Saturday, February 04, 2023

KNOCK AT THE CABIN (2023, M. Night Shyamalan, A-)

 

KNOCK AT THE CABIN (2023, M. Night Shyamalan, A-)

 

SERIOUS SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

1.ชอบ “การกำกับ” นะ รู้สึกว่าการกำกับของหนังทำให้หนังมันสนุกดีสำหรับเรา และเห็นด้วยกับพี่สนธยาที่ว่า ดูแล้วนึกถึง THE SACRIFICE (1986, Andrei Tarkovsky) ด้วย

 

คือจริง ๆ เราเกลียดตอนจบของหนังมากในระดับ F แต่ก็ไม่ได้ให้ F กับหนังเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อยเราก็ชอบการกำกับของหนัง

 

2.คือหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ เรารู้สึกว่ากลุ่มผู้เชื่อเรื่องวันสิ้นโลกในหนังเรื่องนี้ เหมือนกับ “กลุ่มคนคลั่งศาสนา ที่ชอบไปบังคับให้คนอื่น ๆ ที่ไม่ได้นับถือศาสนาเดียวกับตน ต้องทำนู่นนั่นนี่ตามความเชื่อทางศาสนาของพวกมึงน่ะ”

 

ซึ่งพวก “กลุ่มคนคลั่งศาสนา ที่ชอบไปบังคับขู่เข็ญคนต่างศาสนา” นี่ ก็รวมถึง “กลุ่มคนที่ชอบไป comment ตาม facebook ของคู่รักเกย์ในทำนองที่ว่า การเป็นเกย์จะทำให้มนุษยชาติสูญพันธุ์ การเป็นเกย์ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อมวลมนุษยชาติ” อะไรทำนองนี้ด้วย คือกลุ่มคนพวกนี้พยายามจะทำให้พวกเราฆ่าทิ้งความรักของเรา ฆ่าทิ้งตัวตนของเรา เพื่อประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติตามความเชื่อของพวกเขา

 

3.เพราะฉะนั้นพอหนังเรื่องนี้มาเฉลยว่า “กลุ่มผู้เชื่อเรื่องวันสิ้นโลก” นี่เป็นฝ่ายที่ถูกต้อง เราก็เลยเกลียดตอนจบของหนังเรื่องนี้มากในระดับ F เลย 55555

 

4.คือเหมือนเราไม่ซื้อกับตอนจบของหนังอย่างรุนแรงน่ะ และเราก็สงสัยว่า สรุปแล้วหายนะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้นี่ เกิดจากการตั้งสมมุติฐานว่า “พระเจ้า” มีจริงใช่ไหม แล้วทำไมอยู่ดี ๆ พระเจ้าถึงมีความสุขกับการฆ่าคนจำนวนมากเป็นว่าเล่นแบบนี้ล่ะ หรือมีความสุขกับการทำร้ายมวลมนุษย์แบบนี้ล่ะ แล้วถ้าหากพระเจ้าเป็นฆาตกรโรคจิตที่ชอบฆ่ามวลมนุษยชาติเป็นว่าเล่นแบบนี้ แล้วเราจะยังคงนับถือหรือทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า/ฆาตกรโรคจิตแบบนี้ทำไม ดิฉันจะขอตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้า/ฆาตกรโรคจิตแบบนี้อย่างถึงที่สุดค่ะ (นึกถึงตัวผู้ร้ายใน PRISONERS ของ Denis Villeneuve)

 

แต่ถ้าหากหายนะในหนังเรื่องนี้เกิดจากสิ่งที่อธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ วิธีการแก้ไขก็ต้องแก้ไขตามหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่จากการทำในสิ่งที่ไร้เหตุผล

 

5.แต่เราไม่ได้มีปัญหาแบบนี้กับหนังปาฏิหาริย์วันสิ้นโลกเรื่องอื่นๆ นะ เพราะเราก็ชอบหนังเรื่อง THE RAPTURE (1991, Michael Tolkin) อย่างสุดขีด และขอยกให้ THE RAPTURE เป็นหนังกลุ่มปาฏิหาริย์วันสิ้นโลกที่เราชอบมากที่สุด และเราก็ชอบ TAKE SHELTER (2011, Jeff Nichols) กับ VANISHING ON 7TH STREET (2010, Brad Anderson) มาก ๆ ด้วย แต่เกลียด THE SEVENTH SIGN (1986, Carl Schultz) มาก ๆ เพราะหนังมันไม่สนุก 555

 

6.สรุปว่าในบรรดาหนังของ M. Night Shyamalan ที่เคยดูมา ก็ถือว่าเราชอบหนังเรื่องนี้มากกว่า THE LAST AIRBENDER (2010) และ AFTER EARTH (2013) แต่ชอบน้อยกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือของเขาเท่าที่เราเคยดูมา

 

 

No comments: