ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ไปดูหนัง
3 เรื่องในงาน JAMNIME FESTIVAL ที่ SF
MABOONKRONG รู้สึกประทับใจผู้ชมในงานอย่างสุดขีดมาก ก็เลยขอบันทึกไว้หน่อย
ในงานนี้เราได้ดูหนัง 3 เรื่อง ซึ่งก็คือ TO
ALL OF YOU THAT I LOVED (2022, Jun Matsumoto, Japan, animation, A+30) หรือ PARALLEL WORLD PART 1, TO THE ONLY ONE WHO LOVED YOU, ME (2022,
Kenichi Kasai, Japan, animation, A+30) หรือ PARALLEL WORLD
PART 2 และ HAKEN ANIME! (2022, Kohei Yoshino, Japan, A+30)
โดยที่สองเรื่องแรกคนดูเกือบเต็มโรง ซึ่งแสดงว่ามีคนดูทั้งโรงเกือบ
ๆ 200 คน ส่วน HAKEN ANIME! นั้นมีคนดูไม่มากนัก
สิ่งที่เราประทับใจมาก ๆ ก็คือว่า
ถึงแม้มีคนดูเกือบ 200 คนในโรงใน PARALLEL WORLD ทั้งสองภาคนี้
แต่ในโรงไม่มีเสียงคนคุยเลยตลอดทั้งเรื่องน่ะ หรืออย่างน้อยก็ในบริเวณที่เรานั่ง
ซึ่งมีคนดูคนอื่น ๆ นั่งอยู่รอบตัวเรา แต่ไม่มีเสียงคนคุยกันเลย มีแต่คนดูส่งเสียงหัวเราะสนุกสนานเฮฮา
หรือส่งเสียงแสดงอารมณ์ร่วมไปกับหนัง คือหนักมาก ๆ ผู้ชมภาพยนตร์ในเทศกาลนี้เรียกได้ว่ามีมารยาทดีงามที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมาในชีวิตเลยมั้ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร เพราะเราเองก็ไม่ได้อยู่ในวงการ ANIME แต่คือผู้ชมหนังนอกกระแสตาม Alliance หรือใน Film
Festival นี่สู้ไม่ได้เลย (เพราะตามเทศกาลหนังมักจะมีผู้ชมเหี้ย ๆ
หลุดมาเป็นครั้งคราว 555) ผู้ชมที่เราเจอในงาน JAMNIME นี่เรียกได้ว่าสุดยอดจริง
ๆ ไม่รู้ว่ามารยาทหรือวัฒนธรรมของผู้ชมในเทศกาลภาพยนตร์นี้ได้รับการปลูกฝังมาจากอะไร
แล้วไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้อยากคุยกันนะ
เพราะตอนที่หนังเรื่อง PARALLEL WORLD ภาคหนึ่งขึ้น
end credit ปุ๊บ ปรากฏว่าผู้ชมทั้งโรงเหมือนรีบเมาท์แตกกับเพื่อนกันทันทีในช่วง
end credit คือเหมือนผู้ชมทั้งโรงต้องการ discuss กับเพื่อนอย่างรุนแรงถึงสิ่งที่เพิ่งได้ดูมา ถึงปริศนาที่ยังค้างคาอยู่และจะได้รับการเฉลยในภาคสอง
หรืออะไรทำนองนี้ แต่ทุกคนรักษามารยาทดีมาก และรอให้ ending credit ขึ้นก่อน แล้วพวกเขาถึงค่อยหันมาเมาท์แตกกับเพื่อน ๆ
เราสังเกตดูแล้วพบว่าผู้ชมส่วนใหญ่ในโรงเป็น
“เด็กมัธยมชาย” นะ กราบตีนมาก ๆ เห็นผู้ชมกลุ่มนี้แล้วน้ำตาไหล
ทุกคนรักษามารยาทดีงามมาก ๆ
เราแอบขำผู้ชมที่นั่งข้าง ๆ
เราในทั้งสองรอบด้วย ตอนเราดู PARALLEL WORLD ภาคแรก
ผู้ชมที่นั่งข้าง ๆ เราเป็นผู้ชายวัยประมาณ 18-20 ปี แล้วเหมือนเขาแทบไม่ขยับตัวเลยตลอดทั้งเรื่อง
ไม่รู้ว่าทำได้ยังไง คือ “นิ่ง” กว่าเราอีกน่ะ แล้วพอเราดู PARALLEL WORLD ภาคสอง ผู้ชมที่นั่งติดกับเราเป็นหญิงสาวที่มากับแฟน
แต่เธอก็ไม่คุยกับแฟนเลย แต่มีจับมือแฟนเป็นระยะ ๆ และตัวเธอเองก็แทบไม่ขยับตัวเลยด้วย
คือนั่งดูแบบ “นิ่ง” มาก ๆ เหมือนกัน
พอเราเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อน cinephiles
บางคนฟัง เขาก็บอกว่าเขาเคยเจอเหมือนกัน เหมือนเขาเคยไปดูหนังในงาน ANIME
แบบนี้นี่แหละ เจอผู้ชมเป็นกลุ่มเด็ก ๆ วัยรุ่น ตอนแรกเขาก็นึกว่าซวยแล้ว
เด็ก ๆ พวกนี้จะต้องคุยกันเสียงดังแน่นอน แต่ปรากฏว่าผู้ชมทั้งโรงในงานนั้นไม่คุยกันเลย
แต่ส่งเสียงเฮฮาครึกครื้นมีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง
ก็เลยสงสัยมาก ๆ ว่า
ทำไมผู้ชมในเทศกาลหนัง ANIME แบบนี้ถึงมีวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามขนาดนี้คะ
อะไรปลูกฝังให้พวกเขามีมารยาทที่งดงามขนาดนี้
และเราก็เลยสงสัยต่อไปว่า บรรยากาศในโรงหนังที่ญี่ปุ่นมันเป็นอย่างไร
มันเป็นแบบนี้หรือเปล่า คือเราแอบเดาเอาเองว่า บรรยากาศในโรงหนังที่ญี่ปุ่นกับบรรยากาศในโรงหนังที่อินเดียอาจจะตรงข้ามกัน
ถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศนี้มีจุดนึงที่ตรงกัน นั่นก็คือมีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ทำเงินในประเทศตนเองได้สูงมาก
ๆ เหมือนกัน แต่เนื่องจากเราไม่เคยไปดูหนังทั้งที่ญี่ปุ่นและอินเดีย
เราก็เลยไม่รู้ว่าบรรยากาศในโรงหนังทั้งสองประเทศนี้มันตรงข้ามกันจริงหรือเปล่า
แล้วพอวันเสาร์เราดู PARALLEL
WORLD ภาคหนึ่งกับภาคสองที่มาบุญครองเสร็จ เราก็ไปดู “ปรากฏการณ์”
กับ PLANE (2023, Jean-Francois Richet, UK/USA, A+25) ที่เอสพลานาด
รัชดาต่อ ซึ่งในรอบที่ฉาย PLANE นั้น
คนดูทั้งโรงน่าจะมีไม่ถึง 10 คน แต่คุยกันจ้อกแจ้กจอแจเซ็งแซ่มาก ก็เลยรู้สึกว่าประหลาดดี
คือตอนที่ฉาย TO ALL OF YOU THAT I LOVED นั้น คนดูน่าจะประมาณ 180 คน แต่เสียงคุยในโรงคือ
0 เดซิเบล, ตอนที่ฉาย TO THE ONLY ONE WHO LOVED YOU, ME คนดูน่าจะประมาณ
180 คน แต่เสียงคุยในโรงคือ 0 เดซิเบล แต่ตอนที่ฉาย PLANE คนดูน่าจะมีแค่
10 คน แต่เสียงคุยในโรงคือ 80 เดซิเบล 555
แต่ยังดีที่เสียงคุยจ้อกแจ้กตอนฉายหนังเรื่อง
PLANE
มันยังไม่ดังถึงขั้นที่ทำให้เรารำคาญ (เราแค่หงุดหงิดเล็กน้อย)
เราก็เลยดูหนังต่อไปได้
พอเขียนถึงประเด็นนี้แล้ว
ก็เลยอยากจดบันทึก “จินตนาการ” ของเราไว้ด้วย 5555 คือเรามีจินตนาการว่า
อยากให้พวกโรง MULTIPLEX ที่มันมีหลาย ๆ โรงตั้งอยู่ในจุดเดียวกัน
โดยเฉพาะโรงที่มันมี KIDS CINEMA อยู่แล้ว (โรงที่ให้พ่อแม่พาลูกตัวเล็ก
ๆ มาดูหนังในโรงได้) จัดสรรโรงจำนวนนึงให้เป็น PARTY CINEMA ด้วย
โดย PARTY CINEMA นี้คือโรงที่อนุญาตให้ผู้ชมส่งเสียงดังได้ตามใจชอบ
คุยกันได้ตามสบาย
คือจินตนาการนี้ของเรามีสาเหตุส่วนนึงมาจากการที่เราเป็นโรคหอบหืด
แพ้ควันบุหรี่น่ะ ซี่งพอเราเป็นหอบหืด เราก็จะไม่เดินสยายหีไปยังจุดที่อนุญาตให้คนสูบบุหรี่
ซึ่งเราก็พบว่า การแบ่งโซนให้คนไปสูบบุหรี่อะไรแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนเป็นโรคหอบหืดอย่างเรา
คือใครอยากสูบบุหรี่ ก็ไปสูบในจุดที่เขาอนุญาตให้สูบ ส่วนเราซึ่งเป็นโรคหอบหืด
ก็จะไม่ไปข้องแวะอะไรตรงจุดนั้น
เหมือนแต่ละฝ่ายก็จะได้ไม่ต้องเบียดเบียนซึ่งกันและกัน
หรือสร้างความลำบากเดือดร้อนให้กันและกัน
เราก็เลยจินตนาการเล่น ๆ ว่า บางทีพวกโรง
MULTIPLEX
นั้น นอกจากจะมี KIDS CINEMA แล้ว ก็จัดสรรบางโรงให้เป็น
PARTY CINEMA หรือ ORGY CINEMA ไปเลยก็ได้นะ
โดยใน PARTY CINEMA นี้
ใครอยากเมาท์เสียงดังแค่ไหนก็เมาท์ได้, ใครอยากเล่นมือถือตลอดทั้งเรื่องก็ทำได้,
ใครอยากพูดคนเดียวตลอดเวลาก็ทำได้, ใครอยากมีเซ็กส์กันก็ทำได้, ใครอยากนั่งขยำถุงพลาสติกตลอด 2 ชั่วโมงขณะดูหนัง ก็นั่งขยำถุงพลาสติกไปเลยตลอด
2 ชั่วโมง, etc. คือถ้ามันแปะป้ายไปเลยว่าเป็น PARTY
CINEMA หรือ ORGY CINEMA เราก็จะได้ไม่ต้องเข้าโรงนั้น
เหมือนอย่างเราที่เป็นโรคหอบหืด ก็จะไม่ไปเดินตรงบริเวณที่อนุญาตให้คนสูบบุหรี่
ไม่รู้ว่าไอเดียนี้ถ้าทำจริง ๆ
แล้วจะเป็นอย่างไร แต่มันน่าจะ happy ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ใครอยากเมาท์กับเพื่อนก็เข้าโรง PARTY CINEMA ส่วนเราที่ชอบดูหนังแบบเงียบ
ๆ ก็เข้าโรงอื่น ๆ ไม่ต้องเบียดเบืยนซึ่งกันและกัน 555
No comments:
Post a Comment