Saturday, February 11, 2023

SECOND YEAR OF M PASS

 

บันทึกเรื่องบัตร M PASS

 

ตอนนี้บัตร M PASS ปีที่สองของเราได้หมดอายุลงแล้ว ก็เลยจดบันทึกการใช้ไว้สักหน่อย

 

บัตร M PASS ปีแรกของเราเสียค่าสมัคร 4800 บาท เราใช้ดูหนังไป 100 เรื่อง ตั้งแต่ THE HUNT (2020, Craig Zobel, A+30) ในวันที่ 23 ส.ค. 2020 และใช้บัตรนี้ดูหนังเรื่องที่ 100 ซึ่งก็คือเรื่อง HOUSE OF GUCCI (2021, Ridley Scott, A+25) ในวันที่ 29 ม.ค. 2022 (มันใช้ได้นานกว่า 1 ปีเพราะมันเจอช่วง lockdown ที่โรงหนังปิดทำการ)  สรุปว่าเราจ่ายค่าตั๋วหนัง 100 เรื่องนี้ในราคาเรื่องละ 48 บาทเท่านั้น

 

บัตร M PASS ปีที่สองของเราเสียค่าสมัคร 4800 บาท เราใช้ดูหนังเรื่องแรก ซึ่งก็คือ GINTAMA: THE FINAL (2021, Chizuru Miyawaki, Japan) ในวันที่ 11 ก.พ. 2022 และใช้ดูหนังเรื่องที่ 128 ซึ่งก็คือ TÁR (2022, Todd Field, A+30) ในวันที่ 9 ก.พ. 2023

 

สรุปว่า ใช้ดูหนังไป 128 เรื่อง ในราคา 4800 บาท ซึ่งจริง ๆ มากกว่านั้น เพราะมีจ่ายส่วนเกิน 20 บาทเป็นครั้งคราว แต่รวม ๆ กันแล้วก็ไม่น่าจะเกิน 5000 บาท  ซึ่งถ้าหาก 5000/128 ก็จะได้เรื่องละ 39.0625 บาท แต่ถ้าหากเป็น 4800/128 ก็จะได้เรื่องละ 37.5 บาท

 

ก็เลยสรุปว่า เราจ่ายค่าตั๋วหนังไปเรื่องละประมาณ 37.5-39.0625 บาทในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจากการใช้บัตร M PASS

 

เนื่องจากเราไปดูหนังที่ PARAGON เป็นประจำ ซึ่งคิดค่าตั๋วประมาณ 300 บาทต่อที่นั่งในวันเสาร์อาทิตย์ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราไม่ใช้บัตร M PASS เราก็ต้องจ่ายเงินราว 128x300 = 38,400 บาท แต่เราจ่ายเงินไม่เกิน 5000 บาทในการดูหนัง 128 เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าบัตร M PASS ในปีที่สอง ช่วยประหยัดเงินให้เราไปแล้วราว 33,400 บาท

 

สรุปว่าขอบคุณบัตร M PASS ค่ะ ที่ช่วยประหยัดเงินให้เราราว 33,400 บาท 😊

No comments: