหมือนเร่งสปีดการเล่าเรื่องในช่วงองก์สุดท้ายเหมือนกัน ซึ่งเป็นการเร่งสปีดโดยใช้วิธีการคล้าย ๆ ellipsis เหมือนกัน อย่างเช่น CHARISMA (1999, Kiyoshi Kurosawa) และ L’ARGENT (1983, Robert Bresson)

 

6.11 การตกอับจากโลกที่หนึ่ง แต่ไปผงาดในประเทศด้อยพัฒนา ทำให้นึกถึงตัวละคร Becky ใน VANITY FAIR (2004, Mira Nair) และ THE MAESTRO: A SYMPHONY OF TERROR (2021, Paul Spurrier) ด้วย

 

7.ชอบ “เพื่อนบ้าน” ของนางเอกที่มีปัญหาเรื่องหนังสือพิมพ์มาก ๆ จองเป็นตัวละครตัวนี้  ชอบที่ look ของเธอดู “ไม่ทราบชีวิตอะไรอีกต่อไป ไม่ใช่ชีวิตแต่เป็นซากชีวิต” มาก ๆ 5555

 

8.ปัญหาของนางเอกกับ Krista ทำให้นึกถึงเจมี่ บูเฮอร์มาก ๆ

https://entertainment.trueid.net/detail/eKpa6Bzbr8YN

 

No comments: